ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
เคี้ยวหมากฝรั่ง ทำให้แก่เร็ว



ข่าวนี้อาจจะไม่ดีสักหน่อยสำหรับคุณสาวๆ ที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง
เพราะจากการลงความเห็นของคุณหมอด้านศัลยกรรมที่ต่างประเทศ วินิจฉัยออกมาแล้วว่า คนที่เคี้ยวหมากฝรั่ง จะมีรอยย่นบริเวณรอบริมฝีปาก
ดร.โจเอล ซเกลซิงเกอร์ คุณหมอด้านศัลยกรรม เปิดเผยว่า เขาสังเกตลูกค้าหรือคนไข้ที่มา "ยกกระชับหน้า" ส่วนใหญ่มีนิสัยชอบเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นชีวิตจิตใจ และสาวๆ เหล่านี้มีรอยย่นที่ชัดเจนบริเวณรอบริมฝีปาก ดังนั้นเขาแนะนำว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งติดต่อกันตั้งแต่ 5-20 นาทีทุกวัน จะเป็นอันตรายต่อความสวยงามและความเต่งตึงบนใบหน้าอย่างยิ่ง "เขาไม่พูดถึงคนที่เคี้ยวหมากฝรั่งเป็นบางโอกาสหรือเคี้ยวเพื่อดับกลิ่นปาก แต่เขาพูดถึงคนที่ตื่นก็ต้องมีหมากฝรั่งในปากและเคี้ยวตลอดเวลาไม่ว่าสถานที่ไหน เมื่อไหร่ก็ตาม ระวังนะค่ะว่าจะต้องเสียสตางค์เพื่อรักษาความเหี่ยวย่นหรือตีนกามากกว่าคนปกติทั่วไป" ดร.โจเอลกล่าว 

อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพส่วนหนึ่งออกมาคัดค้านแนวคิดเกี่ยวกับโทษของหมากฝรั่งต่อความสวย ความงามว่า หากเปรียบเทียบแล้วหมากฝรั่งจะมีประโยชน์สำหรับหลายคนทีเดียว เช่น ทำให้ลมหายใจสะอาด ทำให้สุขภาพปากดี เพราะช่วยขจัดเศษอาหารตามซอกฟัน ช่วยคนที่กำลังลดความอ้วนให้กินอาหารน้อยลง ช่วยลดความตื่นเต้น และช่วยให้เกิดสมาธิสำหรับนักกีฬา เป็นต้น


สรุปว่า อะไรมากไปก็ไม่ดี เคี้ยวหมากฝรั่งบางโอกาสโอเค แต่ถ้าเคี้ยวแบบสาวก๋ากั่นอยากโชว์ความเก๋าล่ะก็ เตรียมแก่ก่อนวัยได้เลยงานนี้เห็นทีคุณสาวๆ ต้องโบกมือลาหมากฝรั่งกันซะแล้ว ใครติดติดหมากฝรั่ง ถ้าไม่อยากมีรอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก ก็พยายามเลิกที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งกันนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น คุณมีสิทธิ์แก่ก่อนวัยอันควรแน่นอนค่ะ



ที่มาข้อมูล : 108health.com
รูปภาพจาก : //www.vcharkarn.com




Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2557 8:21:19 น. 0 comments
Counter : 1617 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.