ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
พฤติกรรมการกิน ที่ทำให้แก่เร็ว



สุขภาพ จะดีหรือไม่อยู่ที่ “ปาก” ของเราเป็นหลัก ด้วยการกินนี่เองที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์รักษาโรคได้หรือทำให้เจ็บป่วยได้ก็มาจากการกินเหมือนกัน กินดีได้ดี กินร้ายได้ร้าย

      ซึ่งการกินที่ควรเลี่ยงให้น้อยที่สุดหรือปลอดไปเลยมีอยู่ 7 ประการดังนี้

     1. กินหวาน ไม่ได้หมายถึงห้ามเด็ดขาดเลยครับเพียงแค่ขอให้ “อ่อนหวาน” ลงเพื่อจะได้คงสุขภาพที่ดีไว้นานๆ ทั้งอาหาร ของหวานและเครื่องดื่มครับ แค่นี้รอบพุงก็ไม่เกิดอาการ “ปลิ้น” แล้ว

    2. กินไม่เคี้ยว สังคมยุคใหม่ต้องรีบกินจึงทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาจากอาหารที่ “เคี้ยวน้อย” ขอให้ท่านที่รักยอมเสียเวลาสักนิด ตั้งใจเคี้ยวสักคำละ 10 ครั้งจนติดเป็นนิสัยจะทำให้ได้สุขภาพดีทั้งสมองและทางเดินอาหาร

    3. กินดึก การรับประทานมากกว่า 3 มื้อหรือเพิ่มมื้อพิเศษยามราตรีเข้ามาจะพาให้สุขภาพ แย่ลงเร็วครับ เพราะร่างกายถูกดีไซน์มาให้พักผ่อนตอนกลางคืน คนที่กินดึกจะเสี่ยงต่อโรคอ้วน นอนไม่หลับ กรดไหลย้อนและอีกมาก การกินดึกจึงเป็นบ่อนทำลายสุขภาพอย่างเร็วยิ่งทางหนึ่ง

4. กินแล้วนิ่ง กินแล้วไม่ขยับเข้าสู่ภาวะจำศีลหรือนั่งแปะอยู่แต่กับเก้าอี้ทำงานหลังอาหารมื้อใหญ่ล้วนเป็นภัยต่อสุขภาพ อย่างร้ายแรงครับ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจจะถามหา ขอให้หาทางออกกำลังกายหรือขยับตัวบ้างสร้างให้ติดเป็นนิสัยจะดีที่สุด

   5. กินอิ่มแล้วอิ่มอีก การรับประทานอาหารด้วยความ “อยาก” มากกว่า “หิว” หรือการกินบุฟเฟ่ต์ที่ต้องพยายามกินทรมานมากกว่าอร่อยบ่อยๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยรวม นอกจากทำให้ร่างกายติดนิสัยการกินดุแล้วยังทำให้ได้รับแคลอรีเกินความต้องการต่อวันอย่างน่าตกใจ

 6. กินซ้ำ วิถีชีวิตคนทำงานมักเกิดอาการกินซ้ำได้บ่อยครับ เป็นมนุษย์กะเพราไก่ มนุษย์ข้าวไข่เจียวหรือมนุษย์บะหมี่ซอง กินเข้าไปก็ยิ่งไปซ้ำเติมสุขภาพให้ได้รับแต่สารอาหารซ้ำๆ ลองนึกดูว่าถ้ามีพิษก็จะได้พิษสะสมซ้ำๆ เช่นกัน

7. ปรุงก่อนกิน ท่านที่ชอบเติม เปรี้ยว เค็ม หวานฯลฯ เกิดอาการ “ติดปรุง” ขอให้ค่อยๆ เปลี่ยนดีกว่าครับ เพราะวันหนึ่งคนเราไม่ควรได้น้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา ส่วนน้ำปลานั้นก็ไม่น่าเกิน 3 ช้อนชาครับ ทั้งนี้คือรวมทั้งที่มีอยู่ในอาหารนั้นๆ แล้วด้วย ดังนั้นจะเห็นว่ายิ่งปรุงเพิ่มยิ่งเสี่ยง

ทั้ง 7 ประการเป็นการกินที่ควรมีให้น้อยที่สุดหรือถ้าเลี่ยงได้ยิ่งดี เพราะอวัยวะในตัวเราหลายอย่างถ้าเสียไปเพราะการกินแล้ว “ซ่อมไม่ได้” และ “ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน” อย่างสมอง กระเพาะอาหาร ตับหรือไตครับที่ใช้ของใครก็ไม่เหมือนของตัวเอง

ที่มาข้อมูล : Nestle
รูปภาพจาก : msn.com




Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2557 8:09:13 น. 0 comments
Counter : 1109 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.