ในห้วงเวลาที่เรายังไม่ทราบชะตากรรมของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 นั้น เจ้าอุปกรณ์หนึ่งที่จะเริ่มได้ยินชื่อกันถี่ขึ้นคงหนีไม่พ้นกล่องดำนั่นเองครับ แล้วเจ้าอุปกรณ์ที่เรียกว่ากล่องดำนี้ แท้จริงแล้วมันคืออะไรกัน

กล่องดำ หรือเรียกตามฝรั่งว่า Black Box นั้น มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า อุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน หรือ Flight Data Recorder ครับ ซึ่งจริงๆแล้วเจ้ากล่องที่ว่านี้มันมีสีส้มแปร๊ดแสบตา คาดทับด้วยแถบสีขาวอีกที เพื่อให้สะดุดตาว่าไม่ใช่สิ่งของตามธรรมชาติ และมันไม่ได้เคยมีสีดำมาตั้งแต่ต้นเลยครับ ซึ่งที่มาของคำว่า กล่องดำ หรือ Black Box นั้น มาจากชื่อเรียกที่สื่อตั้งให้ เนื่องจากหน้าที่ที่ต้องเก็บความลับดำมืดของเครื่องบินที่ประสบเหตุไว้นั่นเองครับ ด้วยธรรมชาติของอุบัติเหตุทางอากาศ มักไม่มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รอดชีวิตมาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เราฟัง หรือบางครั้งโชคดีมีผู้รอดชีวิต เรื่องของการบินก็ซับซ้อนเกินกว่าคนทั่วๆไปในเหตุการณ์จะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดครับ ดังนั้นเจ้ากล่องบันทึกข้อมูลการบินนี้เอง ที่จะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในนาทีแห่งหายนะนั้น

กล่องดำ หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินนี้ ไม่ได้มีกล่องเดียวในเครื่องบินแต่ละลำครับ โดยจะมีเจ้ากล่องที่ว่านี้สองประเภทติดตั้งไว้แยกกัน ประเภทแรกคือแบบที่เราเรียกว่า Flight Data Recorder มีหน้าที่บันทึกข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับการบิน เช่นบันทึกความสูง บันทึกลักษณะท่าทางการบิน บันทึกการทำงานของเครื่องยนต์ บันทึกตำแหน่งท่าทางของคันบังคับของนักบิน ฯลฯ และอีกประเภทเราเรียกว่า Cockpit Voice Recorder มีหน้าที่คอยบันทึกเสียงต่างๆที่เกิดขึ้นในห้องนักบินครับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงสนทนาของนักบินด้วยกันเอง เสียงสนทนาระหว่างนักบินกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศผ่านทางวิทยุ รวมถึงเสียงต่างๆที่เกิดขึ้นภายในห้องนักบินด้วยครับ เสียงที่ว่านี้ก็อาจจะเช่น เสียงสับสวิตช์ต่างๆ เสียงเตือนจากอุปกรณ์ รวมไปถึงเสียงสิ่งผิดปกติที่ลอดเข้ามาน่ันเองครับ... แล้วเราเอาข้อมูลทั้งหมดนี้ไปทำอะไรล่ะ?

เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ข้อมูลจากกล่องดำจะถูกดึงออกมาเพื่อสร้างเหตุการณ์จำลองขึ้นใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์ครับ ยิ่งเรามีข้อมูลการบินละเอียดเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสร้างสถานการณ์จำลองได้ละเอียดใกล้เคียงสิ่งที่เกิดจริงยิ่งขึ้น เมื่อประกอบกับเสียงที่บันทึกจากห้องนักบินเข้าไปด้วยแล้ว ก็เหมือนเราได้กลับเข้าไปอยู่ร่วมเหตุการณ์ในขณะนั้น ทำให้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกืดขึ้นได้ดียิ่งขึ้นครับ เพราะบางครั้งข้อมูลการบินอย่างเดียวก็ไม่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ทำไมนักบินถึงตัดสินใจกระทำบางสิ่งจนเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

เจ้าอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินนี้จะทำการบันทึกข้อมูลไว้ด้วยอัตราที่น่าทึ่งครับ เริ่มตั้งแต่อาจจะบันทึกข้อมูลไม่กี่ครั้งภายในหนึ่งวินาที จนกระทั้งพ่นข้อมูลจำนวนมากลงไปภายในเสี้ยววินาที หากอุปกรณ์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของเครื่องบินได้ (เช่นความสูง ท่าทางของเครื่องบินที่เปลี่ยนแปลงไป หรือความดันเชื้อเพลิง เป็นต้น) แต่การบันทึกข้อมูลลงในเจ้ากล่องดำนี้ก็มีระยะเวลาจำกัดครับ คือมันจะวนบันทึกทับของเก่าไปเรื่อยๆทุกๆ 17 - 25 ชั่งโมง ทั้งนี้แล้วแต่รุ่นของอุปกรณ์ครับ ซึ่งระยะเวลาขนาดนี้พิจารณากันแล้วว่าเพียงพอต่อการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ได้ทั้งหมดหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น

ด้วยความที่เจ้ากล่องดำของเรานี้ จะต้องอยู่เป็นผู้ให้ปากคำสุดท้ายที่เหลือรอด มันจึงถูกออกแบบมาให้อึดมหาอึดครับ(จะใช้คำว่า โค-ตะ-ระ อึดก็ยังได้) โดยเจ้ากล่องดำสีส้มๆยาวเท่าแขนนี้ สามารถรอดจากการที่เครื่องบินร่วงจากบนฟ้าสูงนับสิบกิโลฯลงพื้นได้สบายๆครับ โดยมันสามารถทนแรงกระแทกได้ถึง 3,400 จี หรือเทียบเท่าการพุ่งเข้าชนด้วยความเร็วราว 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทนความร้อนได้ 1,000 องศาเซลเซียส กันน้ำลึก 6 กิโลเมตร และในภาวะแบบนั้นมันยังต้องสามารถส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งตัวเองให้กับทีมค้นหาได้นานถึง 30 วัน เรียกว่าคงกระพันกันทีเดียว แต่ถึงจะอึดขนาดนี้ อุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินก็จะถูกติดตั้งไว้ท้ายเครื่องเสมอครับ เป็นการกันเหนียวไว้อีกชั้นหนึ่งว่า เมื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น ส่วนหน้าของเครื่องบินทั้งหมดจะรับแรงกระแทกไปก่อนที่จะมาถึงตัวมัน

อย่างไรก็ดี ถึงเราจะมีอุปกรณ์ที่จะอยู่บอกเล่าเหตุการณ์เป็นปากสุดท้าย แต่เราก็หวังว่า มีไว้ประจำเครื่องและไม่ต้องได้ใช้มันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็จะดีที่สุดครับ

Create Date : 14 มีนาคม 2557
Last Update : 14 มีนาคม 2557 21:16:16 น.		0 comments
Counter : 3482 Pageviews.
Share Tweet