ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Be Careful! ระวังภัยร้ายจาก Smartphone คู่ใจของคุณให้ดีนะ

ในยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของเรามากขึ้นจนแทบเป็นปัจจัยที่ 5 ที่เราขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะตอน ทานข้าว เดินเล่น หรือแม้แต่ตอนจะเข้านอนเราก็ยังต้องมีโทรศัพท์ติดอยู่ข้างกายตลอดเวลา ถึงแม้มันจะ ให้ประโยชน์ความบันเทิงกับชีวิตมากแค่ไหนแต่ของทุกอย่างย่อมมีข้อเสียอยู่เสมอ วันนี้ จะไปดูภัยร้ายจาก Smartphone ที่หลายคนคาดไม่ถึงมาก่อน เริ่มจาก…



แสงสีฟ้า คือ แสงที่ผสมอยู่กับแสงสีขาวที่ดวงตาของเรามองเห็น แสงสีฟ้าเป็น แสงพลังงานสูง โดยแสงสีฟ้านั้นมีอยู่รอบตัวเรา ทั้งจากแสงแดด หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ แต่ที่พบมากที่สุดคือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือถือ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่เราใช้กันอย่างมากอยู่ทุกวัน



แสงสีฟ้ามีอันตรายอย่างไร?
จากงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า แสงสีฟ้า (Blue Light) นั้นมีพลังงานมากพอที่จะทำให้เกิดสารอนุมูล อิสระภายในลูกตาซึ่งจะทำให้เซลล์ประสาทตาตายได้ และก่อให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และที่ สำคัญโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกด้วยค่ะ

ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด

เวลาก่อนนอนที่เรามักจะปิดไฟเล่นมือถือกันไม่ว่าจะแชตคุยกับเพื่อนๆ หรือเล่นเกมส์ เวลานี้จะเป็นเวลาที่เกิดอันตรายจากแสงสีฟ้าได้มากที่สุด

ทำอย่างไรให้ห่างไกลแสงสีฟ้า

รู้ถึงอันตรายขนาดนี้แล้วเราควรปรับเปลี่ยนการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ถูกวิธี
1. อย่าลืมดูแลรักษาดวงตาด้วยการพักสายตาทุก 30-45 นาที

2. การติดฟิล์มกันรอยที่มีคุณภาพดีเพื่อช่วยกรองแสงสีฟ้าจากหน้าจอได้

3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงสายตา เราจะได้มีดวงตาที่สดใสแข็งแรงอยู่เสมอนะจ๊ะ

รู้ถึงอันตรายของแสงสีฟ้าแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองให้ปลอดภัยและห่างไกลจากแสงสีฟ้ากันนะคะ เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง

By Prairie




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2558 8:48:33 น.
Counter : 1174 Pageviews.  

ข้อปฏิบัติและข้อห้าม! ในวันตรุษจีน

หลังจากที่ Sanook! Horoscope ได้นำเสนอเรื่องราวของวัน กันไปแล้ว คราวนี้ จะพาทุกคนมารู้ถึงข้อปฏิบัติ และข้อห้าม! ในวันตรุษจีนกันบ้าง

ซึ่งแน่นอนสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยมทำกันมาตั้งแต่โบราณ เพราะสิ่งต่างๆที่ทำนั้นจะมีความหมายแฝงเอาไว้ด้วยเช่นกัน ว่าอันไหนทำแล้วจะเกิดสิ่งดีๆ หรือแม้แต่ข้อห้าม ที่ห้ามทำเพราะเหตุผลใด ซึ่งมีดังต่อไปนี้

ข้อปฏิบัติและข้อห้าม! ในวันตรุษจีน

1. ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ

วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป

2. รวมญาติกินเกี๊ยว

สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง

3. กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี

ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี

4. ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"

"ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
5. ห้ามกวาดบ้าน

ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้

6. ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่

เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก
แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน

7. ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส

ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง

8. ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่

ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล

9. รับอั่งเปา

วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ

10. ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ข้อปฏิบัติและข้อห้าม! ในวันตรุษจีน

นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

1. ห้ามสระผมหรือตัดผม

เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป

2. ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ

คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี

3. ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์

ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ

4. ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน

คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน

5. ห้ามใส่ชุดขาวดำ

เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี

6. ห้ามให้ยืมเงิน

คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี

7. ห้ามทำของแตก

เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น

8. ห้ามซื้อรองเท้าใหม่

คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"

9. ห้ามร้องไห้

คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี

10. ห้ามใช้ของมีคม

ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย

11. ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น

คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.praphansarn.com,//news.thaipbs.or.th




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2558 8:24:49 น.
Counter : 2478 Pageviews.  

ประวัติความเป็นมา วันตรุษจีน

วันตรุษจีน 2558


เทศกาลจีนมีอยู่มากมาย ตรุษจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ในปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ทุกคนต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่างหยุดงาน โรงเรียนสถาบันการศึกษาต่างปิดเทอมในช่วงนี้ เป็นปิดเรียนฤดูหนาว ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่ไม่สามารถหยุดงานได้ หน่วยงานห้างร้านต่างก็หยุดงาน 3-4 วัน เมื่อใกล้วันปีใหม่จีน ผู้คนต่างก็มีการตระเตรียมงานปีใหม่

ภายในครอบครัว ทุกบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านเรือน ผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสะอ้านสดใส ร้านค้าห้างสรรพสินค้าต่างก็เติมไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพร ในตลาดก็คราคร่ำไปด้วยผู้คน ต่างเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ซื้อปลาบ้าง ซื้อเนื้อสัตว์บ้าง ซื้อเป็ดไก่บ้าง ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข ช่วงเทศกาลปีใหม่ เด็กๆต่างมีความสุขมาก ต่างสวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาดขนมหวาน เล่นพลุประทัดอย่างรื่นเริง

คืนก่อนวันปีใหม่ คือวันสุดท้ายของปีนั่นเองเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ดูทีวี บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็เล่นหยอกล้อกับเด็กๆ บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่

ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน

ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น

วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอยจะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน

อาหารไหว้เจ้า ตรุษจีน

ตรุษจีน หมวย
ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน

เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์

อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว

ทางตอนใต้ของจีน จานที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล

บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษเพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ ของตน

15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน

วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน

วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด

วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน

วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย

วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข

วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ

วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์

วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้

วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย

วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน


------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณข้อมูลจาก :
สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยราคำแหง
//www.lib.ru.ac.th/




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2558 8:52:01 น.
Counter : 1270 Pageviews.  

สาวๆ รู้ไหมผู้ชายให้ดอกกุหลาบสีนี้กับเรา ในวันวาเลนไทน์ เขาคิดอะไรอยู่!

เผลอแปบเดียว "" (Valentine's Day) 14 กุมภาพันธ์ เวียนมาถึงอีกแล้ว เวลาผ่านไปไวมากๆ พูดถึง "วาเลนไทน์" คุณสาวๆ นึกถึงอะไรบ้างคะ ถ้าถามคนอินเลิฟ ก็คงหนีไม่พ้น ความรักอันสดใสที่มาพร้อม โลกนี้เป็นสีชมพู พร้อมกับการลุ้นของขวัญ ว่าจะได้สิ่งใดมาครอบครอง แต่ถ้าถาม "สาวโสด" คงได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือวันอันแสนธรรมดาวันหนึ่งแน่ๆ T^T

เอาเป็นว่า "สาวโสด" อย่าเพิ่งเศร้าใจไป "วันวาเลนไทน์" ในปีนี้หากคุณยังไม่ได้ "ความรัก" "ของขวัญ" หรือ "ดอกกุหลาบ" ปีต่อๆ ไป ก็ยังลุ้นได้อีกนะคะ ^^

ความหมายดอกกุหลาบ

สำหรับของขวัญยอดฮิต ที่หนุ่มๆ มัก เลือกให้สาวๆ ใน "วันวาเลนไทน์" คงหนีไม่พ้น "ดอกกุหลาบ" ที่ราคาแพงพุ่งสูงปรี๊ดแน่ๆ และ Sanook! Women ก็เชื่อว่าคุณสาวๆ คงอยากรู้ว่าหนุ่มๆ ที่ให้ "ดอกกุหลาบ" สีต่างๆ กับเรา เขาคิดกับเราแบบไหนกันนะ

อย่ารอช้า มาหาคำตอบ พร้อมความหมายจากสีของ "ดอกกุหลาบ" แทนใจกันค่ะ (คราวนี้นี่แหละ สาวๆ รู้ทันแน่ๆ ว่าเขาคิดอะไรกันแน่ คิคิ)

ความหมายดอกกุหลาบ

เริ่มกันที่ "ดอกกุหลาบสีแดง" ยอดฮิต เป็นสัญลักษณ์แห่งรักแท้ มีความหวานซึ้งและโรแมนติกสุดๆ หากสาวๆ ได้รับ "ดอกกุหลาบสีแดง" มันบ่งบอกว่า ชายผู้นั้น ลึกซึ้ง มั่นคง รักคุณแท้แน่นอนค่ะ (อร๊ายยยย อิจฉาเบาๆ )

"ดอกกุหลาบสีชมพู" แทนคำขอบคุณ และรักแบบสุภาพอ่อนหวานค่ะ เป็นตัวแทนการชื่นชม เข้าอกเข้าใจ ให้กำลังใจ ถ้ามีหนุ่มๆ นำ "ดอกกุหลาบสีชมพู" มาให้คุณ แปลความหมายได้เลยว่า เขาชื่นชมและชื่นชอบในตัวคุณอยู่ค่ะ

"ดอกกุหลาบสีขาว" เป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ แทนความรักที่ใสสะอาด รักแท้ การให้เกียรติกัน ถ้าหนุ่มมๆ ให้ "ดอกกุกลาบสีขาว" นั่นหมายความว่า เขามอบความรักให้คุณแบบใสๆ โดยไม่หวังว่าจะได้รับความรักกลับมาค่ะ

"ดอกกุหลาบสีเหลือง" เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ สื่อถึงความห่วงใยของผู้ให้ ไม่มีเซ็กซ์มาเกี่ยว บ่งบอกได้ว่า หนุ่มที่ให้ดอกกุหลาบสีนี้แก่คุณ เขาให้อย่างจริงใจ และ บริสุทธิ์ใจค่ะ

"ดอกกุหลาบสีส้ม" สื่อให้เห็นถึงความสดใส เป็นตัวของตัวเองของผู้รับ เมื่ออยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น บ่งบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมาด้วย

"ดอกกุหลาบสีม่วง" สื่อถึง รักแรกพบ รักที่เปี่ยมเสน่ห์ มีพลัง และความสง่างามในตัว หนุ่มผู้ให้ ต้องการจะสื่อว่า เขาอยากบอกคุณว่า คุณมีเสน่ห์มาก เจอกันครั้งแรก ก็เป็นรักแรกพบแล้วค่ะ

"ดอกกุหลาบสีฟ้า" สื่อถึงความอดทน แข็งแกร่ง หนุ่มที่ให้ต้องการจะบอกคุณว่า รักครั้งนี้เป็น รักที่มั่นคงไปตลอดกาลค่ะ

"ดอกกุหลาบสีดำ" อาจดูเศร้าๆ ไปหน่อย เพราะสีดำแทนความหมายว่าโศกเศร้า เสียใจ แต่ความหมายของ "ดอกกุหลาบสีดำ" แท้จริงแล้ว ความหมายที่ลึกล้ำ รักนิรันดร์ และมันไม่เคยมีจริง แอบเศร้าเบาๆ เนอะสีนี้ T^T

ไม่ว่าสาวๆ จะได้ "ดอกกุหลาบ" สีไหน หรือสิ่งของราคามหาศาลเพียงใด มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการกระทำที่สม่ำเสมอของผู้ให้เนอะ Sanook! Women ขอให้ทุกคน ทุกคู่ มีความรักที่สมหวัง สดชื่น กันนะคะ แฮปปี้ วาเลนไทน์ ค่ะ ❤❤❤




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2558 11:42:22 น.
Counter : 2262 Pageviews.  

สารพัดประโยชน์งานบ้านจาก “เปลือก” ต่างๆ

สารพัดประโยชน์งานบ้านจาก “เปลือก” ต่างๆ

คุณแม่บ้านสไตล์ Sanook!Home ต้องเป็นสาวที่รู้จักประยุกต์เอาของใช้ใกล้ตัวมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงไม่ควรมองข้ามของที่บางคนอาจเรียกว่า “ขยะ” เพราะถ้าเป็นคุณแม่บ้านสไตล์สนุก โฮมจริงๆ จะต้องนำขยะมาเพิ่มประโยชน์ หรือเพิ่มคุณค่าได้อีกด้วย

วันนี้ Sanook!Home เลยนำเคล็ดลับที่เกิดจาก “เปลือกผลไม้” แบบที่คุณสาวๆ หลายคนอาจคิดไม่ถึง ครั้งหน้าเวลาปอกเปลือกผลไม้แต่ละชนิด ก็ต้องคิดก่อนทิ้งว่าจะสามารถแปลงเปลือกผลไม้นั้นไปทำอะไรต่อได้บ้าง ว่าแล้วมาดูกันเลยค่ะ

เปลือกกล้วย
สำหรับหน้าที่เพิ่มเติมของเปลือกกล้วยแบบที่เราคิดไม่ถึงคือ เปลือกกล้วยใช้ถูคราบเขม่าตามเตาแก๊ส โดยนำเปลือกกล้วยถูบริเวณที่มีคราบเขม่าแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดถูอีกครั้ง เตาแก๊สก็จะสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ นอกจากประโยชน์ในงานบ้านแล้ว เปลือกกล้วยยังเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหนัง รวมทั้งทาบริเวณที่มีแมลงกัดต่อย ยังช่วยลดอาการบวม แดง คัน รวมถึงแก้ปวดเมื่อยโดยนำเปลือกกล้วยไปอังไฟ แล้วนำไปประคบบริเวณที่ปวดเมื่อย

เปลือกทุเรียน กินทุเรียนเสร็จแล้ว อย่าทิ้งเปลือกทุเรียน แต่แนะนำให้นำเปลือกไปตากแดดให้แห้ง ใช้เป็นเชื้อเพลิงแทนถ่านไม้ได้ หรือเวลากินทุเรียนแล้วเกิดอาการร้อนใน ลองดื่มน้ำที่รินใส่เปลือกทุเรียนแล้วผสมกับเกลือเล็กน้อย จะช่วยบรรเทาอาการร้อนใน นอกจากนั้นถ้านำน้ำที่ใส่ในเปลือกทุเรียนมาล้างมือล้างปากก็สามารถแก้กลิ่นทุเรียนที่ติดอยู่ได้อีกด้วย

เปลือกส้มโอ เปลือกส้มโอสามารถใช้ขัดภาชนะที่ทำจากอะลูมิเนียมให้มีความใสและมันวาวได้ เพียงนำเปลือกส้มโอมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในน้ำเดือดประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะนำเปลือกส้มโอที่ต้มแล้วมาขัดถูภาชนะพร้อมสบู่ แค่นี้เครื่องครัวของคุณก็จะแวววาวสดใส โดยไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อน้ำยา

เปลือกสับปะรด เพียงนำภาชนะพวกทองเหลืองหรือเครื่องเงินลงแช่ในน้ำใส่เปลือกสับปะรดลงไปให้มิดทิ้งไว้สักหนึ่งคืนก่อนที่จะนำมาล้างให้สะอาดด้วยน้ำธรรมดา เครื่องเงินและทองเหลืองของคุณก็จะสดใสงามราวกับของใหม่

เปลือกส้ม หลายคนอาจรู้อยู่แล้วว่าเปลือกส้มสามารถไล่ยุงได้ โดยการนำเปลือกส้มเขียวหวานที่เราแกะแล้วไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาสุมไฟไล่ยุง แอดมินเคยทดลองทำแล้ว มันเวิร์คจริงๆ ค่ะ ที่สำคัญไม่มีสารพิษตกค้างอีกด้วย

เปลือกถั่วลิสง ถั่วลิสงมีประโยชน์มากมายทั้งใช้ในการเพาะเห็ด โดยนำเปลือกถั่วไปผึ่งก่อนเพื่อตอนนำมาเพาะเห็ดจะได้ไม่เกิดการเน่าเสีย นอกจากนี้ยังนำเปลือกถั่วลิสงใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย โดยนำเปลือกถั่วลิสงไปอัดแท่ง ซึ่งให้ความร้อนได้สูงถึง 60% รวมถึงยังใช้คลุมดินปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับความชื้น ป้องกันไม่ให้น้ำซึมลงเร็วจนเกินไป

ภาพประกอบจาก www.istockphoto.com




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2558 8:14:10 น.
Counter : 2973 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.