ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เมื่อคนเข้าไปอยู่ในโลกของอาหาร
















 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2556 7:44:57 น.
Counter : 1081 Pageviews.  

ทากยักษ์สีชมพูสะท้อนแสง

ทากยักษ์สีชมพู มีถิ่นที่อยู่อาศัย แถบเทือกเขาคาปูตาร์ ประเทศออสเตรเลีย
เห็นตัวสีชมูๆ แบบนี้ มันไม่ได้กินเลือดเป็นอาหาร มันกินรา















//webboard.sanook.com/forum/?topic=3738359




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2556 7:42:29 น.
Counter : 1379 Pageviews.  

วิธีกำจัดขนบริเวณหัวนม



วันนี้เรามี 4 วิธีกำจัดขนบริเวณหัวนมมาฝาก "หัวนม" แม้ว่าจะอยู่ในที่ลับก็ตามทีแต่หากเกิดมีขนที่ยาวหนาแบบไม่พึงประสงค์คงลำบากแย่ ขนบริเวณหัวนมหากเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายคงไม่เป็นไรนักแต่กลับเกิดขึ้นในคุณผู้หญิงอย่างเราเนี่ยคงเครียดน่าดู วันนี้เราจึงขอแนะนำ 4 วิธีกำจัดขนบริเวณหัวนม มาฝากคุณผู้หญิงทั้งหลายกันค่ะ

4 วิธีกำจัดขนบริเวณหัวนม
1. ใช้แหนบถอน
วิธีนี้แทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลยแต่ก็ค่อนข้างเจ็บจึงควรทำหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว เพราะน้ำอุ่นๆ จะช่วยเปิดรูขุมขนทำให้ดึงขนออกได้ง่ายขึ้น

2. ฟอกสี
วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีผิวขาวมากๆ เพราะจะดูกลืนไปกับสีผิวได้ง่ายกว่า

3. โกน
การโกนขนแม้จะเป็นวิธีกำจัดเส้นขนอย่างได้ผลแต่เส้นขนไม่ได้หลุดออกตั้งแต่รากจึงทำให้ต้องโกนกันบ่อยๆ นอกจากนี้ถ้าเส้นขนนั้นมีสีเข้มและเส้นใหญ่ก็ยังทิ้งร่องรอยให้เห็นบนผิวอยู่ดี

4. ใช้เลเซอร์
การกำจัดเส้นขนด้วยแสงเลเซอร์อาจไม่ใช่วิธีที่ประหยัดและรวดเร็วแต่ก็ช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้อย่างถาวร และเนื่องจากบริเวณหัวนมมีพื้นที่นิดเดียวคุณจึงอาจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากก็เป็นได้


ที่มาข้อมูล n3k.in.th
ที่มารูปภาพ facebook.com




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2556 7:44:45 น.
Counter : 2294 Pageviews.  

วิธีรับมือ "ปัญหาผมแตกปลาย"



กำจัดผมแตกปลาย
แม้จะดูทำร้ายจิตใจคนรักผม แต่ก็ต้องขอบอกเลยว่าไม่มีวิธีการไหนที่สามารถกำจัดผมแตกปลายได้ดีเท่ากับการตัด การเข้าร้านตัดผมอย่างสม่ำเสมอทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อแต่งเล็มผมให้เป็นทรงอยู่เสมอ จะเป็นการตัดเล็มเอาส่วนปลายผมที่แห้งเสียออกไปด้วย แต่หากคุณต้องการเล็มหรือตัดผมที่แตกปลายออกด้วยตัวเองในเบื้องต้น ให้ตัดผมเหนือส่วนที่แตกปลายขึ้นมาราว 1/4 นิ้ว เพื่อไม่ให้อาการแตกปลายกลับมาปรากฏขึ้นอีก

ส่วนการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อแก้ปัญหาผมแห้งแตกปลายนั้น ความจริงแล้วทำได้เพียงทำให้เคลือบผมส่วนที่แตกปลายเอาไว้ไม่ให้เสียความชุ่มชื้นไปมากกว่าเดิม และทำให้ดูสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่ผมที่ยังแตกปลายก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ก็สามารถช่วยป้องกันอาการผมแตกปลายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

ป้องกันและดูแลปัญหาผมแตกปลาย
กิจกรรมที่คุณปฏิบัติต่อเส้นผมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนในการทำร้ายเส้นผมให้แห้งแตกปลายได้เช่นกัน และจะยิ่งถูกทำร้ายหนักหากคุณไม่เอาใจใส่เพราะกิจกรรมทั้งหลายล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่น การสระผม เซ็ตผม ดัด ทำสี แม้แต่น้ำที่สัมผัสกับเส้นผมก็ทำร้ายมันได้เช่นเดียวกัน เพื่อที่จะป้องกันและดูแลเส้นผมของคุณให้ห่างไกลจากปัญหาผมแห้งแตกปลายอย่างมีประสิทธิภาพ ลองเอาใจใส่ผมให้มากขึ้นตามคำแนะนำด้านล่างนี้ดูค่ะ

1. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับเส้นผมให้มากที่สุด หากคุณพอใจผมที่ตัวเองมีอยู่แล้วจงอย่าไปทำสี หรือดัดผม หรือเลือกทำสีโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคามอ่อนโยนกับเส้นผมมากที่สุด

2. ไม่ให้เส้นผมสัมผัสกับน้ำในสระว่ายน้ำหรือน้ำทะเลโดยตรง คุณสามารถปกป้องเส้นผมในขั้นแรกก่อนได้โดยการใช้ออยล์ หรือผลิตภัณฑ์ประเภทลีฟอินคอนดิชั่นเนอร์กับเส้นผม จากนั้นไม่ลืมที่จะใช้หมวกว่ายน้ำคลุมผมด้วยทุกครั้ง

3. หากพบว่าน้ำประปาที่บ้านของคุณมีส่วนประกอบของคลอรีนหรือแคลเซียมมากเกินไป การลงทุนติดตั้งเครื่องกรองน้ำจะช่วยแก้ปัญหาได้ ดีกว่าปล่อยให้เส้นผมถูกทำร้ายในระยะยาว

4. เลือกใช้แชมพูและคอนดิชั่นเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผมของคุณ ไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่คิดค้นขึ้นมาแล้วจะใช้ได้ผลดีกับทุกๆ คน คุณจึงจำเป็นต้องเลือกใช้สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

5. เมื่อสระผมให้ใส่แชมพูลงบนฝ่ามือแล้วขยี้ที่หนังศีรษะ หาใช่ขยี้ลงบนเส้นผมเพราะสารในแชมพูจะช่วยขจัดความมันที่หนังศีรษะ หากใช้กับเส้นผมอาจดึงความชุ่มชื้นไปจากผมทำให้ผมแห้งได้  ในทางกลับกันการใช้ครีมคอนดิชั่นเนอร์ให้ใช้ที่บริเวณเส้นผม หลีกเลี่ยงการใช้กับบริเวณหนังศีรษะเพราะจะไปเพิ่มความมัน ทำให้ผมดูลีบแบนนั่นเอง

6. หมักผมอย่างน้อยที่สุดเดือนละ 2 ครั้ง การหมักผมจะช่วยเติมสารอาหารอย่างเข้มข้นให้กับเส้นผม เพื่อฟื้นฟูบำรุงผมส่วนที่ขาดการดูแลหรือถูกทำร้ายจากสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

7. เปลี่ยนพฤติกรรมการเช็ดผม จากการใช้ผ้าขนหนูขยี้บนเส้นผม เป็นค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูบิดและซับเบาๆ แทน และหากไม่รีบร้อนนักการปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง

8. ไม่หวีหรือแปรงผมมากเกินไป เพราะการกระทำเหล่านี้เป็นการทำร้ายผมที่แตกปลายมากที่สุด ทำให้ปลายผมเสียความชุ่มชื้นและยิ่งแตกปลายมากขึ้น

9. ไม่ยีผมหรือหวีผมในแนวย้อนศร การหวีผมในแนวย้อนขึ้นจะไปเปิดเกล็ดผมและเมื่อมีการหวีย้อนซ้ำๆ อีก ก็จะไปดึงเกล็ดผมเปล่านี้ให้หลุดฉีกออกจากเส้นผมทำให้ผมเสียนั่นเอง

10. หวีผมอย่างเบามือ โดยเริ่มจากการหวีที่ปลายผมลงไปแล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นมาจนถึงหนังศีรษะ หากหวีแล้วพบว่าผมพันกันอย่ากระชากหวีหรือพยายามสางลงไปให้สุดปลาย วางหวีลงแล้วค่อยๆ ใช้มือแกะผมที่พันกันออก สางด้วยนิ้วแล้วจึงใช้หวีหวีซ้ำอีกครั้ง

ที่มาข้อมูล n3k.in.th
ที่มารูปภาพ banlady.com





 

Create Date : 30 มิถุนายน 2556    
Last Update : 30 มิถุนายน 2556 9:50:23 น.
Counter : 1331 Pageviews.  

ปั่นจักรยานลดความอ้วน "หุ่นฟิต"



ชวนคุณผู้หญิงมาปั่นจักรยานลดความอ้วนให้หุ่นฟิตสวยกันดีกว่าค่ะ ปั่นจักรยานลดความอ้วน ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ไม่แพ้การไปออกกำลังกายในฟิตเนสเลย เพราะการปั่นจักรยานนั้นคุณสามารถเลือกได้ว่าจะออกไปปั่นข้างนอกบ้านก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่งที่ผ่อนคลาย หรือว่าอยากจะลอง ปั่นจักรยานลดความอ้วน ภายในบ้านโดยใครเครื่องออกกำลังกายปั่นยานนั่นเอง ซึ่งพื้นที่ในการใช้ก็คงไม่มากมาย แต่ขอบอกเลยค่ะว่าการปั่นจักรยานลดความอ้วนช่วยเร่งการเผาพลานไขมันได้ดีนักแล

ปั่นจักรยานลดความอ้วน
การปั่นจักรยานให้ผลลัพธ์ที่ดีมากเพราะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก หากทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่องจะช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อช่วงขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงหน้าท้อง ก้น และหากใช้อุปกรณ์บางอย่างเพิ่มจะช่วยบริหารแขนได้ด้วยเพียงแค่มีแท่งยกน้ำหนัก 1 คู่ ที่หนักไม่มากก็เพียงพอแล้ว

การปั่นจักรยานนั้นดีกว่าการวิ่งเพราะจะไม่ส่งผลกระทบกับข้อเท้า หัวเข่า และหลัง คุณอาจเริ่มจากการปั่นแบบช้า ๆ โดยไม่มีแรงเสียดทานหรือเรียกว่าขั้นพื้นฐาน แล้วค่อยเพิ่มความเร็วในการปั่นและน้ำหนักที่แป้นถีบมากขึ้นเหมือนปั่นขึ้นเขาและเช่นเดียวกับการออกกำลังกายทุกประเภท เคล็ดลับที่จะบริหารร่างกายให้ได้ผลก็คือ ทำทุกวันบ่อย ๆ แม้จะใช้เวลาไม่มากก็ตาม

วิธีการปั่นจักรยานลดความอ้วน
- อบอุ่นร่างกาย
ปรับที่นั่งให้สูงพอที่จะเหยียดขาเวลาปั่นได้ เมื่อวางเท้าบนแป้นขนานกับพื้นหัวเข่าจะต้องทำมุม 10-15 องศา ถ้าที่นั่งอยู่ต่ำเกินไปจะทำให้รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นและทำให้หัวเข่าต้องออกแรงมากกว่าปกติ ถ้าอยู่สูงเกินไปทำให้ต้องเคลื่อนไหวส่วนอุ้งเชิงกราน ทำให้หลังส่วนล่างต้องรับน้ำหนักมากที่จับสามารถปรับระดับได้ ขั้นแรกเริ่มจากระดับ "สูง" ก่อนวางมือทั้งสองข้างขนานกันบนที่จับจากนั้นค่อยลดระดับลงเพื่อเพิ่มความโค้งให้แผ่นหลัง

- ความเร็วและแรง
ถ้าคุณยังไม่ชินเริ่มจากการปั่นแบบธรรมดาที่ความเร็ว 60 รอบต่อนาที (1 รอบต่อวินาที) นาน 10 นาที จากนั้นเริ่มปรับให้ชันมากขึ้น ปั่น 10 นาที สลับกลับไปที่แบบธรรมดาอีก 10 นาที ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 3 ครั้ง 3 วัน เป็นเวลา 3 อาทิตย์ ก่อนที่จะเริ่มโปรแกรมถัดไป

เมื่อเริ่มชำนาญมากขึ้นแนะนำให้เริ่มปั่น 80-90 รอบต่อนาที สลับกับแบบธรรมดา 15 นาที และแบบชัน 15 นาที และแบบธรรมดา 15 นาที ทำ 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์ อย่างน้อย 3 อาทิตย์ก่อนที่จะเข้าโปรแกรมที่สูงขึ้นต่อไป

หลังจากชินกับระดับต่าง ๆ แล้ว ลองเปิดเพลงเพื่อกำหนดความเร็วสำหรับการปั่นแบบธรรมดาและแบบชัน ในขั้นนี้อาจสลับด้วยการเดินได้และเพิ่มเวลาขึ้นอีก 2 อาทิตย์

- แขนยก
วิธีเพิ่มความกระชับให้แขนทุก ๆ 5 นาที ระหว่างปั่นจักรยานให้ยกน้ำหนัก 3 นาที โดยยกแขนสลับกันขณะที่ปั่นจักรยานแบบธรรมดาทำซ้ำ 5 เซต

- แขนรวบ
ถือลูกน้ำหนักเอาไว้ยืดแขนทั้งสองข้างแนบสะโพกพร้อมทั้งปั่นจักรยานแบบธรรมดาด้วยความเร็วปานกลางประมาณ 5 นาที จากนั้นพับข้อศอกยกแขนท่อนล่างขึ้นแนบหน้าอกอย่างช้า ๆ ให้รู้สึกว่าร่างกายกำลังเคลื่อนไหว

- แขนยกสูง
หลังจากปั่นจักรยานอุ่นเครื่องได้ 5 นาที ที่ความเร็วปานกลางยกแขนขึ้นสูงเหนือศีรษะจากนั่นค่อย ๆ ลดแขนต่ำลงแนบสะโพก ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ประมาณ 3 นาที


ที่มาข้อมูลและภาพ n3k.in.th





 

Create Date : 29 มิถุนายน 2556    
Last Update : 29 มิถุนายน 2556 7:59:55 น.
Counter : 2143 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.