ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ดูฉลากโภชนาการให้เป็น

การดูฉลากโภชนา ตามข้างกล่อง  ข้างถุง  หรือข้างกระป๋องของอาหารต่างๆ  ที่เราซื้อมานั้น  หากใครลองมาจับพลิกดูคงจะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมที่เขียนเอาไว้ว่า “ข้อมูบโภชนาการ”  ซึ่งก็คือการแสดงข้อมูลโภชนาการของอาหารนั้นๆ  ในรูปของชนิดและปริมาณสารอาหาร  นอกเหนือไปจากการระบุชื่อที่อยู่ผู้ผลิต  วันผลิต  น้ำหนักสุทธิ  ที่ต้องระบุอยู่แล้ว   โดยข้อมูลโภชนาการนี้มีทั้งแบบเต็มและแบบย้อด้วย

บางคนอ่านเจ้าข้อมูลโภชนาการแล้วก็ยังงงๆ  อยู่  ไม่รู้ว่าหมยาถึงอะไร “108 เคล็ดกิน”  จึงจะมาไขข้อข้องใจในฉลากโภชนาการแบบย่อให้ฟังกัน  เริ่มจาก”หนึ่งหน่วยบริโภต”  ก็หมายถึงปริมาณการกินหรือดื่มต่อครั้ง  เช่น  หนึ่งหน่วยบริโภค : 1  กล่อง  (160 กรัม) หมายถึงกินครั้งละ 1 กล่องหรือ 160 กรัม  แต่ถ้าเขียนว่าหนึ่งหน่วยบริโภค : 5 ลูก (150 กรัม) หมายถึง  ห่อ  ขวด  หรือกล่องนี้กินได้กี่ครั้ง  เช่น  จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง: 1 หมายความว่า  สามารถกินหมกกล่องภายใน 1 ครั้ง  แต่ถ้าเขียนว่า  จำนวนหน่วยบริด๓คต่อกล่อง : 3 ก็หมายความว่า 1 กล่องให้แบ่งกินได้ 3 ครั้ง

ส่วน “คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค”  หมายถึงเมื่อกินตามปริมาณที่ระบุไว้หนึ่งหน่วยบริโภคแล้วจะได้รับพลังงานและสารอาหารอะไรบ้างในปริมาณน้ำหนักจริงเท่าใด  และปริมาณที่กินนี้คิดเป็นร้อยละเท่าไรของปริมาณที่ควรกินได้รับต่อวัน “ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน”  หมายถึง  สารอาหารที่ได้รับจากการกินแต่ละครั้งตามปริมาณที่ระบุไว่ในหนึ่งหน่วยบริโภคคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของปริมาณที่ระบุไว้ในหนึ่งหน่วยบริโภคคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน เช่น  ถ้าปริมาณอาหารที่กินต่อครั้งให้คาร์โบไฮเรต 8%  ของปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน  ก็ต้องกินคาร์โบไฮเดรตจากอาหารอื่นๆ  อีก 92% และสุดท้าย  “Thai  RDT”  หมายถึง  ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้กินต่อวันสำหรับคนไทย 6 ปีขึ้นไป  เช่น  วันหนึ่งๆ  ควรได้รับคาร์โบไฮเครตประมาณ 300 กรัม  ไขมันน้อยกว่า 65 กรัม  เป็นต้น




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2557 23:31:08 น.
Counter : 936 Pageviews.  

สุดเนียน! อยู่กิน9ปีเพิ่งรู้ผัวเป็น “หญิงแปลงเพศ”

หญิงชาว สิงคโปร์วัย 47 ปี รายหนึ่งถึงกับช็อกเมื่อรู้ความจริงว่า สามีที่แต่งงานและคบกันมากว่า 9 ปี เป็นผู้หญิงแปลงเพศมา หลังฝ่ายชายหาข้ออ้างสารพัดหลีกเลี่ยงไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับเธอ

วันพฤหัสบดี 29 พฤษภาคม 2557 เวลา 16:28 น.

 หนังสือพิมพ์สิงคโปร์ “เลี่ยนเหอ วานเป้า” รายงานจากสิงคโปร์ ซิตี ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ว่า นางชัว ซูฟง ชาวสิงคโปร์ วัย 47 ปี กล่าวหาว่าสามีของเธอนาย “ไฉ่ วุนวุ่ย”วัย 50 ปี ว่าเขาแต่งงานกับเธอ เนื่องจากหวังทรัพย์สินของเธอเท่านั้น หลังนายไฉ่พยายามหาข้ออ้างต่างๆนานาเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะมีเพศสัมพันธ์กับ เธอ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เธอตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ เมื่อเธอตัดสินใจฟ้องหย่าเขาในเดือนก.พ.2554 เธอก็พบความจริงในเอกสารว่า นายไฉ่  “ไม่ใช่ผู้ชาย”แต่เป็นผู้หญิงที่แปลงเพศมา ซึ่งชื่อเดิมคือ “มาร์กาเร็ต”

    ในรายงานกล่าวว่า ฝ่ายชายเคยบอกฝ่ายหญิงว่า เขาไม่สามารถจะมีลูกกับเธอได้ ทั้งคู่เริ่มคบหากันในปี 2545 หลังจากที่พบกันทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ พวกเขาย้ายมาอยู่ร่วมกันขณะที่ยังไม่ได้แต่งงานเป็นเวลา 7 ปี นายไฉ่เอาแต่จับมือหรือจูบกับนางชัวเท่านั้น ไม่เคยปฏิบัติล่วงเกินเธอเลยแม้สักครั้งเดียว ทำให้นางชัวคิดไปว่า เธอพบสุภาพบุรุษที่แท้จริงของชีวิตแล้ว

    ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2552 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานายไฉ่ก็เอาแต่หาข้ออ้างไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับนางชัว เช่น เขาเหนื่อยจากงาน แล้วออกไปนอนที่ห้องรับแขกหรือออกไปนอนที่ห้องพ่อแม่ของเขา หรือแม้กระทั่งบอกนางชัวว่า ให้หาทาออกอื่นหากอยากมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ นางชัวมีแผนที่จะซื้ออพาร์ทเม้นต์มูลค่า 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) ในชื่อของเธอแต่นายไฉ่ต้องการให้เป็นการซื้อที่ใช้ชื่อร่วมกัน จึงแต่งงานกับเธอ นอกจากนี้ นางชัวกล่าวว่า เธอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน และนายไฉ่ก็มักยืมเงินเธอซึ่งมูลค่าคร่าวๆคือ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 ล้านบาท) แม้ขณะนี้ทั้งคู่จะหย่ากันแล้วแต่ก็ยังมีคดีฟ้องร้องเรื่องการแบ่งสิน สมรสอยู่

     นายไฉ่เองก็รู้สึกอึดอัดกับอดีตภรรยา เนื่องจากเธอมักข่มเขา ตะโกนใส่เขา และมักทำให้เขาขายหน้าเสมอ นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า นางชัวมักกลั่นแกล้งพ่อแม่ของเขา อย่างไรก็ตาม การแต่งงานของทั้งคู่เป็นโมฆะหลังนางชัวพบว่า นายไฉ่เป็นผู้หญิงแปลงเพศ




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2557 8:53:07 น.
Counter : 1611 Pageviews.  

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก

เดวิด กู้ด หนุ่มอเมริกันวัย 28 ปี เดินทางมุ่งหน้าเข้าป่าอเมซอน ในเขตพื้นที่ของประเทศเวเนซุเอลา เพื่อตามหาแม่ผู้ให้กำเนิด มารดาผู้เป็นคนจากชนเผ่ากลางป่าอันที่ห่างไกลความเจริญ ชนเผ่าที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้า และไม่รู้จักแม้กระทั่งการนับเลข 

            เรื่องราวแปลก ๆ ยังคงมีเกิดขึ้นอยู่ทุก ๆ วันจากทุก ๆ มุมโลก เรื่องของ เดวิด กู้ด ลูกชายเคนเนธ กู้ด นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แสนจะแปลก เขาคือลูกชายของคนเมืองและสาวชาวป่าโดยแท้ เมื่อ ยาริมา แม่ของเขาคือคนของชนเผ่ายาโนมามิที่อาศัยอยู่กลางป่าอเมซอน 

            เรื่องราวของเดวิด ได้กลายเป็นสารคดีตอนหนึ่งของบีบีซี เมื่อปี 2556 และเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ ก็ได้นำเรื่องราวนี้มาเล่าใหม่อีกครั้ง เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ต้องอยากรู้แน่ ๆ งั้นลองมาติดตามเรื่องราวของ เดวิด กู้ด ลูกครึ่งอเมริกัน-ชนเผ่ากลางป่า กันดู

 พ่อและแม่ของเดวิด พบกันครั้งแรกที่กลางป่าอเมเซอนในเขตประเทศเวเนซุเอลา เมื่อปี พ.ศ. 2518 ขณะที่พ่อของเขาเข้าไปทำวิจัยกับทีม เคนเนธ พ่อของเดวิดได้กลับไปที่นั่นอีกหลายครั้งเพื่อเก็บข้อมูล และมักได้พบกับยาริมา เด็กหญิงที่มีทีท่าดีใจเสมอเมื่อเขามาหา และในอีก 3 ปีถัดมา หัวหน้าเผ่าก็ได้ยกยาริมาที่อยู่ในวัยเพิ่งแรกรุ่นให้กับเขา ไม่มีใครรู้ว่ายาริมาอายุเท่าไร เพราะคนในเผ่ายาโนมามินับเลขไม่เป็น ทุกจำนวนที่เยอะกว่าหนึ่งก็จะนับเหมาเป็นจำนวนมากไปทั้งสิ้น ในช่วงหลังจากนั้นเคนเนธรักษาความรักระยะไกลกับยาริมา ด้วยการไป ๆ มา ๆ ระหว่างในป่าอเมซอนกับการทำงานในอเมริกา และก็พาเธออกจากป่าและมาอยู่ด้วยกันที่กรุงการากัส ของเวเนซุเอลา และย้ายมาฟิลาเดเฟีย สหรัฐฯ ในที่สุด ในช่วงนั้นเองที่เธอให้กำเนิดเดวิด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2529

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก


            แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองใหญ่สร้างความไม่คุ้นเคยให้กับยาริมา นับตั้งแต่การพยายามโดดจากเตียงคนไข้ไปคลอดเดวิดเองที่มุมห้องในโรงพยาบาล รถราที่วิ่งไปวิ่งมาทำเธอตื่นกลัวราวกับมันเป็นสัตว์ร้าย และความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียวในขณะที่เคนเนธต้องไปทำงาน ในที่สุดยาริมาก็ตัดสินใจขอกลับเข้าป่า และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายเท่าที่เดวิดพอจะจำเรื่องราวของแม่ได้ พ่อของเขาก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลยว่าแม่เป็นใคร มาจากไหน และทำไมถึงต้องจากไป

            ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วที่เมื่อถูกถามถึงแม่ เดวิด ก็จะตอบไปว่าเธอเสียชีวิตแล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพื่อตัดปัญหาถึงคำถามอื่น ๆ ที่จะตามมาหากว่าเขาพูดความจริง การมีแม่เป็นคนป่า และทิ้งเขากลับไปอยู่กับเผ่าไม่ใช่เรื่องปกติของเพื่อนร่วมวัยเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีสิ่งนี้ดูจะไม่เป็นปัญหากับน้องสาวและน้องชายของเขาเลย เดวิดเล่าว่าเขาเคยไปแอบร้องไห้เมื่อตอนทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์กับเพื่อน ๆ และพบรูปแม่ของตัวเองแขวนอยู่บนผนังที่อธิบายเรื่องชนเผ่าในป่า รูปใบนั้นถ่ายไว้โดยพ่อของเขา และถูกนำไปใช้ในเพื่อประกอบการศึกษานั่นเอง 

 เดวิด เข้ากันไม่ค่อยได้กับพ่อ และก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ เขาคิดว่าเขาเกลียดแม่ แต่ก็ยังรู้ว่าลึก ๆ แล้วยังโหยหา และอยากจะได้พบกับผู้เป็นแม่สักครั้ง จนกระทั่งเมื่ออายุ 20 ปี เดวิดได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องชนเผ่ายาโนมามิที่พ่อเขียน และตัดสินใจว่าจะต้องไปพบหน้าแม่ให้ได้ จากนั้นเขาใช้เวลาเก็บเตรียมตัวและเก็บเงินอยู่ 3 ปี สำหรับการเดินทางสู่มาตุภูมิของผู้เป็นแม่ ในเดือนสิงหาคม 2554

            เดวิดพูดถึงการเดินทางในครั้งนั้นว่า ทุกอย่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้พบแม่จริงไหม ถ้าพบแล้วแม่จะจำเขาได้หรือเปล่า จะต้อนรับเขาหรือเปล่า ฯลฯ แต่ในที่สุดทุกอย่างที่เขาเคยต้องการก็เกิดขึ้น เมื่อเขาได้พบกับเผ่ายาโนมามิ กลุ่มคนตัวไม่สูงนัก เปลือยอก แทบไม่สวมเสื้อผ้า และมีไม้เสียบบนหน้า โดยหนึ่งในบรรดาชนเผ่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือแม่ของเขาเอง

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก


            ไม่ใช่เพียงเดวิด ที่สามารถจำแม่ของเขาได้ ยาริมา ก็ดูจะจำได้โดยอัติโนมัติเช่นกันว่าบุคคลตรงหน้าคือลูกชายของเธอ ทั้งคู่ไม่ได้สวมกอดกัน ตามที่เดวิดบอกว่าเผ่ายาโนมามิไม่รู้จักภาษากายที่เรียกว่ากอด เขาทำตัวไม่ค่อยถูก ได้แต่วางมือบนไหล่ของแม่ แล้วบอกว่า "ในที่สุดผมก็ทำได้แล้วนะแม่ ผมรอวันนี้มานานนับปี ตอนนี้ผมกลับมาบ้านแล้ว" 

 เดวิด ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่กลางป่าอยู่อีกครึ่งเดือน เขาเรียนรู้ และปรับตัวเข้ากับสังคมของแม่ ค่อย ๆ ปรับเรื่องการแต่งกาย กินอาหารแบบที่คนป่ากินกัน ฯลฯ แม้จะเป็นสิ่งแปลกใหม่ และคนอื่นอาจมองว่าไร้สาระ แต่เดวิดกลับรู้สึกสบายใจเป็นที่สุด 

            ทริปครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของเดวิด เขายังกลับไปอีกหลายหน และในตอนนี้ก็ยังได้ตั้งกลุ่มThe Good Project ขึ้นมา เพื่อช่วยหลือชนเผ่ากลางป่าให้ได้เข้าถึงยาและการพัฒนาในด้านที่เหมาะสมด้วย เรียกได้ว่ามีสำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมาอย่างจริงจังเลยทีเดียว  

            จากเด็กชายลูกครึ่งคนเมือง-คนป่า ผู้ฝังใจว่าเกลียดแม่ แต่ในที่สุดก็กลับมาสู่รากฐานเดินอันเรียบง่ายของตัวเอง และก็ได้พบว่าความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เคยมีในจิตใจได้สลายและสงบลง ในวันนี้ เดวิด กู้ด ได้ภูมิใจในชาติกำเนิดของตัวเอง และกล้าพูดเต็มปากอย่างไม่กระดากอายว่าเขามีแม่เป็นคนชนเผ่าที่อาศัยอยู่ลึกใจกลางป่าอเมซอน และแน่นอนเขารักแม่คนนี้มากอย่างไม่สามารถอธิบายได้เลย 


หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก

หนุ่มมะกันเข้าป่าอเมซอน พบหน้าแม่ชาวป่าเป็นครั้งแรก





 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2557 8:51:32 น.
Counter : 2721 Pageviews.  

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

นโลกของเรานั้นล้วนก็มรปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาก ซึ่ง Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือ แสงใต้ นี้ก็เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ อีกทั้งในสมัยอดีตผู้คนเชื่อกันว่า แสงออร่านี้คือแสงที่เกิดจากดวงวิญญาณที่ต้องการจะติดตามสื่อสารกับพวกเขา ..

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือ แสงใต้

เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม พบได้เฉพาะบริเวณใกล้ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เช่น แคนาดา รัฐอลาสก้าของสหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ รัสเซีย  แต่บางครั้งอาจจะปรากฏให้เห็นในที่ซึ่งอยู่ละติจูดต่ำลงมา

ถ้าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณใกล้ขั้วโลกเหนือเรียกว่าแสงเหนือ (northern lights) หรือเรียกเป็นทางการว่าแสงออโรรา บอรีเอลิส (aurora borealis)  แต่ถ้าเกิดใกล้ขั้วโลกใต้จะเรียกว่าแสงใต้  (southern lights) หรือแสงออโรรา ออสตราลิส (aurora australis)  

อริสโตเติล ปรัชญาเมธีชาวกรีก คนแรกที่อธิบายเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้!

ผู้แรกที่พยายามบอกว่าแสงเหนือแสงใต้เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติคือ อริสโตเติล ปรัชญาเมธีชาวกรีก ซึ่งยืนยันว่าแสงเหนือไม่ใช่ปรากฏการณ์จากท้องฟ้า  แต่เป็นไอระเหยจากโลกแล้วเกิดการสับดาปกับชั้นบรรยากาศ  ถึงคำอธิบายนี้จะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ต้องยกความดีความชอบให้แก่ท่านในความพยายามที่จะให้มนุษย์คิดอย่างวิทยาศาสตร์มากกว่าเชื่ออย่างงมงาย  เมื่อวิทยาการต่าง ๆ เจริญรุดหน้ามากขึ้นในศตวรรษที่ 20  ทำให้เราเข้าใจปรากฏการณ์แสงประหลาดนี้ได้อย่างถูกต้องตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

คริสเชียน เบิร์กแลนด์ ( Kristian Birkeland)

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือ แสงใต้ ทดลองได้จริง โดย นักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์ คริสเชียน เบิร์กแลนด์ ( Kristian Birkeland) 

ในปี 1896 ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับแสงออโรรามาจากนักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์  Kristian Birkeland  - คริสเชียน เบิร์กแลนด์ (1867-1917) โดยเขาเสนอว่าแสงออโรราเกิดจากอนุภาคมีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ถูกสนามแม่เหล็กโลกดึงมันเข้าสู่บริเวณขั้วโลก จริงๆแล้วเขาไม่ใช่คนแรกที่เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาคจากดวงอาทิตย์ แต่ผลงานของเขาโดดเด่นเนื่องจากเขาสามารถทำการทดลองในเรื่องนี้ได้

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

เมื่อเกิดปรากฏการณ์ผิวดวงอาทิตย์ปะทุขึ้น จะปลดปล่อยอนุภาคอิเลกตรอนทุกทิศทุกทางไปในห้วงอวกาศ เรียกว่าลมสุริยะ (Solar wind) เมื่อลมสุริยะผ่านเข้ามาใกล้โลก  ขั้วแม่เหล็กโลกจะดึงดูดอนุภาคอิเลกตรอนบางส่วนเข้าหา  ขณะที่อิเลกตรอนผ่านเข้าใกล้ชั้นบรรยากาศโลก จะกระทบกับอะตอมหรือโมเลกุลของแก๊สที่ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ จึงทำให้เกิดการเรืองแสงเช่นเดียวกับการทดลองเรื่องอิเลกตรอนในหลอดสุญญากาศของเซอร์วิลเลียม คุก   

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

สีสวยๆ ของ Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

แสงเหนือแสงใต้มีสีสันต่าง ๆ ส่วนใหญ่ที่พบจะมีสีเขียวหรือสีขาว สีอื่นที่พบได้บ้าง เช่นสีแดง สีน้ำเงิน สีม่วง สีเหลืองนอกจากนี้สีของแสงออโรราขึ้นอยู่กับชนิดของแก๊สที่ถูกอิเลกตรอนชน  สีที่เห็นส่วนใหญ่คือสีเขียวหรือขาวอมเขียว ซึ่งเกิดจากอิเลกตรอนชนกับอะตอมของแก๊สออกซิเจนที่ชั้นความสูงไม่มาก บางครั้งจะเห็นสีแดงที่ปลายด้านล่าง เกิดจากอิเลกตรอนกระทบกับโมเลกุลของออกซิเจนหรือไนโตรเจนในชั้นบรรยากาศที่อยู่ต่ำลงมา   

อิเลกตรอนที่กระทบกับโมเลกุลของไนโตรเจนที่อยู่สูงสุดชั้นบรรยากาศ ในช่วงเวลาสนธยาใกล้ค่ำหรือใกล้รุ่งอาจทำให้เกิดแสงออโรราสีน้ำเงินหรือม่วง

พายุอิเลกตรอนที่รุนแรงอาจชนกับอะตอมของออกซิเจนในชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ เกิดเป็นสีแดงฉานเต็มท้องฟ้า 

อ่านเพิ่มเติม การทดลองของ คริสเชียน เบิร์กแลนด์ ( Kristian Birkeland) 

Aurora Polaris ปรากฎการณ์แสงเหนือแสงใต้

Aurora Polaris

Aurora Polaris  แสงออโรรา กับความเชื่อ ..

คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนโบราณมาช้านาน ในสมัยโบราณมีวามเชื่อกันว่าปรากฏการณ์แสงออโรรานั้นมาจากพลังอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า เรื่องราวเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ หรือเป็นเรื่องของจิตวิญญาณซึ่งจะแตกต่างกันไปตามถิ่นฐานที่ได้เห็นแสงออโรร่า

- ทวีปอเมริกา : ผู้คนที่เชื่อกันว่า แสงออโรร่า คือแสงที่เกิดจากดวงวิญญาณที่พวกเขาพยายามจะติดต่อด้วย

- นอร์เวย์และชาวไวกิ้ง : เชื่อกันว่า แสงออโรร่าคือวิญญาณของสาวพรหมจารีที่มาร่ายร่ำท่ามกลางรัตติกาล

- ชาวเอสกิโมและชนพื้นถิ่นทางตอนเหนือของแคนนาดา : เชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของผู้ตายที่พยายามติดต่อกับบรรดาญาติมิตรที่ยังมีชีวิตอยู่บนพื้นโลก




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2557 23:14:15 น.
Counter : 1398 Pageviews.  

ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล

ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล
ฝึกอย่างโหด ทหารหน่วยซีล

ภาพการฝึกสุดโหด ของหน่วยซีล ที่ต้องอดทน สู้ทั้งกาย ทั้งใจ กว่าจะผ่านการฝึกเหล่านี้ไปได้ เรามาชมการฝึกของหน่วยซีล ไปพร้อมๆ กันได้เลย




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2557 8:25:17 น.
Counter : 1596 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.