ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

มนุษย์เงินเดือนทำได้! ”ใช้วันละร้อย” เพื่อ ”ก้าวแรกของเงินล้าน”



มนุษย์เงินเดือนทำได้! ”ใช้วันละร้อย” เพื่อ ”ก้าวแรกของเงินล้าน” ลูกต้องไม่ลำบากพ่อสัญญา


เมื่อเร็วๆนี้เราเห็นภาพเด็กน้อยถือเงินเป็นฟ่อนๆ (9 แสน)


พร้อม คอมเมนต์ใน facebook “ขอชื่นชมครับคุณพ่อ” ผมนี่อยากรู้จริงๆคุณพ่อของน้องได้เงินเดือนเท่าไหร่ เป็นมนุษย์เงินเดือนหรือไม่ #lonely #rooyang อ่านคอมเมนต์เรื่อยๆเจอประโยคนี้เข้าไป “ทุกสิ่ง ทุกอย่าง อยู่ที่ความตั้งใจ เงิน จะหามาง่าย หรือยาก หากไม่รู้จักประหยัด หรือเก็บออม ก็ไม่มีอยู่ดี คิดดี ทำดี ผมสนับสนุนครับ” หลายคนชื่นชมในความรักของพ่อและความน่ารักของลูกสาวจนแอบตั้งปณิธานว่าลูกผมต้องไม่ลำบากเหมือนกันถ้ารู้จักออมตั้งแต่วันนี้ เชื่อเถอะครับว่ามนุษย์เงินเดือนก็มีเงินล้านได้ อาจจะใช้เวลา 10 ปี ถ้าวางแผนดีๆตั้งแต่ก้าวแรก

ก้าวแรกสู่การมีเงินล้าน

อย่า ลืมว่าต้องมีเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเจ้าของกระทู้ Tom Percy ได้แจ้งไว้ชัดเจนก่อนเริ่มปฏิบัติตามนี้ครับ #เพื่อเพื่อนมนุษย์เงินเดือน #นายเท่ห์มาก #lonely #rooyang

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคนครับ ผมชื่อ Tom Percy … จุดประสงค์ที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเด็นครับ


1.ต้อง การขอบคุณแบบอย่างที่ดีทุกท่านในกระทู้พันทิป หรือจากเพจต่างๆ ที่เป็นแนวทางให้ผมจากมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่ไม่มีเงินเก็บได้รู้จักเก็บ เงิน

2.ต้องการเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆทุกคน ที่ไม่มีเงินเก็บเลยได้มีโอกาศได้เก็บเงินสู่ความมั่งคั่งในอนาคต


ผม เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ที่รายได้ไม่ได้มากมายอะไร ทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ และใช้ชีวิตแบบเหนือมาตรฐานเงินเดือนที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟสุดหรูแก้วละ 50-60 ต่อวัน หรือจะเป็นบุฟเฟ่ต์ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังทุกวันอาทิตย์ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อมาทดแทนแรงกายที่เสียไปในแต่ละวันของการทำงาน

แต่ แล้ววันหนึ่งผมเริ่มเห็นเพื่อนหลายคนแต่งงาน มีรถ มีบ้าน ไปต่างประเทศ และมีเงินเก็บมากมาย ทั้งๆที่วิถีชีวิตของเพื่อนๆผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่ผมใช้เลย แต่กลับใช้ชีวิตเรียบง่าย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหันกลับมามองตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

หลังจากที่ผมคิดได้แล้ว ก็เริ่มมาศึกษาหาข้อมูลต่างๆในเพจต่างๆ รวมทั้งพันทิป มีคนมากมายสอนวิธีการเก็บเงิน วิธีรวยต่างๆมากมาย ซึ่งนั่นเองทำให้ผมรู้ว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงไม่มีเงินเก็บเลย แถมชักหน้าไม่ถึงหลัง เดือนชนเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากผมศึกษามาหลายแบบ ก็เริ่มตัดสินใจลงมือทำทันที ถึงจะช้าไป(ตอนนี้อายุ30แล้ว) แต่ผมคิดว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป อายุเป็นแค่ตัวเลขจริงไหมครับ? ผมเลยลำดับมาคร่าวๆตามนี้ครับ




1.ตั้งเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายทางการเงิน

ตลอด ชีวิต30ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรเลยสักครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องตั้งเป้าหมาย ได้แต่ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เดือนชนเดือน ซึ่งหลังจากที่ผมทำการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต มันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเก็บเงิน อย่างน้อยก็รู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ผมตั้งเป้าหมายว่าต้องเก็บเงินไปต่างประเทศให้ได้ภายใน2ปีนี้(เกิดมาไม่เคย ไปต่างประเทศเลย) และนั่นทำให้ผมเริ่มมีกระปุกออมสินพิเศษ นั่นคือ “กระปุกออมประสบการณ์จากต่างแดน” เป็นใบแรก

2.เริ่มจดบัญชีรายรับ-รายจ่าย

ปกติ ทุกครั้งที่ผมจ่ายเงินออกไป จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ่ายค่าอะไรไปบ้าง คือในกระเป๋ามีเงินอยู่เท่าไรต้องใช้ให้หมด เพราะมันคือความสุขในการใช้ชีวิต และผมได้ใช้ชีวิตแบบไฮโซโก้เก๋ด้วย ซึ่งนั่นคือความคิดที่ผิดมาก แต่หลังจากที่ผมทำบัญชีรายรับรายจ่าย แรกๆก็ขี้เกียจที่จะลงบันทึกทุกสิ่งอย่าง แต่หลังจากที่ได้ทำมันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้ทำให้ผมมีวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้น คิดก่อนใช้(เพราะขี้เกียจจดเลยไม่จ่ายดีกว่า)




3.แบ่งเงินใช้ในแต่ละวัน


ปกติ ผมจะกดเงินสดมาไว้ในกระเป๋าครั้งละหลายบาท พอใช้หมดก็กดใหม่ เป็บแบบนี้ไปจนสิ้นเดือนและเงินก็หมดในที่สุด ผมเจอวิธีนี้จากเพจเช่นกัน ผมจึงเริ่มทันทีด้วยการแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ ผมเชื่อว่าการกินวันละ100บาทนั้นสามารถอยู่ในกรุงเทพฯได้(มีคนทำมาแล้ว) ผมก็เลยแบ่งเงินออกเป็น30กอง กองละ 100 บาท และสามารถใช้ได้แค่วันละ100เท่านั้น(เฉพาะเงินกิน ไม่รวมค่าเดินทางและอื่นๆ) ซึ่งตอนแรกผมมองว่าโครตยาก แต่หลังจากลงมือทำไปได้สัก 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่อ ผมสามารถกินอาหารได้วันละ 100 บาทได้จริงๆด้วย


***สำหรับที่ถามว่า 100 บาทผมกินอะไร ในเมืองกรุง


เช้า แซนวิชโฮลวีต(เน้นผัก) 30 บาท


กลางวัน ข้าวแกงปลอดสารพิษ ร้านป้า ข้างที่ทำงาน 35 บาท


เย็น ก๋วยเตี๋ยว/สลัดผัก 35 บาท


รวมทั้งสิ้น 100 บาท (และต้องหยอดกระปุกเพิ่มด้วย 20 บาท จากเงินที่มีอยู่)





4.เก็บภาษีเงินได้ และภาษีเงินจ่าย(ทันที)


ผม ตั้งกฏไว้อีกหนึ่งข้อว่า ไม่ว่าจะรับเงินมากจากทางใดก็ตาม(รวมทั้งเงินเดือน) ต้องเก็บในกระปุกทันที 10% และ ไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องกินหรือเรื่องเที่ยว(ยกเว้นค่าผ่อนรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ) ให้เก็บเงินเข้ากระปุกทันที 20% นั้นก็คือ หากซื้อข้าวจานละ 100 บาท นั่นผมต้องจ่าย 120 บาทเลยทีเดียว โอย..คิดหนักๆ แต่สิ่งนี้ทำให้ผมมีเงินเก็บอีกหนึ่งกองด้วยกัน


หลังจากหยอดทุกวัน ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปลายเดือน ก็มีเงินพอสมควร


หลังจากนั้น ผมก็จดจำนวนเงินนั้นใส่การ์ดไว้ แล้วนำการ์ดนั้นใส่กระปุกไว้ เพื่อให้รู้ว่าเดือนนั้นเราเก็บเงินได้เท่าไร

5.ลงทุน


ผม เริ่มศึกษาการลงทุนรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LTF RMF หรือหุ้น หรือเงินออมทรัพ ประกันชีวิต มีมากมายก่ายกองสำหรับการลงทุนเพื่อใช้เงินไปทำงานแทนเรา ผมเองก็เริ่มเช่นกัน นำเงินที่ได้จากการเก็บนี้แหละครับ ไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผมเริ่มจากกองทุนรวมที่ไม่มีขั้นต่ำ เพราะเงินเก็บเดือนแรกไม่ได้มากมายอะไร และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปลงทุนในอาชีพเสริม ไม่ว่าจะขายของออนไลน์ หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้น และผมเชื่อว่าพี่ๆน้องที่อ่านอยู่นี้ มีวิธีเพิ่มพูนทรัพย์สินหลากหลายวิธีมากกว่าผมแน่นอน

สุดท้ายนี้ ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถึงแม้จะได้ประโยชน์มากน้อยอย่างไรกลับไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจนั่นก็คือ ผม ได้ตอบแทนบุญคุณพี่ๆน้องที่เขียนประสบการณ์แบบนี้ ในเพจต่างๆและพันทิปไว้ ซึ่งผมนำมาใช้และทำทำให้ผมมั่นใจว่าเงินหนึ่งล้านแรกไม่น่าจะยากจนเกินไป สำหรับผม ผมเป็นลูกชาวนา ไม่ได้มีเงินทองมากมายติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ผมตั้งใจที่จะส่งต่อประสบการณ์นี้ ให้กับคนรุ่นต่อไป ตอบแทนสังคมคืนกลับไป


ปล.1. ขอบคุณเพื่อนรักผมมาก ที่บอกว่า “วันๆเห็นแต่เอ็งโพสวิธีใช้เงิน ทำไมไม่โพสวิธีหาเงินบ้างวะ” วันนี้มาโพสให้แล้วนะเพื่อน


ปล.2. ไม่รู้แท็กถูกห้องหรือเปล่านะครับ ถ้าผิดรบกวนแจ้งด้วยครับ โพสแบบนี้ครั้งแรกจริงๆ





ืั้ที่มา //siamguru.blogspot.com/2016/02/blog-post_72.html

ติดตามเรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ https://plus.google.com/u/0/+ไอเดียดีดี/posts







 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2559 12:36:11 น.
Counter : 881 Pageviews.  

ข่าวดี! บริจาคเลือด ได้ลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลด้วย

ข่าวดี! บริจาคเลือด ได้ลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลด้วย

นับว่าเป็นข่าวดีของคนที่ชอบทำบุญทำทาน แล้วยังได้รับผลบุญทันตาเห็นในชาตินี้ เมื่อเราบริจาคกับสภากาชาดไทย แล้วยังได้สิทธิ์รับส่วนลดในการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทยอีกด้วย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามด้านล่างเลยค่ะ

__________


ผู้บริจาคโลหิต  7 ครั้งขึ้นไป  เป็นผู้ป่วยใน ของโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เสียค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด  ผ่าตัดคลอดบุตร    จะเสียเพียงกึ่งหนึ่งของอัตราที่กำหนด

ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป  เป็นผู้ป่วยใน ของโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ได้รับการยกเว้นเฉพาะค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด  ผ่าตัดคลอดบุตร    จะเสียเพียง ร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนด

ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 18 ครั้งขึ้นไป อาศัยอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุข ตามความในประเภท ข. ที่มีหนังสือรับรองจากสภากาชาดไทยว่าได้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 18 ครั้งขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และถ้าอยู่ห้องพิเศษ ได้รับความช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารเพียงร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้

ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป อาศัยอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุข ตามความในประเภท ค. ที่มีหนังสือรับรองจากสภากาชาดไทยว่าได้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือเฉพาะค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษไม่เกินสิทธิอันพึงเบิกได้จากหน่วยงานต้นสังกัดก่อน ส่วนที่เกินสิทธิให้เรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 สำหรับผู้ไม่มีสิทธิ ได้รับความช่วยเหลือเพียงร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้

สิทธินี้จะใช้ได้เฉพาะผู้ที่ไม่มีสิทธิอย่างอื่น เช่น ประกันสังคม หรือข้าราชการ และจะใช้ได้เฉพาะผู้ป่วยใน เมื่อได้ห้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว

โดยให้ญาตินำบัตรประจำตัวของผู้บริจาคโลหิต  ขอหนังสือรับรองผู้บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ เพื่อนำไปลดหย่อนการรักษาพยาบาลเป็นครั้งๆไป

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2263 9600 ต่อ 1813

นอกจากจะได้ลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังได้รับบริการตรวจสารเคมีในโลหิตฟรีด้วยค่ะ

บริการตรวจสารเคมีในโลหิต

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีบริการตรวจพิเศษฟรีสำหรับผู้มีจิตศรัทธา ที่บริจาคโลหิตให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการตรวจสารเคมีในโลหิต ปีละ 1 ครั้ง เช่น ตรวจหาน้ำตาล และไขมันในโลหิต ตรวจสภาวะการทำงานของตับและไต เป็นต้น

ทั้งนี้ผู้ที่มีความประสงค์จะตรวจต้องติดต่อ ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์ และแจ้งความจำนงที่แพทย์ผู้ตรวจวัดความดันก่อนการบริจาคโลหิต ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-10.00 น.ยกเว้นวันหยุดราชการ โดยต้องงดอาหารและน้ำหลังเที่ยงคืนมาก่อน

สอบถามเพิ่มเติม 02 263 9600-99 ต่อ  1150-1152

__________

ได้ทั้งทำบุญ ได้ช่วยเหลือผู้อื่น แล้วยังได้ช่วยเหลือตัวเองยามเจ็บไข้ได้ป่วยกับเขาบ้างอีกด้วย มีแต่ได้กับได้แบบนี้ เพราะฉะนั้นเราไปบริจาคโลหิตกันเยอะๆ นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก สภากาชาดไทย
ภาพประกอบ istockphoto




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2559 8:46:22 น.
Counter : 748 Pageviews.  

ความหมายของดอกกุหลาบสีต่างๆ

เพื่อนๆ Sanook! Men ที่ซื้อให้แฟนสาวในวันวาเลนไทน์ ทั้งสียอดฮิตอย่างสีแดง สีหวานสีชมพู หรือจะเป็นสีขาวแสนบริสุทธิ์ เคยทราบไหมครับว่า ดอกกุหลาบแต่ละสี มีความหมายในตัวของมันเองด้วย

ปีนี้หากคุณต้องให้ดอกกุหลาบกับใคร จะได้รู้ว่าควรเลือกดอกสีอะไร และจำนวนกี่ดอกดี

1.ดอกกุหลาบ
ประเภทที่ชอบ - คนโรแมนติก ชอบอะไรที่หรูหรา
ความหมาย - รัก ปรารถนา

2.กุหลาบก้านยาว
ประเภทที่ชอบ - ใจเย็น ขรึม หวาน
ความหมาย -ฉันจะจดจำเธอเสมอ

3.กุหลาบก้านสั้น
ประเภทที่ชอบ - ได้ทุกประเภท
ความหมาย -หวานใจ

4.กุหลาบแดงดอกเดียว
ประเภทที่ชอบ - ช่างฝัน ร่าเริง
ความหมาย - ฉันรักเธอ (แบบไม่ซับซ้อน)

5.กุหลาบชมพู
ประเภทที่ชอบ - หวาน อบอุ่น
ความหมาย -ความสุข

6.กุหลาบขาว
ประเภทที่ชอบ - ใสๆ ร่าเริง
ความหมาย -บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

7.กุหลาบเหลือง
ประเภทที่ชอบ - เพื่อน(อย่าให้แฟนล่ะ)
ความหมาย -มิตรภาพ

8.กุหลาบหลากสี
ประเภทที่ชอบ - ช่างพิถีพิถัน โรแมนติก น่าค้นหา
ความหมาย -เธอคือทุกสิ่งสำหรับฉัน

สำหรับจำนวนดอกกุหลาบที่คุณได้รับยังมีความนัยแฝงอยู่อีกนะ

1 = เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น
2 = มีเพียงเธอ กับ ฉัน
3 = ฉันรักเธอ
5 = การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
7 = เราจะพบกับเรื่องมงคล
8 = ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป
9 = อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง
11 = รักเธอที่สุด
12 = ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน
24 = ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา
33 = รักกัน 3 ชาติ
50 = ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร
66 = ความรักของเรา เหมือนสายน้ำไม่เคยหยุดนิ่ง
100 = เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรด้วยกัน
101 = รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร
108 = ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด
365 = ฉันคิดถึงเธอทุกวัน
999 = รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย
1,009 = ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นเธอ
9,999 = แทนความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอจากนี้และตลอดไป
10,000 = รักเธอเป็นหมื่น-หมื่นปี

วาเลนไทน์ปีนี้มอบดอกไม้แทนความรักและความรู้สึกให้กับคนของคุณแล้ว อย่าลืมแสดงความรักกับคนใกล้ชิดอย่างคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะครับ


//men.sanook.com/12189/




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2559 8:40:13 น.
Counter : 862 Pageviews.  

9 เทคนิค ออมเงิน ให้รวยแบบสตีฟ จ็อบส์!

9 เทคนิค ออมเงิน ให้รวยแบบสตีฟ จ็อบส์!

ตอนนี้ใครๆต่างก็รู้จักกับเจ้าพ่อแห่งวงการสุดยอดมือถือ สตีฟ จ็อบส์ เจ้าของแบรนด์ยอดนิยมอย่าง ไอโฟน ผู้อำลาล่วงลับจากโลกไปแล้ว แต่ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของเขากลับไม่ล่วงลับตามไปด้วย แถมยังได้รับความนิยมอย่างสูงสุดอีกด้วย ถือได้ว่า สตีฟ จ็อบส์ นี้คือ เจ้าพ่อแห่งวงการมือถือแบบทันสมัยและดีที่สุดแห่งยุคจริงๆ


แล้วอย่างนี้ สตีฟ จ็อบส์ เขาทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จในวงการมือถือนี้ได้ล่ะ?เขาทำอย่างไรนะ ถึงทำให้แบรนด์ของเขาได้รับการยอมรับอย่างสุดสุดและท่าทางจะตกความนิยมยากเสียด้วย ทั้งนี้ถ้าคุณได้ลอกเลียนแบบการเก็บเงินของเขาแล้วละก็ เชื่อว่าหนทางที่นำไปสู่การบริหารการเงิน เพื่อรองรับในสิ่งที่ตัวเองจะลงแรงทำด้วยเม็ดเงินแล้วละ ก็ ขอแนะนำว่าอย่างพลาดวิธีการเด็ดขาด เพราะวิธีการของ สตีฟ จ็อบส์ นั้น เป็นที่น่าสนใจ และเชื่อว่าถ้าทำตามได้คุณอาจจะได้เป็น สตีฟ จ็อบส์ นัมเบอร์ทู ที่สุดยอดประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด และเป็นผู้นำแห่งยุคได้เลยทีเดียวล่ะ


วิธีการสร้างความมั่นคงทางการเงิน ตามแบบ สตีฟ จ็อบส์


1.เอาเงินซื้อประสบการณ์
สตีฟ จ็อบส์ นั้นมีความฉลาดในการทุ่มเทอย่างมาก คุณจะพบว่าเขายอมทุ่มเทเงินทอง เพื่อลงทุนสร้างเสมือนสร้างประสบการณ์ ทั้งนี้แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจะขายผลงานที่เขาทุ่มทุนไปอย่างมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่นั้นไม่กล้าที่จะทำแบบนี้เพื่อให้เงินของเขาเสียเปล่าแน่ๆ แต่ทว่าในทางกลับกัน เหมือนเป็นการที่เขาเสียเงินเพื่อเรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จนั่นเอง และจากการทุ่มเงินไปอย่างสูญเปล่าในครั้งนั้นเขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้ในเวลาต่อมา


2.ไม่มีวันที่จะไปยืมเงินคนอื่นมา
สตีฟ จ็อบส์ มีข้อคิดดีๆและน่าสนใจมากในข้อนี้ โดยเขาได้พูดไว้ว่า การยืมเงินใครสักคนไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือคนรู้จักนั้น มันจะส่งผลต่อชีวิตคุณภายหลัง กล่าวคือ เสมือนว่าจะดึงให้ชีวิตการเงินของคุณนั้นตกต่ำลงไปจากเดิม และเหมือนกับ่วาเอาเงินแห่งอนาคตที่คุณควรจะมีนั้นไปใช้ก่อนเสียแล้ว แต่ทว่าถ้าหากคุณมีความจำเป็นที่จะต้องยืมเงินจริงๆแล้วละก็ ก็ต้องยืมในปริมาณที่สามารถนำมาคืนได้ด้วยนะ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหากับคนที่คุณยืมเงินมาภายหลัง เนื่องจากไม่มีเงินคืนนั่นเอง


3.เรียนรู้จากบุคคลอื่น
คุณลองมองบุคคลอื่น สักคนหนึ่ง เพื่อทำการเรียนรู้และเอามาเป็นประสบการณ์ของตัวเองสิ ยิ่งกับคนที่ประสบความสำเร็จในด้านการบริหารเงินและธุรกิจดังๆแล้วนั้น ควรจะจับตามองพฤติกรรมเขาเอาไว้อย่าได้วางตาเชียวล่ะ เพราะนั่นคือครูที่มีชีวิต อีกทั้งไม่ต้องไปเสียเงินเรียนเพิ่มเติมจากไหนด้วยนะ อีกอย่างควรเลือกมองจากคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะเขาะเป็นแบบอย่างให้กับคุณได้นั่นเอง


4.มองจุดที่ควรจะมอง หรือ สังเกตเรื่องสำคัญก่อนเสมอสิ
การสนใจในจุดที่สำคัญนั้น จะช่วยดึงให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วขึ้น เช่น หากคุณตั้งเป้าหมายในเรื่อง การประหยัดเงิน หรือ การ ออมเงิน ก็ควรจะเคร่งครัดกับตัวเอง มีวินัยกับตัวเองให้สูงมากๆ โดยให้ความสนใจกับสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนแล้วจึงค่อยเรียงลำดับความสำคัญลงเรื่อยๆ


5.ให้ความสำคัญของการ ออมเงิน มากที่สุด
การ ออมเงิน นั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถพลักดันเราไ/ปสู่เส้นทางความสำเร็จได้ ทั้งนี้หากคุณต้องจ่ายหนี้สินไปพร้อมการออมนั้นเป็นการยากสักหน่อย แต่ก็ควรจะออมไว้ ถึงแม้จะออมได้วันละนิดวันละหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ ออมเงิน เลยนะคะ โดยอาจจะออมใส่กระปุกออมสินไว้วันละ 5 บาท 10 บาทก็ได้


6.การขวยขวายนั้นคือเส้นทางแห่งผู้บริหารสูงสุด
สตีฟ จ็อบส์ นั้น เขาสามารถสำเร็จได้ เนื่องมาจากเขามีความสามารถจากการที่เขาได้ขวนขวายเสาะหาค้นคว้าศึกษาสิ่งใหม่อยู่เสมอ แสดงให้เห็นเด่นชัดว่า การศึกษาค้นคว้านั้นนำทางสู่ความสำเร็จอีกทางหนึ่งสำหรับ สตีฟ จ็อบส์ จริงๆ ดังนั้นหากคุณอยากประสบความสำเร็จก็อย่าหยุดที่จะขวยขวายค้นคว้านะคะ


7.ทฤษฎี น้อยคือมาก
คุณอาจจะงงว่ามันหมายความว่าอย่างไร ยกตัวอย่างสั้นๆง่าย นั่นคือ หากคุณมีบัญชีในมืออยู่หลายบัญชี มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ ที่คุณจะรวมเงินทุกบัญชีเข้ามาอยู่ในบัญชีเพียงบัญชีเดียวกัน ซึ่งเมื่อเอาเงินมารวมกันแล้ว ก็จะพบว่าเงินในมือที่มีอยู่นั้นช่างมากมายเสียจริง เพราะฉะนั้นใครที่มีหลายๆ บัญชีก็ลองนำเงินทุกบัญชีมารวมกันนะคะ หรือจะแบ่งเป็นหลายบัญชีแบบนั้นก็ได้ แต่ควรแยกว่าบัญชีไหนใช้จ่าย บัญชีไหนเก็บออม เป็นต้น


8.ยอมรับในสิ่งที่ผิดพลาด
วิธีการเก็บเงินของ สตีฟ จ็อบส์ คือเขานำประสบการณ์ที่เคยผิดพลาดมาแล้วนั้นมาใช้ในการเก็บ ออมเงิน


9.เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง
การตัดสินใจด้วยตนเองนั้น เมื่อเราได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว จงเชื่อมั่นกับมัน ยิ่งถ้าหากเกี่ยวกับเรื่องเงินแล้ว คุณห้ามทำตัวลังเลอย่างเด็ดขาด


เป็นไงกันบ้างสำหรับการเก็บเงิน แบบฉบับ สตีฟ จ็อบส์ ถ้าหากบางอย่างคุณสามารถนำเอาไปปรับใช้ได้ เชื่อได้ว่าคุณก็อาจจะประสบความสำเร็จด้านการเงินแบบเขาก็ได้นะ


//money.sanook.com/346901/




 

Create Date : 07 มกราคม 2559    
Last Update : 7 มกราคม 2559 8:41:14 น.
Counter : 949 Pageviews.  

6 วิธีเลือกของขวัญ ปีใหม่ ถูกใจผู้รับแน่นอน

6 วิธีเลือกของขวัญ ปีใหม่ ถูกใจผู้รับแน่นอน

วิธีเลือกของขวัญ ปีใหม่หรือช่วงเทศกาลใด ๆ ให้ถูกใจผู้รับนั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่งใช่ไหมคะ คนซื้ออาจจะต้องมานั่งคิดแล้วคิดอีก ว่าควรจะซื้ออะไรดี? ซื้อให้แล้วเขาจะชอบไหม? ถูกหรือแพงเกินไปหรือเปล่า? คำถาม วิธีเลือกของขวัญ เหล่านี้จะเกิดขึ้นอยู่ในหัวของคุณอยู่ตลอดเวลา หากคุณคิดจะซื้อของขวัญ ฉะนั้น MoneyGuru.co.th มีตัวช่วยมาฝากกันค่ะ ว่าคุณควรซื้อของขวัญอย่างไรให้ถูกใจคนรับในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้

1. ของขวัญควรเป็นของที่คนรับชอบ

คนทุกคนในโลกนี้มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มีความชอบและไม่ชอบที่ไม่เหมือนกัน ก็เหมือนของขวัญแหละค่ะ ดังนั้น มันเป็นงานของผู้ซื้อของขวัญว่าจะซื้อของอะไรให้ถูกใจผู้รับดี หากคุณคิดไม่ออกก็ลองถามเพื่อนหรือครอบครัวของผู้รับของขวัญก็ได้ค่ะ อาจจะได้ไอเดียวว่าผู้รอบของขวัญกำลังอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่อย่าลืมนะคะ ว่าคุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าคนที่คุณรักชอบอะไรมากที่สุด ดังนั้น ลองลิสต์รายการสิ่งของที่เขาชอบดูสิค่ะ แล้วลองมาคัดอีกทีว่าสิ่งของไหนเวิร์คสุด

2. ซื้อของขวัญที่น่าประทับใจ

คนรับของขวัญจากคุณ อาจจะลืมของขวัญที่คุณให้ไปอย่างรวดเร็วเลยก็ได้ แต่ถ้าของขวัญนั้นน่าประทับใจและน่าจดจำ หรือเป็นของขวัญที่มีความหมายกับผู้รับ ผู้รับนั้นก็จะจดจำของขวัญและทะนุถนอมของขวัญชิ้นนั้นไปอีกนาน

3. ควรอธิบายเหตุผลที่ซื้อของขวัญชิ้นนั้นมาให้

เมื่อคุณตกลงจะซื้อของขวัญให้ใครสักชิ้นหนึ่ง ตอนที่คุณยื่นของขวัญให้ผู้รับคุณควรจะอธิบายด้วยว่า ที่ซื้อของชิ้นนี้มาให้เพราะอะไร คุณอาจจะอธิบายว่า “ฉันซื้อรองเท้าผ้าใบมาให้คุณ เพราะเห็นว่ารองเท้าที่คุณใช้อยู่มันเก่ามากแล้ว” หรือ “ผมซื้อแบตเตอรี่แล็ปท็อปมาให้คุณ เพราะผมคิดว่าแบตเตอรี่แล็ปท็อปมีอายุการใช้งานที่สั้น” แต่อย่าลืมนะคะว่า ควรพูดในทางที่เป็นบวกเข้าไว้ อย่าพูดออกแนวเชิงลบเด็ดขาด เช่น “ฉันซื้อคู่มือการหาคู่มาให้คุณ เพราะเห็นว่าคุณอายุมากแล้วแต่ยังไม่มีแฟนสักที!”

4. ของขวัญไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง

คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าของขวัญที่ดีต้องมีราคาแพง ทั้งที่จริง ๆ แล้วของขวัญไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเลยก็ได้ และถ้าคุณอยากจะให้ผู้รับถูกใจจริง ๆ ล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณเลือกของขวัญที่คุณภาพการใช้งานเป็นหลัก (ซึ่งแน่นอนไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง) หรือคุณอาจจะทำขึ้นมาเองก็ได้ ซึ่งของแฮนด์เมดนั้นมักจะมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าราคาของของขวัญอีกนะคะ

5. อย่าซื้อของขวัญที่ตัวเองชอบ

ข้อสำคัญที่คุณต้องพึงระลึกไว้อยู่เสมอคือ อย่าซื้อของขวัญที่คุณชอบหรือของที่คุณอยากได้เองไปให้คนอื่น เพราะนอกจากคนรับอาจจะไม่ชอบแล้ว เขายังจะไม่ใช้มันหรือทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ใช้ประโยชน์จากสิ่งของเหล่านั้นอีกด้วยค่ะ

6. สังเกตดูว่าคนคนนั้นพูดว่าอยากได้อะไร

ขั้นตอนสุดท้าย เป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณจะสามารถซื้อของขวัญได้ถูกใจผู้รับ นั่นก็คือการคอยสังเกตดูขณะสนทนากัน ว่าคนที่คุณจะซื้อของขวัญให้นั้น พูดเปรยหรือแสดงอาการว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษในช่วงนั้นหรือไม่ เช่น “ผมอยากได้ไวน์ดี ๆ สักขวดจังเลย แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนดี” เป็นต้น

และท้ายที่สุด สิ่งที่ที่เราอยากจะแนะนำคุณ คือการระลึกไว้เสมอว่าของขวัญที่คุณให้นั้นสำคัญกว่าเรื่องของราคา ดังนั้นอย่าไปกังวลกับเรื่องของราคาเลยค่ะ สิ่งที่สำคัญคือความตั้งใจของคุณที่อยากจะส่งมอบสิ่งดีดีให้กับคนที่คุณรักมากกว่า ดังนั้น จะรอช้าอยู่ใยล่ะคะ รีบออกไปซื้อของขวัญกันเลยดีกว่า! หรือหากใครอยากประหยัดเงินในช่วงเทศกาลก็ลองอ่านบทความของเรา เรื่อง 6 วิธี ประหยัดเงิน ในช่วง เทศกาล! และหากใครอยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ได้อีก คลิกมาได้เลยที่ บล็อก ของ MoneyGuru.co.th ค่ะ


//money.sanook.com/345327/




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2558    
Last Update : 30 ธันวาคม 2558 21:12:58 น.
Counter : 939 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.