ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เหรียญชำรุด และจุดรับแลก

จากกฎหมายน่ารู้ฉบับก่อนหน้านี้ เราได้รู้แล้วว่าถ้าธนบัตรเก่าหรือชำรุด เราจะนำไปแลกได้หรือไม่อย่างไร วันนี้ก็จะพูดถึงกรณีเหรียญชำรุดว่ามีหลักเกณฑ์การแลกคืนหรือไม่อย่างไร โดยเหรียญกษาปณ์นั้นเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเช่นเดียวกับธนบัตร ผลิตโดยกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง มิได้ผลิตโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และในการผลิตเหรียญกษาปณ์นั้นไม่จำเป็นต้องมีสินทรัพย์หนุนหลังในการผลิต เนื่องจากเหรียญกษาปณ์นั้นมีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว ต่างกับธนบัตรที่ต้องมีเงินหนุนหลังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นหลักประกันว่าธนบัตรที่ออกใช้นั้นมีมูลค่าตามที่ตราไว้อย่างแท้จริง โดยที่ผ่านมามีเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนรวมกัน ประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าตามหน้าเหรียญประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556) 

สำหรับกรณีเหรียญกษาปณ์ที่ชำรุดนั้นสามารถแลกคืนได้ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 12 และมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการรับแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ชำรุด พ.ศ. 2548 โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

1. หากเหรียญกษาปณ์ชำรุดจากการใช้ สึกกร่อนไปตามธรรมชาติจนน้ำหนักลดลงเกินกว่าสองเท่าครึ่งของอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด จะสามารถรับแลกเปลี่ยนได้เต็มตามราคาหน้าเหรียญ 

2. หากเหรียญกษาปณ์ชำรุดจากการถูกกระทำ เช่น เหรียญที่ถูกตัด ถูกตอก หรือถูกกระทำด้วยประการใดๆ ให้บุบสลายหรือชำรุดจนเสียรูป หรือลวดลายลบเลือน หรือทำให้นำหนักลดลงไม่ว่าโดยเหตุใดที่ปรากฏชัดแจ้ง จะรับแลกเปลี่ยนได้ครึ่งราคาของเหรียญกษาปณ์นั้น โดยเหรียญนั้นต้องสามารถมองเห็นลวดลายด้านหน้าหรือด้านหลังว่าเป็นเหรียญกษาปณ์และสามารถทราบได้ว่าเป็นเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาใด ต้องไม่เจาะรูทะลุทั้ง 2 ด้านเกินกว่า 2 ใน 5 ของขนาดเดิมหรือต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 ของน้ำหนักเหรียญกษาปณ์ ขอบด้านนอกของเหรียญกษาปณ์ต้องไม่ถูกตัดขาดออกไปเกินกว่า 2 ใน 5 ของขนาดเดิม หรือต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 ของน้ำหนักเหรียญกษาปณ์ ซึ่งหากเหรียญที่กษาปณ์ชำรุดไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่รับแลกเปลี่ยน 

3. หากเหรียญกษาปณ์ที่ชำรุดเป็นทองคำ เหรียญเงิน หรือเหรียญกษาปณ์ขัดเงา จะไม่รับแลกแลกเปลี่ยน 

4. ส่วนผู้ที่ประสงค์จะขอแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ชำรุด ให้นำเหรียญกษาปณ์ที่ชำรุดมาแลกเปลี่ยน โดยยื่นคำร้องตามแบบที่กรมธนารักษ์กำหนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ หน่วยงานในสังกัดกรมธนารักษ์ ได้ดังนี้ 

ส่วนกลาง หน่วยรับและจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ทั้ง ๓ แห่ง ดังนี้
- สำนักบริหารเงินตรา ถนนจักรพงษ์ บางลำพู โทร. ๐-๒๒๘๑-๑๒๙๕

- กระทรวงการคลัง ซอยอารีสัมพันธ์ ถนนพระราม ๖ โทร. ๐-๒๖๑๘-๖๓๔๐

- สำนักกษาปณ์ รังสิต โทร. ๐-๒๕๑๖-๕๐๓๖ และ ๐-๒๙๐๑-๔๙๐๑

ส่วนภูมิภาค

- ศาลาธนารักษ์ 1 เชียงใหม่

- ศาลาธนารักษ์ 2 สงขลา

- ศูนย์บริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ขอนแก่น

- ศูนย์บริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่อุบลราชธานี

 โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 14 เมษายน 2557    
Last Update : 14 เมษายน 2557 9:28:47 น.
Counter : 1335 Pageviews.  

กล้วย-บ๊วยเค็ม ป้องกันเป็นลมแดด

 ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำงานกลางแจ้ง ต้องหมั่นจิบน้ำเป็นประจำ เนื่องจากความร้อนจะทำให้ร่างกายเสียเหงื่อ ที่มีทั้งน้ำและเกลือแร่รวมอยู่ด้วย หากร่างกายขาดน้ำมากๆ อุณหภูมิภายในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น เกิดภาวะช็อกจากความร้อน หรือเป็นลมแดด ถ้าเรียกให้เป็นทางการก็คือ ‘ฮีตสโตก’ นั่นเอง

อาการที่บ่งบอกว่าร่างกายขาดน้ำ คือ คอแห้ง และปัสสาวะเป็นสีเข้ม หากรุนแรงมากสามารถทำให้หมดสติได้ ดังนั้น การป้องกันตนเองจากการเป็นลมแดด 
ก่อนที่จะออกแดด ให้จิบน้ำบ่อยๆ ช่วยให้ร่างกายดูดซับน้ำไว้ได้ดีกว่าการดื่มน้ำครั้งละมากๆ ที่ร่างกายจะขับออกไปกับปัสสาวะ และทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย

 นอกจากชดเชยด้วยการจิบน้ำแล้ว 
ยังต้องเติมเกลือแร่ให้กับร่างกาย อาจดื่มเกลือแร่ หรือถ้าไม่สะดวกให้กินกล้วยที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม บ๊วยเค็มที่มีโซเดียม จะช่วยเติมเกลือแร่ให้ร่างกาย โดยควรกินพร้อมกับการดื่มน้ำแบบค่อยๆ จิบ

กรณีที่เป็นลมแดดไปแล้ว ให้รีบพักในที่ร่ม และประคบเย็นในบริเวณที่เส้นเลือดใหญ่ผ่าน เช่น คอ และสะโพก จากนั้นรีบไปพบแพทย์ที่ใกล้ที่สุด

ที่มา: //www.clipmass.com/story/84263




 

Create Date : 14 เมษายน 2557    
Last Update : 14 เมษายน 2557 9:23:21 น.
Counter : 1606 Pageviews.  

วิธีเล่นน้ำสงกรานต์ให้สนุกและปลอดภัย

สงกรานต์ปีนี้ไปเล่นน้ำที่ไหนดี? นี่น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนถามตัวเอง ถามคนรอบข้าง คนที่เคยถามคำถามนี้หลาย ๆ คนไม่มีโอกาสได้เล่นน้ำสงกรานต์อีกเลยในปีถัดไป นั่นเป็นเพราะอุบัติเหตุจากสาเหตุต่าง ๆ ปีนี้เรามาเตรียมตัวเล่นสงกรานต์กันให้สนุกและปลอดภัยด้วยวิธีง่าย ๆ กันดีกว่าคะ

1. วางแผนการเดินทางให้รัดกุม ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ (จริง ๆ คนอื่นก็ไม่ควรดื่มเช่นกัน แต่ทราบว่าห้ามกันยากใช่ป่ะ) รวมถึงตรวจสอบสภาพรถให้เรียบร้อย ขับรถด้วยความระมัดระวังไม่เร็วเกินไป เพราะถนนลื่น และผู้โดยสารอาจลื่นหล่นจากรถได้

2. แต่งกายให้เหมาะสม อย่าให้ล่อตาล่อใจเหล่าเสือ ตะเข้จนเกินไป (แอบเซ็กซี่เล็กน้อยไม่ว่ากัน)ที่สำคัญควรพกแว่นกันแดดไปด้วย (สวมเพื่อกันน้ำเข้าตา)

3. จัดเก็บเอกสารสำคัญต่าง ๆ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ไว้ในถุงพลาสติก(แบบกันน้ำเข้านะ)

4. หากใช้ปืนฉีดน้ำควรเป็นแบบที่แรงดันน้ำไม่สูงเกินไป งดใช้แป้ง สี ดินสอพอง (หากงดไม่ได้ใช้พอประมาณ) ผู้หญิงเวลาโดนปะแป้งอย่าก้มหน้าลงเพราะมือคนปะจะล้วงเข้าไปลูบหน้าอกได้

5. ไม่ใช้ก้อนน้ำแข็ง หรือถุงพลาสติกใ่ส่น้ำ เพราะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ (ใช้น้ำเย็นได้)

6. หากโดนสาดน้ำเข้าตา ให้รีบหาน้ำสะอาดล้างตาทันที (พยายามอย่าให้น้ำเข้าตา เข้าจมูก เข้าปากเป็นดีที่สุดจ้า)

7. หลังเล่นสงกรานต์เสร็จรีบอาบน้ำ สระผม ให้สะอาด หากมีบาดแผลให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์และใส่ยาฆ่าเชื้อด้วย

8. หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดหัว มีไข้ หลังจากเล่นน้ำสงกรานต์ อย่าได้นิ่งนอนใจควรไปพบแพทย์ดีที่สุด

9. ดูแลซึ่งกันและกัน เล่นน้ำสงกรานต์อย่างประเพณีไทย

ขอให้ทุกท่านเที่ยวเล่นน้ำวันสงกรานต์อย่างสนุกและปลอดภัยคะ




 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 13 เมษายน 2557 16:23:48 น.
Counter : 789 Pageviews.  

สื่อต่างชาติ เผย 5 เหตุผลว่า ทำไมคนเอเชียจึงมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่าคนตะวันตก

“Why Asians are less creative than Westerners” ทำไมชาวเอเชียจึงมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่าชาวตะวันตก เป็นหนังสือที่เขียนโดย Dr. Ng Aik Kwang ซึ่งโดยรวมเป็นคำแนะนำ เพื่อให้สามารถพัฒนาตนเองในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ครับ

มีเนื้อหาที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ มีการตั้งคำถาม ทำไมชาวเอเชียจึงมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่าชาวตะวันตก? ซึ่งนักวิชาการได้เปรียบเทียบลักษณะสังคมเอเชียและตะวันตกและสรุปว่าแตกต่างกันในประเด็นต่อไปนี้ครับ

1. กฏระเบียบในสังคม

eiei1

ในสังคมเอเชียจะมีกฎระเบียบเพื่อใช้บังคับคนในสังคมมากมายกว่าสังคมตะวันตก ทำให้คนในสังคมตะวันตกมีอิสระทางความคิดมากกว่า

2. ความต้องการยอมรับในกลุ่ม

eiei2

สังคมเอเชียยอมทำตามเสียงส่วนใหญ่มากกว่าจะเป็นตัวของตัวเองตามแบบตะวันตก ในขณะทีคนตะวันตกจะมีความนึกคิดของตัวเอง จึงสามารถคิดในสิ่งที่สร้างสรรค์ได้มากกว่า

3. ระดับชั้นในสังคม

eiei3

ในสังคมเอเชีย บุคคลคบหากันตามระดับชั้นในสังคม และแสดงการกระทำแตกต่างกันไปตามสิ่งต่างๆ เช่น อายุและฐานะ ในขณะที่สังคมตะวันจะมีความเท่าเทียมกัน

4. ความขัดแย้งในสังคม

eiei4

สังคมเอเชียไม่ชอบให้เกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้น จึงรีบทำทุกวิธีเพื่อให้ความขัดแย้งยุติโดยเร็ว แต่ไม่ยุติจริง

5. หน้าตา

eiei5

สังคมเอเชียใส่ใจเรื่องหน้าตาหรือภาพลักษณ์มากกว่าการแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกที่แท้จริง ทำให้บ่อยครั้งสิ่งที่ปรากฎไม่เป็นไปตามความจริง

นอกจากนี้ ในหนังสือยังเล่าเรื่องลักษณะการกระทำของตะวันตกที่ดูเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมเอเชียเลย นั่นก็คือ การสั่นคลอนรากฐานความคิด ตัวอย่างบุคคลที่สั่นคลอนความคิดโลกตะวันตกด้านปรัชญา-โสเครตีส ด้านดาราศาสตร์-กาลิเลโอ กาลิเลอี ด้านการเมือง-คาร์ล มาร์กซ์ ด้านชีววิทยา-ชาร์ล ดาร์วิน และ ด้านฟิสิกส์-อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ที่มา: km.kmutt.ac.th




 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 13 เมษายน 2557 16:22:17 น.
Counter : 1923 Pageviews.  

10 เส้นทางอันตราย ที่ควรระวังเป็นพิเศษ




 ในช่วงสงกรานต์แบบนี้ หลายท่านเดินทางออกต่างจังหวัดผ่านเส้นทางที่ดีและไม่ดี แน่นอนว่าทุกเส้นทางหากไม่ชำนาญก็สามารถเกิดอันตรายได้ง่าย วันนี้เราจึงนำ 10 เส้นทางอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก จากข้อมูลของกรมทางหลวงมาบอก เพื่อให้ใครที่สัญจรผ่านเส้นทางเหล่านี้ได้ระมัดระวังมากขึ้น

1. ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงประตูน้ำพระอินทร์-หนองแค (กม.60-67) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

          เป็นทางตรง 10-12 ช่องจราจร (รวมทางขนานฝั่งละ 2 ช่องจราจร) บริเวณนี้ปริมาณการจราจรสูงและรถขนาดใหญ่วิ่งเป็นจำนวนมาก บางครั้งรถขนาดใหญ่ใช้ความเร็วสูงเกินกฎหมายกำหนด เกิดการตัดหน้ากระชั้นชิดบริเวณจุดเปิดเกาะกลาง

2. ทางหลวงหมายเลข 2 ช่วงหน้าค่ายเพชรรัตน์ (กม.24-34) จ.สระบุรี

          เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขา มีโค้งหลายโค้งต่อเนื่องกัน และเป็นทางลาดชันลงเขา

3. ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงเขาพะวอ (กม.23-30) และดอยรวก (กม.64-70) จ.ตาก

          ทั้ง 2 ช่วงเป็นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความคดเคี้ยวและลาดชัน รวมทั้งสภาพเป็นป่ารกทึบ ประกอบกับเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งไปยังประเทศพม่า ทำให้บริเวณดังกล่าวมีปริมาณการจราจรมาก

4. ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงสะพานพ่อขุนผาเมือง (กม.347-375) จ.เพชรบูรณ์

          บริเวณนี้เป็นทางลงเขาลาดชันยาวประมาณ 3 กม. เป็นทางโค้งรูปตัวเอส (S) ต่อเชื่อมกับสะพานคอนกรีตข้ามทางระหว่างเขา ถนน 2 ช่องจราจร สะพานอยู่ระหว่างโค้ง (โค้งมีรัศมี 200 เมตร) ช่วงบริเวณสะพานเป็นเหวลึกกว่า 50 เมตร

5. ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วงอำเภอพรหมบุรี (กม.77-82) จ.สิงห์บุรี

          เนื่องจากเป็นถนนทางตรง ขนาด 6 ช่องจราจร มีจุดเปิดเกาะกลางกลับรถรอเลี้ยวที่ กม.77+500, 78+000, 78+600, 80+340 และรถมักวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือประชาชนอ่อนเพลียจากการขับรถเป็นระยะทางไกล ผู้ขับขี่หลับใน รวมถึงมีการตัดหน้ากระชั้นชิด


6. ทางหลวงหมายเลข 35 บริเวณสะพานแม่น้ำท่าจีน (กม.28-32) จ.สมุทรสาคร

          เส้นทางเข้าเมืองสมุทรสาคร และไปอำเภอกระทุ่มแบน เป็นย่านชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม มีปริมาณการจราจรสูงและรถใช้ความเร็วสูง ประกอบกับเป็นทางโค้งและมีจุดเข้าออกทางขนานหลายแห่ง อีกทั้งรถจักรยานยนต์มักจะวิ่งย้อนศรบนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน

7. ทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงอุทยานทับลาน (กม.42-45) จ.ปราจีนบุรี

          เป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความคดเคี้ยวและลาดชัน มีรถบรรทุกหนักจำนวนมากวิ่งผ่าน ซึ่งรถเหล่านี้จะเคลื่อนตัวได้ช้าเมื่อวิ่งขึ้นเขาจึงเกิดการแซงกันของรถขนาดเล็กในระยะคับขัน ขณะเดียวกันรถบรรทุกและรถสัญจรโดยส่วนใหญ่ขณะขับลงเขามักจะใช้ความเร็วเกินกำหนด เมื่อมีสถานการณ์เฉพาะหน้าคับขันจะทำให้การควบคุมรถเป็นไปด้วยความยากลำบาก

8. ทางหลวงหมายเลข 225 ช่วงทางลงเขาพังเหย (กม.181-185) จ.ชัยภูมิ

          บริเวณนี้เป็นทางโค้ง และเป็นทางลาดชันสูง

9. ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงโค้งหนองหญ้าปล้อง (กม.365+013-365+113) และช่วงโค้งสายเพชร (กม.389+700-390+000) จ.ประจวบคีรีขันธ์

          เป็นถนนสายหลักลงสู่ภาคใต้ เป็นทางโค้งต่อเนื่องและมีจุดกลับรถอยู่ในบริเวณใกล้เคียง รถสัญจรด้วยความเร็วสูง

10. ทางหลวงหมายเลข 4197 ช่วงโค้งบางโสก (กม.5+400-8+680) จ.พังงา

          เป็นทางโค้งลาดชันลงเนิน

          นอกจาก 10 เส้นทางดังกล่าวข้างต้นแล้ว อธิบดีกรมทางหลวงยังกล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มักพบว่าช่วงวันแรก ๆ ของการเดินทางปริมาณรถจะหนาแน่นในฝั่งขาออก แต่ถนนจะโล่งในฝั่งขาเข้า และในทางกลับกันเมื่อประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ปริมาณรถจะหนาแน่นในฝั่งขาเข้า รถจะโล่งในฝั่งขาออก ทำให้รถจะวิ่งด้วยความเร็วสูงเพราะถนนโล่ง 

          เพื่อความปลอดภัยของประชาชน กรมทางหลวงจึงได้ประสานงานตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรในพื้นที่ ตั้งจุดสกัดบนทางหลวง พร้อมขอให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังการเดินทางด้วย

ที่มา: //car.kapook.com/view86301.html
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม




 

Create Date : 12 เมษายน 2557    
Last Update : 12 เมษายน 2557 12:23:44 น.
Counter : 871 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.