ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

รู้ไหมว่ารุ้งมีกี่แบบ แล้วเกิดขึ้นได้ยังไง...?

สายรุ้งที่สมบูรณ์ที่สุด (Perfect Rainbow)
รุ้ง ที่งดงามที่สุดนั้นคือรุ้งที่แสดงให้เห็นชัดเจนทุกเฉดสีตั้งแต่ต้นจนจบวง ไม่ขาดกลาง พาดเป็นครึ่งวงกลมจรดผืนดิน หากใครสงสัยว่ารุ้งสามารถเป็นเต็มวงกลมได้หรือไม่ คำตอบก็คือทั้งได้และไม่ได้ ที่เต็มวงไม่ได้เพราะมีพื้นดินมาบังเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ตามทฤษฎีเขาบอกว่า ถ้าเราบินได้ ไปอยู่เหนือละอองน้ำ มองไปในหุบเขาก็จะเห็นเต็มวงได้เช่นกัน


แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงละ ?

ฟ้า หลังฝนนั้นเต็มไปด้วยละอองน้ำเม็ดเล็กๆ เต็มไปหมด เมื่อแสงสีขาวจากดวงอาทิตย์ตกกระทบเม็ดน้ำ ก็จะหักเห (Refract) เข้าไปในเม็ดน้ำ แสงสีขาวนั้นประกอบไปด้วยสี ม่วง-คราม-น้ำเงิน-เขียว-เหลือง-แสด-แดง แต่แสงสีต่าง ๆ หักเหได้ไม่เท่ากัน ผลก็คือ แสงสีขาวแตกกระจายเป็นแสงสีต่างๆ ในเม็ดน้ำ เมื่อแสงสีต่างๆ ตกกระทบผิวด้านในของเม็ดน้ำก็จะสะท้อน 1 ครั้ง จากนั้นก็จะหักเหออกมาจากเม็ดน้ำสู่ภายนอก มาเข้าตาเรา แสงสีแดงเข้าสู่ตาเราด้วยมุมเงยที่สูงกว่า จึงปรากฏอยู่ด้านบนของสายรุ้งตัวแรกนี้ แสงสีม่วงนั้นมีมุมเงยต่ำกว่า จึงอยู่ด้านล่าง

นี่คือ รุ้งที่เราเห็นได้ชัด เรียกว่า รุ้งปฐมภูมิ (Primary Rainbow)

คราวนี้เรามาดูการกำเนิดรุ้งตัวที่สอง  แสงสีขาวพุ่งเข้าไปในหยดน้ำ แล้วก็หักเห จากนั้นก็สะท้อน 2 ครั้ง
 แล้วจึงหักเหออกจากเม็ดน้ำ พุ่งเข้าสู่สายตาเรา 
แต่รุ้งตัวที่ 2 นี้สีม่วงมีมุมเงยมากกว่า สีแดงน้อยกว่า ผลก็คือ สีม่วงอยู่ด้านบน สีแดงอยู่ด้านล่าง สลับสีกับตัวแรกคล้ายภาพสะท้อน แต่จะอยู่สูงกว่าตัวแรกเสมอ (ถ้ามองเห็นได้)
 รุ้งตัวที่สองนี้มีชื่อว่า รุ้งทุติยภูมิ (Secondary Rainbow)


รุ้งสองชั้น (Supernumerary Rainbow)
รุ้ง ตัวแรก เรียกว่าปฐมภูมิ ตัวที่สองคือ ทุติยภูมิ ตัวแรกจะเห็นได้ชัดที่สุด มีสีแดงโค้งอยู่บนสุด และมีสีม่วงอยู่ด้านล่างสุดเสมอ ส่วนรุ้งตัวที่สองนั้น จะสลับสีกัน เอาม่วงไปอยู่ด้านล่างสุดและแดงกลับมาอยู่ด้านบนสุด รุ้งที่เกิดการหักเของแสง 2 ครั้ง และสะท้อนออกมา 2 ครั้ง สำหรับรุ้งแบบนี้ว่ากันว่าเป็นรุ้งที่เกิดไม่บ่อย

รุ้งซ้อนแถบดำ (Dark Band)
มอง ดูและฟังชื่อ ก็ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ความจริงเป็นแค่ปรากฏการณ์ที่รุ้งสองตัวมีการกระจายแสงเข้าหากัน และปรากฏแสงสะท้อนกลับมาของหยดน้ำจากรุ้งตัวแรกด้านใน ผสมกับแสงบนท้องฟ้า และแสงสะท้อนหยดน้ำด้านนอกจากตัวที่สอง และส่งภาพเฉดสีมาสู่สายตาเราไม่ได้ จึงเห็นเป็นภาพสีดำๆ นั่นเอง


รุ้งสะท้อนรุ้ง (Reflection Rainbo)
รุ้ง แบบนี้นับว่าเห็นได้ยากมากทีเดียว ภาพนี้ถ่ายโดย Ann Bowker เมื่อนเดือนพฤษภาคม ปี 2003 ซึ่งปรากฏรุ้งพร้อมกัน 4 ตัว ทว่าแต่ละตัวไม่เห็นเป็นวงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอธิบายคร่าวๆ ได้ว่า รุ้งตัวแรกสะท้อนกลับแสงหยดน้ำไปยังตัวที่สอง และเมื่อมีอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นทำให้เกิิดการกระจัดกระจายของแสงแดดบนท้องฟ้า ก็เกิดรุ้งตัวอื่นๆ ถัดมา ซึ่งส่วนใหญ่พบในบริเวณใกล้กับทะเลหรือแม่น้ำ

รุ้งพระจันทร์ (Moonbow)
ส่วน ใหญ่เราเห็นรุ้งกันตอนกลางวัน แต่กลางคืนก็มีรุ้งเหมือนกันค่ะ ภาพนี้ถ่ายได้เมื่อ ธันวาคม 2003 ในช่วงเวลา 20 นาทีสุดท้ายก่อนเกิดพระจันทร์ข้างขึ้น เป็นรุ้งที่หาได้ยากกว่ารุ้งอื่นๆ มากที่สุด เพราะปกติพระจันทร์มีแสงได้ไม่เท่าพระอาทิตย์ แต่หากมีแสงมากพอในคืนพระจันทร์เต็มดวง และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝนตก และท้องฟ้ามีสีเข้มมากพอ ก็จะปรากฏได้ตามที่เห็น แต่สีจะไม่สดใสมากนักเพราะแสงไม่มากพอที่จะกระตุ้นกรวยรับแสงในสายตาของพวก เรานั่นเอง

มูนโบว์ หรือ รุ้งจันทรา คือ รุ้งกินน้ำที่เกิดจากแสงจันทร์ไม่ใช่แสงอาทิตย์ จัทราจะค่อนข้างซีดจาง เนื่องจากแสงจันทร์มีความสว่างน้อยกว่าแสงอาทิตย์มาก เป็นเหตุให้รุ้งจัทราดูไม่ค่อยมีสีสันด้วยตาเปล่า (Cone Receptors ภายในตาคนเราจะมีประสิทธิภาพในการเห็นแสงสีน้อยลงในที่ที่มีแสงน้อย) การถ่ายภาพโดยเปิดหน้ากล้องเป็นเวลานานจะทำใ้ห้เห็นสีของรุ้งชัดเจนขึ้น บางครั้งคนจะสับสนและเรียก "พระจัทร์ทรงกลด" ว่าเป็น "รุ้งจันทรา" ทั้งๆ ที่ "พระจันทร์ทรงกลด" จัดเป็นปรากฏการณ์ประเภท "ฮาโล" ไม่ใช่ "รุ้งกินน้ำ" รุ้งจันทราจะเห็นได้ง่าย เมื่อพระจันทร์เต็มดวงอยู่ใกล้ขอบฟ้า ต่ำกว่า 42 ํ และท้องฟ้ามืด รุ้งจันทราจะเกิดด้านตรงข้ามกับดวงจันทร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ anti-lunar point


รุ้งบนก้อนเมฆ (Cloudbow)
ภาพ นี้ถ่ายเมื่อ มกราคม 2004 โดยช่างภาพ Les Cowley ถ่ายปรากฏการณ์ที่ไม่มีฝนตกเลยสักนิด แต่เกิดรุ้งบนท้องฟ้า ผสมผสานแทรกตัวอยู่กับก้อนเมฆ เขาบอกว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศหนาวเย็นมาก และมีหมอกน้ำค้าง จึงเกิดหยดน้ำเล็กๆ ในอากาศ สร้างความชื้นที่แสดงสีสันโดยไม่ต้องอาศัยละอองฝน

แผนภาพตำแหน่งการเกิดปรากฏการน์บนท้องฟ้า จำลองจากแผนภาพในหนังสือ Kaleidoscop Sky ของ Tim Heard

รุ้งทรงกลด (Circumscribed Halo)
เส้น กลมๆ เป็นวงมีสีจางๆ คล้ายรุ้ง ที่เกิดได้ทั้งรอบพระอาทิตย์และพระจันทร์ เกิดจากที่มีละอองน้ำในชั้นบรรยากาศและกระทบกับแสงอาทิตย์หรือจันทร์ สะท้อนรังสีออกมาให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จากรัศมีของเมฆที่อยู่สูง และหยดน้ำจับตัวเป็นผลึกขนาดเล็กเมื่อเรียงตัวไปในทิศทางเดียวกันก็เป็น วงแหวนขึ้นมา บางครั้งเป็นสีเขียวเพราะเกิดจากการสะท้อนแสง แต่บางครั้งเกิดเป็นสีแดงเพราะเกิดจากการหักเหของแสง

แล้ว "กลด" เกิดขึ้นได้อย่างไรละ ? "กลด" (ร่ม) ของดวงอาทิตย์นั้นเกิดจากการที่แสงอาทิตย์หักเห (Refractx ผ่านผลึกน้ำแข็งโดยผลึกน้ำแข็งที่ว่านี้มักอยู่ในเมฆซีร์โรสเตตัส (Cirrostratus) ซึ่งมีลักษณะคล้ายผ้าบางปิดหน้าหญิงสาว วงสีรุ้งกลมๆ หรือ "กลด" เรียกว่า ฮาโล (Halo) นี้อาจเกิดได้ทั้งรอบดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ถ้าเป็นดวงอาทิตย์ทรงกลด ก็ Solar Halo ส่วนดวงจันทร์ทรงกลดก็ Lunar Halo

ทรงกลดอีกแบบเรียกกันว่า โคโรนา (Corona)
เป็น ปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้ไม่ยากนัก แบบนี้ไงคะ โปรดสังเกตุลักษณะของวงแสงซึ่งค่อนข้างเบลอๆ ไม่คมชัด (เหมือนกรณีฮาโล) อีกทั้งแสงสีแดงๆ ส้มๆ อยู่ด้านนอก (กลับลำดับสีของฮาโล) แล้ว "กลด" แบบ โคโรนาเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าพูดว่ากลดแบบฮาโล (ไม่ว่าดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์) เกิดจากผลึกน้ำแข็งในเมฆ กลดแบบโคโรนาก็เกิดจากหยดน้ำ (ของเหลว) ในก้อนเมฆ

มาดูภาพประกอบกันค่ะ 
ภาพ แรก : แสงจันทราจากทางซ้ายมือ ส่องมายังโลก บางส่วนจ๊ะเอ๋กับหยดน้ำในอากาศ หรือในเมฆทำให้ทิศทางการเคลื่อนที่เบี่ยงเบนเฉไฉไปจากเดิม การเบี่ยงเบนเฉไฉนี้ ภาษาฟิสิกส์ (แบบหรูๆ ) ว่า "การเลี้ยวเบน" หรือ Diffraction ออกเสียง ดิ๊ฟ-แฟร็กชั่น

ภาพที่สอง : คิดคลื่นแสงจากดวงจันทราหลายๆ ขบวน แต่ละขบวนเลี้ยวเบนในทิศทางแตกต่างกันไป ปรากฏว่า คลื่นแสงแต่ละขบวนนี้จะไปผสมผสานกัน (ภาษาฟิสิกส์เรียกว่า แทรกสอด - interfere) ทำให้บางทิศทางก็สว่างขึ้น บางทิศทางก็มืดลง (ตัวอย่าง : คำว่า Bright, 1st order maxima หมายถึงทิศทางที่สว่างจัดเป็นลำดับที่ 1 ตามมาด้วย Bright, 2nd order maxima ซึ่งสว่างเป็นลำดับที่ 2)

รอยยิ้มของท้องฟ้า (Upside-down rainbow) 
บางคน เรียกภาพแบบนี้ว่ารุ้งมีตำหนิ แต่บางคนเรียกว่ารอยยิ้มของท้องฟ้า เป็นลักษณะแสงแบบเดียวกับการเกิดแสงทรงกลด แต่เกิดการรบกวนของอุณหภูมิจึงทำให้เกิดได้ไม่เต็มวง ซึ่งอาจถือได้ว่าการเกิดทรงกลดที่บิดเบี้ยวนี้ ยังก่อให้เกิดภาพอื่นๆ ได้อีกหลายรูปแบบด้วย เช่น ภาพเหมือนเมฆเรืองแสง หรือเฉดรุ้งขนาดสั้นบนท้องฟ้า

แล้วไอ้เจ้ารอยยิ้มเกิดขึ้นได้อย่างไรละ ?
รอยยิ้มบนท้องฟ้าหรือ CZA หรือโค้งเซอคัมซีนิทธัล (Circumzenithal Arc) CZA เป็นปรากฏการณ์คล้ายกับการเกิดรุ้ง เกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์ผ่านผลึกน้ำแข็งแนวนอนในก้อนเมฆบางประเภท CZA มีรูปร่างโค้งเป็นสีรุ้ง ขนาดประมาณ 1 ใน 4 ของวงกลม จุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกลางฟ้า (Zenith) โค้งจะอยู่ขนานกับขอบฟ้า และอยู่ด้านเดียวกันกับดวงอาทิตย์ สีฟ้าจะอยู่ด้านในขอบโค้ง (ใกล้กับจุด Zenith) ขณะที่สีแดงจะอยู่ด้านนอกของโค้ง (ใกล้ขอบฟ้า) CZA นับเป็นฮาโลที่มสีสันสดใส และสว่างที่สุดประเภทหนึ่งทีเดียว 


คลื่นรุ้ง (Nacreous Clouds)
ภาพที่ว่ากันว่า หายากมากที่สุด คือเฉดสีที่มีการเคลื่อนไหวไปมา เหมือนถูกกระแสลมพัด ภาพนี้ถ่ายได้เมื่อปี 2004 โดยช่างภาพ Cherie Ude ซึ่งเขาบอกว่าจำได้ไม่มีวันลืม ในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ยังมีแสงสว่างอยู่ จากแสงสว่างมีการเปลี่ยนสีเหมือนรุ้งกินน้ำ ซึ่งอธิบายว่าเกิดจากลักษณะลมในชั้นบรรยากาษที่โจมตีเข้ามา

รุ้งไฟ
เกิดขึ้นในเมฆเซอรัส ที่ประกอบด้วยผลึกน้ำแข็ง (โดยปกติอยู่ที่ความสูง 6 กิโลเมตร เหนือน้ำทะเล) ขณะที่ดวงอาทิตย์อยู่เหนือขอบฟ้า 58 ํ แสงอาทิตย์ส่องกระทบเกล็ดน้ำแข็งรูป 6 เหลี่ยม ที่บางและโปร่งแสง เกิดการหักเหและสะืท้อนออกมาเป็นแสงสีต่างๆ 

พระอาทิตย์สุนัข (Sundog)
เป็น ภาพที่อธิบายกันว่า เมื่อพระอาทิตย์ลอยต่ำจนถูกเมฆบดบังก็จะเกิดแสงสว่างขึ้น 2 จุด เป็นภาพลวงตาของอาทิตย์ที่รังสีทาบความยาวตามแนวขอบฟ้า ถ้ามีปลายส่วนที่ยื่นออกมาเหมือนหางสุนัขก็จะถูกเรียกว่า Sun Dog หรือ พระอาทิตย์สุนัขนั่นเอง

แล้วไอ้เจ้า Sundog เกิดขึ้นได้อย่างไรละ ?
ซัน ด๊อก เป็นปรากฏการณ์ทางแสงอย่างหนึ่ง มักเกิดเป็นคู่ อยู่ด้านซ้าย-ขวา ในแนวระนาบเดียวกับดวงอาทิตย์ ขนานกับพื้นดิน ซันด๊อกอาจปรากฏเป็นจุดสว่างบนฮาโล หรืออาจมีรูปร่างคล้ายกับดาวหางก็ได้ ซันด๊อกอาจมีสีรุ้งได้ โดยที่สีแดงจะอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ และสีฟ้าขาวอาจปรากฏในส่วนหาง ซันด๊อก เกิดจากการหักเหและสะท้อนแสงของอาทิตย์ กับผลึกน้ำแข็งแท่ง 6 เหลี่ยม ภายในเมฆเซอรัส (Cirrus) หรือ เซอโรสตราตัส (Cirrostratus) เมฆน้ำแข็งอื่นๆ เช่น Ice Fog และ Diamond Dust ก็สามารถทำให้เกิดซันด๊อกได้เช่นกัน

ซันด๊อกมักเกิดเมื่อดวงอาทิตย์อยู่ ใกล้กับขอบฟ้า คือหลังพระอาทิตย์ขึ้น หรือ ก่อนพระอาทิตย์ตก หรือในช่วงเดือนในฤดูหนาวในเขต Mid-Latitades โดยจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นมุม 22 ํ และจะปรากฏบนวงของฮาโลถ้าเกิดปรากฏการณ์ฮาโล

เมื่อดวงอาทิตย์อยู่ในมุมที่สูงขึ้น ซันด๊อกจะเคลื่อนตัวออกห่างจากดวงอาทิตย์ แต่จะยังรักษาตำแหน่งอยู่ในแนวระนาบเดียวกับดวงอาทิตย์

ที่มา: meawlandza / 2th.me




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2557    
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 21:30:41 น.
Counter : 4410 Pageviews.  

มาดู !!! โฉมหน้าเจ้าของเสียงประกาศในรถไฟฟ้า BTS-MRT

BTS คุณรัดเกล้า อามระดิษ

คุณรัดเกล้า อามระดิษ เป็น นักร้องชาวไทย มีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จัก เช่นเพลง "ลมหายใจ" "โปรดเถอะ" "บีบมือ" 1 ใน 3 ศิลปินหญิงสุดยอดคุณภาพระดับแนวหน้าของประเทศไทย และ คุณรัดเกล้ายังได้รับบท “คนทรง”  ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์  “อุโมงค์ผาเมือง”



MRT คุณสโรชา พรอุดมศักดิ์

คุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ มีชื่อเล่นว่า "แอ้ม" เป็นผู้ประกาศข่าว และ พิธีกรชาวไทย

ที่มา: Wikipedia, คุณ kanjananeena จาก Sanook




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2557    
Last Update : 6 มิถุนายน 2557 23:12:59 น.
Counter : 1997 Pageviews.  

เมียนมาร์สำรวจเส้นทางรถไฟเชื่อมจีน

รัฐบาลเมียนมาร์เริ่มสำรวจเส้นทางรถไฟคู่ขนานแนวท่อก๊าซ-น้ำมัน เชื่อมโยงจีน ระยะทาง 950 ก.ม. คาดใช้เงินกว่า 6.5 แสนล้านบาท

สื่อออนไลน์ในเมียนมาร์ Eleven รายงานว่า กระทรวงการขนส่งทางรถไฟของเมียนมาร์ระบุในรายงานฉบับหนึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่า ทางการได้เริ่มสำรวจพื้นที่เพื่อเตรียมงานก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมเมืองจ็อกผิ่ว (Kyaukphyu) ในรัฐยะไข่ กับคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน แล้ว

โครงการนี้เป็นความริเริ่มของรัฐบาลทหารในอดีตภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างเมียนมาร์กับจีน เส้นทางในส่วนของเมียนมาร์มีระยะทาง 950 ก.ม.จากเมืองจ็อกผิ่วถึงเมืองมูเซ (Muse) ในรัฐฉาน โดยจะเชื่อมไปถึงเมืองคุนหมิงในอนาคต

เส้นทางดังกล่าวจะเริ่มจากโครงการท่อส่งก๊าซฉ่วย (Shwe Gas Project) ทอดยาวคู่ขนานกับแนวท่อส่งน้ำมันและก๊าซจากรัฐยะไข่ไปยังจีน ทั้งนี้ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจ็อกผิ่ว ซึ่งจะเชื่อมโยงกับทางรถไฟสายจ็อกผิ่ว-คุนหมิง กำลังเตรียมเปิดประมูลก่อสร้างโดยเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้าร่วม

บันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู ที่ลงนามโดยรัฐบาลทหาร ระบุว่า จีนจะเป็นผู้ลงทุนสร้างทางรถไฟสายนี้ด้วยระบบบีโอที (build-operate-transfer system) โดยจะมอบโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลเมียนมาร์หลังจากผู้ลงทุนได้แสวงประโยชน์ตอบแทนจากโครงการแล้วเป็นเวลา 50 ปี

บรรดาเจ้าหน้าที่ของเมียนมาร์เผยว่า จีนยังกำลังเจรจาแผนก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์คู่ขนานกับทางรถไฟสายนี้ด้วย ซึ่งได้จัดทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเสร็จแล้ว แต่การเจรจายังไม่จบ

เอ็มโอยูที่จะสร้างทางรถไฟสายจ็อกผิ่ว-คุนหมิง ลงนามระหว่างรัฐบาลเมียนมาร์กับบริษัท ChinaRailway Engineering Corporation เมื่อเดือนเมษายน 2554 คาดว่าจะใช้งบประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.5 แสนล้านบาท

เจ้าหน้าที่ผู้ขอสงวนนาม บอกว่า เมื่อคราวลงนามเอ็มโอยูฉบับนี้ จีนบอกว่าจะเจรจารายละเอียดของโครงการรถไฟให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการลงนามบันทึกความตกลงกับเมียนมาร์.




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2557    
Last Update : 6 มิถุนายน 2557 23:09:01 น.
Counter : 887 Pageviews.  

ทำไมเราจึงเห็นล้อรถหรือพัดลมหมุนถอยหลัง

สวัสดีครับเพื่อนๆ ไม่ได้พบกันนานหลายเดือน เนื่องจากมีภารกิจบางประการเลยไม่มีโอกาสได้เข้าโพสท์จังเลย คิดถึงทุกคนครับ  วันนี้กลับมาแล้วพร้อมกับเรื่องราวสาระที่จะนำมาฝากกันครับ

เรื่องที่หลายคนข้องใจว่าทำไมเวลาเราดูภาพยนต์ เราจึงมักเห็นล้อรถคันนั้นหมุนถอยหลังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ใบพัดเฮอริคอปเตอร์ ซึ่งบางทีเราจะเห็นมันหมุนถอยหลัง หรือหยุดนิ่ง เพราะอะไร ลองติดตามอ่านกันครับ

นับตั้งแต่สมัยแรกๆ ของยุคภาพยนตร์  ผู้ทำหนังก็สังเกตเห็นแล้วครับว่าภาพของล้อที่หมุนอยู่บนจอนั้นมันผิดปกติ  ผู้ชมมักจะเห็นว่าล้อหรืออะไรก็ตามที่หมุนๆ ในภาพยนตร์ กำลังหมุนวนไปในทางตรงข้ามกับที่ควรจะเป็น ภาพลักษณะนี้ถูกเรียกว่า "ปราฎการณ์ล้อรถม้า" ครับ

ปรากฎการณ์ล้อรถม้า (wagon-wheel effect) คือคำที่ใช้ในการเกิดกรณีเช่นนี้ ทำไมถึงได้ใช้คำว่าล้อรถม้า  ก็เนื่องจากมันเห็นได้ชัดครับ เพราะล้อรถม้ามันใหญ่  ซึ่งในอดีตภาพยนตร์ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังที่มีรถม้าวิ่งวนอยู่ในหนังเกือบทุกเรื่อง ก็เลยใช้คำนี้เสียเลย

และนอกจากล้อรถแล้ว ภาพลักษณะเดียวกันนี้ ก็ยังสังเกตเห็นได้จากกรณีของใบพัดเครื่องบิน ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ หรือแม้แต่พัดลมที่เราใช้กันอยู่ในบ้าน

ภาพลวงตาของปรากฏการณ์ล้อรถม้า เกิดขึ้นเพราะกล้องถ่ายทำภาพยนตร์บันทึกภาพด้วยอัตรา 24 เฟรม/วินาทีครับ หากล้อหมุนด้วยความเร็ว 24 รอบ/วินาที  กงล้อก็จะหมุนมาอยู่ในตำแหน่งเดิมทุกๆ เฟรม ภาพที่เล่นบนจอก็จะเสมือนว่าล้ออยู่นิ่งๆ ไม่ได้หมุนเลย  

แต่หากล้อหมุนด้วยความเร็วช้าลงคือน้อยกว่า 24 รอบ/วินาที  การหมุนของล้อก็จะวิ่งครบรอบไม่ทันรอบเฟรม ภาพที่ออกมาจึงเหมือนกับว่าตำแหน่งเชิงมุมของกงล้ออยู่หลังตำแหน่งในเฟรมก่อนหน้า  เมื่อฟิล์มภาพยนตร์ถูกฉายเป็นภาพต่อเนื่องบนจอ  สมองเราก็จะแปรผลว่ามันคือภาพของล้อที่กำลังหมุนถอยหลังครับ


หลายคนอาจสงสัยอีกว่า แล้ว 24 เฟรม/วินาที มันคืออะไร ก็เลยขอถือโอกาสอธิบายให้ทราบกันเพราะถ้าเข้าใจถึงเฟรม/วินาที ก็จะทำให้เข้าใจเรื่องนี้ง่ายขึ้นครับ

24 เฟรม/วินาทีคือใน 1 วินาที ที่ทำการฉาย จะมีภาพต่อเนื่องอยู่ 24 ภาพ  ขณะที่เพื่อนๆ กำลังดูภาพยนตร์อยู่ 60 วินาที นั่นแสดงว่าเรากำลังชมภาพไปทั้งสิ้นเท่ากับ 24 ภาพ คูณ 60 วินาที ดังนั้นเท่ากับว่า ใน 1 นาทีเราดูภาพไปทั้งสิ้น 1,440 ภาพกันเลยทีเดียย  ไม่น้อยเลยใช่หรือเปล่าครับ)

หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ก็ทำให้เกิดภาพลวงตาได้

ภาพลวงตาที่คล้ายกับปรากฏการณ์ล้อรถม้า สามารถเกิดขึ้นได้ในห้องที่ใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์  เนื่องจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ไม่ได้เปล่งแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง  แต่มันจะปล่อยแสงกะพริบๆ ด้วยอัตรา 100 ครั้ง/วินาที  โดยปกติตาของเรามองไม่เห็นการกะพริบที่ว่านี้นะครับ

ดังนั้นเวลาเรามองพัดลมที่กำลังหมุน  จึงรู้สึกว่าบางครั้งใบพัดเหมือนกับหยุดหมุนและบางครั้งเหมือนกับหมุนกลับทิศ ปรากฏการณ์ประหลาดของพัดลมเกิดจากแสงของหลอดฟลูออเรสเซนต์ภายในบ้านนั่นเอง  แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ 

ก็เพราะว่า แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์จะสว่างและมืดสลับกันวินาทีละ 100 ครั้ง คือสว่าง 100 ครั้ง และมืด 100 ครั้ง  (ถ้าความถี่เป็นวินาทีละ 60 เฮิร์ต  ก็จะสว่างและมืดสลับกันวินาทีละ 120 ครั้ง

ในช่วงที่ไฟสว่างเราจะมองเห็นใบพัดของพัดลมอยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน  แต่ในช่วงที่มืดเราจะมองไม่เห็นใบพัด พอถึงช่วงที่สว่างอีกครั้งก็พอดีกับที่ใบพัดหมุนไปได้ 120 องศา  แต่เนื่องจากรูปร่างของใบพัดทั้ง 3 ใบเหมือนกันหมด  ดังนั้นบางเวลาจึงรู้สึกเหมือนว่าใบพัดหยุดนิ่งนั่นเอง แล้วเมื่อเราลดความเร็วพัดลมลง  ความเร็วใบพัดไม่ความสัมพันธ์กับแสงกะพริบของหลอดไฟ จึงส่งผลให้ดูเหมือนว่ามันหมุนถอยหลังครับ 

เรื่องที่นำมาเสนอวันนี้ คงทำให้หลายๆ คนหายข้องใจกันได้บ้าง ถึงแม้จะอธิบายได้ไม่ละเอียดนัก มีเวลาก็จะเขียนเรื่องสไตล์ mata มาฝากกันเรื่อยๆ สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปก่อน แล้วพบกันใหม่ครับ mata

เขียนโดย  พรชัย  สังเวียนวงศ์  (mata)

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

  • หนังสือ Science Illustrated November 2013

ขอบคุณภาพจาก

ขอบคุณคลิปจาก




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2557    
Last Update : 6 มิถุนายน 2557 8:37:36 น.
Counter : 1905 Pageviews.  

9 ถนนโลกีย์ ค้ากามโจ๋งครึ่มเย้ยฟ้าท้าตำรวจ

(ภาพประกอบเนื้อหา บุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ)

ข้าง ถนนทั่ว กรุงเทพฯ 9 แห่งพบว่ายังคงมีการซื้อขายบริการทางเพศทุกแห่งอย่างชัดเจน ลูกค้ามีตั้งแต่กรรมกรไปจนถึงเศรษฐี ทั้งชาย หญิงแห่ไปใช้บริการ ที่มีให้เลือกทุกรูปแบบ โสเภณีทุกรุ่น ทุกวัย ทั้งไทยทั้งเทศออกเตร็ดเตร่ล่าลูกค้าแบบเย้ยฟ้าท้าตำรวจ ฝ่ายตำรวจบ่นปวดหัวจับไม่รู้จักหมด ท้องที่ไหนกวาดล้างก็จะไปโผล่อีกแห่ง แม้ตำรวจจะระดมกวาดล้างแหล่งค้าประเวณีเป็นระลอก แต่ก็ไม่ทำให้บรรดาคุณตัวทั้งชายและหญิงหวั่นเกรงแต่อย่างใด และยังคงปักหลักหากิน กระจัดกระจายกันอยู่จนทุกวันนี้ ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” ได้ออกสำรวจ 9 แหล่งค้าประเวณีพบว่า ยังมีหญิงชายคอยให้บริการกันอย่างโจ๋งครึ่ม และไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเกรงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแต่อย่างไร ที่สำคัญคือ โสเภณีขณะนี้มีวัยไม่ถึง 20 ปี
แม่ค้าส้มตำ “หัวลำโพง”

แหล่ง ขายบริการแหล่งแรกเป็นบริเวณ “หัวลำโพง” ที่นี่มีลักษณะการค้าประเวณีไม่เหมือนที่อื่นคือ หากต้องการหญิงบริการจะต้องไปเดินดูแม่ค้าส้มตำ เพราะตลาดเนื้อสดแห่งนี้ใช้วิธีการขายส้มตำบังหน้ากลบเกลื่อนการค้าประเวณี สำหรับแม่ค้าส้มตำกว่า 20 เจ้าที่นี่ส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยประมาณ 15-25 ปีหน้าตาจิ้มลิ้ม ใส่เสื้อสายเดี่ยวรัดรูป รองเท้าส้นตึก ใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง มาปูเสื่อขายส้มตำหาลำไพ่พิเศษซึ่งหากดูย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อนผู้หญิงที่มาขายบริการจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี และไม่มีการแต่งเติมสีสันบนหน้าตาใช้ลิปสติกเพียงแท่งเดียวก็ออกหากินได้แล้ ว ตลาดค้าเนื้อสดแห่งนี้จะเริ่มทันทีเมื่อตะวันลับตกดิน บรรดาหญิงขายบริการจะทยอยกันออกมายึดหัวหาดตั้งร้านอยู่ริมฟุตบาทด้านถนนพระ รามสี่ รายล้อมบริเวณรอบสถานีรถไฟหัวลำโพง “แอ๋ว” หญิงขายบริการวัย 20 ปีในชุดเสื้อรัดรูปสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ขายาวสีขาว เล่าว่า หญิงสาวที่ขายบริการอยู่ที่นี่ประจำมีอยู่ประมาณ 20 คน แต่ฤดูที่ไม่ทำไร่ทำนาจะมีมากเป็นพิเศษ สำหรับหาบส้มตำที่วางขายกันอยู่นั้นเธอกล่าวว่า เอามาจากเจ้าเดียวกันเกือบทั้งหมด ย่านถนนไมตรีจิต เพียงไปสั่งจองว่าต้องการหาบส้มตำ เจ๊เจ้าของหาบก็จะจัดหาเตรียมไว้ให้ ขายราคาจานละ 20 บาท จะได้ครกละ 5 บาท หากต้องไปกับแขกก็ต้องฝากหาบส้มตำไว้กับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ให้ช่วยขายให้ สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ใช้แรงงานอยู่ละแวกนี้ ค่าใช้บริการก็มีเพียงราคาเดียวคือ 500 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าห้องอีก 150 บาทให้เวลาไม่เกิน 1ชั่วโมง +
วงเวียน 22 แหล่งค้าประเวณีดั้งเดิม

ขณะ ที่ตลาดค้าบริการย่านหัวลำโพงกำลังคึกคัก ตลาดค้าเนื้อสดย่านถนนไมตรีจิต

ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็คึกคักไม่แพ้กัน หญิงขายบริการมียืนเรียงรายอยู่สองฟากถนนกว่า 50 คน ตามมุมมืดหน้าโรงแรมจิ้งหรีด จากการสอบถามหญิงที่ขายบริการทราบว่าพวกเธอย้ายมาจากวงเวียน 22 กรกฎา เป็นส่วนใหญ่ เพราะถูกกวาดล้างจากตำรวจท้องที่อย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การกวาดล้างผู้หญิงขายบริการบริเวณถนนไมตรีจิต ค่อนข้างลำบากเนื่องจากมีซอยเล็กซอยน้อยมากมาย ทะลุต่อกันได้ สำหรับราคาค่าบริการอยู่ที่ 300 – 500 บาท ส่วนค่าเช่าห้องหรือโรงแรมชั่วคราว 2 ชั่วโมงอยู่ที่ประมาณ 150 ค้างคืนอยู่ที่ 300 บาท ส่วนลูกค้าที่นิยมใช้บริการจะเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าที่มาใช้บริการที่หัวล ำโพง
อีตัวหนุ่มใกล้กรม รด.

(ภาพประกอบเนื้อหา บุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ)

สำหรับแห่งที่สาม เราได้เข้าไปสำรวจบริเวณหน้าวังสราญรมย์

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ต้องการใช้บริการทางเพศกับเด็กหนุ่ม ว่าบริเวณดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไปบริเวณริมฟุตบาทด้านหน้าวังสราญรมย์ กรมแผนที่ทหาร กรมการรักษาดินแดน ตลอดแนวริมรั้ววัดโพธิ์ไปสิ้นสุดที่หน้ากระทรวงกลาโหม จะมีเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี ร่างกายกำยำ ล่ำสัน ยืนรวมตัวจับกลุ่มกันเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ต้องการใช้บริการทางเพศกับเด็กหนุ่ม ว่าบริเวณดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ผู้ชายขายบริการที่นี่ส่วนใหญ่จะแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านดูทะมัดทะแมง บริเวณริมหัวถนนหน้ากรมแผนที่ทหาร เป็นจุดแรกที่มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ด้วยอิริยาบถแตกต่าง กันไป สายตาคอยสอดส่ายหาลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำที่เคยมาใช้บริการ ถัดขึ้นมาบริเวณริมฟุตบาทหน้ากรมการรักษาดินแดน จากการสังเกตพบว่าผู้ขายบริการส่วนมากจะเป็นเกย์คิงส์ ซึ่งกลุ่มนี้จะยืนเรียงรายให้เลือกอยู่มากพอสมควร หากเลยออกไปอีกหน่อยบริเวณด้านหน้าวังสราญรมย์ รอบรั้ววัดโพธ์ จนถึงหน้ากระทรวงกลาโหม กลุ่มผู้ขายบริการก็จะเปลี่ยนไปเป็นสาวประเภท 2 แต่ก็ยังมีหญิงแท้ให้เห็นบ้างประปราย ตรงจุดนี้จะมีผู้ขายบริการมากกว่าจุดอื่นประมาณกลุ่มละ 7-8 คน และมีมากกว่า 10 กลุ่ม หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง ทีมงาน “คม ชัด ลึก” ทำทีเข้าไปทาบทามขอซื้อบริการจากชายคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งมีรูปร่างสันทัด ผิวเหลือง อายุประมาณ 27-28 ปี ขณะยืนหาลูกค้าอยู่หน้ากรมแผนที่ทหาร เมื่อขับรถเข้าไปใกล้ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น ทำให้เพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง แต่ระหว่างที่ขับรถไปจอดที่หน้ากรมการรักษาดินแดน กลับมีชายหนุ่มอีกคนรูปร่างสูง ท่าทางสะอาดสะอ้านคนหนึ่งซึ่งยืนรอท่าอยู่ พอได้จังหวะจึงชะโงกหน้าเข้ามาในรถพร้อมกับเสนอขายบริการให้ทันที “พี่จะเรียกผมไปไหมครับ ผมขอ 500 บาท ผมเป็นได้ทั้งสองอย่าง พี่มากันกี่คนครับผมมีเพื่อน แล้วพี่มีที่ค้างหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะพาไป ตรงที่พี่ผ่านมานั่นส่วนใหญ่เขาให้บริการแต่ผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายต้องมาตรงนี้ คนที่มาหาซื้อบริการส่วนใหญ่จะมีทั้งผู้ชายผู้หญิงคละเคล้ากันไป มีตั้งแต่พวกรับจ้างขนผักที่ปากคลองตลาด ไปจนถึงคนรวยหรือบางครั้งก็มีดารามาใช้บริการเหมือนกัน” ชายหนุ่มจาระไน “ตุ้ย” เด็กหนุ่มวัย 19 ปี คือคนที่เข้ามาเจรจากับทีมงาน กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ผู้ขายและผู้ซื้อบริการจะแยกกันชัดเจน ลูกค้าส่วนมากจะรู้ว่าโซนไหนขายบริการประเภทใด สำหรับนักเที่ยวขาจรจะสุ่มมาตามคำบอกเล่า แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักเที่ยวแล้ว จะสามารถสื่อกันได้เองโดยอัตโนมัติ ราคาค่าตัวจะมีตั้งแต่ 150 บาทไปจนถึง 1,500 บาท ตามเกรดของสินค้าและการตกลง “ตุ้ย” เล่าอีกว่า สถานที่ใช้บำเรอกามนั้นมีหลายแห่ง มีทั้งราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ถ้าเป็นโรงแรมจิ้งหรีดก็ถูกหน่อย ชั่วโมงละ 20 – 50 บาท ส่วนม่านรูดชั่วโมงละ 120 – 150 บาทมีห้องน้ำในตัว อยู่หลังศาลอาญาและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ชายขายบริการทุกคน “สำหรับลูกค้าระดับล่างที่ไม่มีแม้แต่เงินค่าโรงแรม จะใช้รถเมล์ที่จอดอยู่ที่ท่ารถเป็นสถานที่สำเร็จกิจ ส่วนโรงแรมใหญ่ตรงข้ามสนามหลวง ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เขาจะให้พนักงานของโรงแรมขี่มอเตอร์ไซค์มารับไปให้บริการถึงที่ แล้วจ่ายค่าตัวให้เรา จากนั้นจะไปบวกกับแขกเท่าไหร่ผมไม่ทราบเหมือนกัน รายได้ของผมไม่แน่นอน ถ้าต้นเดือนก็พอมีรายได้เยอะหน่อย ปลายเดือนก็ได้น้อยหน่อย แต่อย่างต่ำก็อยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อวัน” ชายหนุ่ม กล่าว นอกจากนี้ “ตุ้ย” ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ชายหากินที่มาตั้งหลักหาลูกค้าที่นี่ ส่วนมากหนีมาจากสวนลุมฯ เป็นส่วนใหญ่ สาเหตุเนื่องจากช่วงหลังๆ ถูกตำรวจกวดขันหนัก ต่อไปหากที่นี่มีการกวาดล้างอีก ก็ต้องหนีไปที่อื่นอีกเช่นกัน
คลองหลอดแหล่งรวม “ผีขนุน”

คลอง หลอดคือ สถานที่สี่ ที่เราสำรวจเพราะบริเวณนี้เป็นอีกแห่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการขายบริการทา งเพศ หรือที่รู้จักในนาม “ผีขนุน” ลูกค้าส่วนใหญ่คือ ผู้มาขายหรือมาซื้อของแถวปากคลองตลาด ส่วนผู้ที่มาขายบริการในบริเวณนี้ นอกจากจะเป็นหญิงที่อยู่ในวัยตกรุ่นแล้ว ก็ยังมี สาวประเภทสอง ให้เห็นกันเต็มสองข้างถนน เวลาประมาณ 21.30 น. ทีมข่าว คม ชัด ลึก ซุ่มจอดรถอยู่ในมุมมืดข้างประตูวัดแห่งหนึ่งริมคลองหลอด เพื่อซุ่มดูการซื้อขายบริการทางเพศของสาวประเภทสองเหล่านั้นพบว่า มีผู้ชายเดินแวะเวียนมาต่อรองราคาอยู่ตลอดเวลาทั้งเดินเท้า ขี่จักรยานยนต์และขับรถยนต์มาจอดเทียบ แต่เมื่อการต่อรองราคายังไม่เป็นที่พอใจ เธอจึงนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น 5 นาที ก็มีรถกระบะเข้ามาจอดเทียบเธอยื่นหน้าเข้าไปคุยจากนั้นก็คว้าถุงใบหนึ่งเข้า ไปนั่งในรถและปิดประตู ทีมงานคม ชัด ลึก เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในรถแต่ไม่เห็นทีท่าว่ารถคันดังกล่าวจะเคลื่อนที่แต่อย่ างใด ทีมข่าวของเรายังซุ่มดูอยู่ต่อไปจนเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที เธอก็เดินลงมาจากรถและเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนกำแพงวัดเพื่อล้างปาก ทำให้เราพอจะเดาได้ว่า เธอได้ปฏิบัติกามกิจกับคนในรถกระบะคันนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาในลักษณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 50-150 บาท ถูกกว่าการหอบหิ้วกันไปถึงโรงแรม

สวนลุมฯ – สนามหลวงกวาดอย่างไรก็ไม่หมด
ส่วน แห่งที่ห้าและหกนั้นคงเป็นที่คุ้นเคยกันดีคือ บริเวณรอบสวนลุมพินีและรอบสนามหลวง เพราะตรงนี้เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามานาน จากการสำรวจล่าสุดพบว่า หลังจากมีการกวาดล้างกันอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ ยังมีหญิงค้าประเวณีให้เห็นเช่นเดิม แต่สองแห่งนั้นจะแตกต่างในเรื่องของอายุผู้ขายบริการเท่านั้น โดยบริเวณรอบๆ สวนลุมนั้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นสนนราคาอยู่ประมาณ 500-1,200 บาท แพงกว่าหญิงขายบริการย่านสนามหลวงที่มีราคาไม่เกิน 500 บาท

เพชรบุรีตัดใหม่ แหล่งรวมสาวรุ่น
บริเวณ หน้าโรงแรมสยาม ถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นแห่งที่เจ็ด ที่เราเข้าสำรวจพบว่า ก่อนหน้านี้ขึ้นชื่อลือชาว่ามีเด็กนักเรียน นักศึกษา ออกมาขายบริการหาลำไพ่ตั้งแต่หัวค่ำ ที่นี่บรรยากาศการค้าจะเริ่มขึ้นช่วงหัวค่ำประมาณ 1 ทุ่ม สาวๆ กว่าครึ่งร้อยจะแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสวยสดใส ใส่เสื้อสายเดี่ยวบ้างเกาะอกบ้างกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็ยาวรัดเปรี๊ยะจนเห็นเรือนร่างโค้งเว้าทุกสัดส่วนยืนอยู่ในมุมมืดบ้ างอยู่ในมุมสว่างบ้าง ตั้งแต่เชิงสะพานอโศกไล่ลัดเลาะเข้าไปถึงโรงแรมสยาม ผู้หญิงที่ขายบริการช่วงหัวค่ำส่วนมากจะเป็นเด็กสาวอายุตั้งแต่ 18-20 ปี ที่ทำเป็นไซค์ไลท์หรือมาทำเพียงรอบเดียวพอได้เงิน 1,000-2,000 บาทก็เลิกแล้วเข้าไปเที่ยวตามสถานบันเทิงที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนกลุ่มผู้หญิงที่มาขายบริการในช่วงตีหนึ่ง พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่มีทำอาชีพขายบริการอยู่แล้วและใช้เวลาหลังจาก เลิกงานจากอาบ อบ นวดที่เป็นงานปกติไปทำงานพิเศษที่หน้าโรงแรมสยามต่อจนถึงเช้า สำหรับราคาค่าบริการทราบว่าราคาการใช้บริการหญิงสาวพวกนี้จะแพงกว่าที่อื่นโ ดยเริ่มต้นตั้งแต่ 800 บาทจนถึง 3,000 บาท ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมค่าโรงแรม ที่มีราคาอย่างต่ำ 300 บาทหากใช้บริการห้องของโรงแรมสยาม ราคาไม่เกิน 500 บาท แต่หากวันใดตำรวจออกกวาดล้างหญิงขายบริการที่ยืนอยู่ริมถนนก็จะหลบเข้าไปอยู ่ในบริเวณบ่อตกกุ้งซึ่งอยู่ในร้านอาหารใกล้เคียง โดยการนั่งจับกลุ่มกันในโต๊ะเดียว
ซอยนานาแหล่งรับแขกต่างชาติ

(ภาพประกอบเนื้อหา บุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ)

แหล่ง ขายบริการอีกสองแห่งที่ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” เข้าสำรวจคือบริเวณใกล้โรงแรมแอมบาสเดอร์และย่านนานาเหนือ-ใต้ ทั้งสองแห่งนี้มีลักษณะคล้ายๆ กัน ลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ ความแตกต่างจะอยู่ตรงที่ค่าบริการ ซึ่งผู้หญิงที่มาขายบริการบริเวณนานาเหนือและใต้ จะแพงกว่าบริเวณรอบๆ โรงแรมแอมบาสเดอร์เพราะส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติเกรดเอที่มาใช้บริการ ตลาดค้าบริการของทั้งสองแห่งนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลา 2-3 ทุ่ม มีหญิงสาวขายบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่ากว่า 500 คน ในแต่ละค่ำคืนบริเวณนี้จะมีผู้หญิงไทยออกหาล่าเหยื่อชาวต่างชาติประเภท “ผิวดำ” ไม่รวมถึงสาวรัสเซียและสาวอุซเบกิสถานที่แอบเข้ามาขายบริการในโรงแรมเล็กๆ ในตรอกซอยแถวนั้นด้วย การใช้บริการหญิงสาวต่างชาติเหล่านี้หากเป็นคนไทยจะค่อนข้างลำบากเพราะไม่มี นายหน้าหรือคนที่รู้จักคุ้นเคยนำพา จะถูกผู้จัดการโรงแรมปฏิเสธทันที เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการค้าประเวณีของหญิงสาวชาว ต่างชาติค่อนข้างมาก แต่หากผู้ที่ใช้บริการมากับไกด์หรือคนรู้จักกัน ผู้จัดการโรงแรมก็จะจัดหาสาวๆ ชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่ไม่สามารถพูดไทยได้มาให้เลือก สำหรับสนนราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาทเป็นอย่างต่ำ แต่สำหรับขาประจำที่รู้ทางจริงๆ อาจจะเหลืออยู่ที่ 1,000 บาท ไม่รวมค่าห้องชั่วคราวที่เดินขึ้น บันไดไม่ถึง 20 ขั้น ก็ถึงเตียงวิมานคิดราคา 300 บาท ส่วนผู้ที่นิยมสาวๆ ชาวต่างชาติจะต้องควักสตางค์ค่อนข้างแพงถึง 2,500-4,000 บาทต่อการเรียกใช้บริการครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าผู้หญิงชาวต่างชาติทั้งรัสเซียและสาวอุซเบกิสถานที่ มาปักหลักขายบริการอยู่แถบนี้จะระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าจะถูกล่อซื้อแล้วถูกจับกุมส่งกลับประเทศ หากแขกมีลักษณะเหมือนคนมีสีหรือแม้กระทั่งถือวิทยุสื่อสาร เธอจะหลบหายไปในทันที ส่วนตลาดเนื้อสดบริเวณด้านหน้าโรงแรมแอมบาสเดอร์นั้นพบว่า ตลาดจะเริ่มคึกคักพร้อมๆ กับซอยนานา แต่เกรดของผู้หญิงที่ขายบริการจะด้อยกว่าทางซอยนานาเหนือและใต้ นอกจากนี้ในร้านอาหารดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย้านนั้นยังเป็นแหล่งนัดพบขอ งหนุ่มสาวที่เสร็จจากงานในช่วงเวลากลางคืน หญิงสาวบางคนยังอารมณ์ค้างอยู่กับการขึ้นห้องกับแขกในเวลางาน ก็จะนิยมมาที่นี่เพื่อซื้อขายบริการเสพสุขกันอย่างเสรี ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ความพอใจกันของทั้งสองฝ่าย ตำรวจปวดหัวจับเท่าไรก็ไม่หมด
ย่าน ค้ากามทั้ง 9 แห่งล้วนเป็นแหล่งเดิมๆ ที่รู้กันดีว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้น ตำรวจแต่ละท้องที่ก็ออกกวาดล้างเป็นระยะๆ แต่ดูเหมือนว่าโสเภณีเร่ร่อนทั้งหญิง ชายจะไม่ได้ลดลงสักเท่าไร พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง (ผกก.สน.พระราชวัง) ยอมรับว่า บริเวณหน้าวังสราญรมย์มีกลุ่มผู้ชายมาปักหลักขายบริการอยู่เป็นเวลานานแล้ว ที่ผ่านมามีการระดมกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง จนระยะหลังกลุ่มผู้ขายบริการลดน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ “เรามีการจับกุมตัวมาดำเนินคดีทุกวัน บางวันจับได้มากที่สุดถึง 30-40 คนเลยทีเดียว ไม่รู้มาจากไหนกัน ตอนนี้เราทำได้อย่างเดียวก็คือออกตรวจวันละ 2 ครั้ง ช่วง 3 – 4 ทุ่มและตี 3 – ตี 4 แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีคนเข้ามาลักลอบขายบริการอยู่ดี” พ.ต.อ.อุทาสิน กล่าว ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้ชายที่มาขายบริการในบริเวณดังกล่าวไม่ใช่คนในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาจากที่อื่นตั้งแต่หัวค่ำ ปัจจุบันไม่มีสถิติผู้ค้าประเวณีที่แน่นอน เพราะบางช่วงก็มีมากบางช่วงก็มีน้อย ขึ้นอยู่กับท้องที่ไหนมีการกวาดล้างก็จะหนีมาอยู่ที่นี่ หมายเหตุเก็บมาเพราะมันน่าสนใจดี

บทความจาก //www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=taiji1th&topic=195




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2557    
Last Update : 5 มิถุนายน 2557 18:14:28 น.
Counter : 18983 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.