ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Krokodil ยาเสพติดที่อันตรายที่สุดในโลก




หากใครอ่านหัวข้อนี้แล้วกำลังจะเถียงว่า ยาเสพติดที่ร้ายแรงที่สุดในโลกมันคือ Heroin ต่างหาก  แล้วไอ้ยา Krokodil คืออะไร? ทำไมพึ่งเคยได้ยิน ? เราโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้อยู่ห่างใกลจากยาเสพติดชนิดนี้ ดังนั้นเรามาดูความน่ากลัวและผลพวงจากยาเสพติดตัวนี้กัน กับยาเสพติดน้องใหม่ที่ร้ายแรงที่สุดในโลก ‘ Krokodil ‘

Krokodil [ครอค-โค-ดิล] เป็นชื่อยาเสพติดน้องใหม่ชนิดหนึ่ง ซึ่งชื่อเรียกนั้นนำมาจากคำว่า Crocodile ในภาษารัสเซียนั่นเอง และ เพราะเหตุนี้ชื่อยาจึงบ่งบอกผลพวงอย่างแรกที่ผู้เสพจะได้รับนั่นก็คือ ถูกเจ้าจระเข้ Krokodil กัดกินจากข้างใน พร้อมทั้งเมื่อเสพไปแล้ว ผิวหนังและเส้นผมจะหลุดร่วง มีสะเก็ดลอก ทำให้ผู้เสพผู้นั้นมีลักษณะคล้ายจรเข้อย่างไม่ต้องสงสัย และผลกระทบแก่ผู้เสพยาจำพวกนี้ส่วนมากจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี

ทำไมมันถึงเป็นที่นิยมของเหล่าขี้ยา? 
             นั่นก็เพราะ  Krokodil เจ้ายาเสพติดตัวนี้ มีราคาถูกมากกว่า Heroin มาก ๆ !! โดยรายราคาเฉลี่ยจากตลาดยานั้น  Krokodil จะแอบซื้อขายกันที่ 6 – 8 เหรียญต่อหนึ่งโดส  แต่ Heroin จะแอบซื้อขายกันที่ 150 เหรียญ นั่นเท่ากับว่า Heroin นั้นแพงกว่าเกือบ 20 เท่า ด้วยความเมาที่มากพอกับ Heroin แต่ราคาและโปรโมชันจัดหนักแต่ผ่อนสบายๆ มีหรือขี้ยาทั้งหลายจะไม่ให้ความสนใจ
             ส่วนผสมของ Krokodile นั้น จะประกอบไปด้วย Codeine, Benzine, paint thinner และอื่นๆ หากอ่านแล้วไม่รู้จัก คร่าวก็จะเป็นน้ำมันรถ ที่เราใช้เติมอยู่ทุกวัน ผสมไอโอดีน, เกลือ รวมไปถึง กรดจำพวกต่างๆ และขาดไม่ได้คือใช้ Codeine ผสมเข้าไปด้วยนั่นแหละครับ ( เฮโรอีนก็ใช้ส่วนผสมของ Codeine ซึ่งนำมาจากยาพาราฯบางยี่ห้อก็มีนะ ที่มีข่าวหมอถูกจับเพราะแอบนำไปซื้อขายกันน่ะ)
             ส่วนวิธีการเสพ ก็จะเหมือนยารุ่นพี่อย่าง Heroin เสพโดยการเผาให้เป็นน้ำ แล้วนำมาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง และผลกระทบที่น่ากลัวมันจะเกิดขึ้นที่ขาก่อนเป็นลำดับแรก และจะเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดในเวลาต่อมา และจะเริ่มเกิดแผลตามผิวหนังในช่วงที่ฉีดเข้าไปมันจะสีฟ้ารอบบาดแผลและจะทำให้ผิวหนังเนื้อเยื่อช่วงนั้นตายและทำให้แขนหรือขาเน่าเปื่อย ต่อจากนั้น หลอดเลือดคอ และเนื้อเยื่อกระดูกจะมีรูพรุนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะขากรรไกรล่างจะถูกทำลาย เนื่องจากส่วนผสมจากกรด จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อจากข้างใน
            ที่น่ากลัวกว่านั้น ไม่ใช่รูปภาพแผลเหวอะหวะจากผลพวงของมัน แต่ก็เพราะ Krokodil กำลังจะเเพร่ระบาดไปทั่วโลก และตอนนี้ ระบาดไปถึงทางอเมริกาเรียบร้อยแล้ว จึงอยากขอเตือน วัยรุ่นวัยคึกคะนองวัยอยากลองทั้งหลายว่า เราควรอยู่ให้ห่างมันไว้ ไม่เฉพาะกับ Krokodil แต่เราทั้งหลายควรอยู่ให้ห่างจาก “ยาเสพติด” ทุกประเภท ทุกชนิด จะเป็นดีที่สุด และสิ่งสำคัญคือ ความรัก ความใส่ใจต่อบุตรหลานในครอบครัว สิ่งนี้เป็นพลังที่จะทำให้ทุกคนอยู่ห่างใกลจากยาเสพติด



ข้อมูลและรูปภาพจาก : redhotrussia ,  guardianlv , unlockmen






 

Create Date : 09 ธันวาคม 2556    
Last Update : 9 ธันวาคม 2556 8:42:54 น.
Counter : 2133 Pageviews.  

โอริโอ้ ทำให้คนติดแบบเดียวกับ โคเคน



“บิด ชิมครีม จุ่มนม” วลียอดฮิตจากโฆษณาคุ๊กกี้ช็อคโกแลตสอดใส้ ”โอริโอ้” ด้วยรสชาติแสนอร่อยของช็อคโกแลตบวกกับความหวานของใส้ที่มีหลากหลายรสทำให้โอรีโอ้เป็นขนมที่เป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆคน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Connecticut ออกมาว่า “โอริโอ้” ออกฤทธิ์ทำให้ติดแบบเดียวกับ ”โคเคน”

              งานวิจัยนี้เป็นผลงานของนักศึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา จำทำขึ้นเพื่อหาสาเหตุและความเกี่ยวเนื่องกันว่า อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรคอ้วนในเขตพื้นที่ที่มีรายได้น้อยได้อย่างไร และเมื่อเป็นการศึกษาเกี่ยวกับอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง พวกเค้าจึงเลือก โอริโอ้ และที่สำคัญโอริโอ้เป็นอาหารที่หนูทดลองชอบมากอีกด้วย ซึ่งงานวิจัยนี้สนับสนุนทฤษฎีที่ว่า “อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงส่งผลกระตุ้นสมองแบบเดียวกับที่ยาเสพติดทำ”

             การวิจัยนี้ทำโดยปล่อยหนูเข้าไปในเขาวงกตโดยมีทางออกสองทางที่ด้านหนึ่งเป็นโอริโอ้ และด้านหนึ่งเป็นเค้กข้าว อีกกลุ่มทดลองหนึ่งจะฉีดโคเคนหรือมอฟีนในทางออกแรก อีกทางออกจะเป็นการฉีดน้ำเกลือธรรมดาที่ไม่ส่งผลอะไรต่อร่างกาย ผลการทดลองออกมาว่าเมื่อปล่อยให้หนูวิ่งเลือกเส้นทางเอง มีแนวโน้มว่าหนูส่วนใหญ่จะวิ่งไปในด้านโอริโอ้บ่อยครั้งเช่นเดียวกับอีกกลุ่มที่จะวิ่งไปด้านที่มีโคเคน

             เป็นที่รู้กันดีในทางวิทยาศาสตร์ว่าคุ๊กกี้เป็นอาหารที่ทำให้ติดได้ ซึ่งอาหารในกลุ่มนี้ได้แก่ ขนมปังขาว โดนัท พาสต้า และถั่วและมันฝรั่งทอด โดยโอริโอ้หนึ่งชิ้นนั้นเปรียบได้กับคุ๊กกี้ทั่วไปสามชิ้นที่ประกอบด้วยน้ำตาล 14 กรัม และไขมัน 7 กรัม ถึงแม้โอริโอ้อาจไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายแบบยาเสพติด แต่การบริโภคขนมที่มีน้ำตาลและไขมันสูงมากเกินไปส่งผลร้ายต่อร่างกายได้หลายทางเช่นโรคอ้วนหรือเบาหวาน ฉะนั้นการรับประทานแต่พอดีและออกกำลังกายเป็นประจำก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกๆคน



ที่มาข้อมูลและรูปภาพ : //technolomo.com




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2556    
Last Update : 7 ธันวาคม 2556 9:25:04 น.
Counter : 1785 Pageviews.  

พระราชดำรัส “ในหลวง“ ขอให้คนไทยตระหนักทำหน้าที่เพื่อชาติ

พระราชดำรัส “ในหลวง“ ขอให้คนไทยตระหนักทำหน้าที่เพื่อชาติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 86 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2556

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสตอบ พระบรมวงศานุวงศ์ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ทหารทุกหมู่เหล่า และประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ ความว่า

ขอขอบพระทัย และขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พร รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาด้วยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอแสดงสนองพรและไมตรีจิตทั้งนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน

บ้านเมืองของเราเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความเป็นปึกแผนในชาติ และต่างบำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ให้สอดคล้องเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ของชาติ คนไทยทุกคนจึงควรตระหนักในข้อนี้ให้มาก และตั้งใจประพฤติตัวปฎิบัติงานให้สมฐานะและหน้าที่ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมคือความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมืองไทย

ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป


S! News สนับสนุนเนื้อหา




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2556    
Last Update : 6 ธันวาคม 2556 8:26:23 น.
Counter : 1059 Pageviews.  

เรื่องน่ารู้ของ พอล วอล์คเกอร์



1.ประวัติ
พอล วิลเลียม วอล์กเกอร์ เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1973 เกิดที่รัฐแคลิฟอร์เนีย

2 ครอบครัว
แม่ของพอล เคยมีอาชีพเป็นนางแบบ มีน้องชาย 2 คน และน้องสาวอีก 1 คน รวมทั้งมีลูกสาวที่น่ารัก 1 คน ชื่อ Meadow Rain Walker กับอดีตแฟนสาว Rebecca

3. ประวัติการศึกษา
ศึกษาที่โรงเรียนเดอะ คาร์เดน ลี ต่อด้วยอัลเฟรด โนเบิล สคูล และระดับไฮสคูลที่วิลเลจ คริสเตียน จบการศึกษาในปี 1991 หลังจากนั้นศึกษาต่อที่ วิทยาลัยทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียหลายแห่ง สาขาชีววิทยาทางทะเล

4. การเข้าวงการ
เริ่มเข้าวงการตั้งแต่เด็กด้วยการถ่ายแบบโฆษณา ต่อมาร่วมแสดงในละครซิตคอมเรื่อง Throb ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 80 เข้าสังกัดโมเดลลิ่งและมีผลงานภาพยนตร์เกรดบีอย่าง Monster in the Closet (1987) และ Tammy and the T-Rex (1994) และยังเล่นละครเช่น The Young and the Restless ในปี 1993

5 ผลงานแจ้งเกิด
ทว่าผลงานแจ้งเกิดที่ทำให้พอลเป็นที่จดจำจากคนทั่วโลกคงหนีไม่พ้นหนังแฟรนไชส์สุดฮิตอย่าง The Fast and the Furious ในบทบาท Brian O'Conner หนุ่มนักซิ่งบ้าดีเดือด ที่พร้อมตบเกียร์ ดริฟท์รถประชันกับคู่แข่งได้ทุกเมื่อ โดยพอลได้ร่วมแสดงในแฟรนไชส์หนังรถซิ่งชุดนี้เกือบทุกภาค (ยกเว้น The Fast and the Furious: Tokyo Drift ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 (พ.ศ. 2549)

6. รางวัล
ในปี 2002 วอล์กเกอร์ ติด 1 ใน 50 หนุ่มหล่อสาวสวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารพีเพิล
เป็นผู้ชนะรางวัลรางวัล Young Hollywood Award สาขา Exciting New Face – Male ในปี 2000เป็นผู้ชนะรางวัลรางวัล Hollywood Breakthrough Award สาขา Breakthrough Male Performance และรางวัล Young Hollywood Award สาขา New Stylemaker – Male   ในปี 2001
     เป็นผู้ชนะรางวัลรางวัล MTV Movie Award สาขา Best On-Screen Team (ได้รางวัลคู่กับ วิน ดีเซล) จากหนัง The Fast and the       Furious ในปี 2002
     เป็นผู้ชนะรางวัลรางวัล Teen Choice Award สาขา Choice Movie Chemistry จากหนัง 2 Fast 2 Furious ในปี 2003

7. การถ่ายทำ fast & furious 7
ทั้งนี้ พอล วอล์กเกอร์ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในบทไบรอัน โอคอนเนอร์ จากภาพยนตร์ซีรีส์เรื่องฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส ซึ่งมีมาแล้ว 6 ภาค โดยภาคที่ 7 ซึ่งมีกำหนดฉายปีหน้า มี “จา พนม” ดารานักบู๊ชาวไทย ร่วมแสดงกับ พอล วอล์เกอร์ และวิน ดีเซล สองคู่หูพระเอกของเรื่อง นอกจากนั้นยังมีภาพยนตร์ดรามาเรื่อง “อาวร์ส” ซึ่งมีกำหนดจะออกฉายเดือนนี้ด้วย

8. นิสัย
เห็นท่าทางของ พอล วอร์คเกอร์ ดูแข็งแกร่งดุดันแบบนี้ จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนมีมุมที่อ่อนโยนและชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยเช่นกัน โดยในปี 2013 (พ.ศ. 2556) พอลเดินทางไปประเทศชิลี เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมทั้งเดินทางไปกับทีมงานช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมที่ประเทศเฮติ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2010 (พ.ศ. 2553) อีกด้วย

9. ชีวิตส่วนตัว ที่พัก
เขาพักอาศัยอยู่แถบซานตา บาบาร่า ในแคลิฟอร์เนียกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งที่เขาเลือกซื้อบ้านอยู่ที่นี่ก็เพราะเขาสามารถออกไปเล่นเซิฟ กีฬาทางน้ำสุดโปรดของเขาที่ชายหาดได้ทุกวัน นอกจากนี้ ที่แฟนหนังเห็นเขาออกลีลาบู๊ในหนังแอ็คชั่นได้ไหลลื่นก็เพราะ พอล วอร์คเกอร์ เรียนศิลปะการต่อสู้อย่าง บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู (Brazilian Jiu-Jitsu) ได้ถึงสายน้ำตาลเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของรถนิสสันรุ่น Skyline R34 GT-R V-Spec II ที่ถูกใช้ในหนัง 2 Fast 2 Furious ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนขับเองในเรื่อง และแสดงฉากสตั๊นต์เองในบางฉากอีกด้วย

10. เสียชีวิต
สำนักข่าวบันเทิงสื่อดังของสหรัฐอเมริกา TMZ รายงานว่า พอล วอล์คเกอร์ (Paul Walker) ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ย.ทีผ่านมา แหล่งข่าวยืนยันว่าเสียชีวิตในวัย 40 ปี



ข้อมูลและรูปภาพจาก : //movie.bugaboo.tv/




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2556    
Last Update : 4 ธันวาคม 2556 8:23:53 น.
Counter : 4998 Pageviews.  

ทำไมเจ้าสาวต้องโยนช่อดอกไม้



สงสัยกันไหม ?
ทำไมเจ้าสาว ต้องโดยนดอกไม้
          ในการแต่งงานแต่ละครั้งสิ่งที่เราจะเห็นประจำจนเป็นธรรมเนียมหรือประเพณีสำหรับการแต่งงานไปแล้วก็คือ การให้เจ้าสาวโยนดอกไม้ในวันแต่งงานค่ะ หลาย ๆ คนคงจะสงสัยกันใช่ไหมค่ะว่าทำไมจะต้องโยนทุกงานด้วย ไม่โยนไม่ได้เหรอ แล้วทำไมเวลาจะโยนทีไรสาวโสดทั้งหลายจะต้องแย่งกันรับด้วย?
          จริง ๆ แล้ว การโยนดอกไม้ในวันแต่งงานคือธรรมเนียมการแต่งงานของชาวตะวันตก ซึ่งมีมาตั้งแต่สสมัยยุโรปยุคกลาง (ค.ศ. 400-476 ถึงค.ศ. 1453-1517 หรือประมาณ 1,600-500 ปีที่แล้ว) นานมาก ซึ่งในตอนแรก เจ้าสาวมักจะคิดว่าคงไม่ได้ใช้ชุดเจ้าสาวนี้อีกต่อไปแล้ว และมีความเชื่อกันว่า ชุดแต่งงานถือเป็นเครื่องรางนำโชคสำหรับผู้หญิงคนอื่น เมื่อพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นลงเจ้าสาวมักจะยกชุดแต่งงานให้กับบุคคลอื่น ซึ่งบางทีอาจจะให้ไม่ทั่วถึงเพราะว่ามีชุดเดียว บรรดาสาวโสดทั้งหลายจึงได้พากันมารุมฉีกชุดแต่งงานออกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แล้วนำเก็บไว้
          เมื่อเวลาผ่านไปชุดแต่งงานได้มีราคาสูงขึ้น และเริ่มมีประเพณีการเก็บชุดแต่งงานเอาไว้เป็นที่ระลึกหรือเพื่อให้ลูกสาวได้ใช้ต่อไปค่ะ  และเพื่อป้องกันบรรดาสาวโสดมาฉีกชุดแต่งงาน จึงได้มีการคิดที่จะโยนสิ่งอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือยางรัดถุงน่องค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักจึงได้มีการเปลี่ยนเป็นการโยนดอกไม้แทนค่ะ เพราะว่าดอกไม้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการเจริญเติมโต และดอกไม้ก็ต้องมีวันเหี่ยวเฉาลง เจ้าสาวจึงไม่นิยมเก็บเอาไว้ค่ะ แต่ก็มีบางคู่ที่ไม่นิยมโยนดอกไม้นะค่ะ แต่จะแจกดอกไม้ให้แก่ผู้หญิงคนละ 1 ดอกแทนค่ะ (วิธีนี้ทั่วถึงมากค่ะ แต่ว่าเปลืองดอกไม้มาก) และบางคู่อาจจะไม่มีการโยนดอกไม้หรือว่าให้ดอกไม้เลยก็ได้ค่ะ 
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ทำไมเวลาเจ้าสาวจะโยนดอกไม้ ทำไมต้องให้สาวโสดมารอรับด้วย ก็เป็นความเชื่อที่ว่าหากว่าสาวโสดคนไหนได้รับดอกไม้จากเจ้าสาว จะได้แต่งงานเป็นรายต่อไป 
สำหรับดอกไม้เจ้าสาวในวันแต่งงานจะนิยมเลือกคือดอกกุหลาบ ค่ะ แต่ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของเจ้าสาวด้วยค่ะ และนี่คือความหมายของดอกไม้ที่ใช้ในวันแต่งงานค่ะ
• ช่อดอกกุหลาบ หมายถึง ความรักอันโรแมนติก ความสวยงาม เสน่ห์ดึงดูดและรักแท้ระหว่างคู่บ่าวสาว
• ช่อดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วาลเล่ย์ หมายถึง ความอ่อนหวาน ความสุขของเจ้าสาวและเส้นทางที่จะนำไปพบความสุข เหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์
• ช่อดอกคาลล่าลิลลี่ หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความสง่างาม ความหรูหราของเจ้าสาว ซึ่งจะโดดเด่นตราตรึงอยู่ในใจของเจ้าบ่าวตลอดไป
• ช่อดอกทิวลิป หมายถึง ความสดใส ความสุข ความสมหวัง เป็นตัวแทนของความรักที่เต็มเปี่ยมระหว่างคู่สมรส และแทนความสุขสดใหม่ของความรักตลอดไป
• ช่อดอกเรนันคูลัส หมาย การตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งของคู่บ่าวสาว

ในการแต่งงานแค่ละครั้งเป็นอะไรที่มีความหมาย และมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคู่บ่าวสาวมาก ยังไงเมื่อได้แต่งงานกันแล้วก็ขอให้รักกันไปตลอดนะค่ะ


//guru.sanook.com/




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2556    
Last Update : 2 ธันวาคม 2556 7:53:12 น.
Counter : 1320 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.