ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

พฤติกรรมการกิน ที่ทำให้แก่เร็ว



สุขภาพ จะดีหรือไม่อยู่ที่ “ปาก” ของเราเป็นหลัก ด้วยการกินนี่เองที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์รักษาโรคได้หรือทำให้เจ็บป่วยได้ก็มาจากการกินเหมือนกัน กินดีได้ดี กินร้ายได้ร้าย

      ซึ่งการกินที่ควรเลี่ยงให้น้อยที่สุดหรือปลอดไปเลยมีอยู่ 7 ประการดังนี้

     1. กินหวาน ไม่ได้หมายถึงห้ามเด็ดขาดเลยครับเพียงแค่ขอให้ “อ่อนหวาน” ลงเพื่อจะได้คงสุขภาพที่ดีไว้นานๆ ทั้งอาหาร ของหวานและเครื่องดื่มครับ แค่นี้รอบพุงก็ไม่เกิดอาการ “ปลิ้น” แล้ว

    2. กินไม่เคี้ยว สังคมยุคใหม่ต้องรีบกินจึงทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาจากอาหารที่ “เคี้ยวน้อย” ขอให้ท่านที่รักยอมเสียเวลาสักนิด ตั้งใจเคี้ยวสักคำละ 10 ครั้งจนติดเป็นนิสัยจะทำให้ได้สุขภาพดีทั้งสมองและทางเดินอาหาร

    3. กินดึก การรับประทานมากกว่า 3 มื้อหรือเพิ่มมื้อพิเศษยามราตรีเข้ามาจะพาให้สุขภาพ แย่ลงเร็วครับ เพราะร่างกายถูกดีไซน์มาให้พักผ่อนตอนกลางคืน คนที่กินดึกจะเสี่ยงต่อโรคอ้วน นอนไม่หลับ กรดไหลย้อนและอีกมาก การกินดึกจึงเป็นบ่อนทำลายสุขภาพอย่างเร็วยิ่งทางหนึ่ง

4. กินแล้วนิ่ง กินแล้วไม่ขยับเข้าสู่ภาวะจำศีลหรือนั่งแปะอยู่แต่กับเก้าอี้ทำงานหลังอาหารมื้อใหญ่ล้วนเป็นภัยต่อสุขภาพ อย่างร้ายแรงครับ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจจะถามหา ขอให้หาทางออกกำลังกายหรือขยับตัวบ้างสร้างให้ติดเป็นนิสัยจะดีที่สุด

   5. กินอิ่มแล้วอิ่มอีก การรับประทานอาหารด้วยความ “อยาก” มากกว่า “หิว” หรือการกินบุฟเฟ่ต์ที่ต้องพยายามกินทรมานมากกว่าอร่อยบ่อยๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยรวม นอกจากทำให้ร่างกายติดนิสัยการกินดุแล้วยังทำให้ได้รับแคลอรีเกินความต้องการต่อวันอย่างน่าตกใจ

 6. กินซ้ำ วิถีชีวิตคนทำงานมักเกิดอาการกินซ้ำได้บ่อยครับ เป็นมนุษย์กะเพราไก่ มนุษย์ข้าวไข่เจียวหรือมนุษย์บะหมี่ซอง กินเข้าไปก็ยิ่งไปซ้ำเติมสุขภาพให้ได้รับแต่สารอาหารซ้ำๆ ลองนึกดูว่าถ้ามีพิษก็จะได้พิษสะสมซ้ำๆ เช่นกัน

7. ปรุงก่อนกิน ท่านที่ชอบเติม เปรี้ยว เค็ม หวานฯลฯ เกิดอาการ “ติดปรุง” ขอให้ค่อยๆ เปลี่ยนดีกว่าครับ เพราะวันหนึ่งคนเราไม่ควรได้น้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา ส่วนน้ำปลานั้นก็ไม่น่าเกิน 3 ช้อนชาครับ ทั้งนี้คือรวมทั้งที่มีอยู่ในอาหารนั้นๆ แล้วด้วย ดังนั้นจะเห็นว่ายิ่งปรุงเพิ่มยิ่งเสี่ยง

ทั้ง 7 ประการเป็นการกินที่ควรมีให้น้อยที่สุดหรือถ้าเลี่ยงได้ยิ่งดี เพราะอวัยวะในตัวเราหลายอย่างถ้าเสียไปเพราะการกินแล้ว “ซ่อมไม่ได้” และ “ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน” อย่างสมอง กระเพาะอาหาร ตับหรือไตครับที่ใช้ของใครก็ไม่เหมือนของตัวเอง

ที่มาข้อมูล : Nestle
รูปภาพจาก : msn.com




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2557 8:09:13 น.
Counter : 1113 Pageviews.  

เราหาวว..ว...ทำไม?

ทำไมเราถึงได้... ห...หา..ว..ว... แจ๊บๆ อ่ะแฮ่ม!

จริงๆต้องบอกว่า ยังไม่มีใครรู้เหตุผลชัดๆครับ... จบ ไม่ใช่!! จริงๆถึงจะไม่รู้ก็จริง แต่มีคำอธิบายที่น่าสนใจอยู่บ้างครับ

ในสมัยก่อนเราเชื่อกันว่าคนและสัตว์ต่างๆที่มีพฤติกรรมการหาวนั้น เป็นกลไกการเพิ่มออกซิเจนในเลือด(เพราะเราจะสูบเอาอากาศเข้าไปทางปากจำนวนมากตอนอ้าปาก ห..หาว..ว) แต่จากการทดลองหลายๆวิธี ทำให้รู้ว่าปริมาณออกซิเจนไม่มีผลกับความาถี่และความอยากหาวของเราครับ (เวลาเราออกกำลังเหนื่อยๆ เราก็ไม่หาว เวลาเราดำน้ำนานๆ ขึ้นมาเราก็ไม่หาว จริงไหมครับ)

แต่เรากลับพบว่าสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นเหตุผลที่เราหาว เพราะมันเป็นกลไกป้องกันสมองเดือดของร่างกายต่างหาก! ...แบบนี้ครับ

สมองคนเราก็เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ คือจะทำงานได้ดีเมื่อมันไม่ร้อน เมื่อสมองเริ่มร้อนขึ้นกลไกชีวเคมีต่างๆก็เริ่มมีปัญหา ทีนี้จากการวิจัยพบว่า เมื่อคนเราเบื่อหน่าย ซึมกะทือ อุณภูมิภายในสมองของเราก็จะเริ่มสูงขึ้น จนเมื่อถึงระดับนึงก็จะไปกระตุ้นกลไกการ ห..หาวว...ว ให้เกิดขึ้น โดยเมื่อเราอ้าปากกว้างๆ แล้วสูบเอาอากาศเข้าไป ช่องเปิดที่หู จมูก ก็จะขยับ ลดความดันในกระโหลก อีกทั้งอากาศปริมาณมากที่เข้าไปทางปากนั้นก็ช่วยหล่อเย็นเส้นเลือดต่างๆที่อยู่ในช่องปากและโพรงจมูกเรา ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้สมองของเรานั้นเย็นลงครับ

ทั้งนี้ยังพบว่า เวลาอากาศหนาวๆ เราจะหาวมากกว่าเวลาอากาศร้อนอบอ้าวครับ นั่นก็เพราะเนื่องจากเราต้องการสูบอากาศที่เย็นกว่าซึ่งอยู่รอบๆตัวเรา เข้าไปลดความร้อนให้สมองนั่นแหละครับ โดยการสูบอากาศที่ร้อนอบอ้าวเข้าไปนั้นก็จะไม่ได้ช่วยอะไร

และถ้าใครสังเกตุ เราจะพบว่า เรามักจะ ห หาว...ว ตามๆกัน เวลาใครคนนึงเริ่มหาวขึ้นมา โดยการหาวตามกันนี้ ไม่จำเป็นต้องเกิดเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันก็ได้ หมายถึงว่า เราเห็นคนในทีวีหาว เราก็ ห หาว..ว ตามไปด้วยเหมือนกัน เรื่องนี้มีผู้สันทัดกรณีให้ทฤษฏีไว้ว่า การหาวนั้นอาจจะเป็นสัญญาณบอกถึงความเฉื่อยชาของร่างกาย ในสมัยแรกๆนานมาแล้ว เราอาจจะใช้สิ่งนี้ส่งสัญญาณเตือนสมาชิกในกลุ่มฝูง ให้รู้ตัวว่ากำลังจะม่อยหลับกันแล้ว ซึ่งจะเสี่ยงต่อการถูกล่า ดังนั้นเมื่อเห็นหนึ่งในสมาชิกเริ่มหาว ตัวอื่นๆก็จะถูกเหนี่ยวนำให้อยากหาวเพื่อกระจายท่าทางนี้ออกไปทั้งกลุ่ม และทำให้สมาชิกในกลุ่มเปลี่ยนอิริยาบท ยืดแข้งยืดขาให้กระชุ่มกระชวยกันขึ้นมาได้ เมื่อเวลาล่วงผ่านมาจนทุกวันนี้ การหาวต่อกันเป็นทอดๆก็ติดตัวเรามาอย่างที่เห็นนั่นเองครับ

By ษัษฐา ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา





 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2557 23:31:24 น.
Counter : 929 Pageviews.  

ทำไมถึงเรียกเก้าอี้ ?

พรพรรณ ทองตัน เล่าเรื่องนี้ไว้ในอภิธานศัพท์คำไทยที่มีต้นเค้าจากภาษาต่างประเทศ ขอสรุปมาให้อ่านสั้นๆว่า
สมัยโบราณตามบ้านคนไทยมิได้มีเก้าอี้ใช้กัน เนื่องจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของเราคือการนั่งและนอนบนพื้น แม้แต่การรับประทานอาหาร ก็ตั้งสำรับกับข้าวนั่งล้อมวงกันบนพื้นบ้าน ดังนั้นเครื่องเรือนของคนไทยสมัยก่อนจึงมีเพียงเสื่อ พรม และหมอนอิง เป็นอาทิ คนไทยเราน่าจะได้รับเอาเครื่องเรือนชนิดนี้มาจากชาวจีน เพราะคำว่า “เก้าอี้” ไม่ใช่คำไทยแท้ แต่เป็นคำในภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึง ม้านั่ง ส่วนสำเนียงจีนกลางออกเสียงว่า “เกาอี่” เกาแปลว่าสูง อี่แปลว่าที่นั่ง รวมความคือ ที่นั่งสูง จึงเป็นไปได้ว่าคำ “เก้าอี้” ที่ไทยใช้ น่าจะเป็นคำเพี้ยนเสียงมาจาก เกาอี่ ของสำเนียงจีนกลาง หรือทับศัพท์สำเนียงแต้จิ๋ว เก้าอี้ ก็ได้
เก้าอี้ที่ใช้กันในระยะแรกเป็นเพียงม้านั่งธรรมดาอย่างที่ใช้กันตามร้านก๋วยเตี๋ยว ส่วนเก้าอี้ที่มีพนักพิงและที่เท้าแขนแพร่มาสู่ประเทศไทยในระยะหลัง (มีบันทึกว่าจีนรับเก้าอี้มีพนักพิงและที่เท้าแขนมาจากพวกแขกที่ติดต่อค้าขายด้วย) อย่างไรก็ตามคนไทยยังคงเรียกเครื่องเรือนทั้งสองลักษณะว่า “เก้าอี้” ตามคำในภาษาจีน

ขอบคุณ 108 ซองคำถาม
นิตยสาร สารคดี




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2557 23:11:25 น.
Counter : 1256 Pageviews.  

แตงกวามีดีกว่าที่คุณคิด

ผักที่ดูธรรมด๊า..ธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่าง ใครจะรู้ว่าจะมีประโยชน์มากมายและถือเป็น "super food" อีกชนิดที่แนะนำให้รับประทาน ลองมาดูคุณประโยชน์ของแตงกวาว่ามีดีอะไร ทำไมเราควรรับประทาน...

- หากคุณดื่มน้ำน้อยการรับประทานแตงกวาช่วยคุณได้เพราะแตงกว่าประกอบด้วยน้ำถึง 90 เปอร์เซ็นต์ มันสามารถชดเชยน้ำที่คุณขาดได้

-แตงกวานั้นช่วยลดความร้อนหากมีอาการร้อนในการรับประทานแตงกว่าจะช่วยลดความร้อนภายในร่างกายได้ หรือเมื่อเกิดอาการผิวหนังโดนแดดเผา นำแตงกวาฝานเป็นแว่นบางๆมาวางบริณผิวหนังที่ถูกแดดเผาจะช่วยบรรเทาอาการได้

-แตงกวาช่วยขับสารพิษ น้ำในแตงกว่าจะช่วยขับสารพิษในร่างกายแล้ว การกินแตงกวายังจะช่วยละลายนิวในไตได้ด้วย

-แตงกวามีวิตมินที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันแตงกวาจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ทั้งยังมีวิตมินซีช่วยเรื่องผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง

-แตงกวามีโพสแทสเซียมสูง และมีแมกนีเซียม โพสเตสเซียม จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสปาหลายแห่งจึงนิยมใช้แตงกวาเป็นทรีตเมนต์พื้นฐาน

-แตงกวาช่วยในการเผาผลาญและลดน้ำหนักได้ เพราะแตงกว่าประกอบด้วยน้ำซะส่วนใหญ่ทำให้มันมีแคลอรี่ต่ำ สำหรับผู้กำลังลดน้ำหนักการรับประทานเมนูแตงกวา อย่างนำมาประกอบสลัดหรือจะรับประทานแทนขนม โดยนำมาหั่นเป็นแท่งจิ้มโยเกิร์ตหรือโรยเกลือแล้วแช่เย็นก่อนรับประทานก็เป็นเมนูที่ดีไม่ใช่น้อย ทั้งแตงกวายังมีกากใยช่วยปัญหาท้องผูกได้อีกด้วย

-แตงกวาช่วยลดการอักเสบ ผู้ที่มีถุงใต้ตาบวมนำแตงกว่าฝานเป็นแว่นว่างไว้บริเวณที่ถุงใต้ตาจะช่วยลดอาการบวมได้

-แตงกวายังช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากได้

-แตงกว่าช่วยผู้เป็นโรคเบาหวาน ลดคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิต โดยแตงกวามีฮอโมนที่เซลล์ตับอ่อนใช้ในการผลิตอินซูลินซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน ผลวิจัยพบว่าสารประกอบในแตงกวาสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ทั้งยังมีไฟเบอร์ โพแทสเซียม และแมกนีเซียม เป็นส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ แตงกวาจึงส่งผลดีแก่ผู้ที่มีความดันสูงหรือความดันต่ำ

-น้ำแตงกวาช่วยรักษาโรคเหงือกได้ นำแตงกวาฝานเป็นแว่นใช้ลิ้นดันไว้บนเพดานปากครึ่งนาที ช่วยฆ่าแบคทีเรียในปากที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้

-แตงกวาช่วยรักษาอาการเมาค้าง แนะนำหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ให้กินแตงกวาก่อนเข้านอน ลดอาการปวดหัวในตอนเช้า เพราะแตงกวามีวิตมินบีและน้ำตาลช่วยลดอาการเมาค้างได้

ข้อมูลจาก fitnea.com



  • สนับสนุนเนื้อหา ประชาชาติธุรกิจ




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2557 10:31:36 น.
Counter : 1952 Pageviews.  

สาระน่ารู้เรื่องผลไม้

มะเขือเทศ มี วิตามินเอและซี ที่มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยเสริมสร้างความสดใสให้แก่ผิวพรรณ และยังช่วยให้ระบบการหมุนเวียนเลือดดีขึ้น
เสาวรส ผล เสาวรส มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันในเส้นเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย คลายร้อน และป้องกันไข้หวัดได้เป็นอย่างดี
ลิ้นจี่ มี วิตามินบี1 และบี2 และวิตามินซี มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยย่อยอาหาร ช่วยบำรุงม้าม บำรุงอวัยวะภายใน บำรุงระบบประสาท และยังแก้อาการท้องเดินได้อีกด้วย
ฝรั่ง  มี วิตามินซี ที่มีสรรพคุณชะลอการลุกลามของมะเร็ง ช่วยสร้างและบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทำให้แผลหายเร็ว ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยลดสารพิษในร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ผิวพรรณสดใส
บ๊วย มี สรรพคุณช่วยคลายร้อน เพิ่มกำลัง บรรเทาอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย และช่วยเสริมระบบการย่อยอาหาร ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย หากดื่มน้ำบ้วยเป็นประจำ ยังจะช่วยป้องกันโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย
เห็ดหลินจือ มี สรรพคุณช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคมะเร็ง บำรุงตับ บำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหลอด เลือดแข็งตัว เส้นเลือดอุดตัน น้ำตาลในเลือด คอเลสเตอรอลและความดันโลหิตสูง
น้ำผึ้ง เป็น ยาอายุวัฒนะและชะลอความแก่ เป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายให้แข็งแรง สดชื่นอยู่เสมอ ช่วยเสริมสร้างวิตามิน และแร่ธาตุที่ร่างกายขาดไป ช่วยให้ระบบการย่อยและขับถ่ายดีขึ้น
ตะไคร้  มี สรรพคุณ ช่วยบำรุงสายตา มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ลดพิษของสารแปลกปลอมในร่างกายและยังช่วยลดความดันโลหิตสูงได้อีกด้วย
ขิง  มี สรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น รักษาไข้หวัด รักษาอาการไอ ขับเสมหะ และยังช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้ออีกด้วย รักษาอาการปวดประจำเดือนในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน
ใบเตย มีสรรพคุณช่วยลดอาการกระหายน้ำ ทำให้ชุ่มคอ รู้สึกสดชื่น และยังเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ 
ถั่วเหลือง มี สรรพคุณในการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ ช่วยลดและป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ช่วยป้องกันและแก้ไขโรคหัวใจ ช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่มีโคเลสเตอรอล และมีใยอาหารสูง
ลำไย เป็น ผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยในการบำรุงหัวใจ ระบบประสาท และระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และใช้บำรุงร่างกายของสตรีภายหลังจากการคลอดบุตร  
มะเม่า อุดม ไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแก่ชราของเซลล์ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังช่วยขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย
มังคุด สาร Xanthone ในเปลือกมังคุด ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีผลต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่าง ๆ นอกจากนี้ในเปลือกมังคุดยังมีสาร แทนนิน ที่มีคุณสมบัติช่วยในการสมานแผล และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้อีกด้วย
มะม่วง ช่วย ละลายเสมหะ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยให้เลือดลมและประจำเดือนของสตรีเป็นปกติ หากรับประทานมะม่วงสดเป็นประจำแล้วก็จะช่วยทำให้อาการไอ หอบ มีเสมหะ หรือมีเลือดออกตามไรฟันบรรเทาลงไปได้
มะละกอ มี สรรพคุณในการต่อต้านการเกิดของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยบำรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น ม้าม และกระเพาะอาหาร ช่วยในการย่อยอาหาร และยังช่วยทำให้ผิวพรรณดี อีกด้วย
สตรอเบอร์รี่ มี วิตามิน ซี อยู่เป็นจำนวนมาก มีสรรพคุณที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหวัดและโรคภูมิแพ้ ช่วยทำให้ระบบการดูดซึมอาหารของร่างกายดียิ่งขึ้น ลดอาการท้องผูก ช่วยให้เจริญอาหาร
สับปะรด มี ปริมาณของวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยไฟเบอร์ที่มีอยู่มากมาย มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร เสริมสร้างการดูดซึมอาหารของร่างกาย การลดความร้อนของร่างกายและยังช่วยแก้กระหาย หากรับประทานสับปะรดเป็นประจำแล้ว จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคไตอักเสบ และโรคความดันโลหิตสูงได้อีกด้วย
กระเจี๊ยบ มี สรรพคุณในการช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก ลดปริมาณของไขมันในเส้นเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดระดับของความดันโลหิตภายในร่างกายให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ และยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย
มัลเบอร์รี่ หรือ หม่อน มีสรรพคุณที่สามารถต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง ผู้ที่รับประทานเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้ และยังช่วยบำรุงไตให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข่วยบำรุงโลหิต บำรุงประสาทตา ทำให้สายตาแจ่มใส ร่างกายก็สุขสบาย
ลูกพลับ มี โพแทสเซียมสูง และมีวิตามินซีสูง มีสรรพคุณช่วยให้หายอ่อนเพลีย บรรเทาอาการร้อนใน เจ็บคอ คอแห้ง เป็นแผลในปาก ละลายเสมหะ และบำรุงปอด นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการท้องเดินได้อีกด้วย
กล้วยหอม มี วิตามินบีสูง มีสรรพคุณช่วยลดความเครียด ความอ่อนล้า ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใส ในกล้วยหอมจะมีเส้นใยอาหารช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี และยังช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เล็กดีขึ้นได้
แก้วมังกร มี สารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี และมีเส้นใย มีสรรพคุณช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนัก แก้ท้องผูก ป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่และช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น
ส้ม มีวิตามินเอและซี มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยเสริมสร้างความสดใสให้แก่ผิวพรรณ




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2557 23:16:34 น.
Counter : 867 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.