ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

5 กลยุทธ์สมัครบัตรเครดิตให้คุ้ม!

5 กลยุทธ์สมัครบัตรเครดิตให้คุ้ม!

ในตลาดประเทศไทยตอนนี้มีมากกว่าร้อยใบ ซึ่งอาจทำให้หลายคนสับสนว่าจะเลือกบัตรเครดิตอย่างไรดี วันนี้ MoneyGuru.co.thจึงมาแนะนำ 5 กลยุทธ์ในการเลือกสมัครบัตรเครดิตให้คุ้มสุดๆ กัน


ดูไลฟ์สไตล์คุณ อย่าดูแค่สิทธิประโยชน์รวมๆ


เวลาเลือกบัตรเครดิตคุณควรย้อนกลับมาดูไลฟ์สไตล์ของตนเองด้วยว่าตนเองเหมาะกับบัตรแบบนั้นไหม เช่นบัตรเครดิตคืนเงินค่าน้ำมันรถ   จะเหมาะกับคุณหากคุณขับรถไปทำงานหรือมีเรื่องต้องขับรถบ่อย หรือหาบัตรเครดิตที่ได้ส่วนลดสูงในห้างดังที่คุณไปเดินประจำ หรืออาจจะบัตรเครดิตที่เน้นท่องเที่ยว แถมมีแพคเกจดีๆ มาเสนอคุณ อย่างเช่น แพคเกจทำบุญ 9 วัดในราคาประหยัด เพราะฉะนั้น การเลือกบัตรที่เหมาะกับตนเองจะช่วยให้คุณประหยัดเงินพร้อมทั้งมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์คุณได้มากขึ้น


อย่าไปสนใจสิทธิประโยชน์ในการลงทะเบียนให้มากนัก


บางครั้ง sign-up bonus ฟังดูดี แต่มักมาพร้อมเงื่อนไขซ่อนเร้นเสมอ เช่นว่าทางบริษัทอาจเสนอแต้มให้คุณ 10,000 แต้ม แต่จริงๆแล้วมีเงื่อนไขว่าคุณต้องใช้เงินหลายหมื่นบาทในช่วงเดือนแรกๆหลังสมัครบัตรจึงจะได้ อย่าลืมอ่านเงื่อนไขในใบปลิวให้ละเอียดจะได้ไม่พลาดอะไรไป


เปรียบเทียบก่อนเสมอ


มีช่องทางออนไลน์ให้คุณเปรียบเทียบบัตรเครดิตมากมาย และไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะหากคุณต้องการเลือกบัตรเครดิตทั้งที ก็ไม่ควรเสียเวลาไปทุกธนาคารเพื่อหาข้อมูล แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรสมัครทันที โดยไม่เปรียบเทียบอะไรเลย เพราะบัตรเครดิต ถ้าคุณเลือกที่เหมาะที่สุด คุณก็จะใช้ได้คุ้มที่สุดนั่นเอง


ค่าธรรมเนียมรายปีคุ้มหรือไม่


มีบัตรเครดิตมากมายที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งคุณก็ควรเลือกใช้บัตรที่ทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตรงนี้ หรือคุณประสงค์ต้องการจะเลือกบัตรที่มีค่าธรรมเนียมแต่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณจริงๆ ก็อาจลองโทรขอต่อรองลดหรือให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมดูก็ได้ หรือลองดูว่า บัตรเครดิตใบนั้นๆ ให้สิทธิประโยชน์กับคุณที่คุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมที่คุณต้องเสียหรือไม่ นั่นเอง


อย่าสมัครบัตรเครดิตบ่อยเกินไป


การเปิดบัตรเครดิตที่ถี่เกินไปส่งผลไม่ดีต่อเครดิตสกอร์ของคุณ และอาจเป็นการส่งสัญญาณไม่ดีว่าคุณกำลังต้องการวงเงินใช้จ่ายที่มากขึ้น หากคุณต้องการเปิดบัตรเครดิตสองใบในหนึ่งปี อย่าตัดสินใจเปิดบัตรพร้อมกัน ให้ทิ้งช่วงสักหกเดือนจะได้ไม่ดูน่าสงสัย


ขอบคุณข้อมูลจาก   www.moneyguru.co.th

เนื้อหาโดย MoneyGuru




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2557    
Last Update : 9 ตุลาคม 2557 7:31:28 น.
Counter : 888 Pageviews.  

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุน โดย ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาท้องทะเลไทย มีปรากฎการณ์แมงกระพรุนขึ้นมาให้เราได้เห็นจำนวนมากทั้งในพื้นที่จังหวัดตราด ระยอง มาจนถึงหัวหิน เหตุนี้เอง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จึงได้เขียนข้อมูลในเฟซบุ๊กส่วนตัว"Thon Thamrongnawasawat" เรื่อง "10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุน" สนุก!  จึงนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน 

"ช่วงนี้ทะเลไทยมีแมงกะพรุนขึ้นมามาก จากชะอำ ไปหัวหิน ไประยอง ไปจันทร์ตราด มีใครต่อใครถามมาหลายราย ผมเลยเขียน 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุนมาให้ผู้สนใจ หรือเอาไว้คุยอวดชาวบ้านก็ได้ครับ"

1. แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีอายุสั้นมาก ปรกติแล้ววงจรชีวิตน้อยกว่า 1 ปี แถมช่วงที่เราเห็นเขาลอยตุ๊บป่องอยู่ในน้ำ ยังเป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะช่วงต้นแมงกะพรุนจะอยู่ติดกับพื้น ก่อนปล่อยลูกลอยออกมาทีละตัว ช่วงทีลอยในน้ำเรียกว่า Medusa หรือนังผมงูเก็งกองรายนั้นแหละ

2. แมงกะพรุนมีนับพันชนิด จะเอาแบบเหมาน่าจะเกิน 2,000 ชนิด มีตั้งแต่ตัวเท่าหัวเข็มหมุดไปจนถึงตัวใหญ่กว่าคนด้วยซ้ำ แต่ขนาดไม่เกี่ยวกับพิษ โดยเฉพาะเจ้าตัวใหญ่อย่างแมงกะพรุนแผงคอสิงโต ถือเป็นเป้าหมายในการถ่ายภาพใต้น้ำชั้นยอด เป็นเหมือนยานอวกาศที่มีลูกปลาและสัตว์อาศัยเต็มไปหมด ผมเคยไปลอยตุ๊บป่องถ่ายภาพกับเธอเป็นชั่วโมง ไม่เบื่อครับ

3. เนื่องจากชีวิตของแมงกะพรุนเกิดเร็วตายเร็ว จึงสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ดี โดยเฉพาะปริมาณของแมงกะพรุนที่มีมากขึ้นหรือน้อยลง เป็นไปตามอาหารของแมงกะพรุนเป็นหลัก

4. แมงกะพรุนกินแพลงก์ตอนจิ๋ว ตั้งแต่แพลงก์ตอนพืช เรื่อยไปจนถึงแพลงก์ตอนสัตว์ รวมทั้งลูกสัตว์น้ำวัยอ่อน หากมีน้ำจืดไหลลงทะเลมาก บนแผ่นดินมีปุ๋ยหรือมีธาตุอาหารเร่งการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนเยอะ ปริมาณแพลงก์ตอนมากลูกแมงกะพรุนก็รอดมาก ปริมาณจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าในช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำจากแม่น้ำไหลลงทะเลพลั่กๆ เราจะเจอแมงกะพรุนเยอะเป็นพิเศษ

5. แมงกะพรุนไม่ได้เป็นสัตว์สังคม ไม่จำเป็นต้องอยู่รวมกัน เผอิญแมงกะพรุนกำหนดทิศทางในการเดินทางของตัวเองไม่ได้ ต้องปล่อยให้กระแสน้ำพาไป อย่างดีก็ได้กระพือนิดหน่อย แมงกะพรุนถือเป็นแพลงก์ตอนครับ การมารวมกันของแมงกะพรุนจึงไม่ใช่มาโดยสมัครใจ แต่เชื่อว่าเป็นแมงกะพรุนรุ่นนั้นที่โตมาพร้อมกันในจังหวะที่มีอาหารมากเป็นพิเศษ

6. ปรากฏการณ์ที่แมงกะพรุนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่า Jellyfish bloom ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เนื่องจากสาเหตุสำคัญหลายประการ เช่น น้ำจืดไหลลงทะเล กระแสน้ำพัดมา ปรกติจะพบบริเวณที่มีลักษณะน้ำผุด หรือน้ำสองกระแสมาชนกัน เช่น ตามริมฝั่งปากคลองปากแม่น้ำ เพราะน้ำจืดไหลมาชนกับน้ำทะเล ม้วนเอาแมงกะพรุนขึ้นมารวมกันที่ผิวน้ำ อย่างไรก็ตาม ในบางที่อาจมีกระแสน้ำ 2 สายไหลเลียบฝั่งมาชนกัน บริเวณนั้นมีโอกาสพบปาร์ตี้แมงกะพรุนเป็นประจำ

7. ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกี่ยวกับมนุษย์ไหม ? นักวิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบอย่างดุเดือด เชื่อกันว่าในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีปรากฏการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทั่วโลก บางคนบอกว่าอาจเกี่ยวกับโลกร้อน กระแสน้ำเปลี่ยนแปลง ฯลฯ
สำหรับผมแล้ว เชื่อว่าเกี่ยวกับปริมาณธาตุอาหารจากแผ่นดินที่ลงไปในทะเลเป็นจำนวนมาก ทำให้อาหารของแมงกะพรุนมากขึ้น ดังที่บอกเล่าไปแล้ว ยังอาจเกี่ยวข้องกับกระแสน้ำชายฝั่งที่สับสน อย่าลืมว่าปีนี้เราอาจเจอเอลนิโญ่อย่างแรง อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น รวมทั้งเรื่องอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา สรุปว่าหลายปัจจัยอาจเสริมกัน แต่ที่เกี่ยวกับเราคือเราไปช่วยเร่งปัญหาดังกล่างด้วยหรือเปล่า ?

8. แล้วมีผลเสียอย่างไร ? แมงกะพรุนกินแพลงก์ตอนรวมทั้งลูกสัตว์น้ำ หากมีจำนวนมากและอยู่รวมกัน ย่อมกินลูกสัตว์น้ำวัยอ่อนตลอดจนแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารสัตว์น้ำอื่น อาจส่งผลต่อถึงปริมาณสัตว์น้ำที่ทำการประมง ยังหมายถึงการท่องเที่ยวที่คนไม่กล้าลงทะเลเพราะกลัวแมงกะพรุน (แม้จะมีคนมาดูอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องถาวรเหมือนวาฬบรูด้า) ตลอดจนการทำประมงที่ได้แมงกะพรุนติดอวนมาจนไม่รู้จะปลดกันยังไงให้หมด

9. แมงกะพรุนมีพิษทุกชนิด แรงบ้างเบาบ้าง หากโดนเข้าไป แนะนำให้ใช้น้ำทะเลล้างเยอะๆ (น้ำทะเลนะครับ!) เพื่อให้เศษแมงกะพรุนหลุดไป ใช้น้ำส้มสายชูราดเยอะ ๆ ทิ้งไว้ 3-5 นาที หากมีปัญหาหนักก็หาหมอนะ แต่ถ้าคนโดนทำท่าหายใจไม่ออก อย่างนั้นเป็นแมงกะพรุนพิษร้าย ต้องทำการช่วยหายใจเบื้องต้น (ให้คนทำเป็นนะ) แล้วรีบส่งหมอเร็วที่สุด

10. ต่อจากนี้คงเป็นการติดตามว่ามีปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ไหนและอีกบ่อยไหม สำหรับในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะวนอยู่ในอ่าวไทยรูปตัวก.และระยอง จันทร์ ตราด เพราะบริเวณนี้กระแสน้ำไหลวน อีกทั้งยังรับปุ๋ยและธาตุอาหารมาจากที่ราบในภาคกลางและภาคตะวันออกทั้งหมด ที่อื่นก็มีบ้างเป็นจุด ๆ

เราคงต้องติดตามข้อมูลและประสานกับกลุ่มวิจัยระดับโลกที่กำลังพยายามทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์นี้ต่อไป และคงต้องกังวลไว้ล่วงหน้าว่าเราเติมของเสียและธาตุอาหารให้ทะเลไทยมากเกินไปหรือไม่ เพราะผลจากต้นน้ำกำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ปลายน้ำแล้วครับ มันดูเหมือนจะมีมากขึ้นทุก ๆ ปี

- แถมให้ 1 ข้อ แมงกะพรุนไม่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว สึนามิ หรือการขอหวยใด ๆ ไม่ต้องวิตกหรือดีใจกันครับ

- กะพรุนปาร์ตี้เป็นปรากฏการณ์เกิดเร็วจบเร็ว เพราะขึ้นกับกระแสน้ำในรอบวันด้วย ได้ข่าวตอนเช้า ไปตอนเย็น กะพรุนอาจแยกย้ายไปหมดแล้ว ใครอยากดูต้องเร็วหน่อยและถามชาวบ้านให้ชัดเจน ไม่งั้นไปเก้อด้วยล่ะ ปกติเจอตอนเช้า ก็ต้องไปซ้ำเวลาเดิมหรือช้ากว่านิดหน่อย แต่ไม่รับประกันใดๆ นะครับ




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2557    
Last Update : 8 ตุลาคม 2557 7:21:58 น.
Counter : 1663 Pageviews.  

เชื่อแม่...สาววัย 22 ใส่มันฝรั่งไว้ในของสงวน ป้องกันการตั้งครรภ์จนรากงอก


มันฝรั่ง
แพทย์โคลอมเบียอึ้ง พบรากมันฝรั่งงอกออกมาจากอวัยวะเพศสาววัย 22 ปีรายหนึ่ง เจ้าตัวสารภาพใส่หัวมันเข้าอวัยวะเพศเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ นึกไม่ถึงว่ามันจะออกราก

เว็บไซต์ข่าวโคลอมเบียรายงาน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในคลินิกแห่งหนึ่งในเมืองออนดา ประเทศโคลอมเบีย ถึงกับอึ้ง เมื่อพบรากต้นไม้งอกออกมาจากอวัยวะเพศสาววัย 22 ปี รายหนึ่งที่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ หลังเธอมาพบแพทย์พร้อมกล่าวว่า รู้สึกปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง

นางคาโรลินา โรจาส นางพยาบาลของคลินิกดังกล่าวเปิดเผยกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า เธอตกใจมากเมื่อพบรากของต้นไม้งอกออกมาจากอวัยวะเพศคนไข้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยกล่าวว่า แม่ของเธอแนะนำว่า หากไม่ต้องการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ก็ให้ใส่ผลมันฝรั่งไว้ในอวัยวะเพศ เธอก็เชื่อตามและทำตามที่แม่ของเธอบอก

ผู้ป่วยใส่ของแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และมันฝรั่งก็เริ่มออกรากภายในตัวเธอ ทำให้ได้รับความเจ็บปวด จึงตัดสินใจมาพบแพทย์เพื่อนำสิ่งดังกล่าวออก ซึ่งแพทย์สามารถนำสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างคนไข้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีผลข้างเคียงที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับร่างกายในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้มาตรฐาน ถูกสุขอนามัยและไม่เป็นอันตรายกับร่างกายดีกว่า

ข้อมูลจาก เดลินิวส์




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2557    
Last Update : 6 ตุลาคม 2557 8:33:09 น.
Counter : 1257 Pageviews.  

ชาวอียิปต์ไม่ได้สร้างปิระมิด?

ปิระมิดในประเทศอียิปต์นั้นเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยแรงมนุษย์ (หรือเปล่า ??) ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก
จนจัดอันดับได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของโลก



โดยทางอียิปต์นั้นอ้างว่าปิระมิดนั้นเกิดจากฝีมือการสร้างของฟาโรห์(แต่ละองค์) ที่ได้ทำการสร้างไว้เมื่อสี่พันกว่าปีล่วงมาแล้วหรือในช่วงเวลานั้น คือในช่วง 2575-2467 ปีก่อน ค.ศ. และตระหง่านทนทานดินฟ้าอากาศกลางทะเลทรายมาจนถึงปัจจุบันนี้ (แปลกดีนะครับไม่ได้ผุกร่อนไปตามกาลเวลาซักเท่าไหร่เลย) 


แต่มีนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้ทำการแย้งเรื่องนี้ขึ้นมาโดยจากการค้นคว้าและหลักฐานที่มีอยู่ในมือ โดยอันที่จริงนั้นปิระมิด สฟิงซ์และสุสานฟาโรห์ที่อยู่ในบริเวณที่ราบทะเลทรายกิเซนั้นล้วนแล้วแต่กำเนิดมาก่อน(หรืออาจสร้างมานานกว่านั้น) ของยุคไอยคุปต์เป็นเวลาหลายพันปีอยู่ 


และที่สำคัญคือ องค์ฟาโรห์(แต่ละองค์) ไม่ได้เป็นผู้สร้างปิระมิดแต่อย่างที่เราๆ เข้าใจแต่อย่างใดเลย นักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์นั้นเขาไม่ได้แย้งกันขึ้นมาเปล่าๆ นะครับ แต่มีทฤษฎีรองรับอยู่หลายทฤษฎีด้วยกัน มาดูกันเลยครับว่ามีทฤษฎีอะไรบ้าง



1. ทฤษฏีการกัดกร่อนจากน้ำ


ทฤษฎีแรกนั้นเชื่อว่า การสึกกร่อนของสฟิงซ์และปิระมิดนั้นเกิดขึ้นเนื่องมาจากน้ำครับ โดยนายจอห์น เวสท์ ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีอียิปต์ได้สังเกตเห็นว่า ความชำรุดทรุดโทรมของประติมากรรมมหึมา "สฟิงซ์" นั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโดนพายุลมและทรายพัดเอาครับ เหมือนดังเช่นที่เกิดกับโบราณสถานอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันนั้น แต่ว่าเกิดมาจากการกัดกร่อนของน้ำและความชื้นเสียส่วนใหญ่ ??? 


และถึงแม้ว่าอียิปต์ปัจจุบันจะมีภูมิประเทศที่เป็นเขตแห้งแล้งและทะเลทรายอยู่มาก แต่เมื่อ 10,000 ปีมาแล้ว อียิปต์นั้นเคยเป็นดินแดนที่ชุ่มชื้นและมีฝนตกชุกดินแดนนึงเลยทีเดียว ดังนั้นตัวสฟิงซ์นั้น จึงน่าจะมีอายุอย่างน้อยราวๆ 7,000 - 10,000 ปี จากข้อสันนิษฐานและทฤษฎีของนายเวสท์นี้ ในเวลาต่อมาต่อมาจึงมีนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์อียิปต์เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของนายเวสท์นี้ด้วยกันหลายคน



2. ทฤษฎีแผนที่ดวงดาว


ทฤษฎีถัดมาแผนที่ดวงดาว โดยนายโรเบิร์ต โบวัลกับนายเอเตรียม กิลเบิร์ต ได้ช่วยกันเขียนหนังสือ เรื่อง "ความลึกลับแห่งหมู่ดาวโอเรียน" ขึ้นมาเพื่อแจกแจงว่าบรรดาตำแหน่งที่ตั้งของบรรดาปิระมิดในทะเลทรายกิเซนั้น บังเอิญไปสอดคล้องกับตำแหน่งของหมู่ดาวโอเรียนบนท้องฟ้าเมื่อ 10,500 ปีก่อน ค.ศ. !!! 


โดยทั้งสองยืนยันว่าสิ่งก่อสร้างโบราณที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำไนล์นั้นก็คือ แผนผังหลัก (master plan) ของบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น และแม่น้ำไนล์นั้นก็คือ ตัวแทนของทางช้างเผือก (Milky Way) นั่นเอง
โอสิริสและไอซิส เทพผู้มีความสำคัญอย่างมากต่ออียิปต์โบราณ


โดยจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของจุดที่ตั้งมหาปิระมิดทั้งสามแห่งกิเซ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันกับตำแหน่งของดวงดาว 3 ดวง ที่ส่องสว่างที่สุดของแถบดาวโอเรียน ซึ่งในอียิปต์นั้นถือว่าเป็นดาวประจำตัวของเทพโอซิริส นอกจากนี้โบวัลกับกิลเบิร์ตยังชี้ให้เห็นว่าแกน "ระบายลม" ในปิระมิดก็มีมุมที่มีนัยสำคัญ นั่นก็คือ แกนทิศใต้ของห้องกษัตริย์จะชี้ตรงไปยังแถบดาวโอเรียน 


ในขณะที่แกนระบายลมของห้องราชินีจะชี้ไปยัง "กลุ่มดาวซิรีอุส" ดาวประจำตัวของเทพีไอซิส มเหสีของเทพโอซิริสนั้นเอง และเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า หลังจากองค์ฟาโรห์ทรงสิ้นพระชนม์ ดวงวิญญาณของพระองค์จะล่องลอยไปสถิตอยู่กับเทพโอซิริสในดวงดาวนั้น เพราะเทพโอซิริสมีพลังอำนาจในการกลับคืนสู่ชีวิตอีกครั้งหลังความตาย (เอ ในหนัง the mummy returns เทพองค์ที่คืนชีพให้ scorpion king นั่นมันเทพอานูบิส นี่นา อิอิ) ก็เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจทฤษฎีนึงครับ



3. ทฤษฎีการกำเนิดก่อน

ทฤษฎีนี้ได้ระบุว่า ปิระมิดนั้นมีการสร้างหรือกำเนิดมาก่อนอียิปต์ซะอีกทฤษฎีนี้เป็นของ นายเอ็ดการ์ เคย์ซี โดยมีหลักการสำคัญว่า อียิปต์โบราณนั้นมีความเกี่ยวเนื่องมาจากทวีปแอตแลนติสที่ล่มสลายไปแล้ว เขาได้อ้างว่า มีหลักฐานเรื่องราวของการมีอยู่ของทวีปแอตแลนติสแห่งนี้อยู่ในอียิปต์มากมาย และยังเชื่อมั่นอีกว่า

เทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบันนี้นั้น ได้มีใช้มานานแล้วในแอตแลนติส หรือเทคโนโลยีที่ใช้กันอยู่โดยชาวแอตแลนติสเมื่อครั้งที่ทวีปแอตแลนติสยังเจริญรุ่งเรื่องอยู่นั่นเอง (ถ้าทวีปนี้มีอยู่จริงนะ) สั้นๆ ครับทฤษฎีนี้ 

(แต่มีภาคต่ออีกครับ)


ภาคพิเศษ
โหรเทวดา "เอ็ดการ์ เคย์ซี" ได้เปิดเผย (จากการรับรู้ ทางจิตของตัวเอง) ซึ่งข้อมูลไม่ได้พึ่งพาเอกสาร หรือการค้นคว้าใดๆ ทั้งสิ้น ดังเช่นเดียวกับการทำนายอื่นๆ โดยมหาปิระมิดแห่งกิเซนั้น 

ถูกสร้างขึ้นราวๆ หนึ่งหมื่นปีก่อนคริสต์กาล ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 100 ปีเต็ม โดยใช้ "พลังจักรวาล" ที่มาตลอดช่วงเวลาสองแสนห้าหมื่นปี 


ซึ่งอียิปต์นั้นยังเป็นดินแดนอยู่ใต้ทะเล แต่ที่ที่อยู่เหนือพ้นน้ำก็มีแต่ทะเลทรายซาฮาร่ากับดินแดนตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์ เมื่อดินแดนอื่นๆ เริ่มผุดขึ้นมาเป็นแผ่นดิน ก็ยังกินเวลาอีกนานกว่าที่อียิปต์จะกลายเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัย และชนเผ่าแรกที่มาอาศัยอยู่นั้น เป็นพวกผิวดำ อาศัยอยู่บริเวณตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์ 


หลังจากนั้น ก็มาถึงยุคของพระเจ้าไร ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองอียิปต์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมากเกี่ยวกับเรื่องทางจิตวิญญาณ เข้าใจเกี่ยวกับกฎของจักรวาล คำสอนต่างๆของพระองค์ ได้ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหินและแผ่นไม้ กลายเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มแรกๆ ที่มีผู้รู้จักในชื่อ "คัมภีร์มรณะอียิปต์" (the book of the death) พระเจ้าไรปกครองอียิปต์เป็นเวลา 199 ปี 


จนคนรุ่นหลังๆ บูชาพระองค์เปรียบเป็น เทพเจ้าองค์หนึ่ง แต่การปกครองของพระองค์มิได้ต่อเนื่อง เพราะถูกรุกราน จนพระองค์ต้องเสียราชบัลลังก์ การถูกรุกรานเกิดขึ้นเมื่อ 11,016 ปี ก่อนคริสต์กาล หรือราวๆ 300 ปี ก่อนที่จะเกิดการระเบิดครั้งสุดท้ายในทวีปแอตแลนติส (ซึ่งเป็นผลให้แอตแลนติสจม) มีชนผิวขาวกลุ่มใหญ่ โดยการปกครองของพระเจ้าอารีท บุคคลผู้นี้มีความเลื่อมใสในพระหนุ่มรูปหนึ่ง ที่มีความสามารถดุจผู้วิเศษ ชื่อราตะ


พระราตะได้ทำนายไว้ว่า ชาวเผ่าซูที่อพยพมาจากอารเบียจะรุกรานเข้ามาในอียิปต์ และต่อไปอียิปต์จะเป็นรัฐชั้นนำแห่งยุค เมื่อได้ฟังคำทำนายนั้น พระเจ้าไรก็เอาแต่หมกมุ่นค้นคว้าในเรื่องอภิปรัชญา ไม่ใส่ใจกับการปกครองบ้านเมือง จึงทำให้พระเจ้าอารีท ยึดอียิปต์ได้โดยง่ายอย่างแทบจะไม่มีการต่อต้าน ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองประนีประนอมกัน พระเจ้าไรก็ยอมสละราชบัลลังก์ให้พระเจ้าอารีท โดยยกธิดาโฉมงามของพระองค์ให้เป็นพระชายา และสละราชสมบัติให้แก่ราชบุตรของพระองค์ชื่ออารารัทโดยพระองค์หันมาเป็นที่ปรึกษาคอยค้ำบัลลังก์ ให้แก่ราชบุตรของตนแทน


ต่อมา ก็มาถึงยุคการปกครองของอารารัท ได้มีชาวแอตแลนติส อพยพมาอยู่อียิปต์เป็นจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้มีความสามารถสูง และมีความทะเยอะทะยาน จนพระองค์ต้องยกตำแหน่งสำคัญๆ ทางการเมืองให้แก่ชาวแอตแลนติส เพื่อมิให้คนเหล่านี้คิดการกบฏ ฝ่ายพระราตะ (โหร) ได้รับความไว้วางใจให้เป็นสังฆราชแห่งอียิปต์ มีหน้าที่ในการค้นคว้าเรื่องของจิตวิญญาณและอภิปรัชญาต่างๆ เพื่อนำมาเผยแพร่แก่ประชาชน เพื่อเป็นการฝึกฝนตนได้พระราตะได้สร้างวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งบำบัดสุขภาพของประชาชน โดยเรียนรู้มาจากชาวแอตแลนติส ชื่อเฮปซาฟ ที่เป็นผู้นำทางจิตฝ่ายธรรมะของแอตแลนติสส่วนข้างน้อย วิหารที่สร้างขึ้น มีการรักษาผู้ป่วย นันทนาการต่างๆ


แต่สิ่งที่พระราตะเน้นก็คือ "การทำสมาธิ" เพื่อสัมผัสโดยตรงกับพลังของพระเจ้าเพื่อขจัดกิเลสให้หมดไปจากใจ เพราะเป็นข้อบกพร่องทางกายภาพของมนุษย์ ในทัศนะของ "ราตะ" และในช่วงที่พระราตะไม่อยู่ ได้มีกลุ่มการเมืองซึ่งเป็นชาวแอตแลนติส ที่กระหายในอำนาจ ได้วางแผนกำจัดพระราตะ โดยใส่ร้ายว่า พระราตะทำผู้หญิงท้อง พระเจ้าอารารัท หลงเชื่อในคำยุยง ได้เนรเทศพระราตะไปอยู่เมืองชายแดน 


แต่เมื่อความจริงกระจ่าง ชาวเมืองอียิปต์จึงเชิญพระราตะ กลับมาดังเดิมช่วงนี้เอง ที่พวกผู้นำของอียิปต์ ตัดสินใจที่จะสร้างปิระมิด กับสฟิงส์ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บความรู้ บันทึก และหลักวิชาศาสตร์ต่างๆที่เร้นลับของแอตแลนติส กับพระเจ้าไรและพระราตะ ให้ปลอดภัย และอยู่นานเท่านาน เพราะเขารู้ว่า โลกใบนี้จะต้องเผชิญกับการ "เคลื่อนย้ายของแกนโลก" เหมือนอย่างในยุคของแอตแลนติส จึงตัดสินใจสร้างและเลือกที่ราบกิเซนี้เป็นที่ตั้ง เพราะอยู่สูงปลอดภัยจากน้ำท่วม (ในทางตัวเลข ยังอยู่ใกล้ศูนย์กลางของโลกทำให้ได้รับภัยแผ่นดินไหวได้ยาก) สถานที่เก็บความรู้เร้นลับของชาวแอตแลนติสนี้ อยู่ในห้องลับ ที่เชื่อมระหว่างมหาปิระมิดกับสฟิงซ์ โดยมีทางเข้าใต้ดินอยู่ที่ด้านขาหน้าข้างขวาของสฟิงซ์ มหาปิระมิดถูกสร้างขึ้นในปี 10,490 ก่อนคริสต์กาล ใช้เวลาก่อสร้าง 100 ปีเต็ม โดยผู้รับผิดชอบเรื่องนี้คือ เฮลเมส ที่เป็นชาวแอตแลนติส
วิธีการสร้างปิระมิด


ในการสร้างปิระมิดนั้น ได้มีการประยุกต์กฎของธรรมชาติและพลังจักรวาลมาใช้ ทำให้สามารถต้านแรงดึงดูด ยกหินก้อนโตให้ลอยขึ้นในอากาศได้ โดยการส่งเสียงมนตร์บางประโยค แล้วทำให้ก้อนหินลอยขึ้นมาจากพื้นได้ ก้อนหินที่นำมาสร้างปิระมิดนั้นขนมาจากแดนไกลที่ชื่อนูเบีย ยอดปิระมิดทำจากโลหะผสมระหว่างทองแดงกับทองคำ ที่สำคัญ ปิระมิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่เป็นวัฏจักรตั้งแต่จากยุคของราตะจนถึงปี ค.ศ. 1998 เพราะวัฏจักรของโลกในรอบนี้จะมาสั้นสุดที่ปี ค.ศ.1998 ตาม "การอ่าน" ของเอ็ดการ์ เคย์ซี ซึ่งเขายังได้กล่าวต่อไปอีกว่าจากสิ่งที่เขาอ่านจาก "บันทึกจักรวาล" (เส้นแสงจักรวาล) ว่าประวัติศาสตร์แห่งอนาคตที่ถูกบันทึกไว้ในปิระมิดในรูปสัญญลักษณ์ของตัวเลข วิชาดาราศาสตร์และวิชาภูมิศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อวัฏจักรของโลกในรอบนี้สิ้นสุดลงและพร้อมกันนั้น วิชาเร้นลับที่กล่าวไว้ในคำทำนายทั้งหลาย ก็จะเผยโฉมออกมา


ห้องต่างๆที่อยู่ในปิระมิดขุดพบหมดแล้ว เว้นเสียแต่ห้องที่เป็นสถานที่เก็บความรู้ศาสตร์ต่างๆของแอตแลนติส เอ็ดการ์ เคย์ซี เริ่ม "อ่าน" เรื่องราวเกี่ยวกับแอตแลนติสจาก "บันทึกจักรวาล" ในขณะที่เขาเข้าสู่ภวังค์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1923 และก็อ่านเรื่อยมา เป็นเวลา 23 ปีเต็ม อิทธิพลของชาวแอตแลนติส ที่กลับมาเกิดในยุคนี้ ส่งผลใหญ่หลวงต่ออารยธรรม ในยุคต้นๆของชาวแอตแลนติส "มนุษย์" กับ "เทพ" มีความแตกต่างกันไม่มาก
เพราะมนุษย์สมัยนั้นมีตาที่สามสามารถพัฒนาต่อมไพนิลในสมองจนมีพลังจิตมีฤทธิ์เดชต่างๆ 


แต่เมื่อมนุษย์ยอมแพ้ต่อกิเลส ศีลธรรมเสื่อม โศกนาฏกรรมจึงเกิดขึ้นกับชาวแอตแลนติส 3 ครั้ง ครั้งแรกราวๆ 50,700 ปีก่อนคริสต์กาล เพราะมนุษย์นำสารเคมีมาทำเป็นระเบิด ขับไล่สัตว์ร้ายจนก่อให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไประเบิด ทำให้แกนโลกเอียง เข้าสู่ยุคน้ำแข็ง ครั้งที่สอง ราวๆ 28,000 ปีก่อนคริสต์กาล เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่คำภีร์ไบเบิลบอกว่าเป็นยุคของโนอาห์โดยมีสาเหตุมาจากการใช้พลังคริสตัล ซึ่งเป็นพลังค้ำจุนอารยธรรมมากจนเกินไป จนเกิดภูเขาไประเบิดและแผ่นดินไหว และครั้งสุดท้าย ราวๆ 10,700 ปีก่อนคริสต์กาล แต่คราวนี้พวกผู้นำทางจิต ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในหมู่ชาวแอตแลนติสได้มองเห็นเหตุการณ์จึงได้อพยพและนำความรู้และศาสตร์ต่างๆ มาเก็บไว้เพื่อมิให้สูญหายวิชาเหล่านั้นในยุคของเรารู้จักกันในชื่อของ โยคะ , ตันตระ , เต๋า และพราหมณ์ นั่นเอง




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2557    
Last Update : 4 ตุลาคม 2557 15:10:28 น.
Counter : 1896 Pageviews.  

ความจริงของ “เรือไททานิก” ที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน!!(นอกจากผู้รอดชีวิต)^^

ในที่นี้น่าจะไม่มีใครไม่เคยดูภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง “Titanic” กันใช่มั้ยล่ะ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวการจมของ “เรือไททานิก” ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับฉายานามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” แต่สุดท้าย โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้น และทำให้เรือลำนี้ จมลงสู้ก้นบึ้งของมหาสมุทรแอตแลนติกอยู่ดี วันนี้ Kiitdoo ขอย้อนบรรยากาศกลับไปสู่เรื่องราวนั้นอีกครั้ง เพราะเราจะบอกว่า จริงๆ แล้ว มีความจริงอีกหลายอย่างเกี่ยวกับ “เรือไททานิก” ที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน และอาจจะไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในภาพยนตร์เรื่องนั้น… เอาเป็นว่า เราไปดูกันเลยว่า เรื่องราวเหล่านั้น จะทำให้คุณคิดถึงเรื่อง “Titanic” จนต้องกลับไปดูอีกครั้งหรือเปล่า 

1.) มีการจัดตารางฝึกเรือกู้ชีพให้กับลูกเรือทุกคนในวันก่อนเรือล่ม แต่สุดท้าย การฝึกเรือกู้ชีพก็ถูกยกเลิกไป ไม่ได้ถูกจัดขึ้นตามที่วางแผน

2.) จำฉากนั้นในหนังได้หรือไม่ ที่นักดนตรี ยังคงเล่นเพลงต่อไปขณะที่เรือกำลังจะจม อยากบอกว่า ในเหตุการณ์จริงนั้น ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นักดนตรีเล่นอยู่เป็นชั่วโมง ก่อนที่เรือจะจม!

3.) Milton Hershey เจ้าของช็อกโกแลตชื่อดัง มีตั๋วขึ้นเรือไททานิกในตอนนั้น แต่เขายกเลิกตั๋วเพราะติดประชุม

4.) ผู้รอดชีวิตชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าขี้ขลาดเมื่อเขากลับถึงญี่ปุ่น ผู้คนหาว่าเขาไม่ยอมตายร่วมกับผู้โดยสารที่เหลือและหนีรอดชีวิตออกมาอย่างเห็นแก่ตัว


5.) ปล่องไฟทั้ง 4 แท่งของเรือไททานิก จริงๆ แล้วทำงานได้แค่ 3 อันเท่านั้น อีกอันหนึ่ง มีไว้เพื่อให้ดูสวยงามสมบูรณ์แบบ

6.) งบประมาณในการสร้างหนังเรื่อง “Titanic” คิดเป็นเงินสูงกว่างบประมาณในการสร้าง “เรือไททานิก”​จริงๆ เสียอีก

7.) ภูเขาน้ำแข็งลูกนั้น ที่เรือไททานิกพุ่งชน มีอายุเก่าแก่มากราว 1000 ปีก่อนคริสตกาล

8.) เรือ The Californian อยู่ใกล้เรือไททานิกมากถึงขนาดที่ สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันเวลา แต่ด้วยปัญหาจากการขัดข้้องทางการสื่อสาร ที่ล่าช้าเกินไป ทำให้ไปช่วยไม่ทัน

9.) หัวหน้าพ่อครัวของเรือไททานิกรอดชีวิตจากน้ำที่เย็นเฉียบมาได้ เพราะเขาดื่มเหล้ามากจนทำให้แอลกอฮอลช่วยให้ความอบอุ่นกับอวัยวะภายในของเขาได้นานถึง 2 ชั่วโมง จนมีคนมาช่วยชีวิตเขาพอดี!

10.) เรือไททานิก คือ เรือเดินสมุทรลำเดียวบนโลกที่ล่มเพราะ “ภูเขาน้ำแข็ง”

11.) เรือกู้ชีพของไททานิก ส่วนมากที่ออกไป บรรจุคนไม่เต็ม ทั้งๆ ที่ ถ้าทุกเรือบรรจุคนเต็มตามความสามารถของเรือ เรือกู้ชีพเหล่านั้น จะสามารถช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือได้ครบทุกคน!

12.) เรือไททานิก จะไม่ชนภูเขาน้ำแข็ง ถ้าพวกเขารู้เรื่องก่อนหน้านั้นเพียง 30 วินาทีเท่านั้น!!



มันช่างเป็น 30 วินาที ที่เปลี่ยนจากของการรอดตายอย่างเฉียดฉิวกับโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ!





 

Create Date : 04 ตุลาคม 2557    
Last Update : 4 ตุลาคม 2557 15:09:10 น.
Counter : 2033 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.