ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการดูแลตัวเองในช่วงฤดูฝน



ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ แห่งอาวียองซ์ อะคาเดมี เผยว่า "อากาศที่ขมุกขมัว ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ หลายคนเข้าใจผิดว่าไม่จำเป็นต้องระวังภัยจากแสงแดด ไม่ต้องทากันแดดก็ได้ อันที่จริงแล้วแม้ไม่มีแสงแดดเลย แต่ในช่วงกลางวันก็ยังคงมีรังสียูวีเอ ที่มองไม่เห็นซึ่งเข้าทำร้ายผิวชั้นลึกให้มีปัญหาริ้วรอยแก่ก่อนวัยอยู่ดี 

ดังนั้นหากละเลย ไม่ทาโลชั่นกันแดดในวันใด ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ผิวได้สะสมริ้วรอยลึกก่อนวัยมากขึ้นในวันนั้น แนะนำว่าต้องทาโลชั่นกันแดดที่ปกป้องครอบคลุมทั้งรังสียูวีเอ ยูวีบี และ อนุมูลอิสระทุกเช้าก่อนการแต่งหน้า โดยควรเลือกสูตรกันน้ำ ที่ไม่เหนอะหนะ เผื่อต้องลุยฝนก็ยังมั่นใจว่าผิวยังได้รับการปกป้องอย่างต่อเนื่อง และยิ่งสภาพอากาศร้อนชื้นในฤดูฝนจะทำให้ผิวสะสมความมัน ความสกปรกจากเหงื่อฝุ่นละออง สาว ๆ ที่ต้องแต่งหน้าไปทำงานด้วยรองพื้นเนื้อหนา จึงควรงด ใช้เครื่องสำอางเดิม ๆ ก็ได้ เพราะอาจยิ่งทำให้ผิวเหนอะหนะและเสี่ยงเกิดสิวได้ง่าย แต่ควรเปลี่ยนมาใช้ครีมรองพื้นชนิดเนื้อทิ้นท์ Tinted Foundation ที่เนื้อบางเบากว่าไม่หนาเหนอะหนะ โดยเลือกสูตรที่ให้เม็ดสีเข้มข้นเพียงพอที่จะปกปิดให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ ตามด้วยแป้งฝุ่นเนื้อบางเบาจะช่วยซับความมันได้ อย่าลืมเลือกใช้มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์ชนิดกันน้ำติดทนไว้ก่อน ตาจะได้ไม่เลอะเป็นหมีแพนด้าถ้ามีเหตุให้ต้องลุยฝน

อากาศที่ร้อนชื้นเช่นนี้ ความสกปรกและคราบเครื่องสำอางหมักหมมอุดตันในรูขุมขนได้ง่ายขึ้น แต่สาว ๆ ยังคง ล้างหน้าเหมือนเดิมก็ได้ แต่หากต้องการป้องกันปัญหาผิวหมองคล้ำสะสมและสิวอักเสบ ทุกเย็นสาวๆ ควรใส่ใจการทำความสะอาดผิวให้หมดจดจริงๆ ด้วยการใช้ เคล็นซิ่งมิลค์ เช็ดคราบเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอีกครั้งอย่างเบามือ และอย่าลืมบำรุงผิวก่อนนอนด้วยครีมที่เหมาะกับประเภทผิว 

นอกจากนี้ควรขัดสครับผิวเพื่อขจัดสิ่งอุดตัน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ด้วย แถมยิ่งอากาศแปรปรวนในฤดูฝนทำให้คนป่วยง่ายขึ้น คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการ กินแค่วิตามินซีก็พอ ในปริมาณสูง ๆ เพียงอย่างเดียวจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยในฤดูฝน อันที่จริงร่างกายต้องการมากกว่าแค่วิตามินซี ถ้าไม่แน่ใจว่าสามารถกินอาหารได้ครบห้าหมู่ ได้วิตามินเกลือแร่ครบถ้วนทุกวัน แนะนำว่าควรหาอาหารเสริมที่มีทั้งวิตามินและเกลือแร่รวมหลากหลายชนิดในเม็ดเดียวกันมารับประทานเสริมวันละเม็ดร่วมกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอจะดีกว่า

สุดท้ายสาว ๆ มักคิดว่าฝนตก ร่างกายไม่ค่อยมีเหงื่อออก ไม่ต้องดื่มน้ำมากหรอก เพราะไม่หิวน้ำบ่อยก็เลยไม่ดื่มน้ำสม่ำเสมอ อันที่จริงน้ำระเหยสูญเสียออกจากร่างกายตลอดเวลา หากไม่ดื่มน้ำบ่อย ๆ ก็เสี่ยงที่เซลล์จะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ร่างกายทำงานแปรปรวนป่วยง่าย ผิวแห้งเกิดริ้วรอยง่าย จึงจำเป็นต้องเติมน้ำให้กับร่างกายอย่างเพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว โดยจิบสม่ำเสมอทั้งวัน"



ขอบคุณ : toptenthailand




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2556    
Last Update : 9 มิถุนายน 2556 10:18:51 น.
Counter : 1561 Pageviews.  

วิธีป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า



ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสกลนคร จนมีผู้เสียชีวิต จะเห็นว่าเกิดขึ้นบริเวณทุ่งนา เมื่อฟ้าผ่าลงมาพื้นนาที่ชื้น ทำให้กระแสไฟฟ้าวิ่งง่าย คนที่ยืนบนพื้นก็จะโดนกระแสไฟฟ้ากระจายมาตามพื้นทำอันตรายได้ แต่เราสามารถป้องกันตนเองไม่ให้ได้รับอันตรายจากฟ้าผ่าเหมือนเหตุการณ์ดัง กล่าวที่เกิดขึ้นได้

วิธีการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงฟ้าผ่าก็มีอยู่หลายแบบ เช่น หลบในตัวอาคาร หรือ รถยนต์ที่ปิดกระจก โดยต้องไม่สัมผัสกับวัสดุ หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับส่วนของอาคาร หรือด้านนอกรถที่อาจถูกฟ้าผ่าได้

หากอยู่กลางแจ้ง แม้ว่าจะไม่มีที่ใดปลอดภัย แต่เราสามารถลดความเสี่ยงจากอันตรายได้ด้วยการอยู่ในท่าที่เหมาะสม คือ นั่งยองๆ ก้มศรีษะ เพื่อลดตัวให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกัน เขย่งเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงกรณีกระแสไหลมาตามพื้น แต่ห้ามนอนราบกับพื้นเด็ดขาดครับ เพราะจะทำให้กระแสไฟไหลผ่านร่างกายจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้

news.thaipbs




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2556    
Last Update : 8 มิถุนายน 2556 13:05:13 น.
Counter : 1687 Pageviews.  

เรื่องน่ารู้ ของคนถนัดซ้าย




ในขณะที่คำว่า "ขวา" ในหลายประเทศของยุโรปหมายความถึง "ถูกต้อง" (right ในภาษาอังกฤษ) "ความยุติธรรม" "อำนาจตามกฎหมาย" (recht ในภาษาเยอรมันและดัชต์ และ droit ในภาษาฝรั่งเศส)

สำหรับจีนโบราณด้านซ้ายคือด้านไม่ดี คำว่า "ซ้าย" ในภาษาจีนกลางหมายถึง "ไม่เหมาะสม" "ไม่ถูกต้อง" ทั้งหมดนี้มีนัยยะของความเอนเอียงไปทาง "ขวา"
เนื่องจากคนส่วนใหญ่ถนัดขวา

การที่บุคคลหนึ่งจะถนัดขวา (จริงๆ คือถนัดมือขวา) หรือถนัดซ้ายนั้น นักวิชาการปัจจุบันเชื่อว่าเลือกไม่ได้เพราะมันมาจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมในครรภ์

ในปี 2007 มีการพบว่ายีนส์ที่ตั้งชื่อว่า LRRTM 1 เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของโอกาสในการถนัดซ้าย

นอกจากนี้ยังพบว่าการจะถนัดมือไหนเริ่มพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์โดยสังเกตเห็นได้จากการวางมือใดไว้ใกล้ปากมากที่สุด มือนั้นก็จะเป็นด้านที่ถนัดในเวลาต่อมา

ปัจจัยสำคัญอีกตัวหนึ่งก็คือ ปริมาณของฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) ในครรภ์ที่ทารกเติบโตอยู่

ทฤษฎีของ Norman Geschwind ระบุว่า ฮอร์โมนเพศชายจะไปกดการเจริญเติบโตด้านซ้ายของ cerebral hemisphere (บริเวณสมองซีกซ้าย) จนเซลล์สมองหรือ neurons ย้ายไปเติบโตในซีกขวาแทน ดังนั้น ทารกในครรภ์จึงมีทางโน้มที่จะถนัดซ้ายเพราะสมองซีกขวาควบคุมการทำงานซีกซ้ายของร่างกาย

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการถนัดซ้ายก็คือ ประชากรอังกฤษในทศวรรษ 1970 มีหญิงชายอายุ 15-24 ปี อยู่ร้อยละ 11 ที่ถนัดซ้าย ซึ่งตัวเลขเดียวกันในอายุ 55-64 ปี หรือเกิดก่อนหน้าเด็กกลุ่มแรกประมาณ 40 ปี มีเพียงร้อยละ 3

ในสหรัฐอเมริกาก็พบคล้ายกันกล่าวคือ ส่วนของคนเกิดในทศวรรษ 1960 ถนัดซ้ายมากกว่าสองเท่าของคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

ในสหรัฐอเมริกาเดิมเชื่อกันว่า คนถนัดซ้ายมีส่วนในประชากรเพียงประมาณ ร้อยละ 10 แต่เมื่อพิจารณาข้อมูลของประชากรอเมริกันที่ถนัดซ้าย โดยจำแนกตามปีเกิดแล้วก็จะพบว่ามีส่วนสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น เกิด ค.ศ.1943-1952 มีส่วนถนัดซ้ายร้อยละ 12 เกิด ค.ศ.1953-1962 ร้อยละ 13 และเกิด ค.ศ.1963-1972 ร้อยละ 15.8 (สถิติเหล่านี้มาจากการถามว่าถนัดมือข้างใดหลังจากเติบโตเป็นเยาวชนแล้ว)

ในประเทศอื่นก็เชื่อว่ามีส่วนของคนถนัดซ้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน แต่มิได้เกิดถนัดซ้ายเพิ่มขึ้นมากเพราะสาเหตุจากฮอร์โมนเพศชาย แต่เชื่อว่ามาจากการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมการเลี้ยงดูและให้โอกาสเด็กพัฒนามากกว่าอย่างอื่น

Chris McManus ผู้เขียนหนังสือ Right-Hand, Left-Hand ได้เสนอสาเหตุหลายประการที่ทำให้คนถนัดซ้ายมีส่วนเพิ่มขึ้นดังต่อไปนี้

(1) คนถนัดซ้ายถูกกดขี่ในศตวรรษที่ 18 และ 19 อย่างหนัก เช่น พ่อ แม่ และครูจะพยายามบีบบังคับดัดมือให้ถนัดขวา (การเขียนจากซ้ายไปขวาทำให้คนถนัดซ้ายมีความไม่สะดวก ต้องจับปากกาและวางมือไว้ข้างบนตัวอักษร) ดังนั้น คนที่ดำรงความถนัดซ้ายแต่เกิดไว้ได้จึงมีส่วนต่ำ แต่ในยุคใหม่การบีบบังคับเช่นนี้มีน้อยลง

(2) เมื่อโตขึ้นคนถนัดซ้ายถูกสังคมมองว่าเป็นคนประหลาดโดยเฉพาะในสมัยก่อน คนถนัดซ้ายจึงมีโอกาสแต่งงานน้อยกว่า ดังนั้น โอกาสในการผลิตคนที่ถนัดซ้ายตามกรรมพันธุ์จึงมีน้อยลง

(3) ในยุคเสรีตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาคนถนัดซ้ายได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากสังคมยอมรับการเป็นปัจเจกบุคคลอย่างกว้างขวางขึ้น ดังนั้น แรงกดดันให้เปลี่ยนเป็นถนัดขวาจึงมีน้อยลง

(4) หญิงมีลูกตอนอายุสูงขึ้นทำให้ช่วยเพิ่มส่วนของคนถนัดซ้ายเพราะสถิติชี้ว่า หากหญิงมีลูกตอนอายุมากขึ้นก็มีทางโน้มที่จะมีลูกถนัดซ้ายมากขึ้น


โดยส่วนตัวเชื่อว่าการยอมรับการถนัดซ้ายโดยพ่อแม่ ครู และสังคมในยุคเสรีเปิดโอกาสให้เด็กบรรลุศักยภาพของตนเองคือ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เยาวชนดำรงความถนัดซ้ายตั้งแต่เกิดจนเป็นผู้ใหญ่ไว้ได้ การกีดขวางพัฒนาการของเด็กโดยเริ่มที่การพยายามเปลี่ยนการถนัดซ้ายมาเป็นขวามีน้อยลง

Chris McManus ชี้ว่าเมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์จะพบว่าคนถนัดซ้ายมีส่วนของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง สูงกว่าคนถนัดขวาเนื่องจากสมองของคนถนัดซ้ายถูกสร้างให้แตกต่างกว่า โดยขยายขอบเขตของความสามารถโดยเฉพาะในด้านภาษาและศิลปะ

เขาเชื่อว่าปรากฏการณ์เพิ่มขึ้นของส่วนคนถนัดซ้ายจะเป็นผลดีแก่โลกในอนาคต

คนสำคัญในโลกที่ถนัดซ้าย ได้แก่ Alexander the Great/ Julius Caesar/ Napoleon Bonaparte/ รวมทั้ง Colin Powell และ Norman Schwarzkopf

Leonardo da Vinci/ Michelangelo/ Pablo Picasso/ Ludwig van Beethoven/ Paul McCartney/ Ringo Starr ถนัดซ้ายเช่นเดียวกับนักกีฬาเทนนิส เช่น Rod Laver/ Jimmy Connors/ John McEnroe/ Martina Navratilova

นักการเมืองถนัดซ้าย ได้แก่ Gerald Ford ประธานาธิบดีบุช (ผู้พ่อ) Bill Clinton/ Ross Perot (ทั้ง 3 คนหลังเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีในปี 1992 เหมือนกัน)

ราชวงศ์อังกฤษ เช่น Queen Elizabeth II (พระราชินีองค์ปัจจุบัน) เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าชายวิลเลียม รวมทั้ง Queen Mother (พระราชมารดาพระราชินีองค์ปัจจุบัน) ก็ล้วนถนัดซ้าย

คนถนัดซ้ายที่มักเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า southpaw (บ้างก็ว่าคำนี้มีที่มาจากกีฬา baseball บ้างก็ว่าอยู่ในพจนานุกรมอังกฤษก่อนกีฬาเบสบอลเกิดอีก) นั้นมีชีวิตที่ลำบากพอควรไม่ว่าการหาเก้าอี้ที่เป็นแผ่นรองเขียนถนัดมือ หาอุปกรณ์กีฬาสำหรับคนมือซ้าย เช่น ไม้กอล์ฟ เล่นกีฬาฮอคกี้ไม่ได้ (กติกาบังคับห้ามถือไม้ในมือซ้าย) ปืนสั้นบางรุ่นที่สร้างมาสำหรับคนถนัดขวา ฯลฯ

ในช่วงเวลานี้ที่กีฬากำลังฮิต นักชกมวย southpaw ถือว่าได้เปรียบเพราะนักชกถนัดขวามักคาดเดากำปั้นที่ลอยมายากขึ้น หากเล่นโปโลน้ำโดยคนเล่นมักถนัดบุกทางปีกขวา คนถนัดซ้ายก็ได้เปรียบเพราะยิงประตูถนัดกว่าด้วยมือซ้าย ในเทนนิสคนที่ถนัดขวาแต่เคยชินกับการเล่นกับคนถนัดซ้ายก็ได้เปรียบมาก เช่น Rafael Nadal นักเทนนิสสุดดังในขณะนี้

งานวิจัยของ Johns Hopkins University ในปี 2006 พบว่าชายที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่ถนัดซ้ายโดยเฉลี่ยมีรายได้สูงกว่าคนถนัดขวาร้อยละ 25 (หากเรียนไม่จบ คนถนัดซ้ายก็ยังสูงกว่าร้อยละ 15 อยู่ดี) ดังนั้น ถึงแม้จะถูก "กดขี่" ในสมัยก่อน แต่ในยุคเสรีคนถนัดซ้ายมีโอกาสแสดงออกซึ่งศักยภาพอย่างเต็มที่
ส่วนของคนถนัดซ้ายในประชากรกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าสนใจในประเทศพัฒนาแล้วตามที่มีการสำรวจ และเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นเช่นกันในประเทศอื่นๆ สาเหตุของการเพิ่มสูงขึ้นนี้โยงใยอย่างน่าสนใจกับประเด็นการเลี้ยงดูลูกหลานและการที่สังคมสนับสนุนให้เยาวชนปลดปล่อยศักยภาพในยุคปัจจุบัน

มีหลักฐานทางโบราณคดีว่ามนุษย์ถนัดทั้งซ้ายและขวามายาวนาน นับตั้งแต่เมื่อมนุษย์ลุกขึ้นยืนบนสองขาเป็นมนุษย์เช่นผู้คนในปัจจุบันเมื่อประมาณ 150,000 ปีก่อน มนุษย์ส่วนใหญ่ถนัดขวามากกว่าถนัดซ้าย จนการถนัดซ้ายถือว่าเป็นสิ่ง

//variety.teenee.com/foodforbrain/53233.html




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2556    
Last Update : 7 มิถุนายน 2556 7:37:26 น.
Counter : 3066 Pageviews.  

ทำลายสถิติโลก ฝาแฝดไอร์แลนด์เกิดห่างกันนานถึง 87 วัน



ทารกแฝดเพศหญิงในไอร์แลนด์ ได้รับการจารึกลงกินเนส เวิลด์ เรคอร์ดส ว่าเป็นคู่แฝดที่เกิดห่างกันมากที่สุด ด้วยทิ้งระยะลืมตาดูโลกห่างกันถึง 87 วัน ทุบสถิติเดิม 84 วันของคู่แฝดอเมริกันที่ทำเอาไว้เมื่อทศวรรษก่อน

คุณแม่มาเรีย โจนส์ เอลเลียต วัย 34 ปีเริ่มเจ็บท้องตอนที่ตั้งครรภ์ได้เพียง 24 สัปดาห์ (6 เดือน) และให้กำเนิดลูกสาวที่เป็นแฝดผู้พี่ชื่อเอมี อย่างไรก็ตามด้วยที่ผู้เป็นแม่คลอดก่อนกำหนดถึง 3 เดือน หนูน้อยเอมี จึงมีน้ำหนักแรกคลอดแค่ราวๆ 5 ขีดเท่านั้น ดังนั้นแพทย์จึงรีบเอาเข้าตู้อบทันที

ทั้งนี้ตอนที่ให้กำเนิด เอมื เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนปีก่อน มดลูกของคุณแม่มาเรียหยุดหดตัวและแม้จะมีความพยายามทำคลอดโดยชักนำหนึ่งวันหลังจากนั้น แต่หนูน้อย เคที ก็ยังอยู่ในท้องและไม่มีแววว่าจะออกมาดูโลกกว้างเลย

จากนั้นก็มีการชักนำการคลอดอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 36 และหลังผ่านไปราว 1 ชั่วโมง สุดท้ายแล้ว มาเรีย ก็ให้กำเนิด เคที ซึ่งมีน้ำหนักแรกคลอด 2.4 กิโลกรัม โดย เคที เกิดมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงและไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยทางการแพทย์เลย และผู้เป็นแม่เล่าว่าตอนที่พยาบาลอุ้มเคทีเข้าไปนอนกับเอมี่ในตู้อบ เอมี ก็ยิ้มทันทีที่ได้เห็นน้อง

รายงานข่าวระบุว่าแม่และเคที ออกจากโรงพยาบาล 5 วันหลังคลอด ส่วนเอมีที่คลอดก่อนกำหนดก็ได้เข้าบ้านครั้งแรก 7 สัปดาห์หลังจากนั้น

ฝาแฝดเพศหญิงคู่นี้ได้รับการบันทึกกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส
ว่าเป็นแฝดที่เกิดห่างกันนานที่สุดให้โลก ด้วยระยะเวลา 87 วัน ทำลายสถิติเดิมที่ 84 วันของคู่แฝดหญิงชายชาวอเมริกันที่เกิดช่วงปลายปี 1995 และต้นปี 1996

//variety.teenee.com/foodforbrain/53209.html




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2556    
Last Update : 6 มิถุนายน 2556 8:25:46 น.
Counter : 1668 Pageviews.  

วิธีการแก้ไขอารมณ์หงุดหงิด




บางคนอาจรู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์หงุดหงิดง่ายจัง จนบางครั้งก็พาลหงุดหงิดตัวเองไปด้วยที่เป็นเช่นนี้ ซึ่งสาเหตุของการหงุดหงิดนั้นก็อาจเกิดมาจากพื้นฐานของอารมณ์ที่มีมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรือเกิดจากความคาดหวังที่มีมากเกินไป เมื่อไม่เป็นไปตามสิ่งที่หวัง เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ก็ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมา

วิธีการแก้ไขอารมณ์หงุดหงิดนั้นก็คือ แก้ที่ตัวเรา แก้ที่วิธีการคิด เราไม่สามารถให้คนอื่นทำได้ดั่งใจเราไปซะหมด ดังนั้นเราจะต้องลดความคาดหวังที่ต้องการลงไป อย่าคิดว่าเค้าจะทำได้ทุกอย่าง อย่างที่ใจเราต้องการ อย่าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เราคิด เพราะสิ่งต่างๆในโลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่ง ทุกอย่างได้ ให้ทำความเข้าใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตามหลักความเป็นจริง

เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ถ้ายังไม่สามารถคิดได้ก็ให้หางานอดิเรกที่ใช้สมาธิในการทำ เพื่อฝึกใจให้เย็นลง เมื่อได้รับการฝึกฝนบ่อย ๆ เข้าเราก็จะกลายเป็นคนใจเย็นได้ ถ้าเราต้องการที่จะทำการปรับปรุง แก้ไข สิ่งใดก็ควรกระทำเมื่อใจเย็นลงแล้ว เพราะถ้ากระทำตอนที่ยังมีอารมณ์หงุดหงิดอยู่อาจทำให้ผลงานออกมาได้ไม่ดี แล้วจะทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ทางที่ดีควรปรับอารมณ์ตัวเองให้ดีก่อน แล้วให้ฝึกคิดในแง่บวกให้มากๆ เพื่อเป็นการพัฒนาจิตใจด้วย


ขอบคุณ : thaieditorial




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2556    
Last Update : 4 มิถุนายน 2556 7:10:53 น.
Counter : 1553 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.