ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เด็กป.6 ค้นพบสารกำจัดแมลงสาบสูตรตายยกรัง

เด็กป.6 ค้นพบสารกำจัดแมลงสาบสูตรตายยกรัง

เด็กนักเรียนประถมโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หัวใสคิดค้นสารกำจัดแมลงสาบ 
สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคร้ายสูตรตายรังได้สำเร็จ สามารถกำจัดแมลงสาบได้ดีโดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
แมลงสาบ สัตว์ที่มีนิสัยทำลายข้าวของ ขับถ่ายสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น และเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อโรคมาสู่คนมากมาย
ได้แก่โรคทางเดินอาหาร อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ ภูมิแพ้ และโรคหอบหืด
สารกำจัดแมลงสาบที่นักเรียนโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
ค้นพบและสามารถกำจัดแมลงสาบให้กลับไปตายที่รังได้สำเร็จ 
มีส่วนประกอบสำคัญคือ
ปูนซีเมนต์ผง
ผงแป้งข้าวจ้าว 
และผงโอวัลติน 
ซึ่งเมื่อนำผง 3 ชนิดมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันมากที่สุดแล้วนำไปวางไว้ในที่ที่มีแมลงสาบซุกชุม 
พร้อมนำน้ำไปวางใกล้ๆ แมลงสาบจะมากินสารกำจัดแมลงสาบและน้ำแล้วจะกลับไปตายที่รังของมัน 
ซึ่งเป็นวิธีการกำจัดแมลงสาบที่ไม่มีพิษตกค้าง และเป็นอันตรายต่อมนุษย์เหมือนกับ
การกำจัดแมลงสาบโดยวิธีการใช้สารเคมีฉีดพ่น
เด็กหญิงเจนจิรา โพนยงค์ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์หนึ่งในผู้คิดค้นสารกำจัดแมลงสาบกล่าวว่า 
ส่วนประกอบของสารกำจัดแมลงสาบที่นำผสมกันจะมีคุณสมบัติและทำหน้าที่แตกต่างกันไป คือ 
1.โอวัลตินจะเป็นสารที่ล่อให้แมลงสาบมากินสารกำจัดแมลงสาบ 
2.แป้งข้าวจ้าวจะทำให้แมลงสาบหิวน้ำเมื่อกินเข้าไป 
3.ส่วนปูนซีเมนต์จะทำให้แมลงสาบแน่นท้องและตายเมื่อกินสารกำจัดแมลงสาบและน้ำเข้าไป 
ทุกคนทุกบ้านสามารถผลิตสารกำจัดแมลงสาบแบบง่ายๆนี้และนำไปใช้ได้เองอย่างปลอดภัย 
ไม่มีสารตกค้าง ให้เป็นอันตรายกับชีวิต
ต้องขอชื่นชมเด็กไทย หัวใส มีสติปัญญาไม่แพ้ประเทศไหนในโลกใบนี้เหมือนกัน 
ต้องช่วยกันเผยแพร่สิ่งดีๆ นี้ให้รู้กันทั่วไป




 

Create Date : 29 มีนาคม 2557    
Last Update : 29 มีนาคม 2557 22:50:52 น.
Counter : 2730 Pageviews.  

ชม “ราชาหินทิเบต” มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

ชม “ราชาหินทิเบต” มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

"ราชาหินทิเบต" มูลค่า 100 ล้านหยวน หรือราว 500 ล้านบาท (ภาพ ไชน่า นิวส์)

ซินหวา - สื่อทางการจีนเผย (26 มี.ค.) ภาพของ “ราชาหินทิเบต” (藏瓷王) ก้อนหินสีน้ำตาล น้ำหนัก 8.5 ตัน ยาว 3.18 เมตร กว้าง 1.6 เมตร และสูง 0.9 เมตร โดยนายไฉหนี เจ้าของร้านจำหน่ายหยกและเครื่องประดับหินทิเบตในมณฑลชิงไห่ กล่าวว่า หินทิเบตก้อนนี้มีราคาสูงถึง 100 ล้านหยวน (ราว 500 ล้านบาท) ในการซื้อ-ขายของท้องตลาดปัจจุบัน

       “ตอนนี้ แหล่งหินทิเบตเริ่มขาดแคลนมากขึ้น ทำให้ราคาในตลาดของแต่ละปีปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา” ไฉหนีกล่าว

       ทั้งนี้ หินทิเบต ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ในมณฑลชิงไห่และพื้นที่ทางตะวันออกของทิเบต มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า “จั้งฉือ” (藏瓷) หรือ “จั้งฉือหง” (藏瓷红) โดยคำว่า “จั้ง” มาจาก “ซีจั้ง” (西藏) อันหมายถึงเขตปกครองตนเองทิเบต ส่วนคำว่า “ฉือ” มาจากลักษณะพื้นผิวและสีสันของก้อนหินที่คล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์กระเบื้อง เคลือบ

ชม “ราชาหินทิเบต” มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

(ภาพ ไชน่า นิวส์)




 

Create Date : 27 มีนาคม 2557    
Last Update : 27 มีนาคม 2557 23:21:02 น.
Counter : 1032 Pageviews.  

ลองดูหากเก็บเงินไม่อยู่ เรามีวิธี!!

ชีวิตมีปัญหา เก็บเงินไม่อยู่ลองวิธีนี้ดู
วิธีบังคับตัวเองไม่ให้ใช้เงินมากเกินไปกับสิ่งไม่จำเป็น!!! 
ตั้งเป้าไว้ว่าวันนึงต้องใช้ไม่เกิน 300 บาทจะใช้เกินกว่านี้ไม่ได้!!!
แบ่งเงินใส่ถุงเลย ถุงละ 300 บาทหยิบไปใช้วันละถุง พอใช้อะไรไปบ้างก็จดใส่กระดาษเล็กๆไว้แล้วเอามาใส่ถุงใบเดิม เริ่มวันใหม่ก็เปลี่ยนถุงใหม่แล้วมาดูกันว่าจะเก็บได้หรือประหยัดไปเท่าไหร่!!!
แถมได้เห็นด้วยว่าแต่ละวันใช้เงินอะไรไปบ้าง ลอง"รัดเข็มขัดตัวเอง"สักเดือนนึงว่าได้ผลมั้ยเป็นการฝึกวินัยให้ตนเองไปในตัวด้วย 





 

Create Date : 27 มีนาคม 2557    
Last Update : 27 มีนาคม 2557 23:07:05 น.
Counter : 1188 Pageviews.  

บีทีเอส ติดป้ายยืนชิดขวา แนะมารยาทการใช้บันไดเลื่อน

ว้นนี้(26 มี.ค.) ชาวสังคมออนไลน์ได้แชร์ภาพป้ายที่ติดบริเวณพื้นของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท ซึ่งมีป้ายเขียนว่า เดินชิดซ้าย ยืนชิดขวา รวมถึงบริเวณบันไดเลื่อนก็มีป้ายแบ่งซ้ายขวาชัดเจน เพื่อแนะนำมารยาทที่ดีในการใช้บันไดเลื่อน

LQnREPtBtqOzoiM-556x313-noPad

เนื่องจากการยืนชิดข้างขวาจะช่วยเปิดช่องทางด้านซ้ายให้ผู้ที่เร่งรีบสามารถเดินขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเวลากว่า 3 ปีที่มีการพูดถึงและรณรงค์ในเรื่องการใช้บันไดเลื่อนของคนไทยไม่ว่าจะบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มักไม่ยืนชิดข้างใดข้างหนึ่งเหมือนต่างประเทศ ซึ่งทำแบบนี้จนกลายเป็นวัฒนธรรมและช่วยทำให้สังคมมีระเบียบมากขึ้น

ทั้งนี้ชาวสังคมออนไลน์แสดงความคิดเห็นว่ามารยาทเรื่องการใช้ระบบขนส่งสาธารณะของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การไม่ยืนพิงเสาจับในรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน การไม่ทานอาหารบนรถไฟฟ้า การงดคุยโทรศัพท์หรือพูดคุยเสียงดังรบกวนผู้โดยสารคนอื่น การต่อคิวซื้อตั๋วโดยสารและการรอให้ผู้โดยสารภายในเดินออกก่อนและไม่ยืนขวางประตูรวมไปถึงมารยาทเรื่องอื่นๆด้วย

878




 

Create Date : 26 มีนาคม 2557    
Last Update : 26 มีนาคม 2557 23:36:56 น.
Counter : 1053 Pageviews.  

5 บุคคลเปลี่ยนโลกทั้งที่พวกเขาอยู่ในคุก

มีคนเล่าไว้ว่าเมื่อเราอยู่ตัวคนเดียวในที่แคบๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลยหลายๆ วัน จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ มากมาย เช่น สุนทรภู่ แม้ถูกขังอยู่ในคุกก็สามารถแต่งพระอภัยมณีจนเป็นมรดกของประเทศ ใครว่าเข้าคุกแล้วหมดสิ้นอนาคตขอเถียงคอเป็นเอ็นเลย และวันนี้เรามี 5 บุคคลที่ทำให้โลกเปลี่ยนไปทั้งๆ ที่ตัวเขานั้นอยู่ในเรือนจำ 





5. David Marshall Williams 
เดวิด มาร์แชลล์ วิลเลียมส์ เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1900 บิดาเป็นผู้มีอาชีพทำฟาร์ม เป็นผู้มีฐานะดีผู้หนึ่งในแคโรไรน่า พ่อเขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ทำถ่านเลยสักนิด เขาไม่ชอบโรงเรียน ชอบหนีเรียน แถมชอบเที่ยวเตร่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาชำนาญคือเขาประกอบปืนเป็น!! แถมยังประดิษฐ์ปืนด้วยตนเองเสียด้วย พอเดวิดโตหน่อยเขาก็ทำธุรกิจผลิตสุราเถื่อน (ตอนแรกมันถูกกฎหมายแต่พอรัฐบาล ห้ามเขาก็เลิกไม่ได้) จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1920 นายอำเภอท้องถิ่น พร้อมทั้งข้าราชการพากันไปล้อมโรงต้มกลั่นของเดวิดเพื่อจะจับตัวเขาและพรรค พวกในฐานฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้เดวิดและพรรคพวกต้องต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ผลคือเขาทำให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตาย เขาเลยหลบหนี แต่ในที่สุดเขาก็มอบตัวและสู้คดีผลคือเขาต้องใช้ชีวิตในเรือนจำ 30 ปี และนี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลกเพราะในคุกนั้นเขาได้สิทธิพิเศษบางอย่างที่ไม่ใช่ขอกินพุดดิ้งหรือขอดูแมนยูแตะกับเซสซี หากแต่เขามีสิทธิพิเศษในการประกอบปืนและออกแบบปืนได้ตามใจปรารถนา โดยเขาได้คิดค้นปืนระบบแก๊ส-ลูกสูบเนื่องจากเขาเห็นว่าปืนของเจ้าหน้าที่ที่ใช้อยู่นั้นไม่เหมาะในการยิงนักโทษ (ในกรณีที่นักโทษก่อความรุนแรง) เขาเป็นคนออกแบบปืนทั้งๆ ที่อยู่ในคุก โดยปืนที่เขาคิดค้นนั้นเป็นประโยชน์ต่อวงการหลายๆ อย่าง เช่นทำให้ปืนยิงเร็ว มีอนุภาพร้ายแรงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักของปืน จนทุกวันนี้ปืนระบบแก๊ส 99.9% ใช้หลักการของ วิลเลียมส์ทั้งสิ้น อีกทั้งทำให้สงครามปืนทันสมัย เวลาเล่นเกม Call of Duty ก็ไม่น่าเบื่อสำหรับคุณอีกต่อไป (เกี่ยว??)






4. William Addis 
คุณคงไม่เชื่อว่าเรือนจำที่แสนสกปรกที่เต็มไปด้วยคราบอสุจิ เลือด และนักโทษกลิ่นตัวเหม็นนั้น จะเป็นที่กำเนิดอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่าง “แปรงสีฟัน” ได้ และเจ้าสิ่งนี้เองที่ทำให้มันติดในอันดับของใช้ที่โลกขาดไม่ได้ในบัดดล ที่จริงสมัยก่อนก็มีหลายคนใช้ยาสีฟัน เช่น กิ่งไม้, ขนนก, กระดูกสัตว์, ขนเม่น แต่มันไม่จ๊าบเท่าไหร่เนอะ จนกระทั่งมีนักประดิษฐ์คิดค้นแปรงสีฟันคนแรกก็คือ วิลเลียม แอดดิส ชาวเมืองเคิร์กเคนวอลล์ ซึ่งเกิดทำผิดมีอันต้องเข้าไปนอนในคุกข้อหาใช้ความรุนแรงในปี 1770 ตอนนั้นผู้คนทั้งในและนอกคุกใช้วิธีแปรงฟันโดยใช้เกลือหรือเขม่ามาใส่ในเศษผ้า นำมาถู ๆ ที่ฟัน รวมถึงนายแอดดิสด้วย เขาทำแบบนี้หลายปีจนเขามีความคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้ามีอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำความสะอาดฟันดีกว่านี้ โดยเขาได้ใช้กระดูก จากนั้นก็นำมาเจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วก็ขอขนแปรงจากผู้คุมมายัดลงไปในรูแล้วติดกาว แล้วตัดขนแปรงให้พอเหมาะ ได้แล้วแปรงสีฟันอันแรกของโลก และเมื่อแอดดิสออกจากคุก เขาก็เริ่มกิจการประดิษฐ์แปรงสีฟันเพื่อจำหน่ายอย่างที่หวังไว้ และก็มีขายมาจนทุกวันนี้ (เขาตายในปี 1840) ซึ่งรูปแบบและสีสันก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงและคิดค้นอีกภายหลัง 






3. Jesse Hawley 
เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ เป็นพ่อค้าแป้งในนิวยอร์ค ถูกขังคุก แต่หารู้ไม่ว่าเขาเป็นคนต้นคิดในการสร้างคลองอีรีทั้งๆ ที่อยู่ในคุก แล้วคลองอีรีนั้นมันเปลี่ยนโลกยังไง หลายคนอาจไม่รู้ว่าคลองอีรีนั้นทำให้อเมริกาเจริญจนถึงทุกวันนี้ เพราะคลองอีรีเป็นคลองที่ถูกขุดในนิวยอร์คยาว 363 ไมล์ (584 กม.) จากอัลบานี นิวยอร์ค ในแมนฮัดสัน ไปยัง บัฟฟาโล นิวยอร์ค เริ่มขุด1817-1825 (เปิดอย่างเป็นทางการ 26 ตุลาคม 1825) มีส่วนความสำคัญมากต่อศูนย์กลางการค้าขายในทวีปอเมริกาเหนือ สมัยก่อนนั้นอเมริกาต้องใช้การขนส่งโดยใช้เกวียนเป็นหลัก หากแต่หลังจากมีการสร้างคลองทำให้มีการขนส่งด้วยเรือเพิ่มขึ้นมา และคลองนี้เป็นท่าเรือเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ที่สามารถขนส่งสินค้าออกไปยังแอตแลนติกได้ ซึ่งมีผลทำให้รัฐนิวยอร์คและเมืองนิวยอร์คกลายเป็นเมืองที่และศูนย์กลางค้าขายของอเมริกาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังตัวจุดชนวนกระแสการลงทุนในเรื่องการขนส่งและการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐอเมริกา กลับมาที่เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ต่อ เขาถูกจำคุกในปี 1807 เนื่องจากเขามีปัญหาการขนส่งจนเป็นหนี้ ต้องติดคุก 20 เดือน ในระหว่างอยู่ในคุกเขาได้เขียนเรียงความเรื่องหนึ่งชื่อ “Hercules” ออกเผยแพร่ว่าน่าจะขุดคลองอีรีจากแม่น้ำฮัดสันเพื่อแก้ปัญหาขนส่ง ผลงานของเขานั้นกลายเป็นผลงานที่โดดเด่นจนทำให้ผู้เกี่ยวข้องมีความคิดจะขุดคลองให้มันเป็นจริง และเรียงความของเขาได้รับการพิสูจน์ว่ามีอิทธิพลในการพัฒนาคลองอย่างแท้จริง 






2. Franklin Robert Stroud 
โรเบิร์ต แฟรงคลิน (28 มกราคม 1890-21 พฤศจิกายน 1963) ก่อนที่จะนักโทษนั้น เขายังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนแถววอชิงตัน อเมริกา ที่หลงรักหญิงคาบาเร่ต์คนหนึ่ง ที่จริงทั้งสองน่าจะมีชีวิตมีความสุขตลอดกาล หากแต่น่าเศร้า เมื่อต่อมาแฟนของถูกตีอย่างรุนแรงโดยเขา และเขาถูกพิพากษาจำคุก 12 ปี ฐานฆาตกรรม และถูกขังในคุกอัลคาทราซด้วย ดูๆ ไปชีวิตของเขาก็เหมือนนักโทษธรรมดาเนอะ หากแต่แปลกหน่อยตรงที่ ระหว่างที่เขาถูกจำคุกอยู่เขาได้พบรักใหม่ นั้นก็คือ “นก” เขาเริ่มรักนก รักถึงขนาดนำเลี้ยงนกในห้องขัง ซึ่งตามกฎเรือนจำไม่ให้อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ (จนเป็นเหตุย้ายไปขังในคุกอัลคาทราซ) แต่กระนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกโดยบริยาย และได้เขียนหนังสือ iseases of Canaries และ Stroud's Digest o?n the Diseases of Birds เกี่ยวกับพยาธิและโรคในนก ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาวงการสัตวแพทย์ เกี่ยวกับพยาธิวิทยา ทั้งๆ ที่แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นคนบ้า แต่กระนั้นเขามีไอคิวถึง 134 และนอกจากนี้เรื่องราวของเขายังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Birdman of Alcatraz ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจภาพยนตร์แนวคนคุกจนถึงปัจจุบัน 

ที่มา: //108thinks.blogspot.com/




 

Create Date : 24 มีนาคม 2557    
Last Update : 24 มีนาคม 2557 22:53:23 น.
Counter : 838 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.