สาคูใส้หมู- ข้าวเกรียบปากหม้อ
ของว่างของไทย ที่จะขายคู่กัน
ประวัติความเป็นมา เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 1
ได้ยกทัพไปเวียงจันทร์ประเทศลาว
แล้วได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมายังบ้านเมืองของเรา
.
ได้นำสนมจากประเทศลาวมาด้วย 1 ท่าน
สนมท่านนี้ดุมาก จึงได้รับฉายานามว่า
แม่นางเสือ
รัชกาลที่ 1 พระองค์ทรงโปรดการเสวยไข่เหี้ยมาก
แต่หาไม่ได้ แม่นางเสือซึ่งมีฝีมืออันลือเลื่อง
ในเรื่องอาหารการกิน จึงทำขนมไข่เหี้ยขึ้นมาถวาย
โดยนำแป้งสาคูผสมแป้งข้าวเหนียว
มาห่อถั่วกวนปั้นให้มีรูปร่างคล้ายไข่เหี้ยแล้วนำไปนึ่ง พอสุก
ลักษณะจะขาวขุ่นใสเล็กน้อย มองเห็นไส้ข้างใน
สีเหลืองราง ๆ เวลาจะเสวยจะต้องราดด้วยหัวกะทิสด
ขนมจะนุ่มนิ่ม ลื่น ๆ กลิ้งไป มาคล้าย ๆ ไข่..ของจริง
ในส่วนห้องเครื่อง นำแบบนึ่งตามเดิม
มาปรุงไส้ไหม่ให้เป็นของคาว แบบอาหารว่าง
รับประทานกับผักสด กลายเป็นที่นิยมเชิดหน้า ชูตา
เป็นของอร่อยขึ้นโต๊ะ ต่างจากต้นตำรับเดิมโดยสิ้นเชิง
โดยปรับเปลี่ยนแป้ง ที่ห่อเป็นเม็ดสาคู ราคาถูกหาซื้อง่าย มาทำ
รับประทานบ้าง ขายบ้างเวลาผ่านมาเป็น ร้อยปี
เราก็ได้ขนมสาคูไส้หมู มาเป็นอาหารว่างกัน
ข้าวเกรียบปากหม้อ เป็นของว่างที่เรียกชื่อ
ตามลักษณะของอุปกรณ์
ใส้ทำจากหมู หรือไก่สับละเอียด
ผัดผสมกับ หัวผักกาดเค็ม ถั่วลิสงคั่ว
ปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำตาลปีบผัดรวมกัน
จนเหนียวจับตัวเป็นก้อน
ห่อด้วยแป้งสุกใส ใส่ไส้แล้วม้วนปิดเป็นคำ
ตามขนาดที่ต้องการ ตักขึ้นคลุกกับน้ำมันกระเทียมเจียว
รับประทานกับผักกาดหอม ผักชีและพริกขี้หนู
ขอบคุณที่มา fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ