สลิ่ม
...............
สลิ่ม ขนมหวานยอดนิยมของไทย
ทำจากแป้งถั่วเขียว ลักษณะเหมือนวุ้นเส้น
แต่มีสีสันและกลิ่นหอมจากดอกมะลิ
ทานกับน้ำกะทิหอมหวาน ใส่น้ำแข็ง
เหมาะกับทานเวลาอากาศร้อนๆ
สลิ่ม ซ่าหริ่ม ชื่อขนมที่มีการนำมาเป็น
วาทกรรมการเมือง hate speech
ขนมไทยที่มีชื่อแปลก เดิมเรียกว่าซ่าหริ่ม
เป็นคำมาจากภาษาชวา
นักนิรุกติศาสตร์ชวาอธิบายว่า
Sa-Rim คำนี้ใช้ในอดีตนานโขแล้ว
เป็นคำยืมจากอินเดีย
ใช้เรียกขนมวุ้นใสเป็นเส้นๆ ที่ใส่กะทิ
แต่ปัจจุบันชาวชวา-มลายูเรียกขนมนั้นว่า
Dawet ดาเวต
เรียกตัวแป้งวุ้นว่าเชนดอล Cendol
เป็นขนมหวานของเพื่อนบ้าน
แถบอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์
ที่มีทั้งซ่าหริ่ม ทับทิมกรอบ และลอดช่องสิงคโปร์
และทั้งหมดเป็นขนมแป้งเหนียวใส
คล้ายวุ้นเส้นผสมสี
ตระกูล Rice Vermicelli
ใส่น้ำเชื่อม กะทิสด ไม่เจือเกลือ
ผสมน้ำตาลปึก แบบขนมมอญ-ไทย
ยุคกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่า
อาจมีซ่าหริ่ม มาก่อนแล้วก็เป็นได้
สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ครองราชย์ต่อจากพระเจ้าท้ายสระ
เหตุเพราะในยุคของพระองค์
มีนางข้าหลวงชาวมลายู
ผู้เป็นเชลยจากปัตตานีหลายนาง
เข้ามาถวายงานรับใช้ในราชสำนัก
ภายใต้การกำกับดูแลของพระราชธิดาสองพระองค์
คือเจ้าฟ้ากุณฑล และเจ้าฟ้ามงกุฎ
ขัตติยนารีทั้งสองโปรดปรานในวัฒนธรรมชวามาก
ถึงกับทรงพระนิพนธ์ บทละครเรื่องดาหลัง
และอิเหนาให้พระราชบิดาทอดพระเนตรอยู่เนืองๆ
จึงเชื่อว่า ซ่าหริ่ม ขนมนำเข้าจากชวา
เข้ามาสู่สยาม ตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลายแล้ว
ก่อนที่จะมีการนำน้ำแข็ง เข้ามา
มีการโรยพิมเสน แก้ร้อน
พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 2
ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทที่ว่า
ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
สลิ่มอร่อย ต้องร้านชูถิ่น
ตั้งอยู่ด้านหลังอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว
เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2491 จนถึงวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าชองภาพทุกภาพ
คัดลอกมาจาก....ตังเก ศรีราชา