โปรเจ็กต์เมเนเจอร์จำเป็น
โปรเจ็กต์เมเนเจอร์จำเป็น

คราวนี้มาเล่าต่อจากตอนที่แล้วเรื่องงานแปลที่ต้องรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญศาล

เอกสารมี 17 ชุด ชุดใหญ่ๆ มีอยู่ 4 ชุด คือ คำฟ้องในต่างประเทศ (ที่จะมาใช้เป็นหลักฐานสำหรับการฟ้องในประเทศไทย) หนังสือบริคณห์สนธิ หลักฐานการโอนเงิน และข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ

เคยแต่ทำงานแปลมาแต่ไม่เคยต้องมาเป็นผู้จัดการโครงการแปล เอาวะ on the job training กันเลย

เรื่องแรกที่เจอคือ เรื่องเวลา ตอนที่เราเสนอราคาให้ลูกค้าไปเราไม่ได้คิดว่าเขาจะจ้างจริงๆ เพราะมูลค่างานสูงมาก เสนอไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับ นึกว่าเออไม่ต้องทำแล้วสิ ปรากฏว่า 10 วันก่อนกำหนดฟ้องลูกค้าโทรมาบอกว่าให้แปลได้แล้วเพราะโจทก์โอนเงินมัดจำค่าแปลมาให้แล้ว งานเข้าสิตรู กำหนดบินไปออสเตรเลียในอีก 3วันนี้เอง ทำไงดี หรือจะบอกลูกค้าว่าไม่รับงานแล้วเพราะต้องไปต่างประเทศ คิดอีกที ไม่ดีอ่ะ ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ถ้าเราทิ้งลูกค้าตอนนี้แล้วเขาจะไปหาใครทำทันล่ะ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญศาลด้วย หรือว่าเราจะเอางานไปทำที่ออสเตรเลียเสร็จแล้ว ส่งด่วนกลับไทย แต่คำนวณเวลาแล้ว พวกส่งด่วนระหว่างประเทศ ยังไงก็ใช้เวลา 3 วันอยู่ดี มันเป็น 3 วันที่เราต้องเสียไปแทนที่จะยังมีเวลาได้แปลงานเพิ่ม สรุปว่าเราบอกแฟนว่าเลื่อนบินไปหนึ่งสัปดาห์นะสัญญากับลูกค้าไว้แล้ว จะอยู่ทำงานให้เรียบร้อยก่อน ไปแล้วจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง แฟนก็ไม่ว่าอะไร ทั้งที่ตัวเองก็จะผ่าตัดหลังอยู่แล้ว

เรื่องที่สอง คือ ต้นฉบับไม่ชัดอย่างแรงตัวหนังสือไม่คม เหมือนเวลาเราถ่ายเอกสารหลายรอบ แล้วมาสแกนตัวหนังสือก็จะเลือน เท่านั้นไม่พอฟอนท์เล็กอยู่แล้วด้วย เวลาแปลต้องแก้ปัญหาด้วยกันดูจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เปิดไฟล์สแกนแล้วหดให้เหลือครึ่งหน้าจอ เสร็จแล้วก็เปิดไฟล์เวิร์ดแล้วหดให้เหลือครึ่งหน้าจอ เอามาวางข้างกัน ดูซ้าย พิมพ์ขวา ตรงไหนอ่านไม่ออก ก็ซูมเข้าไป แต่ไฟล์ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการนี่ยังไงก็ไม่เห็น ซูมไป 200% - 300% อ่านไม่ได้เลย ต้องบอกลูกค้าว่าอ่านไม่ออกแม้แต่ตัวเดียวถ้าส่งตัวใหม่ที่ชัดกว่านี้มาให้ไม่ทันระยะเวลาในการแปลก็ต้องฟ้องโดยขาดหลักฐานตัวนี้

เรื่องที่สามคือ การจัดสรรนักแปล อย่างที่บอก ลูกค้าให้เวลาทำงานนี้แค่ 7 วัน กับเอกสารจำนวนกว่า 50,000 คำ นักแปลคนเดียวไม่ทันแน่ๆ ลูกค้าอนุญาตให้จ้างช่วงได้โดยรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายเราต้องเป็นคนตรวจงานแล้วเซ็นรับรองคำแปล คราวที่แล้วเล่าให้ฟังว่าหานักแปลดีๆ ช่างมีน้อยเหลือเกินหมายถึงนักแปลที่สามารถแปลงานที่เราต้องการได้อ่ะนะ แต่สุดท้าย ก็ได้มา 3 คน คือเพื่อนผู้เชี่ยวชาญศาลที่ภูเก็ต เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นล่ามศาล และเพื่อนที่เรียนการแปลที่จุฬาฯ(น่าจะเรียนรุ่นหลังเรา) คนสุดท้ายนี้เราให้แปลเอกสารโต้ตอบธรรมดาเพราะเขาไม่เคยแปลเอกสารที่ต้องใช้ในศาล 3 คนนี้รับไปคนละชุดยกเว้นคนหลังรับไป 8 ชุดแต่เป็นเอกสารโต้ตอบสั้นๆ ไฟล์ที่เหลือ เราต้องโซโล่เอง 3ไฟล์ หัวฟูเลยอ่ะ

เรื่องที่สี่คือ เนื่องจากเป็นคดีที่ต้องส่งหลักฐานการโอนเงินตารางเพียบ ใบสมัครเปิดบัญชีก็จะเป็นฟอร์มเฉพาะของธนาคาร ค้นแล้วค้นอีกก็ไม่มีไฟล์เวิร์ด ต้องนั่งตีตารางใหม่หมดจัดฟอร์แมต แล้วยังมีสเตทเมน์การพอร์ตการลงทุนด้วย ตัวเลขทั้งหน้า พิมพ์กันตาลายเลยทีเดียว แต่งานส่วนนี้เราไม่ได้ทำเองเพราะเสียเวลามาก ส่งต่อให้น้องๆ พิมพ์ให้ เอาเหมือนต้นฉบับเป๊ะ ได้มาเป๊ะจริงๆ แล้วเราก็มาแปลตรงที่เป็นภาษาอังกฤษ และตรวจตัวเลขที่พิมพ์ว่าทำมาถูกหรือเปล่า

เรื่องที่ห้า คือ คำศัพท์เฉพาะทาง ส่วนที่เป็นหลักฐานการโอนเงินนี้มันมีรายงานการลงทุนด้วย ศัพท์ยากมากเพราะเป็นเรื่องของการลงทุนในการแลกเปลี่ยนเงินตรา กฏหมายไม่คุ้มครองนักลงทุนไทยที่เป็นบุคคลธรรมดาแล้วไปลงทุนในผลิตภัณฑ์พวกนี้เลยน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราค้นไม่เจอศัพท์บัญญัติในสาขานี้ ส่วนศัพท์ในเว็บที่เจอแหล่งอ้างอิงก็ไม่ใช่หน่วยงานราชการแต่เป็นโบรกเกอร์ต่างชาติที่ผู้ดูแลเว็บเอาศัพท์มาแปลแบบเข้าใจกันเฉพาะในวง คนนอกอ่านแล้วมึน

เรื่องที่หก คือ รูปแบบการแปล หรือ style guide ผู้จัดการโครงการมือโปรจะรู้ว่าต้องเขียน style guide ส่งให้นักแปลด้วย แต่งานนี้ไม่มีเวลามานั่งพิธีรีตรอง ผลที่ตามมาคือ นักแปลคอยโทรมาถามว่า ชื่อคนจะให้แปลยังไงถ่ายเสียง หรือมีตัวอย่างที่สะกดไว้แล้วมั้ย หรือจะให้ถ่ายเสียงแล้ววงเล็บภาษาอังกฤษไว้ เลขทะเบียนหรือรหัสที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษจะให้แปลหรือจะให้เก็บตัวอักษรภาษาอังกฤษไว้ คำที่เป็นศัพท์เฉพาะจะให้ใช้ศัพท์บัญญัติหรือให้แปลแบบอธิบาย(อาจจะยาว) เป็นต้น นักแปลจะห่วงกลัวงานออกมาไม่ดีแล้วเราต้องมาแก้เยอะ เราบอกว่าไม่ต้องกังวล ถ้าแปลถูก ก็คือดีแล้ว เกลาคือเกลาให้สละสลวย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกอย่าง นักแปลที่เราส่งงานให้เนี่ย เราคัดแล้วว่าทำงานได้ไม่น่าจะมีปัญหา เราเลยไม่ห่วง ส่วนเพื่อนผู้เชี่ยวชาญที่ภูเก็ต ได้แปลชุดใหญ่หนึ่งชุด บ่นว่าถ้าไม่ใช่เราจะคืนงานให้ไปหาคนอื่นทำ ต้นฉบับใช้ประโยคซับซ้อนมาก แหมยังไม่ชินกับภาษากฏหมายอีกเหรอจ๊ะ

เรื่องที่เจ็ด คือ สุขภาพของเราเอง สองปีก่อนเราเคยปวดหลังตรงช่วงเอวด้านหลัง คิดว่าน่าจะเพราะนั่งทำงานทั้งวันแล้วอาจจะนั่งหลังไม่ตรง เลยปวด ปวดชนิดที่ว่าจะทำอะไรท่าไหนก็ปวด จนคิดว่าจะไปโรงพยาบาลแล้ว แต่ใช้วิธีลุกขึ้นมายืดตัวก้มต่ำไปข้างหน้าให้หลังมันยืด เจ็บอยู่แต่ยืดแล้วดีขึ้น ไม่กี่วันก็หาย เดี๋ยวนี้เวลาแปลงานเลยพยายามลุกมาเล่นกับแมวบ้าง

พอสองสัปดาห์ก่อนเรารู้สึกว่าเรามองเห็นไม่ชัด แว่นที่เคยใส่อยู่มันไม่ชัดเหมือนแต่ก่อน เข้าใจว่าสายตาอาจจะเปลี่ยน พอไปวัดสายตาที่รามคำแหง นักศึกษาปี 6 สาขาทัศนมาตรศาสตร์วัดให้ บอกว่าสายตาเราเปลี่ยนนิดเดียว คิดว่าที่เรามีปัญหาการมองน่าจะมาจากการที่เราจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ตอนที่เอาไฟฉายส่องตาเรา เขาบอกว่ารูม่านตาเราค้าง ฟังแล้วสยอง เขาบอกว่าเพราะจ้องอะไรสักอย่างในระยะเดียวมาตลอด แนะว่าให้พักสายตาด้วยการมองอะไรไกลๆเปลี่ยนโฟกัสสายตา ไม่งั้นสายตา (สั้นยาว)จะเปลี่ยนเร็ว ทำให้ต้องเปลี่ยนแว่นตาเร็วไปด้วย หรือถ้าจะให้ดีนอนไปเลยเพราะตามันก็คือกล้ามเนื้อ เหมือนเรายกของหนักแล้วปวดแขน ก็ต้องงดใช้แขน

ส่วนงานนี้ เราทำแล้ว กลายเป็นว่ามือขวาชา เมื่อวานอยู่ดีๆ ก็รู้สึกแปลบเหมือนไฟดูดมือขวา เลยลองสะบัดมือ ทีนี้มือชา กลัวจะเป็นเรื่องเส้นประสาท หรือเราจะพิมพ์งานมาราธอนจนมือไม่ไหวแล้ว (แต่ตายังไหวอยู่นะ) เพื่อนนักแปลบอกให้บริหารมือบ้าง เห็นว่ารำไทยช่วยได้ นี่ถ้าเราแปลงานอยู่ดีๆ แล้วลุกมารำที่บ้านต้องว่าเราบ้าแน่เลย

อัพเดทล่าสุด งานนี้เสร็จแล้ว ส่งเรียบร้อยดี  เรื่องสุดท้ายที่เราได้รู้จากงานนี้คือ โปรเจ็กต์เมเนเจอร์ ถ้าเป็นนักแปลด้วยจะยิ่งดี  ทุกงานที่แปลเสร็จ พอเราได้ไฟล์แล้ว มานั่งอ่าน จะเห็นว่า บางชุด อ้างอิงไปถึงเอกสารอีกชุดที่นักแปลอีกคนนึงแปล  ประโยคเดียวกันแต่แปลไม่เหมือนกัน  เราในฐานะนักแปล สามารถแก้ให้ทุกไฟล์ใช้คำแปลที่สอดคล้องกันได้เลย ทำให้งานออกมาไม่ขัดแย้งกันเอง  หรือบางชุด นักแปลไม่เข้าใจบางประโยคว่ามาจากไหน (บริบทมันหายไป)  เราก็สามารถแก้ให้ได้เพราะเราเห็นแล้วว่าประโยคนั้นคัดมาจากไฟล์อื่นที่แปลไว้ยังไง  

สนใจพูดคุยเรื่องการแปล อีเมลมาที่ natchaon@yahoo.com

ณัชชาอร ชูเชิดศักดิ์ NAATI No. 67061 ออสเตรเลีย




Create Date : 10 สิงหาคม 2556
Last Update : 17 สิงหาคม 2556 4:29:34 น.
Counter : 2038 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Natchaon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 314 คน [?]



Sawaddee ka. My name is Nat. I am a certified translator. I have been in the translation industry since 2004.

I graduated a master degree in English-Thai translation from Chulalongkorn University, Thailand.

I have the following accreditation:
- NAATI Accreditation for EN < > TH translation (Australia)
- Court Expert Registration for EN < > TH translation (Thailand)
- Member (MCIL), Chartered Institute of Linguists (U.K.)

See details about my services here https://www.nctranslation.net
https://www.expertthai.net

For a quick quote, email your document to natchaon@yahoo.com.

รับแปลเอกสารวีซ่าออสเตรเลียพร้อมประทับตรา NAATI ปรึกษาฟรีที่ natchaon@yahoo.com หรือ Line: Natchaon.NAATI

See below my locations:
- Bangkok: 1 Dec 2018 - 12 Jan 2019

NAATI ออสเตรเลีย, NAATI เมลเบิร์น, NAATI ประเทศไทย, NAATI กรุงเทพ, แปลเอกสารพร้อมประทับตรา NAATI, แปลเอกสารโดยนักแปล NAATI, NAATI Australia, NAATI Melbourne, NAATI Thailand, NAATI Bangkok, NAATI translation, NAATI accredited translation, Australia Visa, Partner Visa, Fiance Visa, Prospective Visa, Skilled Migrant, Student Visa, Work Visa, Work and Travel Visa, Online Visa, วีซ่าออสเตรเลีย, วีซ่าแต่งงาน, วีซ่าคู่หมั้น, วีซ่าทำงาน, วีซ่านักเรียน, วีซ่าทำงานและท่องเที่ยว, วีซ่าออนไลน์
Thai – English translation, English – Thai Translation, แปลอังกฤษเป็นไทย, แปลไทยเป็นอังกฤษ

*บทความทั้งหมดในบล็อกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ทุกประการ*
สิงหาคม 2556

 
 
 
 
1
3
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
All Blog