Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
24 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

20090924 วิพากษ์ UNITED vs WOLVERHAMPTON in League Cup

ค่ำคืนของ...สก๊อยซ์แดน แอนด์ แว้นท์บอย


อรุณสวัสดิ์ครับทุกๆท่าน มาพบกันแบบผิดความคาดหมายในวันนี้ เนื่องจากว่าดันมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกคัพ ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลงเซิ้งแข้งนั่นเอง ตัวผมลังเลใจอยู่นานก่อนจะนอนเมื่อคืนนี้ ว่าจะลุกขึ้นมาดูเกมนี้ดีหรือไม่ เพราะผมเหนื่อยเหลือเกินในช่วงสองวันนี้ กับการต้องเดินทางไป ตจว.แบบไปเช้า-เย็นกลับติดต่อกันสองวันเต็มๆ เรียกได้ว่าใช้เวลาขับรถจนเกินคุ้มนั่นแหละ แถมวันพรุ่งนี้ก็ต้องไปอีก แต่สุดท้ายก็ลองตั้งเวลาให้ทีวีมันปลุก แล้วถ้าไหวก็ค่อยดู ไม่ไหวก็ปิดซะ ซึ่งกลายเป็นว่าดูไหวครับ เลยมานั่งเขียนให้อ่านกันเพลินๆนี่ล่ะ

ท่านเซอร์จัดทัพวันนี้ได้ค่อนข้างพลิกโผในใจผมพอสมควร เมื่อใช้ดาวรุ่งน้อยกว่าที่ผมคิดไว้ทีแรก แต่กลับเห็นพวกกำลังสำรองลงมาเลื้อยกันเยอะแยะทีเดียว ไม่ว่าโอเว่น, นานี่, แกรี่ เนวิลล์, เอแวนส์ แม้แต่ตัวหลักๆอย่างคาร์ริคเองก็ได้โอกาสเป็นตัวจริงกับเขาด้วย สำหรับคุสแซ็คนั้น ผมไม่คิดว่าได้โอกาสเพราะฟอสเตอร์เฟอะฟะหรอกนะ ถึงแม้ว่านัดนั้นฟอสเตอร์อาจจะเข้าตาจริงๆจังๆ แต่อย่าลืมว่าปกติทุกๆปีในถ้วยนี้และเอฟ.เอ.คัพรอบแรกๆ ท่านเซอร์ก็มักจะเลือกผู้รักษาประตูคนละคนกับที่ใช้ในเกมลีกอยู่แล้ว หากยังจำกันได้ เกมนี้ท่านเซอร์จิ้มไปที่ โทมัส คุสแซ็คอย่างที่ผมคาดครับ ส่วนฟูลแบ๊คด้านขวาได้แกรี่ เนวิลล์ ผู้มากบารมี ลงมายืดเส้นยืดสายหลังได้รับข่าวดีรอดจากการโดนแบนกรณีดีใจต่อหน้าแฟนเรือใบ (ก็มีบารมีอ่ะ) ส่วนทางซ้ายเป็นฟาบิโอ “แฝดเงาะซ้าย” ดา ซิลวา นั่นเอง คู่เซ็นเตอร์ได้จอนนี่ “แว้นท์บอย” เอแวนส์ จับคู่กับ เทพน้ำตาล เวสลี่ย์ บราวน์ มิดฟิลด์คู่กลางวันนี้ทำเอาผมปวดขมับ เพราะเลือกไมเคิล คาร์ริค กับ ดาร์รอน กิ๊บสัน ริมเส้นให้นานี่ลากทางขวา และแดนนี่ “สก๊อยซ์แดน” เว็ลเบ็ค ลากทางซ้าย คู่กองหน้าใช้งาน ไมเคิล โอเว่น กับ เฟเดริโก้ มาเคด้า

สำหรับทางฝั่งวูลฟ์แฮมป์ตัน ทีมที่มีอดีตที่ยิ่งใหญ่พอสมควร ก็มีอดีตเด็กปั้นเราลงสนามมาคนหนึ่ง นั่นก็คือ ซิลแวง อีแบงค์ส เบลค แถมด้วยตัวเก๋าค่อดๆอย่างโจดี้ แคร็ดด็อก และนายทวารมาร์คัส ฮาห์นีมันน์ นอกจากนี้ยังมีดาวเตะชื่อดังอย่างเควิน ดอยล์ นั่งรอที่ซุ้มสำรองอีกต่างหาก อ้อ...พอพูดถึงวูลฟ์ ทีมนี้หากใครติดตามบอลอิงลิชมานาน ย่อมคุ้นหูดีกับคำแซวทีมนี้ว่า เป็นทีมวาสนาน้อย ในยุค 90 ต่อมาจนต้นยุค 2000 เพราะมักจะจบซีซั่นด้วยอันดับดีๆในลีกรอง และได้เพลย์ออฟบ่อยมากๆ แต่ก็แพ้ในรอบเพลย์ออฟตลอด ไม่เคยได้เลื่อนชั้นสักที และถ้าหากจำได้ วูลฟ์ทีมนี้เคยมีดารากองหน้าชื่อดังคนหนึ่ง ที่ได้ดิบได้ดีถึงขนาดติดทีมชาติอังกฤษในช่วงนั้นทั้งๆที่ต้นสังกัดก็เล่นในลีกรอง คนๆนั้นคือ สตีฟ บูลล์ แถมสตีฟ บูลล์คนนี้ ยังจงรักภักดีกับสโมสรมากๆ ไม่ยอมย้ายไปไหนจนกลายเป็นตำนานดาวยิงของทีมไปแล้ว


เริ่มเกม ผมก็จะขออนุญาตอธิบายว่าทำไมต้องปวดขมับกับคู่มิดฟิลด์ที่ว่า นั่นก็เพราะถึงแม้ว่าหน้าตาและหุ่นจะไม่ได้เหมือนหรือคล้ายกัน แต่แนวทางการเล่น ตำแหน่งการเล่น ท่วงท่า และลีลาการเล่น เวลาดูผ่านจอแล้วมันดันเหมือนกันเสียจนเรียกได้ว่าถอดแบบกันมาเลย นี่แหละผมถึงปวดขมับเวลาหนึ่งในสองคนนี้ได้บอล เพราะดูจากทีวีตอนไม่ได้ซูมผมแทบแยกไม่ออกเลยว่าใครกำลังเล่นกันแน่ ยิ่งถ้าไม่ได้เห็นเบอร์เสื้อหรือไม่ได้ซูมเข้าไปใกล้ๆ ผมยิ่งต้องเพ่งจนตาจะถลนออกมาข้างนอก//ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็คิดว่าผมคงไม่ได้เป็นคนเดียวแน่ๆ สองคู่หูผู้บรรยายเองก็ยังเลี่ยงๆ ไม่ยอมออกชื่อบ่อยๆ เวลาหนึ่งในสองคนนี้ได้บอล เอาฟะ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแต่ตรู ที่งงละเฟ่ย แต่ผมเชื่อว่า หากผ่านไปสักสองสามปี น่าจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนอยู่ เพราะดูๆแล้วผมบนศีรษะของกิ๊บสันท่าทางจะไม่รอคาร์ริคนะฮะ ถึงตอนนั้นน่าจะแยกได้ง่ายกว่านี้

รูปเกมก็ไม่มีอะไรมาก ป๋าไม่ได้เน้นรายละเอียดทางแท็คติคอะไรลึกลับซับซ้อนมากมายนัก แค่วางแพลนไลน์อัพมายืน 4-4-2 แล้วก็เน้นใช้การโจมตีทางริมเส้นมากหน่อย ตรงกลางให้เพรสซิ่งแย่งบอลเร็ว พยายามครองบอลไว้ แดนหลังใช้การคุมโซน วางเอแวนส์เป็นตัวชนดักลูกกลางอากาศและให้บราวน์เป็นคนซ้อน คนเก็บกวาดขยะหน้าบ้าน แบ๊คมีหน้าที่เติมเกมรุก และป้องกันริมเส้น ที่เหลือก็คงให้นักเตะไปเล่นกันตามเกมที่ตัวเองคุ้นเคยครับ ทีนี้ มันดูเหมือนไม่มีอะไรนะ แต่ไอ้ไม่มีอะไรนี่แหละ ที่มันทำให้มีอะไรขึ้นมา เพราะเราไม่ได้เน้นรายละเอียดรูปเกมมากนัก ไม่ได้เน้นการกำหนดจังหวะเกมเองหรือคอนโทรลรูปแบบเกม มันจึงเหมือนกับการเล่นไปตามจังหวะของเกม ปล่อยให้เกมมันพาไป ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ปล่อยให้เกมไหลไปตามธรรมชาตินั่นแหละครับ

ทีนี้ การที่นักเตะในชุดนี้ค่อนข้างผสมผสานกันเยอะ มีตั้งแต่รุ่นเก๋าอย่างแกรี่ กับโอเว่น (ที่เคยอยู่คนละขั้วกันมาก่อน) ไล่มาถึงตัวหลักของทีมอย่างคาร์ริค หรือบราวน์ พวกกำลังทดแทนอย่างเอแวนส์, นานี่ และพวกดาวรุ่งอย่างกิ๊บสัน, เว็ลเบ็ค, มาเคด้า, ฟาบิโอ ตรงนี้ทำให้การประสานงานและทีมเวิร์คในเกมยังค่อนข้างมีปัญหา และน่าจะเป็นเหตุผลข้อนี่แหละ ที่ทำให้ท่านเซอร์ไม่ได้ใส่รายละเอียดด้านแท็คติคเข้าไปมากนัก เพราะถึงจะใส่เข้าไป มันก็ไลฟ์บอยนั่นแหละครับ ทีมมิ๊กซ์แอนด์แมทช์แบบนี้ แค่เล่นให้ประสานกลมกลืน ให้สมูธแอสซิลค์เหมือนสโลแกนสายการบินบ้านเรา แค่นั้นก็ยากแล้ว ครั้นจะหวังให้เพิ่มแท็คติคเข้าไปอีกก็คงจะลำบาก ป๋าเลยปล่อยให้เล่นตามเกมแพลนหลักๆไปตามธรรมชาติของเกม ซึ่งผมก็ถือว่าทำได้ดีนะครับสำหรับหลายๆคน แต่ทางฝั่งวูลฟ์เอง เขาก็ทำการบ้านมาดีมากๆเหมือนกัน

ถึงแม้วูลฟ์จะวางเกมแพลนมาเป็น 4-4-2 เหมือนเรา มีการมิกซ์แอนด์แมทช์นักเตะไม่ต่างกันนัก แต่ทางด้านแท็คติคแล้ว ดูเหมือนเขาลงลึกกว่าเราพอสมควร การเพรสซิ่งในแดนกลางและหลังดูจะครอบคลุมพื้นที่มากกว่า การสลับสับเปลี่ยน ทดแทน และวิ่งขึ้นลงช่วยเติมเกมรุก ช่วยเกมรับ ผมถือว่าเขาทำได้เนียนตาและเป็นธรรมชาติกว่าเราอยู่พอสมควร ในขณะที่เรายังอิงตำแหน่งการยืนหลักมากกว่า จุดนี้เองที่ทำให้เกมโต้กลับของวูลฟ์ดูอันตรายและวูบวาบ เพราะการเติมเกมเขาขึ้นทั้งแผง มีตัวเลือกจ่ายทั้งซ้ายขวา ตัวเก็บบอลข้างหน้าสูงใหญ่คนหนึ่ง เร็วคล่องจี๊ดจ๊าดคนหนึ่ง และเมื่อมีตัวเติมขึ้นมาให้เลือกจ่ายทั้งซ้ายขวา ก็เท่ากับว่าเขาสามารถกดดันและขู่แผงกองหลังเราได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนทางด้านทีมเรา หลายครั้งที่ตัดบอลได้แล้วแต่กลับพาไปจบไม่ได้ มาเคด้ายังมีปัญหาในการประสานงานขึ้นเกมกับพี่ๆ โอเคว่าเขาทำได้ดีในจังหวะที่ได้เซ็ตพีซ ในจังหวะที่ขึงกดดันแล้วเขาอยู่ในกรอบ แต่กับการพาบอลขึ้นมาเอง หรือทำทางให้เพื่อนพาบอล ตรงนี้ยังต้องปรับจูนกันอีกเยอะครับ นานี่ก็ยังเหมือนเดิม ผมละเซ็งจิตจริงๆ คู่หูคู่บรรยายก็บอกแต่ว่านานี่ป่วนแบ๊คขวาได้สุดยอดอย่างนั้น สุดยอดอย่างนี้ เอาไม่อยู่เลย แต่ผมกลับเห็นว่านานี่ก็จ้องจะทำแต่ตรงนั้น แต่กลับไม่พยายามเล่นเป็นทีม หรือเล่นกับเพื่อนเท่าที่ควร ผ่านแบ๊คได้ก็ตายตอนจบ บอลออกจากเท้านานี่ ถ้าไม่เปิดเสียหาย หรือโดนบล๊อค ก็มักจะถูกสกัดแหย่ได้จากขาบ่อยๆ เจ้าตัวเองก็ไม่ใช่ไม่รู้นะ แต่ก็ยังฝืนอยู่ทั้งเกม ส่วนทางด้านเว็ลเบ็ค วันนี้ผมเห็นเขาได้บอลน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับนานี่ แต่กลับเล่นร่วมกับเพื่อนได้ดีกว่า โดยเฉพาะกับมิดฟิลด์ตรงกลาง และโอเว่น คาร์ริควันนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม กลายเป็นกิ๊บสันซะอีกที่ออกจอบ่อยและมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่า โดยเฉพาะในครึ่งแรก

ทั้งหลายที่กล่าวมา ทำให้จังหวะของเราถึงแม้จะวูบวาบได้น่ากลัว แต่ผมกลับมองว่าไม่ได้อันตรายถึงขนาดหวุดหวิดจะได้ประตู กลับกัน การขึ้นเกมโต้กลับแต่ละครั้งของวูลฟ์กลับสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้ผมเสียวได้มากกว่า โดยเฉพาะกับเทพน้ำตาลในครึ่งแรก ที่ดูเหมือนยังไม่ฟิตเท่าไหร่ และกลับมาคราวนี้ดูเหมือนจะหมดลายเซ็นเตอร์ไปซะแล้ว โอเคว่าเกมนี้มีหลายช็อตที่บราวน์เซฟสวยๆในจังหวะสุดท้าย หรือดักลูกครอสได้งามๆ แต่ก็มีหลายครั้งเช่นกัน ที่บราวน์แสดงความโฉ่งฉ่างให้เห็น หลายครั้งที่กลับตัวแล้วหลงทางกับบอล หลายครั้งที่เขาพลาดลูกกลางอากาศหรือลูกที่กระดอนพื้น และหนึ่งในนั้นก็คือจังหวะที่ฟาบิโอต้องรับเคราะห์แทนเต็มๆด้วยโทษใบแดง เมื่อบอลโด่งถูกสาดเข้ามา เอแวนส์ขึ้นดวลเป็นคนแรกตามแพลนนิ่ง ซึ่งไม่ได้มีอะไรผิดพลาด เขาป้องกันได้ แต่ก็เจ็บศีรษะ บอลจังหวะสองยังคงลอยมาและเป็นบราวน์ที่เข้าสกัดแต่แล้วกลับหาบอลไม่เจอจนถูกฉกและเปิดสวนให้ไคท์ลี่ย์หลุดเดี่ยว กลายเป็นฟาบิโอที่รับเคราะห์ต้องกวดสุดตรีนมาจนทันแต่ก็เอาไคท์ลี่ย์ไม่อยู่ ตัวเองเสียหลักล้มลงแล้วก็ต้องเอามือคว้าขาไคท์ลี่ย์ไว้แทน นั่นแหละครับ ความซวยของฟาบิโอในวันนี้ กับใบแดงของเขา

จากตรงนั้น ดูเหมือนบราวน์จะเข้าใจว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ทีมเหลือสิบคน ทำให้บราวน์ดูจะเพิ่มสมาธิ และตั้งอกตั้งใจมากขึ้นในการเล่นแต่ละจังหวะ ความผิดพลาดอาจจะยังมีให้เห็นแต่ก็น้อยลง จากลูกฟรีคิกนั้น คุสแซ็คโชว์ซูเปอร์เซฟให้เห็นจะจะอีกครั้ง คุสแซ็ควันนี้ดูจะเรียนรู้จากเกมเหวอของฟอสเตอร์พอสมควร ลูกเตะคืนแต่ละลูกไม่มีรีรอ วิ่งมาแล้วหวดทันที หรือไม่ก็แปะให้เพื่อนที่ว่าง ไม่มีรอจังหวะ นับว่าทำให้เราใจชื้นขึ้นเยอะ แต่ก็ยังอุตส่าห์มีลูกสื่อสารผิดพลาดกับบราวน์อยู่ช็อตหนึ่ง ดีที่ไม่ถึงกับเสียหาย ส่วนทางฮาห์นีมันน์นี่มีเยอะกว่าครับ กับลูกเตะคืน มีหลายช็อตทีเดียวที่พลาดจนเกือบได้ลุ้นสำหรับเรา และจากการที่ฟาบิโอโดนใบแดงออกไป ท่านเซอร์จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถอดตัวรุกแล้วเติมตัวรับลงมา ก็กลายเป็นมาเคด้าที่ต้องออกมาก่อน จากการที่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยกว่าคนอื่น และให้ริทชี่ เดอ ลาท ลงมาแทน ตรงนี้ก็เป็นการแก้เกมตามสถานการณ์ครับ

เกมหลังจากนั้นดูเหมือนจะยังผลัดกันทำ แต่ก็ไม่มีอะไรได้ลุ้นได้เสียวมากนัก โอเว่นได้โอกาสโหม่งเหน่งๆโล่งๆคนเดียวแค่ห้าหลาหน้าประตูจากลูกครอสของแกรี่ เนวิลล์ แต่บอลมาถึงต่ำไปหน่อย หรือไม่ก็โอเว่นเทคสูงเกินไป ทำให้จังหวะสะบัดไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควรแถมตรงตัวฮาห์นีมันน์อีก ช่วงท้ายเกมยูไนเต็ดพยายามรุกมากขึ้นแต่ก็ไม่สามารถจบได้ลง เดอ ลาทลงมาทางซ้ายก็ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ทั้งรับและรุก รวมทั้งลากเลื้อยตัดเข้าในสวยๆหลายต่อหลายครั้ง ผมอดคิดไม่ได้ว่า เดอลาทนี่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าฟาบิโอก็ได้ หากทีมต้องการสมดุลในเกมรุกและรับ ตรงนี้เดอ ลาทจะช่วยได้มากกว่า แต่ถ้าต้องการการเติมเกมดุดัน จี๊ดจ๊าด เน้นรุกมากๆ โอเคว่าฟาบิโอคงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในกรณีนั้น

เกมในครึ่งหลังลงมา วูลฟ์มีการเปลี่ยนตัวหนึ่งคน แต่รูปเกมกลับมาเป็นของยูไนเต็ดมากขึ้น ครึ่งหลังดูยูไนเต็ดจะปรับเกมมาเล่นเร็วขึ้นกว่าในครึ่งแรก เข้าหาบอลเร็วขึ้น จ่ายบอล ออกบอลเร็วขึ้น และหาที่ว่างกันมากขึ้น เพื่อทดแทนผู้เล่นในแดนหน้าที่หายไปคนหนึ่ง เว็ลเบ็คหุบเข้ามาเล่นข้างในบ่อยโดยมีเดอ ลาทคอยสนับสนุนเกมลากเลื้อยและถ่างตัวรับของวูลฟ์ออก เกมริมเส้นทางด้านนี้จึงดูวูบวาบและไหลลื่นมากกว่าทางขวา ที่นานี่ก็เอาแต่จ้องแต่จะผ่านแบ๊คอีโลโกบี้อยู่นั่น บอลมาที่นานี่ก็จะเสียความต่อเนื่องทุกครั้งไป สุดท้ายก็จะจบที่เปิดเสีย, ถูกแหย่, ถูกจิ้ม หรือไม่ก็แกรี่ไปเอามาเปิดแทน ยังดีที่เกมนี้ในครึ่งหลังคาร์ริคดูจะเร่งฟอร์มตัวเองขึ้นมาได้พอสมควร บวกกับกิ๊บสันที่พล่านไปหมดตรงกลางและหน้ากรอบ ทำให้เกมตรงกลางไปข้างหน้าดูแน่นขึ้นและมีความต่อเนื่องกลมกลืนมากขึ้นกว่าครึ่งแรก

เลยหนึ่งชั่วโมงของเกมมาหน่อย วูลฟ์ก็ถอดอีแบงค์ส เบลคออกมา เพื่อเติมความดุดันด้วยเควิน ดอยล์ แต่เจ้าบ้านก็มาได้ประตูนำไปก่อนเมื่อเว็ลเบ็คหุบเข้ามาในแล้วรับบอลถวายพานมาจากคาร์ริค เว็ลเบ็คชิ่งหนึ่ง-สองกับโอเว่นหน้ากรอบก่อนแล้วหลุดเข้าไปรับบอลเดี่ยวๆกับฮาห์นีมันน์ เว็ลเบ็คบรรจงเล็งแปด้วยขวาหนีมือเข้าไปทางเสาสองชนิดเสียบโคนเสา แล้วก็วิ่งออกไปทำท่าดีใจเลียนแบบยูเซน โบลท์ (หน้าก็เหมือนแฮะ) จากนั้น วาเลนเซียก็ถูกส่งลงมาและโอเว่นถูกถอดไปพักหลังวิ่งไปได้เจ็ดสิบนาที โดยปรับเอาวาเลนเซียมายืนทางขวา และตามตำแหน่งก็เหมือนจะให้นานี่โยกมาซ้าย แต่ผมดูกี่ครั้งกี่ครั้งก็ดูจะไม่ใช่ เหมือนจะปรับมาเล่นกลางสาม โดยมีวาเลนเซียเพิ่มมาทางขวา ส่วนนานี่เหมือนจะฟรีอยู่ข้างหน้าเป็นตัวต่ำ และให้สก๊อยซ์แดนเป็นหน้าเป้าค้ำไว้มากกว่า

จากนั้นเกมเปิดเต็มที่มากขึ้น ยูไนเต็ดเน้นครองเกมตรงกลางและหาจังหวะเข้าทำตามแต่โอกาสจะเปิด ความวูบวาบมีมากขึ้นเป็นไปตามจังหวะของวูลฟ์ที่ดันเกมมากขึ้นเพื่อหาประตูตีเสมอ เควิน ดอยล์นี่พิษสงจัดมากจริงๆ คล่องและหาพื้นที่ หาจังหวะเก็บบอล ยิงประตูได้ตลอด ดีที่ช่วงหลังบราวน์ปรับเกมตัวเองได้ดีขึ้นเยอะ ทำให้สามารถค้ำดอยล์ไม่ให้ทำอะไรได้ถนัดนัก เกมมาถึงตรงนี้คงต้องชมแว้นท์บอยซะหน่อย เอแวนส์ในชั่วโมงนี้ผมว่าความมั่นใจของเจ้าตัวพุ่งถึงขีดสุดแล้ว หลังได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายซีซั่นที่แล้วทั้งเกมลีก เกมยุโรป ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้ดีมากๆ เกมนี้จึงได้แสดงให้เห็นความสามารถที่มีอย่างเต็มที่ เมื่อต้องประคองบราวน์ที่ตะคริวขึ้นช่วงท้ายเกม เอแวนส์กลับไม่มีอาการตื่น หรือลังเลใจในการตัดสินใจแต่ละช็อตเลย ทักษะการเล่นบอลบนพื้น การครอบครองบอลและชั้นเชิงมีไม่แพ้มิดฟิลด์ ผมว่าออกจะเนียนตาเป็นธรรมชาติกว่าริโอด้วยซ้ำไปนะ แถมลูกกลางอากาศยังไว้ใจได้อีกด้วย ถ้าผมเป็นเซอร์ล่ะก็...เอแวนส์ตอนนี้จองตำแหน่งเซ็นเตอร์มือสามไปแล้ว รองจากริโอ กับวิดิช (แล้วตกลงน้องแว้นท์จะผ่าตัดไหมนี่)

ช่วงท้ายเกมมีการเปลี่ยนตัวอีกครั้งจากทั้งสองฝ่าย โดยเจ้าบ้านส่งโจชัว คิง ดาวรุ่งอายุ 17 ลงสนาม และก็ทำให้ผมอดทึ่งกับความมั่นใจและพลังในการยิงไม่ได้ การตัดสินใจก็ถือว่าเด็ดขาดสมเป็นกองหน้าแท้ๆ จังหวะควรเห็นแก่ตัวก็ไม่ลังเลที่จะยิง และจังหวะที่ต้องยิงก็เด็ดขาด มีพลังในการยิงดีมาก แหม...นี่ถ้าน้าโอเล่ได้ปั้นคนนี้เต็มๆ ผมว่าน่าจับตามองมากเลยนะเนี่ย เกมช่วงท้ายๆก็เป็นวูลฟ์ที่พยายามโหมเพื่อเอาคืน แต่ก็ถูกบรรดากองกลางกองหลังเจ้าบ้านรวมทั้งนายทวาร ยืนหยัดปิดทางทำมาหากินได้หมดจด จึงหมดเวลาไปด้วยสกอร์จุ๋มจิ๋มเท่านี้ แต่สำหรับผม ผมถือว่าโชคดี ที่ได้ดูเกมคืนนี้ ได้เห็นฟอร์มเดอ ลาท อีกครั้ง ที่นับได้ว่าโดดเด่นน่าจับตามอง ส่วนกิ๊บสันเกมนี้ผมให้เหลื่อมกว่าคาร์ริคนะ กับการพล่านตรงกลางทำเกมได้เด่นกว่า และจังหวะเติมมายิงแถวสองค่อนข้างดี มาเคด้าเกมนี้ก็น่าเห็นใจครับ ยังไม่ทันจูนอะไรก็ต้องเสียสละก่อนเพื่อน เช่นเดียวกับฟาบิโอที่ต้องเสียสละด้วย และน่าจะโดนแน่ๆแล้วหนึ่งนัด ส่วนจะมีเพิ่มไหม ส่วนตัวคิดว่าไม่ เพราะการฟาล์วก็ไม่ได้รุนแรงหนักหน่วงหรือมีเจตนาร้ายอะไร

การได้เห็นเด็ก 17 อย่างคิงลงมาทำหน้าที่ได้โดดเด่น ก็ต้องชื่นอกชื่นใจเป็นธรรมดา ดาวยิงวัย 18 อีกคนที่เป็นสก๊อยซ์สกอร์เรอร์วันนี้ก็ดีทีเดียว กับจังหวะและการมีส่วนร่วมในเกมรุกของเขา ยิ่งการที่เห็นโอเว่นทำหน้าที่ได้ตลอด 70 นาทีเต็มๆอย่างไม่เหน็ดหนื่อยไม่เจ็บก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีของสภาพร่างกายของเขา อ้อ...ขอเดอ ลาท อีกหน่อย เห็นเดอ ลาทเล่นวันนี้ บวกกับการมีฟาบิโอ ก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่า พี่ติ๊กเราจะไร้เงาผู้สืบทอดนะฮะ อย่างน้อยตอนนี้สองชอยส์ที่ว่าในมือเราก็คงทำให้หลายๆทีมอิจฉาเราแน่ๆ ส่วนทางด้านขวา อันนี้ต่างหากครับ ที่ยังไม่มีตัวหลักอย่างถาวร ใจผมอยากให้บราวน์กลับมาฟิตเต็มที่ แล้วยืนตรงนี้แหละ เพราะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟชั่วโมงนี้ยังไงๆเอแวนส์ดูดีกว่าไปซะแล้วครับ


ลากมาซะยาวเชียววันนี้ ผมก็ขอปิดท้ายแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ ส่วนเกมถัดไป วันเสาร์ที่ต้องออกไปเยือนสโต๊ค ตามด้วยกลางสัปดาห์ต้อนรับโวล์ฟสบวร์ก ก่อนจะปิดอีกเสาร์ด้วยเกมรับมือซันเดอร์แลนด์ ถือเป็นเกมชุกอย่างต่อเนื่องที่เราไม่ควรหลุดสมาธิอย่างยิ่งครับ

แล้วมาลุ้นกันนะครับ

สงบใจ




 

Create Date : 24 กันยายน 2552
0 comments
Last Update : 24 กันยายน 2552 10:43:13 น.
Counter : 475 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.