|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
20100201 วิพากษ์ ARSENAL vs UNITED
ตาข่ายสีแดง เพิ่มพลังแฝงร่างอวตาร สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอแจ้งข่าวนิดหนึ่งนะครับ เรื่องกระทู้เก่าที่ด๋อยไป วันนี้เห็นว่ากลับมาได้แล้ว ไม่ทราบทีมงานพันทิปไปกู้คืนมาได้อย่างไร หลังจากที่ผมแจ้งทีมงานว่ากระทู้ด๋อยไปเมื่อวันศุกร์ สงสัยว่าเสื้อจะหมด//ฮ่าฮ่าฮ่า สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เดิมที่ด๋อยไป ถ้าสนใจ เข้าไปชมได้ตามนี้ครับ //www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8817504/S8817504.html มาถึงเรื่องของวันนี้กันบ้าง หลายๆท่านอาจจะยังปรับสภาพจิตใจกันไม่ทัน กับฟอร์มของทีมรัก และฟอร์มของนานี่ ที่เมื่อคืนนี้ร่ายฟอร์มออกมาได้ชนิดที่เรียกว่า[u]ลืมไม่ลง[/u]จริงๆ ทั้งๆที่รายละเอียดต่างๆ และตัวผู้เล่น รวมทั้งข่าวร่ำข่าวลือต่างๆนานาก่อนหน้าเกมนี้นั้น มีส่วนให้แฟนๆปิศาจแดงหายใจได้ไม่ทั่วท้องเอาซะเลย ไม่ว่าจะเป็นการถูกแบนของริโอ, ข่าวเตียงหักระหว่างป๋ากับอันแดร์สัน และอบต.กับป๋า หรือว่าการเซ็นสมอลลิ่งที่อาจกลายเป็นการแคนนอนให้วิดิชโดนโละทิ้ง ในขณะที่ฝั่งไอ้ปืนใหญ่นั้น นอกจากจะได้นักเตะกลับมาจากแอฟฯ เนชั่นส์แล้ว ยังมีข่าวดีคือแฟร์มาเล่นไม่เจ็บมาก และน่าจะได้ลงสนาม เฮ้อ...แค่อ่านข่าวก่อนเกม ผมก็วูบๆวาบๆ ในใจซะแล้วครับ
หน้าตาทัพนักเตะที่สองกุนซือเก๋าประสบการณ์ที่สุดของพรีเมียร์ลีกเวลานี้ส่งลงมานั้น สำหรับอาร์เซน่อลก็น่าจะเรียกได้ว่า เป็นชุดใหญ่กว่านิดๆ เนื่องจากเวนเกอร์ได้เรียกใช้งานทั้งแฟร์มาเล่น, ซง, นาสรี่, ได้ทั้งหมด ประมาณว่าน่าจะเป็นชุดที่เวนเกอร์เชื่อใจที่สุดที่สามารถส่งลงมาในสนามได้ในวันนี้ ผู้รักษาประตูเป็น มานูเอล อัลมูเนีย, แบ๊คขวา บาการี่ ซาญ่า, แบ๊คซ้ายกาเอล กลิชี่ คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเป็น วิลเลี่ยม กัลลาส กับ โธมัส แฟร์มาเล่น กองกลางสามคนไว้วางใจเชส ฟาเบรกาส อเล็กซานเดอร์ ซง เดนิลสัน ส่วนสามแนวรุกข้างหน้าใช้งาน โธมัส โรซิคกี้ อังเดร อาร์ชาวิน ซามีร์ นาสรี่ นอกจากนั้น ในซุ้มม้านั่งสำรองข้างสนาม ยังประกอบไปด้วยตัวที่ยังฝากความหวังได้อย่าง ธีโอ วัลคอตต์ และ ทางเลือกในแดนหน้าเพื่อเปลี่ยนเกมอย่าง นิคลาส เบนดท์เนอร์
ทางฝั่งผู้มาเยือนที่เดินทางออกมาจากโรงละครแห่งความฝันนั้น ท่านเซอร์เลือกที่จะวางใจนานี่ต่อไป หลังเพิ่งร่ายฟอร์มสะเด่าได้สองนัดติดต่อกัน ส่วนริโอเริ่มติดโทษแบน และวิดิชก็ยังเจ็บ ไม่มีชื่อในเกมนี้ ผู้รักษาประตูยังเป็นเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ส่วนฟูลแบ๊คซ้าย-ขวา คือ ปาทริซ เอวร่า ราฟาเอล ดา ซิลวา คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเลือก เวสลี่ย์ บราวน์ กับ โจนาธาน เอแวนส์ วันนี้ท่านเซอร์ยังยึดรูปแบบ 4-3-3 โดยกลางสามตัวยังคงวางกำลังเป็น พอล สโคลส์ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ไมเคิล คาร์ริค ต่อไปเป็นนัดที่สอง แนวรุกข้างหน้าสามคนมีเวย์น รูนี่ย์ อยู่ข้างหน้า ขนาบไปด้วย ปาร์ค ชี ซอง ทางซ้าย และหลุยส์ Ronaldo, Who? นานี่ ทางขวา ส่วนบนม้านั่งสำรองข้างสนามยังมีโอเว่น, เบอร์บาตอฟ, วาเลนเซีย และกิ๊กส์ คอยโอกาสอยู่ ก็นับว่า การส่งปาร์ค, บราวน์ และ เอแวนส์ เป็นตัวจริงในเกมนี้ก็เหมือนกับทัพนักเตะเราจะเป็นรองเจ้าบ้านอยู่พอสมควร แต่ในซุ้มม้านั่งสำรองกลับดูแล้วอุ่นใจกว่าเยอะครับ กับตัวที่รอโอกาสลงมาเปลี่ยนเกม
เริ่มเกมก็ไม่ต้องวอร์มอัพรับอรุณอะไรให้มากความให้มันเยิ่นเย้อ ทั้งสองทีมต่างงัดกลยุทธ์ ชกก่อน ถามทีหลัง ออกมาใช้กันตั้งแต่เริ่มเกมทีเดียว ทำเอาแฟนบอลได้อรรถรสกันเต็มที่ ทั้งสองทีมต่างทุ่มกำลังกันลงไปในเกมรุกและเน้นพื้นที่ทางกราบฟากเดียวกัน นั่นคืออาร์เซน่อลเน้นโจมตีราฟาเอลของทีมเยือนที่ยืนแบ๊คขวา ในขณะที่อสูรร้ายก็เน้นโจมตีกลิชี่ของเจ้าบ้านที่ยืนแบ๊คซ้าย ทำให้รูปเกมออกจะเอียงกะเท่เร่มาทางเดียวแทบตลอดเก้าสิบนาทีก็ว่าได้ ทั้งสองทีมต่างมีโอกาสได้ลุ้นทำประตูแต่ยังไม่สามารถเบิกสกอร์แรกกันได้ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม นานี่เริ่มแสดงให้เห็นว่าร่างอวตารของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เมื่อลงมาสถิตร่างแล้วก็น่าจะอยู่ได้อย่างถาวร นานี่ป่วนกลิชี่ได้ตั้งแต่เริ่มเกมจนหยดสุดท้ายเลยทีเดียว กลิชี่ที่ว่าเป็นแบ๊คที่เร็วเป็นอันดับต้นๆของพรีเมียร์ลีก กลับมาถูกนานี่วิ่งแซงบียดจากหลังดื้อๆสองช็อตติดต่อกันตั้งแต่เริ่มเกม และเป็นทั้งสองช็อตที่ได้เปิดเข้ากลางสำเร็จ แต่ยังดีที่กองหลังอาร์เซน่อลยังเคลียร์ออกมาได้หวุดหวิด
ส่วนทางฝั่งเจ้าบ้านที่ขึ้นเกมสวยๆมาทางขวาที่อาร์ชาวินได้หลายๆครั้งนั้น ก็ไม่สามารถฉวยโอกาสงามๆได้จากจังหวะดังกล่าว โดยอาร์ชาวินเลือกที่จะยิงมุมกว้างสองสามครั้งแต่ไม่เข้ากรอบ การต่อบอลของอาร์เซน่อลในวันนี้ยังคงไหลลื่น สวยงาม เนียนตา แต่เมื่อผ่านแดนกลางสนามมาได้แค่สิบหลาสิบห้าหลา ผู้เล่นยูไนเต็ดก็ไม่อนุญาตให้ต่อบอลกันง่ายๆ แดนกลางของยูไนเต็ดวันนี้ที่นำทัพโดยจอมคนหัวแดง ถูกกำกับแท็คติคมาให้เข้าเร็ว เข้าถึงตัว และสกัดเด็ดขาดทุกลูก ไม่ต้องกลัวพรวด เพราะจะมีคนช่วยมารองมาซ้อนตลอด ปาร์คและนานี่เองก็ช่วยเกมรับได้เยอะมากในวันนี้ และทิ้งรูนี่ย์ไว้หน้าเส้นกลางสนามเวลาตั้งรับเพียงคนเดียว เกมแพลนของสองกุนซือนั้นวันนี้ต้องยอมรับว่าต่างคนต่างวางแผนและทำการบ้านมากันคนละประเด็น และการจะบอกว่าใครถูกใครผิดก็คงต้องดูที่รูปเกมในสนาม ส่วนผลลัพธ์นั้น มันไม่ได้สะท้อนเรื่องความถูกต้องของแท็คติคเสมอไป (ถึงแม้เกมนี้จะสะท้อนก็เถอะ)
อาร์เซน เวนเกอร์ ยังคงเลือก และยึดมั่น ในรูปแบบเกมแพลนของตัวเองต่อไป ยังคงเน้นให้ลูกทีมเคลื่อนที่กันเป็นระบบ กระจายกำลังกันหาตำแหน่ง และสอดมารับจ่ายบอลกันในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของทีมตัวเองต่อไป ในขณะที่อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้น ถึงแม้จะยังยึด 4-3-3 ที่ทำงานออกมาได้ดีในเกมหลังๆ แต่แท็คติคเกมนี้กลับวางหมากมาโดยเน้นไปที่การตอบโต้และทำลายเกมของอาร์เซน่อล มากกว่าที่จะเน้นไปที่จุดเด่นที่การครอบครองบอลขึงเกมเหมือนเดิมๆที่เคยใช้งานมา ก็นับว่าท่านเซอร์แกเลือกถูกต้องนะครับ ผมมองว่า เกมแบบนี้ หากวัดกันที่จุดเด่นของระบบทีมจริงๆ เราคงสู้อาร์เซน่อลไม่ได้ และคงเสียการครองบอลให้เจ้าบ้านแน่ๆ และเมื่อท่านเซอร์เลือกที่จะปรับมาเน้นการทำลายเกมอาร์เซน่อลก่อน นั่นจึงนับเป็นการเสี่ยงที่น่าติดตามผลลัพธ์ดู แต่หากแฟนๆจะพอจำกันได้ ก็มีหลายครั้งแล้วที่ท่านเซอร์เลือกจะทำลายเกมอาร์เซน่อลมากกว่าจะเน้นให้ใช้จุดแข็งเรามาสู้ ครั้งที่ฟิลล์ เนวิลล์ ถูกกำกับให้เล่นกลางรับเจออาร์เซน่อลแล้วทำผลงานได้เด่นมากๆเมื่อก่อนโน้นก็ครั้งหนึ่งแล้ว ที่ยืนยันแนวคิดนี้
เกมของยูไนเต็ดนั้น เมื่อเน้นไปที่การทำลายเกมและระบบการเคลื่อนที่ของอาร์เซน่อล ก็ทำให้ผู้เล่นแดนกลางสามบวกสอง(ปีก) ต้องเน้นเกมเพรสซิ่ง เข้าบอลเร็ว และสกัดขาด โดยมีตัววิ่งช่วยรองช่วยซ้อนตลอด ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการทำลายการเคลื่อนที่ของเจ้าบ้านได้ดีจนต้องหนีออกมาเล่นด้านข้างเพื่อเปิดบอลบ่อยๆ ประกอบกับอาร์เซน่อลชุดนี้ยังคงขาดแคลนมิดฟิลด์ที่แข็งแกร่ง หนักหน่วง ทำให้แดนกลางของอารเซน่อลเมื่อถูกไล่เบียดบี้มากๆก็เสียบอลง่าย ขืนแรงเบียดไม่ค่อยไหว อีกทั้งความฟิตของซงเองก็น่าจะยังมีปัญหาหลังเพิ่งบินกลับจากมาศึก แอฟฯ เนชั่นส์ ไม่นานนัก ตรงกลางของอารเซน่อลที่เป็น เชส-ซง-เดนิลสัน จึงไม่สามารถต้านแรงเบียดปะทะของทีมเยือนได้เลย ทำให้การเดินเกมตรงกลางมาตันที่เลยเส้นกลางสนามได้แค่สิบยี่สิบหลาตลอด ถ้าไม่เสียบอลไปก่อนก็ต้องป้ายออกข้างแทน หรือไม่ก็ถูกบีบจนจ่ายผิดพลาดไปเอง
เมื่อการทำลายระบบการเคลื่อนที่ของมิดฟิลด์อาร์เซน่อลประสบความสำเร็จ ขั้นต่อมา ก็คือทำลายการสนับสนุนมิดฟิลด์ เราจึงเห็นว่าทำไมรูนี่ย์ถึงต้องค้ำอยู่ที่กลางสนามตลอดเวลาที่ทีมตั้งรับ ทำไมไม่ลงมาช่วยไล่หน้ากรอบเหมือนเดิม นั่นก็เพราะต้องการให้คู่เซ็นเตอร์ของเจ้าบ้านเติมสูงมาสนับสนุนไม่สะดวก ต้องคอยพะวงรูนี่ย์เสมอๆ นั่นคือจุดแรกที่สังเกตเห็น ส่วนอีกจุดหนึ่งก็คือ การให้นานี่จี้เข้าไปที่กลิชี่ตลอดเวลา เพื่อกดกลิชี่ไม่ให้เติมเกมทางริมเส้นได้สะดวก และต้องพะวงเกมรับเป็นพิเศษ สังเกตจากเมื่อกลิชี่ถูกเผาเครื่องสองดอกติดต่อกันในช่วงเริ่มเกม หลังจากนั้น กลิชี่ก็ขึ้นไม่ได้เต็มที่ แถมอาร์เซน่อลยังต้องเสียมิดฟิลด์อีกคนมาประคองริมเส้นด้านนี้ ทำให้เดินเกมไม่สะดวกเช่นกัน ส่วนทางอีกฝั่งหนึ่งก็เน้นการประสานงานขึ้นเกมของปาร์คและเอวร่ากับมิดฟิลด์ตัวกลางอีกคน เพื่อกดซาญ่าไว้ในแดนตัวเอง นี่คือการตัดการสนับสนุนมิดฟิลด์ของอาร์เซน่อลออกจากระบบการเคลื่อนที่ในเกมรุก เพราะเราเห็นกันอยู่แล้วว่าเมื่ออาร์เซน่อลขึ้นเกมแต่ละครั้ง มันมีแพ็ทเทิร์นที่เป็นระบบของมันอยู่
แพ็ทเทิร์นดังกล่าวก็คือ การฝากบอลมาที่มิดฟิลด์ แล้วมิดฟิลด์จะเคลื่อนที่ถ่ายบอลหาที่ว่างรับ-ต่อกันขึ้นมากับแนวรุกข้างหน้าสามตัว รวมเป็นหกคน ซึ่งตรงนี้ ยูไนเต็ดได้วางแพลนนิ่งมาจัดการได้สำเร็จไปแล้ว อันดับต่อมาก็คือ เมื่อเกมรุกถูกบีบให้เล่นยาก แบ๊คสองข้างของอาร์เซน่อลจะวิ่งเติมเกมขึ้นมาทางกราบเป็นทางเลือกในการให้บอล ตามด้วยเซ็นเตอร์หนึ่งคนจะดันเกมสูงขึ้นมาเพื่อคุมพื้นที่แทนมิดฟิลด์และช่วยต่อเกมตรงกลางสนามให้ ช่วยให้สามารถดันมิดฟิลด์ขึ้นไปเล่นสูงขึ้นไปได้ถึงกรอบโทษทุกตัวนั่นเอง แพ็ทเทิร์นนี้คือระบบของอาร์เซน่อล ซึ่งบอกตรงๆว่าในวันที่พีคๆ การเคลื่อนที่ดังกล่าวสามารถถ่ายบอลได้ตั้งแต่ไม่กี่ครั้งแล้วจบสกอร์ หรืออาจจะถ่ายกันเกือบยี่สิบสามสิบจังหวะโดยไม่ถูกตัดบอลเลยก็ว่าได้ แต่ในวันนี้เมื่อกลางของอาร์เซน่อลชุดนี้สู้แรงปะทะไม่ไหว และกำลังสนับสนุนไม่สามารถทำงานได้ตามเป้า ประกอบกับการประสานงานแดนหน้าก็มีปัญหาที่ความคมและความเข้าใจในจังหวะสุดท้าย จึงทำให้เกมรุกของอาร์เซน่อลออกจะตื้อไปพอสมควร
กลับกัน แท็คติคของท่านเซอร์กลับทำงานได้ดีกว่า เมื่อสามารถปิดกั้นเกมแพลนของอาร์เซน่อลได้สำเร็จ บวกกับการที่อาร์ชาวินไม่คม และไม่เข้าใจกับเพื่อนข้างหน้าอย่างนาสรี่และโรซิคกี้ในวันนี้ ทำให้เกมโต้กลับของป๋าที่เน้นลงมาในสนามนั้น ออกดอกออกผลมากกว่าที่คาดกันไว้ ประตูแรก มาจากการที่นานี่เผากลิชี่ไปก่อนหน้าสองสามดอกนั่นเอง ทำให้นานี่สามารถดึงตัวประกบมาที่ตัวเองได้สองสามสี่คนตลอดเกม ซึ่งเป็นอานิสงส์ที่มาของประตูนี้นั่นเอง บอลที่อาร์เซน่อลเคลียร์ลูกครอสฝั่งซ้ายออกมา ถูกแถวสองยูไนเต็ดเปิดกลับไปทางขวาให้นานี่ ทันใดนั้น กลิชี่และตัวซ้อนก็มารุมนานี่ทันที นานี่เมื่อถูกรุมสองก็อาศัยทักษะ กระดกบอลแหวกฝ่าตรงกลางเข้ามาได้ แล้วมาเจอตัวที่สามที่ขวางไลน์อยู่ นานี่โยกหลอกหักเข้าสุดเส้นหลังก่อนจะชิพกะให้ข้ามหัวอัลมูเนียมาเสาสองที่มีปาร์ครอชาร์จโล่งๆ อัลมูเนียคงเห็นแล้วเลยพยายามเทคสุดชีวิตแต่ไม่ถึงครับ ทำได้แค่ปัดปลายนิ้วให้บอลเปลี่ยนทิศเท่านั้น แต่บอลเจ้ากรรมดันเปลี่ยนทิศไปตกในหน้าต่างเสาสองซะงั้น ส่งให้ทีมเยือนออกนำได้ตั้งแต่นาทีที่ 33
ประตูนี้ส่งเสียงกึกก้องไม่เว้นเฉพาะแฟนยูไนเต็ดเท่านั้น แต่ยังส่งคำถามดังๆไปถึงกองหลังอาร์เซน่อลด้วย ว่าป้องกันลูกนี้อย่างไรกันแน่ ทั้งสองตัวที่ถูกนานี่แหวกมาง่ายๆ ทั้งตัวที่ขวางไลน์ตัวสุดท้าย ต่างถูกนานี่จัดการได้หมดจด และอาร์เซน่อลก็โหมบุกเอาคืนทันที แต่มาโดนสวนจุกไปอีกดอกในอีกสี่นาทีถัดมาเท่านั้นเอง จากลูกเตะมุมที่ถูกยูไนเต็ดเคลียร์ออกมาได้ รูนี่ย์รับบอลมาจากเพื่อนก่อนจะเอี้ยวตัวจ่ายขึ้นหน้าให้นานี่ตะบึงขึ้นไปเดี่ยวๆทางขวาโดยมีกลิชี่กวดบังไลน์ข้างหน้าห่างๆ รูนี่ย์เมื่อจ่ายแล้วก็สวมวิญญาณอูเซ็น โบลท์ ใส่ตรีนหมากวดตามไปตรงกลาง แฟร์มาเล่นที่ควบตีนสุนัขตามปาร์คที่เป็นตัวที่สามขึ้นมาทางซ้าย เมื่อเห็นรูนี่ย์พรวดๆๆๆขึ้นมาตรงกลางก็ต้องผละมาหารูนี่ย์ ในขณะที่สองตัวของอาร์เซน่อลที่วิ่งบังไลน์ซ้ายนานี่มานั้น กลับไม่ได้สนใจเลยว่ารูนี่ย์สอดแซงขึ้นมาแล้ว (ผิดพลาดอีกแล้ว) จนเมื่อนานี่เปิดบอลตัดหลังมาเข้าทางรูนี่ย์โล่งๆ แล้วเจ้าหมูก็ตวัดด้วยขวาตามน้ำทันทีส่งบอลเสียบตาข่ายเสาสองอย่างสุดสวยด้วยเวลาสิบกว่าวินาทีจากที่เสียเตะมุมเท่านั้น แล้วลูกนี้ก็เล่นเอาแฟร์มาเล่นเคืองไม่ใช่น้อย เพราะตัวที่ขวางรูนี่ย์ตั้งสองตัวกลับไม่ได้สนใจมองเลยแม้แต่นิดเดียว
เกมของยูไนเต็ดมาเข้าฝักเต็มที่กับรับแล้วโต้ตามสไตล์ เกือบจะบวกลูกสามได้เรื่อยๆ แต่ก็ทำไม่ได้เสียทีในขณะที่เจ้าบ้านดูจะช็อคและเสียขบวนไปตั้งแต่โดนลูกที่สอง จนต้องเข้าไปถูกเล็คเชอร์จากเวนเกอร์มาใหม่ เริ่มครึ่งหลังอาร์เซน่อลเซ็ตเกมมาใหม่โดยเน้นให้เชสเร่งฟอร์มและจังหวะเกมขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ก็ทำให้เกมดูดีขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่ทันจะได้น้ำได้เนื้ออะไร ก็มาเสียลูกที่สามในนาทีที่ 52 จนได้ และเป็นการให้บอลที่เกิดจากความเข้าใจกันแบบสุดๆ (เพิ่งจะเห็นเกมนี้นั่แหละ) ยูไนเต็ดตัดบอลจากอาร์เซน่อลได้ในแดนตัวเองทางฝั่งปาร์ค ปาร์คจ่ายขึ้นหน้าให้รูนี่ย์ที่ค้ำกองหลังอาร์เซน่อลอยู่ รูนี่ย์แปะคืนหลังให้คาร์ริคในจังหวะเดียวกับที่ปาร์คออกตัวแซงไปข้างหน้า รูนี่ย์กลับตัวสตาร์ทตามไปทันทีพร้อมๆกับที่คาร์ริคตักบอลข้ามไปยังที่ว่างข้างหน้า ปาร์คควบไปเอาแล้วฉวยโอกาสที่กองหลังอาร์เซน่อลมัวแต่หลงคุมรูนี่ย์สองสามคนจนตามมากวดไม่ทัน ปาร์คเลยควบยาวขึ้นมาหาอัลมูเนียที่ผวาออกมาแต่ปิดมุมเสาแรกไม่หมด ปาร์คเลือกยิงเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างเลือดเย็น เป็นประตูที่สามให้แชมป์เก่าได้สำเร็จ
หลังได้ประตูที่สาม ยูไนเต็ดก็ผ่านเกมลง และหันมาเน้นรับแล้วโต้แบบเต็มตัว เกือบจะได้ลูกที่สี่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ก็เหมือนเวลานี้รูนี่ย์เริ่มมั่นใจเต็มที่จึงเลือกยิงเองมากกว่าจะส่ง และยิงพลาดไปสองสามครั้ง ทางฝั่งอาร์เซน่อลเองปรับเกมมาให้เชสเป็นศูนย์กลางในการคอนโทรลบอลมากขึ้น และถ่ายบอลน้อยจังหวะลงรวมทั้งหันมาพาบอลไปกับตัวมากขึ้น ตรงนี้เป็นการแก้ลำหมากของป๋าครับ แพลนนิ่งการเคลื่อนที่ถูกตีแตกไปแล้วก็หันมาใช้เบสิคกับทักษาะเข้ามาแทน ตรงนี้นักเตะอาร์เซน่อลมีสูงกว่าเราต้องยอมรับ เมื่อเจ้าบ้านหนีมาเล่นด้วยลูกนี้ แดนกลางยูไนเต็ดจึงต้องทำงานหนักขึ้น ตามประกบ ตามสกัด มีตัวเข้ามาซ้อน ซึ่งก็ช่วยให้รูปเกมดีขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่มากนัก เพราะแดนหน้ายังมีปัญหาในการหาจังหวะเข้าทำและความคมในการจบสกอร์ของแนวรุกที่ไม่สามารถส่งบอลเข้ากรอบหรือหนีตำแหน่งน้าซาร์ได้เลย เวนเกอร์จึงรีบถอดเดนิลสันที่เล่นบทหายตัวแว้บๆบ่อยๆออกไป แล้วส่งวัลคอตต์มาติดสปีดทางกราบแทนให้เจ้าบ้าน
จากนั้นก็ถอดโรซิคกี้ออกแทนด้วยเอบูเอ้ ตามด้วยถอดซาญ่า แล้วส่งเบนดท์เนอร์ลงมา ในขณะที่ทีมเยือนหลังจากลูกหยีวิ่งกวดเชสจนน้ำบานไปแล้วก็ถูกกิ๊กส์ลงมาแทนที่ สลับเอาคาร์ริคกับเฟล็ทช์ยืนห้อยไว้แทน แล้วดันกิ๊กส์ขึ้นเชื่อมเกมรุก ต่างจากช่วงแรกที่ห้อยสโคลส์ต่ำแล้วปล่อยให้คาร์ริคกับเฟล็ทช์ยืนคุมพื้นที่ตรงกลางมากกว่า ซึ่งก็แน่นอนครับ เป็นการยืนยันถึงการเพิ่มดีกรีเกมรับนั่นเอง อาร์เซน่อลตอนนี้เปลี่ยนมาเน้นการใช้บอลไดเร็กต์มากขึ้น บอลครอสกลางอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นเริ่มที่จะกดดันเทพบราวน์กับเอแวนส์ได้น้ำได้เนื้อขึ้นมา กัลลาสเติมมาเล่นลูกกลางอากาศบ้าง แฟร์มาเล่นสลับขึ้นมาเติมเกมตรงกลางบ้าง อาร์เซน่อลงัดตำราบุกมาใส่เต็มๆแล้วก็มาได้ประตูตีไข่แตกในที่สุด เมื่อนาสรี่เปิดบอลจากฟรีคิกเร็วเข้ามาแล้วยูไนเต็ดเคลียร์บอลไม่ขาด แฟร์มาเล่นจึงโชว์ลูกเอี้ยวตัววอลเลย์หน้ากรอบโดยมีเอแวนส์ผวาแหย่ขาสกัดแต่ดันกลายเป็นสะกิดบอลเปลี่ยนทางหลบตัวน้าซาร์เข้าไปเมื่อเหลืออีกสิบนาทีจะจบเกม ลูกนี้ซวยจริงๆครับ ถ้าไม่มีขาเอแวนส์ก็คงโดนตัวบราวน์ที่ยืนขวางซ้อนอีกที หรือไม่ก็ตรงตัวน้าซาร์นั่นแหละ และลูกนี้ครับที่ทำให้ทำนบผีแดงเกือบพัง
เอแวนส์รู้สึกว่าเขาผิด และหน้าเสียไปเต็มๆ หลังจากนั้นเลยพากันกับเวส บราวน์ ยุบลงไปเรื่อยๆจนแฟนๆต้องเอาใจช่วยกันแทบหัวใจจะวาย ก่อนท่านเซอร์จะรีบเบรคเกมด้วยการส่งวาเลนเซียลงมาแทนปาร์คแล้วมาเล่นขวา ขยับนานี่เข้ามากลาง และเหมือนจะปรับเป็น 4-4-2 โดยมีกิ๊กส์อยู่ซ้าย แต่จากนั้นไม่นานป๋าก็ส่งเบอร์บาตอฟลงมาแทนนานี่ที่ร่างอวตารหมดเวลาโชว์ นานี่เริ่มหมดแรงหลังจากห้อมาสองเกมเต็มๆแบบนันสต็อป ทำเอาฟอร์มเริ่มกระตุก ช่วงนี้ยูไนเต็ดน่าจะบวกประตูที่สี่ได้ไม่ยาก แต่ด้วยความมั่นใจหรือบังเอิญก็แล้วแต่ การยิงจังหวะสุดท้ายของรูนี่ย์โล่งๆ ดันออกข้างไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ แผงหลังทีมเยือนเพิ่งยวบเต็มๆ สกัดผิดพลาดปล่อยให้กัลลาสได้เทคโล่งๆแต่ดันขวิดออกไปไกลหน้าตาเฉยจนเจ้าตัวโมโหตัวเองเหลือเกิน
จบเกมนี้อย่างสุดมันและเป็นเกมที่ต้องบอกว่า นับถือไอเดียป๋าจริงๆ ที่หันมาเน้นแท็คติคเกมนี้ด้วยการทำลายระบบมูฟเม้นท์ของเด็กปืน ป๋าคงเชื่อว่าถ้าทำลายการเคลื่อนบอลได้ โอกาสสวนเร็วย่อมมีสูง จึงวางหมากชั้นที่สองด้วยการให้แนวรุกสามตัวขึ้นหน้าสวนเร็วแบบสามทิศทาง นานี่ขึ้นกราบซ้าย ปาร์คกราบขวา และรูนี่ย์ตรงกลาง เพื่อถ่างแนวรับอาร์เซน่อลไม่ให้เข้ามาบีบในจังหวะสวนเร็วได้ถนัดนัก และมันได้ผลมากเสียด้วย แต่จะบอกว่าแท็คติคนี้คือชัยชนะของการวางแผนก็คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ หากอาร์ชาวินไม่พลาดเองสองสามดอก ผลก็คงไม่เป็นเช่นนี้ แต่สิ่งที่บ่งบอกได้มากกว่านั้นมันก็คือรูปเกมที่เกิดขึ้นในสนาม อาร์เซน่อลไม่สามารถครีเอตเกมตามแพ็ทเทิร์นตัวเองได้ถนัด แต่ยูไนเต็ดสามารถปิดกั้นการเคลื่อนที่ทำเกมของคู่ต่อสู้ได้ และเคลื่อนที่ในเกมโต้กลับรวมทั้งจบสกอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเยอะ
สำหรับผู้ที่โดดเด่นจริงๆก็คงต้องยกให้นานี่กับรูนี่ย์ ที่เป็นสองคีย์แมนในเกมนี้ รวมทั้งวิชั่นการอ่านเกมและให้บอลของคาร์ริคแต่ละดอกที่ต้องบอกว่าเข้าทางจริงๆ เฟล็ทเชอร์นัดนี้อาจจะดูดร็อปๆไปบ้างเพราะเน้นบทบาทผึ้งงานมากกว่าโฮลด์บอล แต่ก็ถือว่ากดดันอาร์เซน่อลร่วมกับสโคลส์ได้ดี ราฟาเอลถึงแม้จะถูกอาร์ชาวินเผาไปบ้างแต่ก็กวดมาบล็อคทันได้เรื่อยๆ มีเพียงเอแวนส์ กับบราวน์ที่พอถูกกดหนักๆเข้าก็ออกอาการ นี่คงต้องยอมรับเลยว่า ป๋าแกอ่านตรงนี้ขาดที่เลือกทำลายเกมอาร์เซน่อลเป็นเฟิร์สท์ทาร์เก็ต ไม่งั้นหากอาร์เซน่อลได้เล่นในเกมตัวเอง ก็ไม่ทราบว่าบราวน์กับเอแวนส์จะรับมือความกดดันได้นานมากแค่ไหนนะครับ ปาร์คเองเกมนี้ก็ทำงานได้ดีมากๆ ทั้งลูกเปิด ลูกครอสและเติมเข้าพื้นที่ นี่ต้องถามคำเดียวเลยครับ ซาญ่าหายไปไหน เพราะปาร์คปีนี้ยังโชว์ผลงานไม่ค่อยผ่านฟูลแบ๊คคู่ต่อสู้เลยนะ แต่เกมนี้กลับได้ออกจอบ่อยมากจนผมลืมสังเกตเลยว่า ซาญ่าไปไหน ส่วนทางอาร์เซน่อล ก็คงต้องบอกว่าแดนกลางวันนี้มีปัญหา ซงอาจจะไม่ฟิตมากพอจะรับมือการเพรสซิ่งเร็วสกัดขาดแบบนี้บ่อยๆ ส่วนเดนิลสันนี่หายไปเลย
เมื่อเป็นแบบนี้ภาระหนักก็ตกที่เชส แล้วเมื่อแพ็ทเทิร์นเกมมันถูกทำลาย เชสก็ทำเกมตามถนัดได้ลำบากครับ ประกอบกับเมื่ออาร์ชาวินไม่คมเหมือนวันที่ยิงน้องหงส์สี่เม็ด ผลลัพธ์แดนหน้าจึงค่อนข้างน่าใจหาย ยิ่งการประสานงานระหว่างอาชา-นาสรี่-โรซิคกี้ นี่เหมือนจะต่อบอลกันไม่ค่อยถูกจังหวะเท่าไหร่ คงต้องปรับกันอีกพอสมควรในจังหวะเข้าทำของอาร์เซน่อล แต่ที่มีปัญหาสุดๆคือสองตำแหน่งครับ ผมมองว่าผู้รักษาประตูยืนตำแหน่งไม่ดี กับเตะลูกส่งคืนไม่นิ่ง ซึ่งมันสำคัญนะ ของเราเองมือสองมือสามที่ตื่นๆน่ะ แต่การยืนตำแหน่งและเซฟลูกยังจะดูดีกว่านี้ อีกจุดก็คือ กลางรับตัวฮาร์ดแมน เพราะอาร์เซน่อลเล่นในแผนนี้จำเป็นต้องมีนักเตะอย่างเอสเซียงหรือวิเอร่ามาคอยกำกับเป็นตัวสุดท้ายเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนกำลังใจและความแข็งแกร่งของทีม รวมทั้งเป็นตัวขู่คู่ต่อสู้ด้วยไหนจะต้องระวังลูกสวนกลับที่คู่ต่อสู้ออกบอลได้กันง่ายดายเหลือเกิน ไม่มีตัวชลอ ตัวตัดฟาล์วเลย ส่วนเรื่องฟูลแบ๊คสองข้างผมว่าเป็นอาการฟอร์มตกหลังจากบาดเจ็บมากกว่าครับ ซาญ่าและกลิชี่ฝีเท้าทั้งคู่ไม่ธรรมดาเลย ทั้งทักษะและความเร็ว เพียงแต่หลังหายเจ็บกลับมานี่เหมือนยังเรียกฟอร์มกลับมาไม่ได้หรือเปล่า
เอาล่ะครับ ออกจะยืดยาวเกินไปแล้ว ขอตัดจบห้วนๆก่อน ส่วนประเด็นอื่นๆถ้าจะมีเพิ่มเติมค่อยไปใส่ในคอมเม้นต์ก็แล้วกันนะครับ
หลังจากนัดนี้ไป ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ความมั่นใจเราจะพุ่งขึ้นสูง แล้วรอนักเตะจะทยอยกลับสู่ทีมเพิ่มเติม ไม่ว่าวิดิช, ฮาร์กรีฟส์ หรือริโอ เพื่อสลับสับเปลี่ยนให้มีความสดและคงแพสชั่นนี้เอาไว้ให้นานที่สุด
แล้วมาลุ้นกันครับ
สงบใจ
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
25 comments |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2553 11:32:30 น. |
Counter : 627 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แฟนปืนมานานแล้ว IP: 118.172.244.60 1 กุมภาพันธ์ 2553 16:19:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 4 กุมภาพันธ์ 2553 0:24:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนขับช้า 4 กุมภาพันธ์ 2553 0:47:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 4 กุมภาพันธ์ 2553 0:54:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: debry 4 กุมภาพันธ์ 2553 4:16:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 4 กุมภาพันธ์ 2553 8:18:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) 4 กุมภาพันธ์ 2553 11:52:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: หน่อยอิง 4 กุมภาพันธ์ 2553 12:50:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 4 กุมภาพันธ์ 2553 12:56:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: บี (beebeetoon ) 4 กุมภาพันธ์ 2553 17:04:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: kruaun 4 กุมภาพันธ์ 2553 19:20:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: สงบใจ (สงบใจ ) 17 กุมภาพันธ์ 2553 12:00:31 น. |
|
|
|
| |
|
|