20080211 วิพากษ์ Man UTD vs Man CITY
MISSION IMPOSSIBLE 1 Man City
อรุณสวัสดิ์วันที่ไม่สดใสนักครับ แหะ แหะ ทุกๆท่าน เฮ้อ... อาถรรพ์ยอดเยี่ยมประจำเดือนสำหรับยูไนเต็ดยังคงร้อนแรงอยู่ต่อไป เมื่อ ทั้งท่านเซอร์ และลูกโด้ กวาดรางวัล ผจก. ยอดเยี่ยมและนักเตะยอดเยี่ยมมาครองได้ปุ๊บ ก็แพ้ปั๊บ แหม... ไม่มีใครเก็บสถิติของแคมป์เรากันมั่งเลยเหรอครับเนี่ย คราวที่แล้วก็โดนไปทีนึงแล้ว คราวนี้มาแบบกำลังสอง เพราะได้มาสองคนเลยด้วยครับ เอาล่ะ เรื่องนั้นก็พูดกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เถียงไม่ออกสำหรับความพ่ายแพ้เมื่อวานนี้ ก็คือฟอร์มการเล่นที่ไม่ไหลลื่น ไม่กระหาย และไม่เนียนตาเอาซะเลย สำหรับพลพรรคนักเตะปิศาจแดง กลับเป็นนักเตะอริร่วมเมืองมากกว่า ที่ดูจะมีสมาธิ มีความมุ่งมั่ และมีความเฉียบคมสูงกว่า จนคว้าชัยชนะครั้งแรกในรอบสามสิบกว่าปีไปได้ เฮ้อ.....
ก่อนเกมเริ่ม ก็มีการตั้งแถวรอบวงกลมกลางสนาม และทำพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่มิวนิค มีการสงบนิ่งไว้อาลัย ซึ่งก็ต้องขอบคุณแฟนๆซิตี้ในสนามเป็นอย่างยิ่ง ที่พร้อมใจกันสงบได้เงียบดีมากครับ ทำให้สิ่งที่แต่ละฝ่ายเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่งามก็ไม่ได้เกิดขึ้นมา ถือเป็นการให้เกียรติผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี
สำหรับการจัดทัพนักเตะ ก็เป็นไปตามคาดเมื่อสุกรโลกันตร์ เวย์นรูนี่ย์ และ พี่ติ๊ก ของเรา ปาทริซ เอวร่า สะสมใบเหลืองครบห้าใบในบัญชีออมทรัพย์เรียบร้อย ทำให้ถูกแบนไปหนึ่งนัดในนัดนี้ ท่านเซอร์จึงจัดชุดเก่งตามนักเตะที่เหลือลงสนาม มีน้าซาร์เฝ้าเสา ฟูลแบ๊คเป็นเวส บราวน์ และ จอห์น โอเช คู่เซ็นเตอร์เป็น ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช กองกลางมีเซอร์ไพรส์ ด้วยการจับคู่ พอล สโคลส์ กับ อันแดร์สัน มีนานี่ และ กิ๊กส์ ลากเลื้อยริมเส้น ให้โรนัลโด้ กับเตเวซ เล่นเป็นกองหน้า
ท่านเซอร์เองก็ดูจะพอรู้แท็คติค 4-5-1 ของสเวนเป็นอย่างดี แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือ การที่สเวนเลือกใช้ เบนจานี่ ที่เพิ่งได้มาหมาดๆ ลงเป็นหอกเป้าทันที ให้ดาริอุส วาสเซลล์ ยืนต่ำ ทางริมเส้น เป็นกองกลางตัวรุกตามกราบซึ่งอีกด้านใช้ มาร์ติน เปตรอฟ เดินเกม ส่วนตรงกลางสนามใช้ ไอร์แลนด์, แฟร์นานเดซ และ ฮามันน์ คุมพื้นที่ กองหลังสี่ตัวมี โอนูฮา, ริชาร์ดส์, ดันน์, และ บอลล์ ใช้โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา
เริ่มเกมก็เป็นไปตามคาด เมื่อ แมนฯ ยูฯ เน้นการเปิดเกมเร็ว เพื่อโจมตีหวังทำประตูตั้งแต่แรก ในขณะที่ซิตี้ มาเน้นเกมเหนียวแน่น ใครจะบอกว่าซิตี้มาอุด ผมคงบอกว่าไม่ใช่ เพราะการเคลื่อนที่ของแผงกลางและหลังของซิตี้ ไม่ใช่เกมอุด แต่เป็นเกมบีบพื้นที่ และเข้าประกบเร็ว เพรสซิ่งถึงตัวตลอดเวลา เกมแบบนี้ผมมองว่าเป็นเกมที่เน้นความเหนียวแน่น และเน้นการเล่นอย่างอดทน มีวินัยในการยืนตำแหน่งและการซ้อนตัวกัน ซึ่งนักเตะซิตี้ทำงานตรงนี้ได้ดีมากๆ ทำให้เกมรุกของยูไนเต็ดทำงานได้ไม่ถนัด
การที่ท่านเซอร์เน้นเปิดเกมรุกโดยการใช้สโคลส์คู่กับอันแดร์สันนั้น ผมมองว่าคือความหละหลวมอันแรก ที่ส่งผลต่อรูปเกมโดยรวมเป็นอย่างมากครับ เพราะอะไร เพราะผมมองว่าทั้งคู่เป็นตัวรุกธรรมชาติ โอเคว่าสโคลส์นั้น สามารถทำงานเป็นตัวรับได้ดี แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด เมื่อเทียบกับศักยภาพของเขา เช่นเดียวกับอันแดร์สัน ทั้งคู่ถนัดเกมรุก ถนัดการเติมเกม เราจะเห็นว่า เมื่อเริ่มเซ็ตบอล ทั้งคู่จะอยู่กลางสนาม แต่พอบุกได้สักพัก จะพากันลอยขึ้นเรื่อยๆ เป็การลอยทั้งคู่เลยครับ และโอกาสสวนกลับแบบจะจะ ก็เกิดขึ้นหลายครั้งมาก เพราะเราไม่มีตัวสกรีนเกมโต้กลับตรงกลางสนามเลย
การเล่นรอจังหวะแล้วโต้กลับของซิตี้ ทำได้น่ากลัวมากๆ เพราะวาสเซลล์ และเปตรอฟ ต่างก็เร็วและคล่องตัว ในขณะที่หากว่าไม่มีใคร ซิตี้สามารถทิ้งบอลมาให้เบนจานี่ เพื่อครองบอล รอเพื่อนเติมได้ดีมากๆ และการที่ไม่มีเอวร่า ทำให้เราไม่สามารถกดดันฟูลแบ๊คทางด้านขวาของซิตี้ได้ดีอย่างเคยเลยครับ และยิ่งไม่มีกลางรับคอยสกรีนด้วย ยิ่งทำให้การสวนเร็วของซิตี้ ทำได้เร็วมากขึ้นอีก พรวดเดียวถึงโกล์ตลอดเลย ส่วนเรื่องการเติมเกมของเรา บราวน์ กับ โอเช ไม่สามารถเติมเกมรุกได้อย่างสอดประสาน และไหลลื่น เตเวซเองถูกประกบแน่นหนา จนต้องฉีกออกมาเล่นทางกว้างทุกครั้ง ส่วนนานี่ ก็ยังไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ ไม่สามารถเจาะผ่าแนวรับซิตี้เข้าไปได้เลย
เกมสวนกลับของซิตี้ ก็ยังทำให้ได้ประตูขึ้นนำถึงสองลูก เพียงแค่ครึ่งแรกเท่านั้น จากการสวนกลับเร็วทั้งสองลูก และแม้ว่า ลูกที่สอง แมนฯยูฯจะตั้งตัวได้แล้ว แต่ก็เป็นบราวน์ ที่ดูแลเบนจานี่อยู่ กลับปล่อยให้เบนจานี่ได้สะบัดโล่งๆ โดยที่ตัวเองผละออกไปห่างเกินไปในจังหวะนั้น ส่วนลูกแรก เป็นน้าซาร์ ที่ต้องงัดไม้ตายมาปัดป้องถึงสองจังหวะติดๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดดาบสามจากวาสเซลล์ได้ ทั้งสองลูกที่เสียไป เมื่อเทียบกับรูปเกมที่เกิดขึ้น ผมบอกตัวเองในใจว่า หมดหวัง...
หากความหวังจะยังพอมีอยู่ มันก็คือการแก้เกมในครึ่งหลัง แต่เมื่อลงสนามมา ก็ยังไม่เห็นเลยว่า จะมีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันในเกมรุกมากขึ้น โรนัลโด้ ดูด้วยตาคนธรรมดาๆไม่ต้องเป็นเกจิก็ได้ครับ ใครก็ดูออกว่าโรนัลโด้ ไม่สมบูรณ์เอาซะเลย น่าจะเป็นอาการล้าซะด้วยซ้ำ ทุกๆจังหวะ เขาคิดช้า ทำช้า ไม่เหมือนโรนัลโด้คนเดิมที่เราเคยเห็นเลย ตรงนี้ทำให้เราเสียบอลในเกมรุกบ่อยครั้งมาก เมื่อโรนัลโด้ไม่สามารถสปีดตัวเองขึ้นมาได้ และถูกแย่งบอลจากเท้าบ่อยครั้ง แถมยังไปเล่นหวาดเสียวหน้าประตูตัวเองจนเกือบเสียเพิ่มอีกต่างหาก
นอกจากโรนัลโด้แล้ว ยังมีริโออีกคน ที่ออกสเต็ปเหนือเกินไปจนเสียหายหลายแสน วางบอล จ่ายบอล ใกล้ตัวนักเตะซิตี้ จนเขาดักทางได้ สี่ครั้งแบบจะจะ สี่ครั้งที่ดักทางได้ แล้วลากบอลสวนกลับเข้ามายิงประตูได้ทุกๆครั้ง แถมริโอยังไปเสียดายบอล และเผลอให้วาสเซลล์ฉกบอลตรงเส้นหลังไปได้อีก ดีที่ริโอยังไปแก้ตัวไว้ได้ แต่เห็นริโอเล่นเกมนี้แล้วสงสารวิดิชเหลือเกิน วิ่งแก้บอลริโอแต่ละลูก ลิ้นห้อยจนจะหลุดออกมาจากปาก นี่ยังดีที่หลายๆครั้ง ริโอยังคงแก้ตัวในเกมรับได้ดีอยู่นะครับ และดักทางบอลสวยๆได้หลายครั้งเช่นกัน ไม่งั้น จบเกมนี้ ค่าตัวตกกระจายแน่ๆ
ส่วนคนอื่นๆ เกมนี้ดูจะเป็นเกมที่เนือยๆมากเกินไปยังไงไม่ทราบ เหมือนเร่งไม่ขึ้น การต่อเกม การต่อบอลผิดไปจากที่เคยอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้า สโคลส์ กับ แอนนี่ ก็ดูจะเร่งเกมมากเกินไป จนไม่สามารถต่อกันติดกับเพื่อนๆในแดนหน้า ส่วนใหญ่หาช่องจ่ายไม่เจอด้วยซ้ำ ต้องวนไปวนมา จ่ายย้อนบ้าง ป้ายสั้นๆบ้าง มีการวางขึ้นหน้าให้ได้ลุ้นน้อยมาก และทุกครั้ง ก็จะมีกองหลังซิตี้ตามกองหน้าไปเป็นเงาตลอด ไม่เคยได้ไปเดี่ยวๆเลย การจ่ายบอลที่ยังคงประสิทธิภาพอยู่ในเกมนี้ก็มีเพียงการวางบอลยาวขวางสนาม ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเปลี่ยนข้างบุก และสุดท้ายก็ไปตันที่ข้างหน้าเหมือนเดิม
แผงกองกลางของซิตี้ทำผลงานได้ดีมากครับ ผมยกย่องไว้ตรงนี้เลย เริ่มตั้งแต่ฮามันน์ ที่เป็นตัวชนตัวแรกในเกมรุกของยูไนเต็ด ฮามันน์วิ่งพล่านไปทั่วทุกจุดจริงๆ เพื่อหยุดยั้งเกมรุกของเจ้าบ้านในทุกๆจังหวะ ส่วนไอร์แลนด์ก็อ่านทางบอลได้ดีมากๆ เป็นตัวดักทางบอลของริโอ จนริโอน่าจะเสียคนจากเกมนี้ได้เลย และขึ้นเกมรุกสวยๆหลายจังหวะ ส่วนแผงกองหลังนั้นเล่า ทั้งริชาร์ด ดันน์ และไมกาห์ ริชาร์ดส์ ต่างทำผลงานสุดยอดจริงๆ เมื่อสามารถสกัดบอลจากเจ้าบ้านทั้งในจังหวะสุดท้าย หรือจังหวะการจ่ายทะลุได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เตเวซ ไม่สามารถคายพิษสงได้ แถมยังมี โจ ฮาร์ท ที่เซฟได้ดีอีกต่างหาก ยิ่งทำให้ความหวังริบหรี่ลงเรื่อยๆ เมื่อเวลายิ่งผ่านเลยไป
การแก้เกมในการเปลี่ยนตัวของท่านเซอร์ ยังทำเอาผมงง เมื่อส่งปาร์คลงมาแทนนานี่ ในนาทีที่ 60 ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะปาร์คเองมีความร็ว และคล่องตัวสูงในทางแคบๆ ใช้จังหวะน้อยกว่านานี่จริง แต่ผมกลับคิดว่า ปาร์คน่าจะมีปัญหาในการเบียดกองหลังซิตี้มากกว่านานี่ เพราะเกมนี้ กองหลังซิตี้ ไม่ปล่อยให้มีพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้น ผลจากนานี่ หรือผลจากปาร์ค คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะยังไงก็ไม่มีพื้นที่ให้เล่นอยู่ดี แต่สิ่งที่ดีขึ้นที่เราเห็นจากปาร์ค ก็คือ การที่ปาร์คสามารถเล่นให้แล้วไปได้ดีกว่านานี่ ทำให้เกิดโอกาสหน้ากรอบมากขึ้น แต่หากวัดจากความคาดหวังจากการเปลี่ยนตัว ผมยังถือว่า ไม่สามารถเปลี่ยนเกมได้ครับ
ท่านเซอร์จึงต้องแก้อีกครั้ง แบบเกหมดหน้าตัก ด้วยการส่งทั้งคาร์ริค และฮาร์กรีฟส์ลงมาเติมเกม ถอดเอาอันแดร์สัน และ โอเชออกมา โอเชนั้นเนื่องจากเหมาะกับเกมที่ไม่เน้นแท็คติคมากนัก เป็นเกมแบบเล่นยืนตำแหน่ง ทำตามคำสั่ง และคุมคน มากกว่าต้องเติมเกม วิ่งขึ้นวิ่งลงในเกมที่เจอกับ พวกวาสเซลล์ และเบนจานี่อย่างนี้ และการถอดหลังเติมกลาง ก็เป็นสิ่งที่ทีมที่ต้องการประตูต้องนึกถึง และทำตามแพ็ทเทิร์นอยู่แล้ว ส่วนอันแดร์สัน เนื่องจากพื้นที่ในการรุกแทบหาไม่ได้ การจะพึ่งพาคิลเลอร์พาส และการจ่ายบอลได้เสีย ขึ้นหน้าจากอันแดร์สัน จึงแทบหวังอะไรลำบาก ดังนั้น ท่านเซอร์จึงส่งกลางที่สามารถครองเกมได้อย่างคาร์ริคลงมาคุมพื้นที่ และจ่ายบอลสั้นๆ เปิดช่องตรงกลางออกมา
ในขณะที่ฮาร์กรีฟส์ ก็ให้คุมพื้นที่ทางด้านซ้าย แทนโอเช แต่ยืนตำแหน่งสูงขึ้นมาเติมเกม จ่ายตามช่องได้ดีขึ้น ดันเอาวิดิชขึ้นไปเล่นกองหน้าเป็นตัวโหม่ง ซึ่งดูไปก็คล้ายๆแผนของมูรินโญ่แฮะ เอาเทอร์รี่ไปเล่นกองหน้าเนี่ย แต่ที่ต่างกันก็คือ เซ็นเตอร์ของยูไนเต็ด เป็นตัวชนหนึ่ง ตัวอ่านทางหนึ่ง ซึ่งยังไงก็ต้องทิ้งริโอไว้คุมหน้าบ้านหนึ่งตัว ทำให้ตัวที่จะถูกดันขึ้นมา กลายเป็นตัวชนอย่างวิดิช นั่นคืออีกปัญหา เพราะวิดิชเป็นกองหลังสไตล์อิงลิชจริงๆ เก่งในการโหม่งครับ แต่การเล่นบอลด้วยเท้า และความสามารถในการเล่นกับบอลบนพื้นนี่ยังด้อยอยู่มาก ทำให้วิดิชแทบไม่ได้ทำอะไรในแดนหน้า แถมการประสานงานกับเพื่อนยังไม่ดีอีกต่างหาก
ส่วนการเปลี่ยนตัวของสเวน ดูจะเป็นการเปลี่ยนตามแท็คติคมากกว่า ทั้งเพื่อการใช้เวลาให้หมดไป และการเปลี่ยนเอาตัวสดมาเติมเกม หรือการถอดกลางส่งหลัง เพื่อเพิ่มตัวชนมากขึ้น ซึ่งซิตี้ก็สามารถยันไว้ได้ดีมาก จนมาหลุดเอาในนาทีสุดท้าย ที่เจ้าบ้านโหมมากขึ้น จนมาเกิดช่องหน้ากรอบประตู ที่คาร์ริคเติมขึ้นมายิงจากแถวสองเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ทำให้ขายหน้าน้อยลงนิดนึงครับ
ผลเสมอเกมนี้ ผมถือว่าเลวร้ายมากสำหรับการป้องกันถ้วยแชมป์ปีนี้ เพราะเราเพิ่งหลุดเสมอเสียสองแต้มไปหมาดๆ นี่ยังมาหลุดถึงกับเสียสามแต้มเลยทีเดียว อยากให้มองว่า เราได้แค่แต้มเดียวจากหกแต้มนะครับ ช่วงเวลาอาทิตย์เดียว เสียไปห้าแต้ม ผมถือว่าส่งผลกระทบร้ายแรงพอสมควร ทั้งทางกายภาพ ที่หากอาร์เซนอลชนะกุหลาบเพลิงได้วันนี้ ช่องว่างจะกลายเป็นห้าแต้มทันที และผลกระทบด้านสภาพจิตใจ ที่นักเตะอาจจะเสียความมั่นใจไปได้มากทีเดียว เรายังคงโชคดีอยู่บ้าง ที่สองนัดล่าสุด เชลซีก็ทำได้แค่สองแต้มเช่นกัน คนที่หัวเราะสียงดังที่สุด นอกจากซิตี้ ที่สามารถเก็บหกแต้มเต็มจากยูไนเต็ดได้เป็นครั้งแรกในรอบสามสิบสี่ปีแล้ว ก็คงเป็นอาร์เซนอลนี่แหละครับ ที่รอจะหัวเราะเสียงดังอยู่อีกคน
ผมไม่อยากจะยกเหตุผลอะไรมาอ้างในความพ่ายแพ้นัดนี้ การถูกแบนของรูนี่ย์ นั่นก็ทำตัวเองทั้งๆที่เป็นกองหน้าแท้ๆ ส่วนเอวร่านั้น ก็ถือเป็นการแบนตามฤดูกาลอยู่แล้ว ที่กองหลังทั่วๆไปมีสิทธิ์พบเจอในแต่ละซีซั่น อีกเรื่องก็คือ การที่นักเตะหลายราย ไปเล่นทีมชาติแล้วกลับมาด้วยอาการล้าหลายต่อหลายคน แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่หลายๆทีมประสบอยู่มิใช่หรือ หลายๆทีมเสียนักเตะไปเล่น เนชั่นส์ คัพ เป็นเดือนด้วยซ้ำไป ผมว่าหากจะพูดเรื่องนี้ เราควรมาพูดเรื่องกำลังสำรองดีกว่าครับ ไม่ว่าแดนหน้า หรือหลัง ที่ยังไม่สามารถทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอเลย
อาการล้าของโรนัลโด้ที่เห็นในนัดนี้ ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามในใจผมอีกข้อหนึ่งแล้ว นั่นก็คือ เจ้าโด้ควรจะถูกพักบ้างหรือไม่ เพื่อเติมแรงกระตุ้น ความกระหาย และความสดเข้ามาให้ตัวเอง และเข้ามาให้ทีม อย่าลืมว่า ถึงแม้เจ้าตัวจะยืนยันเสียงแข็งว่า เขาไหว เขาเล่นทุกนัดได้ แต่เราทุกคนเห็นกันไปแล้วว่า สภาพเขาเป็นยังไง ไม่ใช่แค่นัดนี้ แต่สองสามนัดที่ผ่านมาแล้วด้วยซ้ำ ที่โรนัลโด้เริ่มสั่งขาแข้งไม่ได้ดั่งใจ ผมก็หวังอยู่ว่า ความห่างสัปดาห์หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่นเกมถัดไป อาจจะทำให้โด้เรียกความฟิตคืนมาได้อีกครั้ง แต่มันจะคุ้มหรือไม่ ถ้าหากความเป็นจริงคือเขาฝืนเล่น แล้วเกิดอาการเจ็บขึ้นมาแทน นั่นอาจเป็นหายนะมากกว่าก็ได้
สิ่งที่เราควรจะต้องคิด และทำใจล่วงหน้าก็คือ ฟอร์มของทีม ณ ปัจจุบันนี้ เริ่มติดขัดอีกแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม โอเคว่ามันเป็นเกมยาก ทั้งสเปอร์ส ทั้งแมนฯซิตี้ มันไม่ง่ายก็จริง แต่ฟอร์มการเล่นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่อยู่ดีครับกับการจะบอกว่าเราไม่มีโชค โชคจะมีหรือไม่มี ฟอร์มการเล่นก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งครับ ถ้าเราเล่นเหมือนเกมแรก ที่พับสนามบุก ยิงแล้วยิงอีก แต่ไม่มีโชค ยิงไม่เข้า นั่นถึงจะพูดได้ แต่ไม่ใช่กับเกมนี้ครับ เกมที่เราบุกยังไม่ค่อยจะขึ้น ครั้นบุกขึ้น ก็ไม่ค่อยจะได้จบ ครั้นได้จบก็ไม่ได้ลุ้นเท่าไหร่ นี่แหละครับ อาการฝืดและตีบตันในเกมรุกล่ะ มันมาเยือนเราแล้ว เราจะรับมือได้อย่างไรกันครับ
โรนัลโด้, ริโอ, โอเช, บราวน์ คือบรรดาแข้งที่เล่นด้วยฟอร์มที่ต่ำกว่ามาตรฐานไปเยอะจริงๆสำหรับเกมนี้ ในขณะที่ นานี่, วิดิช, อันแดร์สัน, ฮาร์กรีฟส์, ปาร์ค, สโคลส์ และเตเวซ ต่างก็วูบวาบเป็นบางจังหวะ ก่อนจะหายไป แล้วก็วูบวาบมาใหม่ แล้วก็หายไป คือพูดง่ายๆว่า ไม่น่าประทับใจ ถึงแม้จะมีลูกขยัน ลูกพยายาม แต่ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างหรือจุดประกายให้ทีมได้ ส่วนกิ๊กซ์, คาร์ริค และ น้าซาร์ ถือว่าทำผลงานได้ดีหากเทียบกับคนอื่นๆครับ น้าซาร์ถึงจะเสียไปสองประตู แต่นั่นสุดความสามารถจริงๆ และเขาก็พยายามถึงที่สุดแล้วด้วย สามารถเซฟช่วยทีมได้สองสามจังหวะด้วยซ้ำ
แล้วลองมองดูนักเตะอีกฝั่งสิครับ ริชาร์ด ดันน์, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, ดีทมาร์ ฮาร์มันน์ สามคนนี้ร่ายเพลงแข้งได้สะเด่า ถึงใจพระเดชพระคุณดีจริงๆ โจ ฮาร์ท, ไอร์แลนด์, วาสเซลล์, เบนจานี่, เปตรอฟ เหล่านี้ก็โชว์ฟอร์มได้ดีมาก ที่เหลือก็ไม่มีใครทำผลงานไม่ดีสักคน นี่แหละคือความแตกต่าง นี่แหละคือสาเหตุที่สกอร์เป็นเช่นนี้ โอเคว่านักเตะยูไนเต็ดเราเองเล่นไม่เอาอ่าว ไม่เอาทะเลจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยครับว่า นักเตะซิตี้ นัดนี้เล่นได้ดีมากจริงๆ เหนียวแน่น แข็งแกร่ง รวดเร็ว และเฉียบคม เด็ดขาด ตรงนั้นต่างหาก ที่ทำให้เราพ่ายแพ้เช่นนี้
มาถึงตรงนี้ ผมคงต้องขออภัยแฟนๆอาร์เซนอลด้วยครับ ที่ค่ำคืนนี้ ผมคงต้องเชียร์แบล็คเบิร์นแบบออกนอกหน้ามากมาย เพื่อให้การไล่ล่าแชมป์ ยังคงความเข้มข้นต่อไป ไม่งั้นมันจะไม่สนุกเอาสิครับ...(ว่าไปนั่น)
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
11 comments |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2551 10:29:56 น. |
Counter : 479 Pageviews. |
|
|
|