Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

20100125 วิพากษ์ MAN UNITED vs HULL CITY

คู่หูหมูนรกเดือด... ภาค อวตารอาบัง


สวัสดีครับ ถึงแม้มันอาจจะเป็นเพียงแค่จ่าฝูงชั่วคราว แต่ก็คงไม่ผิด หากผมจะออกอาการดีอกดีใจบ้างนะ เพราะช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมาเนี่ย เรามีโอกาสเช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็วืดวาดจั่วลมไปเสียหมด มาคราวนี้ พอทำได้สำเร็จ แถมสวยงามซะด้วย ก็อดไม่ได้ ที่จะดีใจหลังจากซึมกับฟอร์มทีมรักมาแสนนานแล้ว และเนื่องจากวันนี้ผมเข้ามาช้าไปกว่าปกติ ก็ต้องขออภัย เนื่องจากติดขัดภารกิจบางประการ เอาล่ะ มาเริ่มต้นวิพากษ์กันเลยดีกว่านะครับ

การจัดทัพนัดนี้ หลังจากมีข่าวลวง ข่าวลือต่างๆนานา เกี่ยวกับสภาพนักเตะของเรา บ้างก็ว่าป๋าจะพักรูนี่ย์ บ้างก็ว่าเบอร์บาตอฟฟิตทันลงสนาม บ้างก็ว่าโอเว่นจะได้สตาร์ท มีแต่ข่าวประมาณนี้เต็มไปหมดจนไม่ทราบจะเชื่อสำนักไหนดี แต่พอจัดตัวลงสนามมาก็พบว่า ค่อนข้างเต็มสูบพอสมควร โดยมีการพักตัวหลักนิดๆหน่อยๆ เช่นพวกกิ๊กส์, คาร์ริค, วาเลนเซีย หน้าตาทัพนักเตะที่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงนัดนี้จึงประกอบไปด้วย เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ยืนเป็นอรหันต์ด่านสุดท้ายให้เราได้อุ่นใจอีกครั้ง แผงแบ๊คโฟร์ประกอบไปด้วย ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, โจนาธาน เอแวนส์ และ ปาทริซ เอวร่า แผงกองกลางวันนี้มาแปลก ท่านเซอร์ส่ง พอล สโคลส์ จับคู่กับดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ตรงกลาง ให้นานี่ลากเลื้อยทางขวา และปาร์ค ชี ซองลากทางซ้าย คู่กองหน้าเลือกไมเคิล โอเว่น กับ เวย์น รูนี่ย์

สำหรับไอ้หัวเสือ ฮัลล์ ซิตี้ วันนี้ลูกทีมข่าวว่าไม่ค่อยปรับทัพนัก ทำให้ยังคงได้เห็นหน้าค่าตา โบอัซ มายฮิลล์ อยู่ระหว่างเสาประตูเหมือนเดิม แผงกองหลังไล่เรียงดังนี้ พอล แม็คเชน, แอนโธนี่ การ์ดเนอร์, คามิล ซายัตเต้ และแอนดี้ ดอว์สัน กองกลางบานตะเกียงตามคาด มีโจวานนี่ อดีตนักเตะซิตี้, แอนดี้ การ์เซีย, นิคกี้ บาร์มบี้, จอร์จ บัวเต็ง และสตีเฟ่น ฮันต์ วางเคร็ก เฟแกน เป็นหน้าเป้าคนเดียว

เริ่มเกม ยูไนเต็ดก็เสกคาถาเรียกพายุเริ่มตั้งลำโหมเกมเข้าใส่ทีมเยือนทันที ซึ่งผมเดาเอาว่า ถ้าไม่ใช่เพราะแพสชั่นความมุ่งมั่นที่ค้างคาอยู่ในท่อมาตั้งแต่เกมก่อนหน้า บวกแรงขับดันเต็มที่ที่ต้องการขึ้นจ่าฝูงล่ะก็ มันก็อาจจะเป็นเพราะว่า ยูไนเต็ดยามนี้ ชีวิตขึ้นอยู่กับประตูแรกรึเปล่า ประมาณถ้าโดนยิงไปก่อนนี่สามารถเดินไปบอกกรรมการได้เลยว่า ไม่ต้องแล้ว พอแระ เป่าหมดเกมเลยดีกว่า ยังไงก็ยิงคืนไม่ได้หรอกเฮีย ประมาณนั้นไหม เพราะปีนี้ รู้สึกว่าถ้าเราโดนยิงไปก่อนนี่เร่งไม่ขึ้นเอาซะเลย นัดนี้เลยมาแก้เคล็ดด้วยการบุกถล่มตั้งแต่แรกกะยิงประตูเอาฤกษ์เอาชัยมันซะงั้น (อย่างที่บอกนะ ยูไนเต็ดต้องเล่นรุกครับ ไม่งั้นไม่เนียน และอาจถึงเสียน้ำตาด้วยซ้ำ)

เพียงแค่ไม่ถึงสิบนาที รูนี่ย์ หมูนรกของผมก็อาละวาด ยิงประตูขึ้นนำไปจนได้ จากลูกคอร์เนอร์ที่นานี่เปิดเข้ามากลางประตู บอลถูกโหม่งเคลียร์ออกมาแล้วเจอเฮียลูกหยีอัดสวนกลับเข้าไปใหม่ มายฮิลล์ต้องทุบออกมา แต่กลายเป็นเข้าทางกีบหมูนรกที่ได้กลิ่นคาวรำข้าว ปรี่เข้ามาชาร์จเป็นคนแรก และซ้ำเข้าไปไม่เหลือ ส่งให้เจ้าบ้านทะยานออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 8 เท่านั้น และด้วยรูปเกม ณ เวลานั้น มันทำให้ผมเริ่มย่ามใจ และกะเกณฑ์ไปเองก่อนทันทีเลยว่า งานนี้มีตุนลูกได้เสียเว้ยเฮ้ย จะเชลซี รึจะน่อลก็เหอะ งานนี้เรามีลูกบวกแซงแน่ๆ แล้วจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปดูกันต่อเลยครับ

รูปเกมที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่า เจ้าบ้านครองเกมลุยเข้าใส่เป็นพักๆอย่างสนุกสนานสำราญเท้า มีผ่อนเกมเป็นห้วงๆให้ฮัลล์ ซิตี้ ได้เดินเกมลุยขึ้นมาบ้าง แต่ภาพรวมยังเป็นเจ้าบ้านครับที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นแต่ว่าบางจังหวะการประสานงานของริโอกับเอแวนส์ที่อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางทำให้มีเสียวได้บ้าง โดยเฉพาะลูกที่เฮียลูกหยีโหม่งเซฟกลับหลังแล้วบอลไปเข้าหัวเอแวนส์ที่กะน้ำหนักบอลพลาด โหม่งย้อนต่ออีกครั้งกะคืนน้าซาร์ แต่บอลเจ้ากรรมมันเบาและช้าเกินไป ทำให้น้ำหนักไม่ถึงน้าซาร์แต่ไปเข้าทางปืนบาร์มบี้พอดี ซึ่งก็ตวัดยิงตามธรรมชาติเลย ดีที่น้าซาร์ยังไวทายาด ล้มตัวขวางเซฟไว้ได้แบบเฉียดฉิวจริงๆ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีหลายครั้งที่จังหวะประสานงานของฮัลล์ ในช่วงโต้กลับที่เกือบได้เผด็จศึกเราคืน แต่น้าซาร์ยังช่วยป้องกันเอาไว้ได้ และแผงหลังเราก็ไม่ได้ รั่ว มากมายอะไรในเกมนี้

เกมวันนี้ต้องบอกเลยครับ ว่าทีเด็ดอยู่ทางกราบขวา ร่างอวตารใหม่ของนานี่เล่นได้ค่อนข้างยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้นเยอะ ฝืนน้อยลง จ่ายตามจังหวะมากขึ้น ตรงนี้แหละที่มันทำให้เกมทางนี้ไหลลื่นขึ้นกว่าที่เป็นนานี่คนเดิมๆ ประกอบกับเกมข้างหน้าที่เป็นการประสานงานระหว่างรูนี่ย์ และโอเว่นนั้น ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่และฝากบอลกันมีสูงกว่าเดิม บอลที่ขึ้นมาจากกราบและต่อมาจากกลางสนาม จึงดูวูบวาบมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น อีกสาเหตุหนึ่งน่าจะเป็นเพราะฮัลล์ ซิตี้เองก็ไม่ได้วางเกมแพลนเพรสซิ่งเร็วมาสู้กับเราด้วย แต่เหมิอนวางกำลังยืนคุมโซนไล่บอลในโซนกันมากกว่า ตรงนี้อาจเป็นจุดที่ทำให้บอลมันเข้าล็อกของแท็คติคเราโดยบังเอิญ (หรือป๋าทำการบ้านมา) คือพอเขาไม่ไล่มาก ไม่บี้เร็ว การใช้ปาร์ค-เอวร่า / นานี่-ราฟาเอล มาเล่นบอลเร็วต่อจังหวะกับ รูน-เว่น มันจึงทำให้บอลทะลุเข้าในกรอบได้ง่ายกว่าเกมปกติหรือไม่ ตรงนี้ครับที่น่าคิด

ปาร์คนัดนี้อาจจะยังไม่คืนฟอร์มสุดยอดกลับมา ซึ่งนั่นมันก็เกือบปีแล้วสินะ แต่ข้อดีของเขาก็คือยังมีความเร็วอยู่บ้าง และช่วยซ้อนเกมรับของเอวร่าได้ดีพอควร เกมรุกของฮัลล์ทางนี้จึงไม่ค่อยดุดันมากนัก กลับกัน เกมรุกอีกฝั่งที่นำทัพโดยสตีเฟ่น ฮันต์น่ะ สร้างความละเหี่ยใจให้แฟนๆผีอย่างผมเหลือเกิน เมื่อเน้นเจาะราฟาเอลเป็นพิเศษ ฮันต์เองฝีเท้าก็ไม่ได้ขี้เหร่ พาบอลไปกับตัวได้เร็วมากๆ เมื่อเจอกับราฟาเอลที่หาจังหวะเติมสูงบ่อยๆ แล้วนานี่เองก็ไม่ได้ช่วยรับเท่าไหร่นัก ทำให้ฮันต์ทะลุขึ้นมาได้บ่อยๆ เดือดร้อนถึงริโอต้องถ่างออกมาคุมหลายต่อหลายครั้ง แล้วให้เฟล็ทเชอร์หรือสโคลส์ต้องถอยกรูดๆลงมายืนค้ำตรงกลางแทน เฟล็ทเชอร์น่ะโอเค แต่สโคลส์นาทีนี้ แท็คเกิ้ลแต่ละลูกนี่เล่นเอาผมหัวใจจะวายให้ได้

เกมยิ่งเล่นยิ่งตื้อหนักขึ้น แต่คราวนี้แปลกครับ ไม่ใช่การตื้อเหมือนทุกๆครั้งที่เกิดขึ้นเพราะประสานงานเข้าทำจังหวะสุดท้ายไม่ได้ แต่เป็นการตื้อที่เกิดจากความทื่อในจังหวะสับไกครับ โอเว่นนี่ความคมไม่รู้เอาไปฝากแบงก์ไหนไว้ ไม่เอาออกมาใช้ในสนามมั่งเลย สงสัยเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตอนนี้ดอกเบี้ยมันต่ำติดดินแค่ไหนถึงยังคงฝากไว้อยู่ได้ หลายต่อหลายจังหวะที่พี่เว่นได้โอกาสจบสกอร์แบบจะจะชนิดที่ถ้าเป็นยุคเรานุ่งขาสั้นเตะบอลนี่ต้องเรียกว่า เลียปากง้างเท้าสับไก ได้เลย แต่กลายเป็นว่า ทั้งความแรง ทั้งความคม ไม่มาทั้งคู่ครับ และถ้าสังเกตกันจริงๆ รู้สึกจะไม่มาหลายนัดแล้วมั้ง นี่น่าจะเกิดจากการถูกดร็อปบ่อยเกินไป จนส่งผลให้จังหวะตามธรรมชาติของเขามันหายไปด้วย ตรงนี้ก็ค่อนข้างเห็นใจเจ้าตัวพอสมควร เพราะการย้ายมาอยู่กับเราแบบฟรีๆ พร้อมค่าเหนื่อยต่ำติดดิน ทำให้ป๋าเราไม่ต้องกดดันมากนักกับการทิ้งเว่นไว้ข้างสนามบ่อยๆ ในขณะที่เจ้าตัวเองมองว่าการมาอยู่ที่นี่ ก็เหมือนเปิดประตูทีมชาติอีกครั้ง ซึ่งน่าสนใจครับ ว่าสุดท้ายผลลัพธ์มันจะออกมาอย่างไร

พอเป็นอย่างที่บอกไป ว่ายิ่งเล่นยิ่งเหมือนถูกฮัลล์ ซิตี้ ยื้อเวลาและยื้อเกมไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ผมอึดอัด อะไรมันจะทื่อกันขนาดนี้ฟะ โอกาสจ่อๆไม่รู้กี่ครั้งทำม้ายยย ยิงนกตกปลากันหมด แถมพอเข้าครึ่งหลัง จังหวะสวนของฮัลล์เริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆเสียด้วย โดยเฉพาะเมื่อถอดบาร์มบี้ออกแล้วส่งแบร์กนาร์ เมนดี้ ที่ผมมองว่าเป็นตัวจี๊ดของแท้ลงมาแทนนี่แหละ กลายเป็นว่าตอนนี้มีฮันต์เจาะขวา มีเมนดี้เจาะซ้าย ยิ่งทำให้เกมริมเส้นของฮัลล์สวนได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ว่า เฟแกนนั้นพึ่งพาอะไรมากไม่ค่อยได้ในเกมนี้ เพราะถูกคู่เซ็นเตอร์คุมแจตลอดเวลา ไม่มีตัวพักบอลช่วยเลย ต้องทำเอง ชงเอง กินเอง ทุกอย่าง สุดท้าย ฮัลล์ต้องส่ง ชิลาส ลงมาแทน ริชาร์ด การ์เซีย เพื่อเพิ่มโอกาสข้างหน้า ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ โอกาสจบสกอร์ของฮัลล์มีมากขึ้นเรื่อยๆชนิดที่น้าซาร์เริ่มมีออเดอร์เข้ามาถี่ขึ้น

ยูไนเต็ดเปลี่ยนเกมบ้าง โดยส่งกิ๊บสันลงมาแทนสโคลส์ และเบอร์บาตอฟลงมาคุมรูปเกมตรงหน้ากรอบ ถอดเอาเว่นที่วันนี้โชว์ฟอร์มไม่ออกไปเก็บไว้ข้างสนามให้พัก ฮัลล์เปลี่ยนตามมาด้วยเควิน คิลบาน ลงมาแทนโจวานนี่ที่วันนี้ก็เล่นไม่ออกอีกคน เกมช่วงท้ายยูไนเต็ดเริ่มโหมบุกอีกครั้ง โดยเน้นการขึ้นเกมทางนานี่ และการคุมจังหวะของเบอร์บาตอฟ บวกการสอดของรูนี่ย์ เจ้าบ้านโหมเป็นชุดจนมาได้ฟรีคิกหน้ากรอบที่นานี่ซัดตูมโดนมายฮิลล์ปัดชนคานพร้อมๆกับถลาไปชนดอว์สันจนกลิ้งลงไป รูนี่ย์เก็บบอลไปจ่ายคืนมาหน้ากรอบต่อบอลอีกสองสามทอดจนทะลุเข้ามาหารูนี่ย์อีกครั้งก่อนจะกดเต็มข้อพุ่งวาบสวนตัวมายฮิลล์ที่สุดปัญญาจะปัดป้อง ทั้งๆที่ดอว์สันยังนอนกองอยู่กับพื้นหน้าปากประตูตรงนั้น และทำให้ผู้เล่นฮัลล์ค่อนข้างหัวเสียไม่น้อย ซึ่งผมก็คงไม่ขอออกความเห็นอะไรในช็อตนี้ เพราะนักเตะนั้นเล่นไปตามเกมที่กรรมการไม่ได้เป่า แต่ในมุมมองของมารยาทมันก็อีกเรื่องหนึ่ง และไหนจะมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องเจ็บจริงไม่จริงอีกต่างหาก ซึ่งเรื่องทำนองนี้ผมมักเลี่ยงที่จะพูดถึงเพราะมันไม่มีประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนทรรศนะมากนักครับ

หลังจากนั้นก็เหมือนประตูกั้นน้ำแตกครับ ฮัลล์เล่นเหมือนคนที่ต้องการลุยแหลกเพื่อเอาคืน แล้วโดนสวนสวยๆจบสกอร์ได้เรื่อยๆ นานี่หลุดขึ้นมาทางขวา ลากหนีขึ้นไปจนเกือบสุดเส้นก่อนจะครอสมาหน้ากรอบชนิดที่รูนี่ย์ต้องทำเพียงแค่ประคองศีรษะให้ถูกลุกบอลเท่านั้น และรูนี่ย์ก็กลายเป็นแฮตทริคฮีโร่ไปในนาทีที่ 88 นั่นเอง หลังจากนั้นยูไนเต็ดก็เปลี่ยนเอาฟาบิโอลงมาแทนเอวร่า ก่อนจะมาบวกประตูที่สี่ปิดกล่องได้ในช่วงทดเจ็บเมื่อ เบอร์บาตอฟเก็บบอลหน้ากรอบได้ และเปิดใส่พานให้รูนี่ย์อย่างสุดสวย รี่ย์ดึงจังหวะหลอกสองกองหลังฮัลล์ก่อนจะล้มตัวยิงเรียดเสียบโคนเสา ส่งให้ยูไนเต็ดชนะไปด้วยสกอร์ 4:0 ขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงด้วยคะแนนห่างอันดับสองและสามอยู่ที่สองคะแนน และด้วยผลต่างประตูได้-เสีย +34 เท่ากับเชลซี และอาร์เซน่อล

รูปเกมนัดนี้หลายคนอาจจะกลับมาพร่ำเพ้อหลงใหลกับฟอร์มการเล่นของเราได้ง่ายๆ แต่ผมอยากจะเตือนไว้สักนิดก่อนจะเผลอไผลหลงไปกับภาพลวงตาที่ยกระดับขึ้นมาอีกขั้นของเกมๆนี้ ถึงแม้ว่าผมเองอาจจะบอกไปแล้วว่าดีใจมากมายตั้งแต่ต้นกระทู้ แต่เป็นการดีใจกับโอกาสจบสกอร์ที่วันนี้ทำได้ดีถึงแม้หลายครั้งจะสากไปหน่อยก็ตาม กับดีใจที่ฟอร์มโดยรวมมันดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาเยอะ แต่ แต่ แต่ อย่าเพิ่งให้มากนักครับ อย่าลืมว่าฮัลล์ที่ผมพูดถึงเนี่ย วันนี้เขาไม่ได้วางแผนมาเล่นเหมือนๆกับที่ทีมอื่นๆวางแผนมาเล่นในบ้านเรา ฮัลล์เลือกที่จะใช้การคุมโซน โยนกลยุทธ์เพรสซิ่งเร็วทิ้งไป และไม่เห็นหัวการเข้าบอลหนัก ซึ่งสาเหตุจะมาจากอะไรก็แล้วแต่ อาจจะเพราะไม่ถนัด, นักเตะไม่เอื้อ หรืออะไรก็ตามที แต่สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเล่นได้ง่ายขึ้นเยอะครับ ทำให้เราครองเกมกดดันเขาได้เต็มที่ ซึ่งไม่สามารถทำได้กับเกมอื่นๆที่เขาวางเกมมาดีกว่านี้ และนี่ มันจึงไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเอารูปเกมนัดนี้มาอ้างอิงฟอร์มของเราในภาพรวมครับ

แต่ถึงกระนั้น รูปเกมที่ออกมาและผลลัพธ์ในเกิดขึ้นในเกมนี้ มันย่อมส่งผลดีต่อเราหลายๆประการ ไม่ว่าจะเป็นแพสชั่นที่กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกเยอะ, ความมุ่งมั่นที่เกิดผลลัพธ์ที่ดีก็ย่อมก่อให้เกิดความมั่นอกมั่นใจสูงขึ้น, การขึ้นเป็นจ่าฝูงถึงแม้จะชั่วคราวแต่ก็น่าจะทำให้สถานการณ์ของสองทีมที่อยู่ต่ำลงไปนั้น เดือดเนื้อร้อนใจได้บ้างไม่มากก็น้อย มันก็ย่อมดีกว่าปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างปกติสุขข้างบนตารางตั้งเท่าไหร่ ฟอร์มของเจ้าหมูนรกรูนี่ย์ก็ใช่ย่อย สัญชาตญาณเพชฌฆาตของรูนี่ย์เริ่มกลับคืนมาทีละเล็กทีละน้อย หลังจากโรนัลโด้พรากมันไปจากเขาและถีบเขาลงมาเป็นหน้าตัวทำเกมซะสองปี ตอนนี้ รูนี่ย์ถึงจะยังเรียกความเด็ดขาดรุนแรงระห่ำเดือดในจังหวะสับตรีนกลับมาไม่ได้ แต่ตำแหน่งการยืนตามสัญชาตญาณของเขากลับมาแล้ว และการเคลื่อนที่เข้าหน้ากรอบที่แฝงด้วยอันตรายของเขาก็กลับมาแล้ว รวมทั้ง หึหึหึ ความคม

นอกจากนี้แล้ว นานี่ก็เป็นอีกคนที่ควรได้เครดิตไปเต็มๆ จากเว็บสกาย สปอร์ตส์นั้น รูนี่ย์ได้เต็มสิบนะครับ รองลงมาก็เป็นนานี่นี่แหละ ที่ได้เก้าคะแนน นี่คือสิ่งที่บ่งบอกเป็นนัดที่สองติดต่อกันที่เขาได้ลงสนามแล้วว่า นานี่อวตารแล้ว กลายเป็นนานี่ที่ฝืนน้อยลง เข้าใจจังหวะเกมมากขึ้น และเริ่มที่จะเล่นได้ดีขึ้นโดยเฉพาะเมื่อป๋าฟังเสียงเรียกร้องของชาววิพากษ์ที่พร่ำบอกเสมอว่า ให้ป๋าจับบังนี่ยืนขวาก่อนเถอะ เพราะเด็กมันถนัดขวา แถมเด็กมันเพิ่งสับสนกับแนวทางการเล่นตัวเองอยู่เนี่ย ให้มันยืนซ้ายก็เท่ากับเพิ่มพันธนาการมันเข้าไปอีก นอกจากจะยังหาจังหวะตัวเองไม่พบแล้ว ยังต้องมาเล่นทางซ้ายอีกต่างหาก จะบอกให้ตัดเข้ามายิงรึ ก็ตรูยังสับสนสองเด้งอย่างนี้จะทำอะไรถนัดนัก เห็นไหม พอย้ายมาขวาแล้วเล่นไม่ฝืนจังหวะหน่อยเดียว ทำงานได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ผมก็ยังอยากให้รอเจอของจริงก่อนดีกว่า ว่านานี่จะยังคงเล่นได้อย่างนี้อีกไหมนะครับ

วันนี้จะเห็นว่า กองกลางเราไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่คุมเกม ครองเกมตรงกลางให้ได้ ตัดการจ่ายบอลของฮัลล์ ซิตี้ไม่ให้ทะลุจากตรงกลาง ซึ่งเกมนี้บอกตรงๆว่ากลางของฮัลล์นั้น เล่นเบาเกินไป ไม่ได้กดดันสโคลส์และเฟล็ทช์เท่าที่ควรเลย ทำให้ทั้งคู่มีเวลามีพื้นที่ที่จะม้วน จะดึง จะพลิกตัวอยู่ตลอด แถมพลิกกลับมาแล้วพื้นที่ก็ว่างให้หาช่องจ่ายได้อีกเพียบอีกต่างหาก แต่จะบอกว่าฮัลล์เบาเกินไปข้างเดียวก็ใช่ที่ เพราะพอเปลี่ยนสโคลส์เป็นกิ๊บสันก็จบข่าว เกมตรงกลางเรายวบหายไปในพริบตา งานหนักตกอยู่ที่เฟล็ทเชอร์คนเดียว ที่ต้องพล่านทำเกมทั้งรุกและรับ กิ๊บสันลงมากลายเป็นแค่ที่ฝากบอลเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเดินเกมหรือกำกับเกมตรงกลางแต่อย่างใด แถมจังหวะงามๆที่ควรจ่ายให้รูนี่ย์ก็ดันไปชิพไกลข้ามคานไปชนิดรูนี่ย์แทบจะวิ่งกลับมาเบิ๊ดกะโหลก แต่ของอย่างนี้มันก็ต้องอาศัยเวลาให้น้องกิ๊บเขาได้ปรับปรุงตัวด้วยครับ ก็รอกันไป

สิ่งดีๆอีกอย่างก็คือเห็นริโอกลับมาเล่นในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง (มีแอบโชว์เหนือเล็กๆน้อยๆ) การมีริโอคอยอ่านเกมและสั่งการนี่ผมว่าช่วยให้แผงหลังทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะนะครับ หลายคนอาจจะยังสังเกตไม่ละเอียดก็บอกไว้เลยว่า การที่สามารถยืนดักทางบอลจังหวะสุดท้ายได้บ่อยๆ ยืนตำแหน่งถูกที่ถูกเวลา ลูกเตะมุมฟรีคิกสามารถเคลียร์ได้แบบไม่ต้องลุ้นระทึกบ่อยนักก็นี่แหละครับ อานิสงส์จากการมีกองหลังประสบการณ์สูงคอยสั่งการ คอยควบคุมแนว แล้วเห็นไหมครับ น้องแวนส์เองก็มั่นใจขึ้น ยืนตำแหน่งได้ขึ้น (ยกเว้นไอ้ลูกโหม่งลูกนั้นนะ) ไม่เชื่อลองนึกถึงเกมที่เอแวนส์คู่กับบราวน์สิครับ เอ้อเหอ...ดูไม่จืดทีเดียว การอ่านน้ำหนักลูกกลางอากาศงี้ การอ่านทางลูกจ่ายตัดหลังงี้ ยิ่งเวลาถูกเขาลากจี้เข้าใส่นี่บราวน์ยิ่งดูไม่จืดเลยครับ และผมอยากยืนยันจริงๆว่า บราวน์จะดีที่สุด เมื่อยืนฟูลแบ๊คนะ


เริ่มจะดีขึ้นมาบ้างแล้วในตอนนี้ แล้วเรามาลุ้นกันนะครับ


สงบใจ




 

Create Date : 25 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 25 มกราคม 2553 11:06:49 น.
Counter : 541 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.