happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๔๕





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









ขอเชิญร่วมบุญในกองทุน สร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล
งบประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท ขณะนี้มียอดบริจาค เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๓๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามสิบสี่ล้านบาท)

ร่วมบุญสร้าง “พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)” เพื่อบูชาธรรมองค์หลวงตา และสร้างปูชนียสถานเป็นถาวรวัตถุ ให้ลูกหลานได้สักการะบูชากราบไหว้สืบไป


(ใช้ชื่อบัญชีต่างกัน)

ชื่อบัญชี “ร่วมสร้างเจดีย์ถวายหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน” เป็นบัญชีออมทรัพย์ทั้งหมด

๑. ธนาคาร กสิกรไทย สำนักงานสาขาอุดรธานี

เลขที่บัญชี 110-2-33344-4

๒. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า (อุดรธานี ไม่เสียค่าโอน)

เลขที่บัญชี 859-223576-1

๓. ธนาคาร กรุงเทพ สาขาอุดรธานี

เลขที่บัญชี 284-7-38388-8

๔. ธนาคาร กรุงไทย สาขาอุดรธานี

เลขที่บัญชี 401-3-13864-6

๕. ธนาคาร กรุงไทย สาขาตลาดหนองบัว

เลขที่บัญชี 426-0-35998-3

๖. ธนาคาร กรุงเทพ สาขาเอกมัย

เลขที่บัญชี 063-0-30191-9

๗. ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเอกมัย

เลขที่บัญชี 059-2-63333-9

๘. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาเอกมัย (ไม่เสียค่าโอน)

เลขที่บัญชี 078-233067-4


ชื่อบัญชี “กองทุนสร้างเจดีย์พระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน” เป็นบัญชีออมทรัพย์ทุกบัญชี


หมายเหตุ :

ท่านผู้ใดต้องการให้ออกใบอนุโมทนาบัตรของวัดป่าบ้านตาด ให้ส่งรายละเอียดการโอนพร้อมที่อยู่ติดต่อได้ มาที่ สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ๓o๙/๑ ม.๑ ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ๔๑ooo

โทร. o๔๒-๒๑๔๑๑๔ (แฟกซ์) o๔๒-๒๑๔๑๑๕

Email: sbttvfm@hotmail.com

sbt_radio@hotmail.com


บัญชีร่วมสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ถวายองค์หลวงตาชื่อบัญชี “มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ หลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด” เป็นบัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า เลขที่บัญชี 229-0-98333-3

ส่งแบบฟอร์มพร้อมสำเนาการโอนเงินมาที่ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
๕๔ ถนนกำแพงเพชร ๖ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑o๒๑o

(เพื่อดำเนินการจัดส่งใบเสร็จรับเงิน นำไปลดหย่อนภาษีได้)



















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














เว็บไซต์ "วิศิษฏศิลปิน"
wisithsilapin.org



มูลนิธิหอศิลปะแห่งรัชกาลที่ ๙ โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการ นำโดย ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์, คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา, ศิวะพร ทรรทรานนท์, เสริมคุณ คุณาวงศ์ ร่วมกันเปิดตัว โครงการเว็บไซต์ "วิศิษฏศิลปิน" ขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๙ ณ ห้อง ออดิทอเรียม ชั้น ๕ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ในโอกาสมหามงคลทรงเจริญ พระชนมายุ ๕ รอบ ในปี ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา

โดยโครงการ "วิศิษฏศิลปิน" เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของ Social Media ในการเปิดตัวเว็บไซต์ wisithsilapin.org ที่รวบรวมศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ พระราชนิพนธ์ บทเพลงพระราชนิพนธ์ทุกแขนงของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไว้อย่างครบถ้วนที่สุดบนเครือข่ายอินเตอร์เนต และไฮไลท์ของเว็บไซต์ยังเป็นแหล่งรวมพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ที่มากที่สุด รวมถึงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ตั้งแต่ปีประสูติ จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๔๙๘-พ.ศ. ๒๕๕๘) โดยเชื่อมโยงไปกับการบอกเล่าเหตุการณ์ร่วมสมัยสำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและทั่วโลก ตลอดทั้ง ๖o ปีด้วยคลิปวีดีโอและคลิปเสียง ที่ตื่นตาตื่นใจ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองประธานกรรมการ เผยถึงแนวคิดการสร้างเว็บไซต์ วิศิษฏศิลปิน ว่า

"ทางมูลนิธิหอศิลปะแห่ง รัชกาลที่ ๙ ได้ผลิตเว็บไซต์ วิศิษฏศิลปิน เพื่อเข้าร่วมในโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยได้รับพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญตรา สัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ประดับในโครงการ เรามีแนวคิดที่จะรวบรวมความเป็น วิศิษฏศิลปินของพระองค์มาอยู่บนเว็บไซต์ ใช้เวลารวบรวมข้อมูลและจัดทำประมาณ ๑ ปี เราอยากให้ดูจริง ๆ เรียกว่าครบทุกมุมขององค์หญิงพระองค์นี้ พระราชประวัติเองก็น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว ผลงาน ที่ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงก็ดี ๆ เยอะมาก กลอน ที่ทรงแต่งก็กลายเป็นเนื้อเพลงดัง อาทิ ส้มตำ, ดุจบิดามารดรฯ มีอีกหลายเพลงเลยที่เมื่อ ดูแล้วถึงได้รู้ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแต่งของพวกนี้ แง่มุม พวกนี้ มันทำให้คนอยากเห็นอยากรู้มากขึ้น ท่าน มีจุดให้คนรักเยอะสร้างผลงานให้แก่ประเทศ ชาติเยอะแยะ ไม่เสียเวลาเลยถ้าจะกดเข้าไปดู แล้วจะชอบใจ อยากให้คนไทยทุกคนรู้ว่า มีของดีให้ดู มีของดีให้ชื่นชม มีของดีให้เกิดความรัก ศรัทธาและปีติขึ้นได้"

ขอบเขตของเนื้อหาในเว็บไซต์ "วิศิษฏศิลปิน" ที่ถูกเปิดตัวในงานแถลงข่าว แบ่งออกเป็น ๕ ส่วน ตั้งแต่ส่วนของ Timeline พระราชประวัติ เริ่มจากปีแรก ประสูติจนถึงปัจจุบันและเชื่อมโยงสู่ เหตุการณ์ สำคัญ ๆ ของโลกตลอดทั้ง ๖o ปี พระราชกรณียกิจ ที่ทรงสืบสาน, ทัศนศิลป์ รวบรวมศิลปกรรม ฝีพระหัตถ์ จิตรกรรม, ศิลปะภาพถ่าย, เครื่องปั้น ดินเผา, วรรณศิลป์ รวบรวมบทประพันธ์กว่า ร้อยเล่มที่ท่านทรงประพันธ์ไว้, คีตศิลป์ รวบรวม บทเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ทุกเพลง

"วิศิษฏศิลปิน" ถ้าแปลตามศัพท์จะแปลได้ว่า ผู้ที่ทรงเป็นเลิศทางศิลปะ ทรงเป็นปราชญ์ทางวัฒนธรรม และผู้มีคุณูปการต่องานศิลปะและวัฒนธรรม ทำให้เว็บไซต์ wisithsilapin.org ไม่ใช่แค่แหล่งรวบรวมพระอัจฉริยภาพในหลายสาขาของ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ เพียงอย่างเดียวแต่ยังเป็นแหล่งการเรียนรู้สำคัญของคนไทยจากปราชญ์ที่เป็น...เจ้าหญิงของประเทศนี้











ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
manager.co.th














นิทรรศการภาพวาดสีน้ำ ๔ สายน้ำ



ผลงานภาพวาดสีน้ำกว่า ๖o ภาพ ที่ยังไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อน ของ ๔ ศิลปิน ได้แก่ นำชัย แสนสุภา, พีระ โภคทวี, ดิเรก กิ่งนอก และ ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์ ผู้ต่างมีแนวทางฝีแปรงแตกต่างกันแต่รักในการเขียนภาพสีน้ำเหมือนกัน กำลังจัดแสดงให้ชมพร้อมกันผ่าน นิทรรศการภายใต้ชื่อ ๔ สายน้ำ ( 4 Flows Watercolor painting exhibition )

เพราะเมื่อพวกเขารวมตัวกันเป็นดั่งสายน้ำที่ไหลลื่นมาบรรจบกันอย่างมีเอกลักษณ์กลมเกลียว ผลงานเปี่ยมด้วยอรรถรสหลากหลาย ทั้งภาพทิวทัศน์ท้องนา ภาพชีวิตเมือง ภาพสถาปัตยกรรมไทย และภาพเขียนคนเหมือน

ก่อนไปชมนิทรรศการ รู้จักศิลปินแต่ละคนให้มากขึ้นผ่านส่วนหนึ่งของคำนิยมที่ จิก - ประภาส ชลศรานนท์ เขียนถึงศิลปินแต่ละคน

ดิเรก มีผลงานและชื่อเสียงกว้างขวางเป็นที่ยอมรับไปถึงต่างแดน เขาเปิดแสดงงานมามากมาย มีผลงานขึ้นปกนิตยสารสีน้ำระดับโลกมาก็ไม่น้อย หลังจากเรียนจบดิเรกก็ผนึกชีวิตตัวเองเป็นเนื้อเดียวกันกับสีน้ำ ไม่ยอมประกอบอาชีพอื่นใด คนที่เคยดูงานของดิเรกก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งานของเขาเป็นงานสีน้ำที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ความใสและความแม่นยำในเชิงสีน้ำของเขา ทำให้คนดูรูปได้เห็นไปถึงการเคลื่อนไหวของแสง ของลม และของผู้คนในภาพอย่างน่าอัศจรรย์ ทุกครั้งที่ดูรูปเขียนของดิเรก ผมจะรู้สึกเสมอว่าบรรยากาศและเรื่องราวชีวิตในรูปมันดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างมีชีวิต และกำลังดำเนินต่อไปในม่านน้ำและสีสันที่ดิเรกสร้างขึ้นเสมอ

นำชัย เป็นคนเขียนสีน้ำรูปชีวิตชาวนาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา เขาใช้ฝีแปรงไม่มากนักตามขนบของสีน้ำ ความฉับไวในการลงสีและความเข้าใจในชีวิตกลางท้องทุ่งของเขาทำให้คนดูรูปสามารถจินตนาการไปได้ไกล บางทีอาจไกลไปถึงได้กลิ่นของดินและกลิ่นของรวงข้าวที่ลอยมาเตะจมูกราวกับได้ยืนอยู่ข้างคันนาตรงนั้น การเขียนน้อย ๆ ของเขา ทำให้คนดูกระเจิดกระเจิงถึงขั้นได้ยินเสียงปลาดุกดีดดิ้นในน้ำที่เอ่อขังอยู่ในรูป ความลึกซึ้งในวิถีชีวิตในรูปเป็นสิ่งสำคัญของศิลปิน ฝีมือและอะไรสักอย่างในตัวของนำชัยทำให้หลายครั้งผมมองเห็นไปถึงกล้ามเนื้ออันผอมเกร็งแต่แข็งแรงของชาวนาที่กำลังดำนาอยู่ แม้จะมาจากเส้นพู่กันที่จุ่มสีไม่กี่เส้นที่ซึมผ่านน้ำในกระดาษนั้นอย่างฉับพลัน

พีระ ศิลปินนักเขียนภาพคนที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เขาใช้คุณสมบัติพิเศษของน้ำที่มีทั้งความใสและความพร่าเบลอเล่าเรื่องคนที่เขาวาดได้อย่างน่าทึ่ง เขาไม่ใช่นักวาดรูปประเภทที่คนดูรูปต้องอุทานว่าเหมือนเปี๊ยบ วงหน้าและแววตาของคนที่พีระวาดมักจะมีเสน่ห์มากกว่าแค่รูปเหมือนรูปหนึ่ง ร่องรอยพู่กันและน้ำหนักของสีเจือน้ำในรูปของเขาสร้างเรื่องราวในความรู้สึกให้คนดูรูปรู้จักคน ๆ นั้นในอีกมิติหนึ่ง ที่ไม่ใช่แค่ดูรูปเหมือนธรรมดา ๆ ม่านหมอกบาง ๆ ที่ผ่านเงามืดในรูปของเขาสามารถสร้างความรู้สึกที่เป็นทั้งสะพานและกำแพงระหว่างคนในรูปและคนดูรูปอย่างน่าสนเท่ห์

ศุภวัฒน์ เป็นศิลปินที่เขียนรูปสนุก สนุกทั้งลีลาตอนวาดและสนุกทั้งรูปที่เขาวาดเสร็จแล้ว อาจจะเป็นด้วยเขาเคยผ่านงานการเป็นศิลปินนักแสดงมาก่อนทำให้เขาเชื่อมโยงเอาศิลปะสองประเภทมาไว้ด้วยกันได้ ศุภวัฒน์เป็นศิลปินที่วาดวัดวาอารามได้แม่นยำมากที่สุดคนหนึ่งในเชิงสีน้ำ วิชาสถาปัตยกรรมไทยที่เขาเล่าเรียนมาจนเป็นถึงครูบาอาจารย์ ทำให้ช่อฟ้าใบระกาที่เขาสร้างขึ้นมาบนกระดาษด้วยการป้ายสีไม่กี่ทีเป็นวัดอย่างสวยงามที่มีสัดส่วนถูกต้องจริง ๆ ความน่าสนใจของรูปวัดวาที่ศุภวัฒน์วาดในความรู้สึกของผมก็คือ รูปของเขาเป็นรูปที่ดูสนุก วัดในรูปเมื่อดูแล้วจะรู้สึกถึงความรุ่งเรือง คึกคักและเจิดจ้า อารามในรูปของเขาจะไม่รู้สึกถึงความเชยหรือความเก่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในงานของศุภวัฒน์เสมอ

นิทรรศการ ๔ สายน้ำ( 4 Flows Watercolor painting exhibition ) โดย ๔ ศิลปิน ได้แก่ นำชัย แสนสุภา, พีระ โภคทวี, ดิเรก กิ่งนอก, ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์

พร้อมการจัดแสดงผลงานของศิลปินรับเชิญ ๔ ท่าน ได้แก่ ทองสุข สวัสดิ์นที, สุกิจ ศุกระกาญจน์, บุญกว้าง นนท์เจริญ และ สุวิทย์ ใจป้อม

เปิดแสดงระหว่างวันที่ ๒๖ มกราคม - ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ ห้องนิทรรศการ ๑ ห้อง ๑ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พิธีเปิดนิทรรศการ: ๓o มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๗.๓o น.)

นอกจากนี้เชิญผู้ที่สนใจชม สาธิตวาดภาพสีน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ ตามวันและเวลา ดังต่อไปนี้ โดยในแต่ละวันจะมีศิลปิน ๒ ท่านร่วมสาธิตวาดภาพให้ชมพร้อมกัน

วันอาทิตย์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๔.oo-๑๗.oo น. วิทยากร พีระ โภคทวี และ ดิเรก กิ่งนอก

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๔.oo-๑๗.oo น. วิทยากร นำชัย แสนสุภา และ ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์



























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














สำรวจ "พื้นที่ศิลปะ" ซ่อนตัวใน ๓ ศูนย์การค้า



มีคนที่ชอบไปเดินศูนย์การค้า แต่ไม่ใช่ขาประจำชมงานศิลปะเสียทีเดียว สอบถามมาว่ามี พื้นที่ทางศิลปะ (Art Space) หรือ บริการทางด้านศิลปะ (Art Service) อยู่ตรงจุดไหนให้คนที่ชอบเดินซื้อของตามศูนย์การค้าสามารถแวะเวียนไปได้บ้าง

สัปดาห์ที่ผ่านมา ART EYE VIEW ไปสำรวจศูนย์การค้าใหญ่ ๓ แห่ง บนเส้นทางรถไฟฟ้า BTS ได้แก่ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ( EmQuartier) ,เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ( Central Embassy ) และ เกษร พลาซ่า (Gaysorn Plaza) จึงรวบรวมมาให้สำหรับผู้ที่อยากแวะเวียนไปชมงานศิลปะหรือใช้บริการ

บางพื้นที่เพิ่งเปิดบริการมาเมื่อไม่นาน ขณะที่บางพื้นที่กำลังจะปิดตัวลงเร็ว ๆ นี้ ตามสภาพเศรษฐกิจ ทว่าที่ผ่านมามีผลงานศิลปะของศิลปินระดับคุณภาพทั้งไทยและต่างชาติมาให้ชมอย่างต่อเนื่อง










YELLOWKORNER บริการด้านภาพถ่าย ผลงานช่างภาพจากทั่วโลก

ราว ๙ เดือนแล้วที่ YELLOWKORNER ร้านให้บริการด้านภาพถ่าย ผลงานของช่างภาพจากทั่วโลก ซึ่งมีมากกว่า ๘o สาขาในหลายประเทศ และมีสาขาใหญ่อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้มาเปิดกิจการ เป็นสาขาแรกในประเทศไทย ณ ชั้น ๔ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์

ลูกค้าของทางร้าน ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าที่หันมาสนใจสะสมผลงานภาพถ่าย และอีกส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าที่มองหาภาพถ่ายสวย ๆ ไปตกแต่งบ้าน

เนื่องจากบริการที่ทางร้านมีให้กับลูกค้าคือ ภาพถ่ายหลากหลายแนว ทั้งแนวธรรมชาติ ทิวทัศน์ คนดัง ฯลฯ กว่า ๒,ooo รายการ ผลงานของช่างภาพกว่า ๒oo คนจากทั่วโลก ซึ่งถูกคัดเลือกให้มาอยู่ในแคตตาล็อกภาพถ่ายเพื่อจำหน่ายของ YELLOWKORNER

ทั้งภาพถ่ายประเภทที่ช่างภาพเจ้าของผลงานอนุญาตให้พิมพ์จำหน่ายได้ไม่จำกัดจำนวน และภาพถ่ายที่พิมพ์จำกัดจำนวนเพียง ๕o ภาพ ทั่วโลก, ๑oo ภาพ ทั่วโลก, ๒oo ภาพ ทั่วโลก และ ๕oo ภาพ ทั่วโลก โดยลูกค้าสามารถเลือกขนาดได้ตามความต้องการ รวมทั้งถ้าต้องการใส่กรอบ ในราคาเริ่มต้นที่ ๑,๙๙o - ๓๒๕,ooo บาท






Joe Chan ชาวฮ่องกง ซึ่งรับหน้าที่เป็น ผู้จัดการร้าน YELLOWKORNER ประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันภาพถ่ายที่อยู่ในแคตตาล็อกของYELLOWKORNER ส่วนใหญ่ยังเป็นผลงานภาพถ่ายของช่างภาพในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา แต่ที่ผ่านมาYELLOWKORNER ได้มีการเปิดโอกาสให้ช่างภาพทั่วโลกนำเสนอผลงานของตัวเองเพื่อการคัดเลือกมาโดยตลอด รวมถึงช่างภาพในประเทศไทย

และปัจจุบัน คิด - คณชัย เบญจรงคกุล (ทายาทของเจ้าสัว บุญชัย เบญจรงคกุล ) เป็นช่างภาพชาวไทยเพียงรายเดียวที่มีผลงานอยู่ในแคตตาล็อกของ YELLOWKORNER ซึ่งที่ผ่านมาหนุ่มคิดได้เพียรพยายามส่งผลงานไปให้พิจารณาคัดเลือกหลายครั้ง กระทั่งผ่านการคัดเลือก และภาพถ่ายของเขาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวรัสเซีย

“ร้านเราเป็น One Stop Service ถ้าคุณเป็นนักสะสม ต้องการภาพถ่าย limited editionหรือ ถ้าคุณอยากตกแต่งบ้าน เราก็มีภาพที่สามารถแนะนำให้ได้

เรามีภาพถ่ายกว่า ๒,ooo รายการอยู่ในแคตตาล็อก แต่เราไม่สามารถนำทุกภาพมาโชว์ให้ชมได้ เนื่องจากร้านเราในประเทศไทยเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ถ้าลูกค้าคนไหนต้องการภาพถ่าย นอกเหนือจากที่โชว์ในร้าน เราสามารถสั่งจากแคตตาล็อกที่ฝรั่งเศสให้ได้”










HARDCOVER เป็นมากกว่าร้านหนังสือศิลปะ

นอกจากจะมีสาขาแรกตั้งอยู่ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร(BACC) ปัจจุบันร้านขายหนังสือศิลปะอย่าง HARDCOVER ยังมีสาขาที่ ๒ ตั้งอยู่ที่ ชั้น ๔ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และสาขาในชื่อ Editions ที่ท่ามหาราช

แม้จะเน้นขายหนังสือศิลปะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือภาพถ่าย ภาพวาด ศิลปะสมัยใหม่ ศิลปินระดับโลก ศิลปะทางด้านศาสนา สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ ฯลฯ

แต่สิ่งที่ร้าน HARDCOVER สาขาที่ ๒ แตกต่างจากสาขาแรกคือการมีพื้นที่เล็ก ๆ ไว้สำหรับแสดงผลงานศิลปะ ในชื่อ เซรินเดีย แกลเลอรี่ แอนเนกซ์ เนื่องจาก เชน สุวิกะปกรณ์กุล เจ้าของ HARDCOVER คือผู้ก่อตั้ง เซรินเดีย แกลเลอรี่ ณ ศูนย์การค้า โอพี การ์เด้น ถ.เจริญกรุง ๓๖ ดังนั้นแกลเลอรี่เล็ก ๆ ในร้านหนังสือบนศูนย์การค้าแห่งนี้จึงเป็นเสมือนแกลเลอรี่สาขาของ เซรินเดีย แกลเลอรี่ ณ ศูนย์การค้า โอพี การ์เด้น นั่นเอง










“นอกจากร้านจะขายหนังสือศิลปะจากทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ ๙o เปอร์เซ็นต์เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ในส่วนของแกลเลอรี่เรายังมีงานศิลปะหมุนเวียนมาให้ชมทุก ๑-๒ เดือน

และบางครั้งก็เป็นนิทรรศการศิลปะที่เกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ที่เรานำมาวางขายในร้าน ตัวอย่างเช่น นิทรรศการแสดงผลงานภาพถ่ายของ Sam Polcer ช่างภาพและผู้เขียนหนังสือ NEW YORK BIKE STYLE และนิทรรศการศิลปะของคุณ พลอย จริยเวช ตอนที่เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ Morning Journey Zine 2” เก๋ - สุดาพร เอกสรกุล ผู้จัดการร้าน HARDCOVER กล่าว

นอกจากนี้บริเวณชั้นเดียวกัน ถัดไปไม่ไกลจากร้านหนังสือ ยังมี GOOD DESIGN STORE ร้านจำหน่ายและจัดแสดงผลงานออกแบบของศิลปินไทยและญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัล Good Design Award ของประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวขึ้นเมื่อไม่นานด้วย

ซึ่งก็ถือเป็นอีกพื้นที่ให้แรงบันดาลใจทางด้านงานออกแบบ ที่ 'เชน' เจ้าของ HARDCOVER ได้ร่วมกับองค์กรของประเทศญี่ปุ่น ผลักดันให้เกิดขึ้น










ขณะที่พื้นที่หลัก บริเวณ ชั้น G ของศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี บางวาระโอกาส ละลานตา ไฟน์อาร์ต ร่วมกับศูนย์การค้าฯ นำผลงานศิลปะ มาจัดแสดงตามวาระโอกาส ตัวอย่างนิทรรศการที่ผาสน ที่ผ่านมาเช่น นิทรรศการแสดงภาพถ่าย ปลากัด ผลงานของช่างภาพชื่อดัง วิศรุต อังคทะวานิช และล่าสุด นิทรรศการ Japanese Contemporary Art Show










G1 CONTEMPORARY พื้นที่ของศิลปะร่วมสมัย

เมื่อแรกเปิดตัว ต้องการให้เป็นจุดนัดพบ ระหว่างศิลปิน ผลงานศิลปะ และนักสะสม G1 CONTEMPORARY แกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย บริเวณชั้น G ของศูนย์การค้า เกษร พลาซ่า และ คัดสรรผลงานมาจัดแสดงโดยทีมภัณฑารักษ์ของ H GALLERY แกลเลอรี่ซึ่งมีสาขาหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า หลังจากที่มีผลงานศิลปะของศิลปินไทยและนานาชาติ มาจัดแสดงให้ชมหลายนิทรรศการ อาทิ สมบูรณ์ หอมเทียนทอง,เด่นพงษ์ วงศาโรจน์,somneuk huangtanapan และ Will Klose เป็นที่น่าเสียดายว่า ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ นี้ แกลเลอรี่แห่งนี้ก็ถึงเวลาที่จะปิดตัวลงเสียแล้ว

อย่างไรก็ตามระหว่างเฝ้าดูว่าจะมีอะไรมาทดแทนพื้นที่เดิม บริเวณชั้น L ของ ศูนย์การค้าเกษร ยังถือเป็นพื้นที่ที่มีนิทรรศการศิลปะ ของศิลปินและบุคคลที่มีชื่อเสียง หมุนเวียนมาให้ชมอยู่เรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่นนิทรรศการล่าสุด GOH-M Buddha Bless - Solo Exhibition and Installation ของ โก๋เอ็ม- กิตติพงษ์ คำศาสตร์ สมาชิกวงดนตรีบุดดาเบลส และศิลปินกราฟิตี้ ผู้มีหัวใจรักสัตว์











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














โชว์ศิลปะการตัดกระดาษเทพเจ้าจีนสุดอลังการ



ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต สุดยอดซูเปอร์ รีจินัลมอลล์แห่งเซ้าท์อีสท์เอเชีย จัดงานฉลองตรุษจีนปีวอกอย่างยิ่งใหญ่ กับการจัดแสดง “ผลงานศิลปะตัดกระดาษจีนด้วยมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก” รูปเทพเจ้า ๒ องค์ ในชื่อ “Two Chinese Saints” โดยฝีมือ ๒ ศิลปินชาวจีน เกา เสี่ยวตง และเหยียน ฟาง ซึ่งได้รับการรับรองจาก กินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด สำนักงานใหญ่ และจากสมาคมเวิลด์ เรคคอร์ด ว่าเป็นงานศิลปะการตัดกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่ากว่า ๒๕ ล้านบาท เปิดให้ได้ชื่นชมผลงานทรงคุณค่าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ ๓-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต


ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตรุษจีนปี ๒๕๕๙ นี้ ทางซีพีเอ็นขอตอบแทนลูกค้าด้วยการนำผลงานศิลปะตัดกระดาษจีนด้วยมือที่ใหญ่ที่สุดในโลกของศิลปินชาวจีน เกา เสี่ยวตง และ เหยียน ฟาง ที่รับรองได้ว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ด้วยขนาดความสูง ๑๗.๕๘ เมตร และ ยาว ๒๖.๓๘ เมตร หรือมีความใหญ่ประมาณสนามบาสเกตบอล จึงทำให้ผลงานดังกล่าวมีความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตาเมื่อได้ทัศนาในครั้งแรก เป็นการแสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ของศิลปะการตัดกระดาษของชาวจีนและวัฒนธรรมจีน ทุกรายละเอียดของภาพล้วนมีความหมาย ซึ่งงานนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้แคมเปญ THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2016 ของซีพีเอ็น





สองศิลปินชาวจีน เกา เสี่ยวตง และ เหยียน ฟาง



เกา เสี่ยวตง และ เหยียน ฟาง กล่าวถึงเหตุผลในการสร้างสรรค์ผลงาน “Two Chinese Saints” ว่า เราต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่ได้รับการบันทึกในกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด และทำให้โลกได้รับรู้ว่าการตัดกระดาษแบบดั้งเดิมของจีนนั้นยิ่งใหญ่และมีคุณค่าสื่อความหมายถึงแนวความเชื่อต่าง ๆ ของคนจีนไม่ว่าจะเป็นตำนานของเทพเจ้ากวนอู ความกตัญญูต่อบิดามารดาและบรรพบุรุษ รวมถึงความเชื่อในลัทธิปรัชญาขงจื๊อซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาคุณภาพเชิงวัฒนธรรมของเมืองต่าง ๆ และส่งเสริมด้านวัฒนธรรมโดยองค์รวม ผลงานชิ้นนี้ยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจีนในเวทีโลกอีกด้วย


สำหรับแนวความคิดหลักของผลงาน “Two Chinese Saints” เกา เสี่ยวตง และ เหยียน ฟาง ให้เทพเจ้าจีน ๒ องค์ เป็นตัวละครหลักของภาพในการเล่าเรื่อง ซึ่งผลงานนี้ไม่ได้เพียงแค่ช่วยสืบสานและเผยแผ่คุณธรรมดั้งเดิมของชาวจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ของศิลปะการตัดกระดาษแบบพื้นบ้านที่งดงามอีกด้วยโดยพื้นหลังของภาพเป็นรูปกำแพงเมืองจีน ซึ่งหมายถึงการตกผลึกทางความคิดของบรรพบุรุษแดนมังกร ทั้งในด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ภูมิปัญญา อัตลักษณ์ ความภาคภูมิใจ และสัญลักษณ์ของความเป็นชาติ ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและความอุตสาหะของคนจีนในสมัยโบราณในการก่อสร้างสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโลก นอกจากนี้ยังมีการนำหอคอยส่งสัญญาณจำนวน ๕ หอคอยมาเป็นพื้นหลังแทนสัญลักษณ์ของอารยธรรมและการพัฒนาของชนชาติจีนที่มีมายาวนานกว่า ๕,ooo ปี





ผลงาน สองเทพเจ้าแห่งโลกตะวันออก



ขนาดของภาพทั้งหมดมีความยาวประมาณ ๘๘ เมตร สื่อถึงประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีสภาพภูมิอากาศที่สดใส มังกรทั้ง ๕๖ ตัว เป็นสัญลักษณ์ของ ๕๖ ชนเผ่าเชื้อสายมังกรบนแผ่นดินจีนมุมทั้ง ๔ ของภาพตกแต่งด้วยมังกรจำนวน ๔ ตัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเอกภาพ, ความสามัคคีปรองดอง และการรวมประเทศ นอกจากนี้ยังมีลายลูกไม้ลวดลายแบบดั้งเดิมเพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งมากว่าหนึ่งหมื่นปี นอกจากนี้รอบ ๆ ของภาพยังประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงทิวทัศน์ที่สะท้อนความเป็นจีนแนวคิดเกี่ยวกับตัวเลขที่แฝงไว้ในภาพ ได้แก่ จำนวนของดวงอาทิตย์ ๑ ดวง, นักปราชญ์ ๒ ท่าน, ต้นไม้ ๓ ต้น, มังกร ๔ ตัว, หอส่งสัญญาณ ๕ ยอด, นกพิราบ ๖ ตัว, การจัดวางองค์ประกอบ ๗ ชั้นและลวดลายของขอบที่มีความยาว ๘๘ เมตร ทั้งหมดนี้หมายถึง ความต่อเนื่องที่ไม่มีที่สิ้นสุดและแสดงถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของชาวจีน และบนผลงานมีตัวอักษรจีนที่จารึกไว้ว่า “Two Chinese Saints reflecting the Oriental (สองเทพเจ้าแห่งโลกตะวันออก)” โดย หู เสี่ยวเว่ย อดีตปรมาจารย์จาก Chinese Academy of Social Sciences คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมของเทพเจ้ากวนอูและ Mr.Song Caoren หนึ่งในสิบปรมาจารย์การวาดภาพแนวร่วมสมัยและการเขียนตัวอักษรจีนที่ได้สมญานามว่า จิตรกรเอกคนที่ ๙ แห่งเมืองหยางโจว


สำหรับผลงานการตัดกระดาษแบบดั้งเดิมขนาดใหญ่นี้ ใช้กระดาษสีขาวถึง ๑,๒oo แผ่น และกระดาษสีแดง ๖oo แผ่น ใช้กระดาษเพื่อเป็นฐานยาว ๕oo เมตร ใช้วัสดุเพื่อคลุมผิวหน้าผลงาน ยาว ๖๕o เมตร โดยใช้เวลาในการสร้างสรรค์งานนานกว่า ๑๕ เดือน แต่โดยรวมแล้วใช้ระยะเวลายาวนานถึง ๕ ปี นับตั้งแต่แนวคิดการออกแบบ การตัด การตกแต่ง และยังผ่านกระบวนการต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนกว่า ๑o ขั้นตอน จนไปสู่ความสำเร็จจากการได้รับการประกาศของกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด ว่ามีความสูง ๑๗.๕๘ เมตร และยาว ๒๖.๓๘ เมตร มีพื้นที่รวม ๔๕๖.๕๖ ตารางเมตร และปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง ๒๕ ล้านบาท



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














โครงการ ประกวดจิตรกรรมเอเซีย พลัส ครั้งที่ 6



จัดต่อเนื่องเป็น เวลา ๕ ปี ล่าสุดเดินหน้าจัดประกวดจิตรกรรมเอเซีย พลัส ครั้งที่ ๖ โดยบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เชิญชวนศิลปินรุ่นใหม่ ทั่วประเทศ ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจ เข้าร่วมการประกวดเปิดโครงการ ประกวดจิตรกรรมเอเซีย พลัส ครั้งที่ ๖ (Asia Plus Art Contest) ภายใต้แนวคิด “เฉิดฉายประกายแดด” ขึ้น ทั้งนี้ได้จัดให้มีการแถลงข่าวขึ้น โดยมี ศ.อิทธิพล ตั้งโฉลก, อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ ร่วมงาน เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ที่ผ่านมา ณ ห้องแกลเลอรี่ ชั้น ๑๑ อาคารสาทรซิตี้ ทาวเวอร์

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงจุดเด่นของการประกวดครั้งนี้ว่า“ปีนี้ทางคณะกรรมการจัดงาน อยากให้ผลงานที่เข้าประกวดดูแปลกตา มีสีสันสดใสกว่าทุก ๆ ปี เพราะเรามองจากการชิ้นงานที่ถูกส่งเข้ามาประกวดในปีที่ผ่าน ๆ มาส่วนใหญ่เป็นโทนสีเคร่งขรึม ปีนี้เลยอยากให้ภาพที่เข้าประกวดมันโดดออกมาจากทุกปี โดยใช้แนวคิด “เฉิดฉายประกายแดด” มาเป็นโจทย์ในการแข่งขัน เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อน มีความโดดเด่นเรื่องแสงแดดและความร้อนจากแสงพระอาทิตย์เป็นเอกลักษณ์ของประเทศอยู่แล้ว ก็อยากให้ผู้เข้าแข่งขันได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และถ่ายทอดความนึกคิดที่มีต่อแสงแดดเจิดจ้าในประเทศไทย ผ่านผลงานภาพจิตรกรรมที่จะเข้าประกวดในครั้งนี้ ผมคิดว่าจะทำให้เวทีการแข่งขันในปีนี้ร้อนแรงกว่าทุกปี”

ส่วนทางด้าน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ในฐานะ กรรมการตัดสิน ให้ความคิดเกี่ยวกับการประกวดจิตรกรรมในครั้งนี้อย่างน่าสนใจว่า “ที่ผ่านมา ผลงานชนะเลิศ มีลักษณะที่ซ้ำ ๆ งานแนวเพ้อฝันอารมณ์มืดครึ้ม แต่ครั้งนี้ในการจัดประกวดเราอยากให้ศิลปินหันกลับมามองตัวเอง คิดรู้สึกจากสิ่งรอบตัว เรื่องแดดมันเป็นความสว่างไสวของทางเอเชียเรา เราไม่ค่อยเขียนรูปสีแสงในแดดที่ชัดเจน โจทย์ครั้งนี้มันอาจเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้เห็นงานใหม่ ๆ เห็นเงาแดดที่ตกลงในผืนน้ำ เงาแดดที่ตกลงในเมือง บนตึก สะท้อนความเป็นเมืองที่มีพระอาทิตย์ ความเป็นเมืองร้อน บรรยากาศของเอเชีย ความแรงของแดด สีสันของแดด ซึ่งมันน่าอัศจรรย์”

และในปีนี้จิตรกรรมเอเซีย พลัส ยังได้นำโลโก้ การประกวดอย่างเป็นทางการมาใช้เป็นครั้งแรก โดยณินทิรา โสภณพนิช กรรมการเอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) เผยว่า โครงการจิตรกรรมเอเซีย พลัส จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ ๖ และด้วยปณิธานของบริษัทเราจะสานต่อกิจกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ ดังนั้นทางทีมงานจึงมีการออกแบบโลโก้ที่มีการผสมผสานโลโก้บริษัท และเส้นสายปลายพู่กันขึ้น มีลักษณะคล้ายเลข ๘ เลขมงคลของจีน และเชื่อมโยงกับบริษัทที่เป็นโบรกเกอร์หมายเลข ๘ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสีใช้น้ำตาลทองและดำ เพื่อสื่อถึงความเป็นศิลปะของไทยมาใช้ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

โดยจิตรกรรมเอเซีย พลัส ครั้งที่ ๖ จะเปิดให้ศิลปิน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจจะส่งภาพเข้าประกวด สามารถดาวน์โหลดใบสมัครจากwww.asiaplus.co.th/artcontest หรือเฟซบุ๊ค Asia Plus Art Contest ส่วนผลงานที่ส่งเข้าประกวดเป็นผลงาน ๒ มิติ พร้อมแสดงใช้สีอะคริลิก สีน้ำมัน หรือสื่อผสม โดยขนาดผลงานไม่เกิน ๑๕ox๒oo ซม. (ไม่รวมกรอบ) ผู้สมัครมีสิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวดคนละไม่เกิน ๒ ภาพ กำหนดส่งผลงานภายใน ๒๑ มีนาคม-๘ เมษายน ๒๕๕๙ ที่อาคารเอเชียเซ็นเตอร์ ชั้น ๑๕ ถนนสาทรใต้





ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์



































ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
bangkok-today.com














วธ.ระดมงานศิลปะทั่วประเทศเปิดตลาดวัฒนธรรมข้างทำเนียบ



วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน "ตลาดวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมสร้างชาติ ตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข" ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดระหว่างวันที่ ๑-๒๖ กุมภาพันธ์ โดยมี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม พร้อมคณะทูตานุทูต และ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมงาน

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า วธ.ได้ร่วมกับเครือข่ายทางวัฒนธรรม จัดหาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและของดีจากทุกภูมิภาคมา จัดจำหน่าย เพื่อส่งเสริมรายได้ให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ธุรกิจรายย่อย และเปิดโอกาสให้คนในเมืองหลวง เลือกซื้อของดีจากจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งความหลากหลายของศิลปะและวัฒนธรรมไทยทุกแขนง ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
thaigov.go.th














คนกับป่า



เทศกาลเล่านิทานนานาชาติ ครั้งที่ ๔ (กรุงเทพฯ) : นิทาน - ศานติ (The Fourth International storytelling festival Thailand (Bangkok) : Peacetales)
วันพุธที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑o.oo - ๑๘.๓o น. ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ


ขอเชิญเข้าร่วมเทศกาลเล่านิทานนานาชาติครั้งที่ ๔ (กรุงเทพฯ) : นิทาน - ศานติ ในวันอังคารที่ ๒๓ ถึงวันพุธที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑o.oo - ๑๘.๓o น. ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ


ร่วมฟังนิทานจากนักเล่านิทานนานาประเทศ กิจกรรมการฝึกเล่านิทาน และการเสวนาในหัวข้อ "Tales for peace" โดยนักเขียน นักเล่านิทาน อาจารย์ และนักพัฒนา ผู้ใช้นิทานเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและสร้างสันติในสังคม และสนุกไปกับกิจกรรมการประกวดวาดภาพประกอบเรื่องเล่า ซุ้มของเล่นพื้นบ้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย







ภาพและข้อมูลจาก
sac.or.th














ประตูสู่องค์ความรู้แห่งหัตถศิลป์ไทย



ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT โดย อัมพวันพิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดย ศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดศักราชใหม่ในปีมหามงคลในโอกาสที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ด้วยการเนรมิตนิทรรศการ “ประตูสู่องค์ความรู้แห่งหัตถศิลป์ไทย” ณ บริเวณ ชั้น ๔ อาคารเทียบเครื่องบิน D สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศฝั่งตะวันตก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในการสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและคนไทยได้ชื่นชมภูมิปัญญาแห่งหัตถศิลป์ไทยผ่าน ๕ ผลงานอันงดงามร่วมสมัยของเหล่าดีไซเนอร์รุ่นใหม่ อาทิ เพลินจันทร์ วิญญรัตน์,รัฐ เปลี่ยนสุข, พรประเสริฐ ยามาซากิ, นวธันย์รุ่งดิลกโรจน์ และ อวิกา สมัครสมาน โดยมีผศ.เอกรัตน์ วงษ์จริต กูรูคนดังแห่งแวดวงการออกแบบร่วมให้เกียรติในพิธีเปิดนิทรรศการเมื่อวันอังคารที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘

นิทรรศการ “ประตูสู่องค์ความรู้แห่งหัตถศิลป์ไทย” จัดแสดงบนพื้นต่อเนื่องกับร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกของ SACICT โดยใช้การออกแบบร่วมสมัยด้วยรูปทรงซุ้มประตูของไทย ตกแต่งให้อลังการด้วยสีดำและสีทองสร้างความโดดเด่นให้ผลงานหัตถศิลป์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็น ๕ ผลงานมาสเตอร์พีซร่วมสมัยที่สร้างสรรค์จากภูมิปัญญาและได้รับแรงบันดาลใจจากหัตถศิลป์ชั้นสูงของไทยจากทั่วประเทศ “นับหนึ่ง” ผลงานโมบายทองเหลืองขนาดใหญ่ที่ใช้ตกแต่งอาคาร ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแขวนดอกไม้สดเครื่องหอมของบ้านไทยโบราณผลงานของ นวธันย์ รุ่งดิลกโรจน์นักออกแบบจาก Innovative Craft Award 2015 “CHROMATIC DANCE URN” ชุดโถเซรามิกที่ เพลินจันทร์ วิญญรัตน์ ได้แรงบันดาลใจจากความงดงามขององค์ประกอบต่างๆ ในศิลปะการแสดงและการละเล่นของไทย มาถ่ายทอดผ่านรูปทรง สีสัน และลายเส้นบนชิ้นงานหัตถศิลป์ที่โดดเด่นสะดุดตาผู้เข้าชมงาน Maison & Objet 2014 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส “กระเบื้องถิ่น” วอลล์อาร์ตที่ถ่ายทอดการผสมผสานความหลากหลายของเครื่องกระเบื้องโบราณในแต่ละชุมชนลงบนผืนผ้า โดย อวิกา สมัครสมานนักออกแบบจาก Innovative Craft Award 2015 “โสนน้อย” ชุดกระจกที่สะท้อนถึงความวิจิตรของลายรดน้ำแบบดั้งเดิมจากวังสวนผักกาด ด้วยเทคนิคลงรักปิดทองบนรูปฟอร์มเรขาคณิตที่เรียบง่าย ผลงานของ รัฐเปลี่ยนสุข นักออกแบบจาก Innovative Craft 2015 ที่ปัจจุบันไปโด่งดังไกลถึงประเทศฝรั่งเศส “ประกาย” ประติมากรรมโคมไฟรูปทรงเมล็ดพันธุ์จากเศษไม้สัก โดย พรประเสริฐ ยามาซากิ นักออกแบบลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น จาก Innovative Craft Award 2015

โอกาสนี้ SACICT ถือโอกาสเปิดใจทั้งตัวแทนดีไซเนอร์รุ่นใหม่ผู้ออกแบบผลงานรวมทั้งมุมมองจากนักออกแบบมือฉมังของวงการหัตถศิลป์ไทย พร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมนิทรรศการฯ ถึงความประทับใจในภูมิปัญญาแห่งหัตถศิลป์ไทยเริ่มที่ รัฐ เปลี่ยนสุข เจ้าของผลงาน“โสนน้อย” ดีไซเนอร์ไทยที่ไปดังไกลถึงฝรั่งเศส “นิทรรศการครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เห็นความวิจิตรของหัตถศิลป์ไทยที่ส่งต่อจากโบราณมาสู่ปัจจุบันได้มากขึ้น ตอนนี้ประตูแห่งหัตถศิลป์โลกได้เปิดกว้างต้อนรับผลงานของนักออกแบบไทย เพราะเทรนด์ของผู้บริโภคทั่วโลกกำลังมองหาสินค้าที่มีคุณค่าในตัวเองที่สามารถเก็บและส่งต่อได้ หากนักออกแบบรู้จักหยิบแรงบันดาลใจและเทคนิคพิเศษของงานหัตถศิลป์ไทยมาปรับใช้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ชิ้นงานมีเรื่องราวจากรากเหง้าวัฒนธรรมไทย” ส่วน ผศ.เอกรัตน์ วงษ์จริต กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ของบริษัท คราฟท์ แฟคเตอร์ จำกัด กูรูคนดังแห่งแวดวงออกแบบ กล่าวว่า “จากประสบการณ์กว่า ๓o ปี ได้เห็นการเดินทางที่ชัดเจนของงานหัตถศิลป์ไทยสู่ตลาดโลก

จากเดิมที่โอกาสของไทยจำกัดอยู่เพียงการเป็น OEM หรือรับผลิตตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เมื่อ SACICT ได้เข้ามามีบทบาทส่งเสริมและต่อยอดงานหัตถศิลป์ไทยโดยดึงเอาเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นจุดขาย ปัจจุบันงานหัตถศิลป์ไทยจึงได้เดินทางแบบก้าวกระโดดขึ้นมาโดดเด่นในระดับสากล แต่การที่จะขึ้นไปสู่ระดับแนวหน้า จำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์ อย่างอิตาลีและฝรั่งเศสก็สร้างจุดนี้มาหลายสิบปี เชื่อว่าไทยทำได้ นิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูให้งานหัตถศิลป์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกมากขึ้น ด้าน มร.เดวิดโจเซฟ นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ กล่าวระหว่างหยุดถ่ายภาพผลงานในนิทรรศการฯ ว่า “เวลามาทำธุระที่ประเทศไทย จะแวะซื้อของที่ระลึกจากร้าน SACICT ไปฝากครอบครัวทุกครั้ง โดยเฉพาะงานผ้าและภาชนะใบเล็กที่เห็นแล้วมีเอกลักษณ์ นำไปใช้แล้วไม่เหมือนใคร ตื่นตาตื่นใจมากในนิทรรศการครั้งนี้เพราะปกติจะเห็นแต่สินค้าชิ้นเล็กๆ ในร้าน พอได้เห็นความวิจิตรของเทคนิคเชิงช่างในรูปแบบงานหัตถศิลป์ที่อลังการ จึงประทับใจในรายละเอียดของภูมิปัญญางานหัตถศิลป์ไทยที่นักออกแบบรุ่นใหม่สามารถประยุกต์ให้ดูร่วมสมัยอย่างลงตัว”

นิทรรศการฯ ในครั้งนี้ยังได้รับการออกแบบให้มี QR Code ให้ข้อมูลความรู้ ณ จุดจัดแสดงรวมถึงออกแบบให้สามารถเป็นจุดถ่ายภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากผลสำรวจในปีที่แล้วระบุว่า ทสภ. เป็นสถานที่ที่คนแชร์ภาพบน Instagram มากที่สุดในโลกเป็นอันดับ ๙ และยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยมของนักเดินทาง นิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นอีกมุมสำคัญที่ถ่ายทอดทั้งภาพและเรื่องราวที่ดีของประเทศไทยไปทั่วโลกผ่านสื่อโซเชียล และยังจะช่วยขยายโอกาสให้สินค้าหัตถศิลป์ไทยได้ไปสู่สายตาคนทั่วโลกและสร้างรายได้กลับสู่ประเทศอีกช่องทางหนึ่ง ร่วมภาคภูมิใจและเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานคุณค่าของงานหัตถศิลป์ไทย เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจชุมชนได้ที่นิทรรศการ “ประตูสู่องค์ความรู้แห่งหัตถศิลป์ไทย”ถึง ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ บริเวณ ชั้น ๔ อาคารเทียบเครื่องบิน D สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ฝั่งตะวันตกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยอนาคต SACICTจะต่อยอดนำนิทรรศการนี้ไปจัดแสดงณ สนามบินอื่นๆ ผู้สนใจยังสามารถเรียนรู้และสัมผัสความงดงามของหัตถศิลป์ไทยได้ที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์การมหาชน) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สายด่วน ๑๒๘๙ หรือ //www.sacict.or.th และแอพลิเคชั่น SACICT’s Craft Map และ SACICT AR+





๔ ตัวแทนศิลปินผู้ออกแบบผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในงาน
นวธันย์ รุ่งดิลกโรจน์,รัฐ เปลี่ยนสุข, อวิกา สมัครสมาน และ พรประเสริฐ ยามาซากิ






มร.ออสติน บูรอสซี่ หนุ่มอเมริกันที่แวะเซลฟี่กับผลงานหัตถศิลป์ไทย ก่อนเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา





มร.เดวิด โจเซฟ นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ โชว์สินค้าที่ระลึกจากร้าน SACICT ที่แวะซื้อไปฝากครอบครัวทุกครั้งเวลาเดินทางมาประเทศไทย





อารยา เปล่งขำ ผอ.ส่วนการจัดซื้อ บจ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล





ผศ.เอกรัตน์ วงษ์จริต กูรูคนดังแห่งแวดวงการออกแบบ



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














จัดดอกไม้ ตอนที่ ๑ : ได้มากกว่าช่อดอกไม้



ศาสตร์ของการจัดดอกไม้ สามารถช่วยเพิ่มพูนศักยภาพให้กับผู้จัดได้ หากรู้จักนำมาใช้อย่างถูกต้อง
มาพัฒนาสมาธิ ฝึกทักษะการวางสมดุลสีสัน ขนาด และรูปทรง ผ่านการแต่งแต้มความคิดที่บ่งบอกความเป็นตัวเองลงไปในช่อดอกไม้ ให้ออกมาเป็นบูเก้ สไตล์แบบคุณ

โดย ครู แสงกฤติยา เศรษฐณรงค์ จาก โรงเรียนสอนจัดดอกไม้สดสากลเฟลอเดลลิเซ่ บายเกทฮานา

พบกิจกรรมนี้ได้วันเสาร์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ เวลา ๑๓.oo-๑๕.oo น. ณ Event Hall ชั้น ๒ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ

วิธีสมัครเข้าร่วมกิจกรรม
-ส่งชื่อ-นามสกุล อายุและเบอร์โทรศัพท์ พร้อมระบุกิจกรรมที่เข้าร่วมมาที่ activity.thc@thaihealth.or.th หรือส่ง SMS มาที่ o๘๑-๗๓๑-๘๒๗o (ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- โทร. o-๒๓๔๓-๑๕oo กด ๒, o๘๑-๗๓๑-๘๒๗o (วันจันทร์-เสาร์ เวลา ๙.oo-๑๗.oo น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
- Line ID : thaihealth_center,@SOOK
- https://www.facebook.com/sookcenter



ภาพและข้อมูลจาก
thaihealthcenter.org














ศิลปินโชว์ศิลปะจากสีกาแฟ



ศิลปะภาคฤดูร้อน ครั้งที่ ๓๕ ประจำปี ๒๕๕๙
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปแห่งชาติ) ถนนเจ้าฟ้า
จัดอบรมศิลปะแก่เด็ก เยาวชน และผู้สนใจ ใน ๓ภ หลักสูตร ได้แก่ วาดการ์ตูน สีน้ำ และลายเส้น
อบรมระหว่างวันที่ ๒o เมษายน - ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ทุกวันพุธ - อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์, วันอังคาร)
วาดการ์ตูน เรียนพื้นฐานการวาดการ์ตูน โดยฝึกการสังเกตและนำเอาลักษณะเด่นของสิ่งที่จะวาด ศิลปะสร้างสรรค์เพื่อเสริมสร้างและต่อยอดจินตนาการ

ระดับ ป.๑ – ป.๓
๙.oo - ๑๒.oo : กลุ่มที่ ๑ ครูอุ๋ง สุธีรา รุ่งเรืองเสาวภาคย์ (รับ ๒o คน)

กลุ่มที่ ๒ ครูตาล นางสาวณันธา สดชื่น (รับ ๒o คน)
๑๓.oo -๑๖.oo : ครูกอล์ฟ สุธาสินีย์ สุวุฒโฑ (รับ ๒o คน)

ระดับ ป.๔ – ป.๖ ๙.oo - ๑๒.oo : ครูลี่ ศันสนีย์ รุ่งเรืองสาคร (รับ ๒o คน)
๑๓.oo -๑๖.oo : ครูเบศร์ ภูเบศร์ สินอำพล (รับ ๒o คน)

สีน้ำ เรียนพื้นฐานการวาดภาพสีน้ำ ตั้งแต่การผสมสี การวางโครงร่างของภาพ โดยสอดแทรกการลงสีด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น การระบายสีเปียกบนเปียก เปียกบนแห้ง, การระบายเคลือบ ฯลฯ

ระดับ ป.๔ – ป.๖ ๙.oo - ๑๒.oo : ครูเล็ก ณรงค์เดช ศุขสายชล (รับ ๒o คน)

ระดับ ม.๑ – บุคคลทั่วไป ๑๓.oo -๑๖.oo : ครูเก๋ พัชรินทร์ อนวัชประยูร (รับ ๒o คน)

ลายเส้น พื้นฐานการวาดภาพลายเส้นแบบต่างๆและการให้น้ำหนักจากหุ่นนิ่งรูปทรงต่าง ๆ

ระดับ ม.1 – บุคคลทั่วไป ๑๓.oo -๑๖.oo : ครูบี อัจจิมา เจริญจิตร ตนานนท์ (รับ ๒o คน)

เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙
(หลักสูตรใดมีผู้สมัครเต็มจำนวนจะปิดรับทันที)
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
- รูปถ่าย ๑ นิ้ว จำนวน ๑ ใบ
- สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาบัตรประชาชน
- ค่าลงทะเบียนคนละ ๑,๗oo บาท ต่อหลักสูตร (รวมอุปกรณ์ที่ใช้ในการอบรมแล้ว)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. o-๒๒๘๑-๒๒๒๔ (วันพุธ - วันอาทิตย์)







ภาพและข้อมูลจาก
FB The National Gallery Bangkok














ความงดงามของความรักที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์



กิตติพงษ์ คำศาสตร์ หรือ “โก๋เอ็ม” นอกจากหลายคนจะรู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในสมาชิก วงบุดดาเบลส และศิลปินกราฟิตี้ ในอีกด้านหนึ่ง เขายังเป็นผู้ชายที่มีหัวใจอ่อนโยน มองเห็นถึงคุณค่าของชีวิตสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ใครหลายคนอาจจะมองข้ามไป

GOH-M Family หรือ ครอบครัวของโก๋เอ็ม เรื่องราวความรักที่โก๋เอ็มมอบให้กับลูก ๆ สารพัดสัตว์ต่างสายพันธุ์ ทั้งน้องหมาพเนจร น้องแมว น้องหมูพิการหัวใจเพชร น้องเต่า และอื่น ๆ รวมกว่า ๓o ชีวิต นอกจากจะถูกนำเสนอทางในหน้าเฟซบุ๊กแล้ว โก๋เอ็ม ยังได้นำเอาคาแรกเตอร์ของลูก ๆ แต่ละตัวมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่เสมอ

และล่าสุดกำลังจะถูกนำจัดแสดงให้ชมผ่านนิทรรศการ GOH-M Buddha Bless - Solo Exhibition and Installation ภายใต้คอนเซ็ปต์ GAYSORN LOVE ALL LIFE ที่ต้องการนำเสนอ “เรื่องราวความงดงามของความรักที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์ หากแต่เป็นความรักในทุกสรรพสิ่งรอบตัว”

โก๋เอ็ม กล่าวถึงผลงานศิลปะในนิทรรศการครั้งนี้ของตัวเองว่า นำเรื่องราวของลูก ๆ ใน GOH-M Family มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง เพื่อเชื่อมโยงและร้อยเรียงเรื่องราวของชีวิตเล็ก ๆ สู่ความรัก และความผูกพันอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อมนุษย์ และสร้างเป็นชิ้นงานศิลปะในสไตล์ป๊อปอาร์ต (Pop Art) ที่ยังคงกลิ่นอายของงานกราฟิตี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ตนเองถนัดและหลงรักในเสน่ห์ของมัน มีทั้งงานประติมากรรม (Sculpture) และภาพวาดสีอะครีลิค (Acrylic painting)

“งานนี้ นำสมาชิกตัวเด่นๆ ที่เป็นขวัญใจของเหล่าสาวกคนรักโก๋เอ็มแฟมิลี่ ไม่ว่าจะเป็น ‘พิงกี้’ น้องหมาพุดเดิ้ลพิการขาหลัง ที่ถูกทิ้งข้างถนน ‘พิคกุล’ หมูป่าตัวน้อยไอดอลสามขา ‘คอปเตอร์’ หมาน้อยชิวาว่าแสบซน และ ‘ซีพี’ เจ้าไก่อวบอ้วน ที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อไม่นานมานี้ มาเป็นตัวดำเนินเรื่องราว ถูกขยายไซส์เป็นประติมากรรมขนาดยักษ์ กว้าง ๒.๕ เมตร สูง ๓ เมตร ลอยเด่นอยู่บริเวณ Gaysorn Atrium Gallery โดยภาพที่ทุกคนจะได้เห็นจะเป็นเรื่องราวของสหายทั้ง ๔ กำลังนั่งโล้ชิงช้าท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย

หลายคนอาจตีความหมายว่าเป็นความน่ารักสดใส แต่แท้จริงแล้ว ผลงานนี้ต้องการสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ของสัตว์ตัวน้อย ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกทิ้งให้เดียวดาย และต้องผ่านความเจ็บปวดมากมายในชีวิต ซึ่งความยากของผลงานนี้ อยู่ที่เทคนิคในการจัดวางผลงานในแนวตั้งให้ดึงดูดความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชม

ดังนั้นผมจึงเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างโฟม นำมาขึ้นรูปและสร้างผิวสัมผัสที่เรียบด้วยการเคลือบด้วยอะครีลิคแข็ง จากนั้นจึงวาดลายเส้นด้วยมือ ก่อนที่จะลงสีด้วยสเปรย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของงานผม

จากผลงาน Sculpture ที่ลอยเด่น ผู้ชมยังจะเห็นเจ้าไก่ซีพีตกลงมาจากชิงช้า นั่นคือ กิมมิคที่ผมต้องการเชื่อมโยงเรื่องราวไปสู่ผลงานภาพวาดสีอะครีลิคสีสันฉูดฉาดอีก ๑o ผลงาน ที่จัดแสดงบริเวณด้านล่างชั้น L ซึ่งเป็นผลงานที่ผมนำเอาแรงบันดาลใจมาจากคาแรกเตอร์หรือพฤติกรรมน่ารักๆ ของสมาชิกในครอบครัวโก๋เอ็ม มาเป็นกุศโลบายในการเล่าเรื่อง ซึ่งภายใต้ภาพที่สีสันสดใสนั้น ผมได้แฝง “นัยยะ” หรือ “ตรรกะ” บางอย่างที่ผมได้เห็นและได้สัมผัสกับชีวิตเล็ก ๆ ที่มีความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของสัตว์เหล่านี้

โดยผมอยากให้คนที่มาชมได้มองลึก ๆ ลงไปในผลงาน และตีความลายเส้นที่ผมวาดออกมาว่า ดูแล้วรู้สึกอย่างไร หรือพิจารณาว่าเจ้าสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในภาพกำลังจะบอกอะไรกับคุณ

เช่น ภาพกอง(ทัพ)หมู กับการโคลนนิ่ง ‘เจ้าหมูพิคกุล’ ให้มีหลาย ๆ ตัว และเชื่อมโยงทุกตัวเข้าด้วยลายเส้นที่ขดไปขดมา, ภาพพิงกี้สีชมพู ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท่าทางการนอนของ ‘เจ้าสุนัขพิ้งกี้’ น้องหมาพุดเดิ้ลพิการขาหลัง นำมาผสมผสานเข้ากับลายเส้นบั๊บเบิ้ลที่เป็นคาแรคเตอร์งานกราฟิตี้ของโก๋เอ็ม และ ภาพนักเก็ต กับการแฝงเรื่องราวเบื้องหลังความอร่อยของอาหารทานเล่น ผ่านช่วงชีวิตในวัยเยาว์ของเจ้าไก่แสนรู้ ‘ซีพี’ เป็นต้น"

นิทรรศการ GOH-M Buddha Bless - Solo Exhibition and Installation (โก๋เอ็ม บุดดาเบลส โซโล่ เอ็กซิบิชั่น แอนด์ อินสตอลเลชั่น) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๑ มกราคม - วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ บริเวณชั้น L ศูนย์การค้าเกษร ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑o.oo - ๒o.oo น.































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ชี้ ๑๑ จุด Street Art โดยศิลปินไทยและนานาชาติ เทศกาลเมืองศิลปะ “บุกรุก” ครั้งที่ 2



ไม่ต้องแปลกใจหากใครที่ผ่านไปย่าน ถ.ทรงวาด,เจริญกรุง, เดโช และสุรวงศ์ ในระยะนี้ แล้วจะพบว่ามีผลงาน Street Art โผล่บนกำแพงและตัวอาคารหลายจุด เพราะเหล่านี้คือผลงาน Street Art ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินไทยและนานาชาติ ที่ถูกเชิญให้เข้าร่วม เทศกาลเมืองศิลปะ “บุกรุก” (BUKRUK Urban Arts Festival) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา

นอกจากการสร้างสรรค์ผลงาน Street Art ให้กับพื้นที่ในย่านนี้ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มี พื้นที่ทางศิลปะ(Art Space) ตั้งอยู่จำนวนไม่น้อย และคนในพื้นที่พยายามผลักดันให้เป็น Creative District หรือ พื้นที่สร้างสรรค์ ของกรุงเทพฯ และอีกไม่นาน ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ(TCDC) ก็เตรียมจะย้ายบ้านใหม่ไปอยู่ย่านนี้ ณ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ถ.เจริญกรุง ๓๒

เทศกาลที่ผ่านพ้นไปแล้วยังประกอบไปด้วยกิจกรรมอื่นอีกหลายกิจกรรมได้แก่ เทศกาลดนตรี, นิทรรศการศิลปะ,Mobile Print Shop, Animation Night และ Artist Talks

ทว่าผลงาน Street Art ตามจุดต่าง ๆ ยังมีให้ผู้สนใจแวะเวียนไปชมได้ตลอดเวลา จนกว่าผลงานแต่ละชิ้นจะถูกศิลปิน Street Art คนอื่น ๆมาบอมทับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของงานศิลปะประเภทนี้ แต่ก็คงอีกนาน เพราะผลงานหลายชิ้นในเทศกาลครั้งนี้ สร้างสรรค์บนผนังอาคารที่อยู่ในจุดที่อยู่สูงพอสมควร





จุดที่ ๒ เยื้องวัดปทุมคงคา ถ.ทรงวาด

หลังจากที่ ART EYE VIEW ได้ตระเวนไปชมมาแล้วทุกจุด ต่อไปนี้คือ ๑๑ จุด อันเป็นที่ตั้งของผลงาน Street Art แต่ละชิ้น ที่อยากแนะนำให้ลองแวะเวียนไปชมกัน ซึ่งสำหรับคนที่ขยันเดินหรือชอบปั่นจักรยาน สามารถเดินหรือปั่นจักรยาน จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดได้อย่างง่ายดาย

โดยขอแนะนำให้เริ่มต้นชมสองจุด บน ถ.ทรงวาด ก่อนจะไล่ชมอีกหลายจุด บน ถ.เจริญกรุง ๒๘, ๓o และ ๓๒ แล้วเลี้ยวเข้าไปชมอีกสองจุด บน ถ.เดโช และสุรวงศ์ และ จากนั้นให้วกกลับมาที่ ถ.เจริญกรุง อีกครั้ง เพื่อมุ่งไปชม อีกสามจุดสุดท้าย บน ถ.เจริญกรุง ๕o และ ๕๗

ถนนทรงวาด

จุดที่ ๑. ผลงานของ Roa และ กับ Aryz ศิลปินจากเบลเยี่ยมและสเปน ณ ลานตู้เหลือง บนถนนทรงวาด ไม่ไกลจากท่าน้ำราชวงศ์

จุดที่ ๒. ผลงานของ ‎Aitch ศิลปินจากโรมาเนีย บนถนนทรงวาด ตัวอาคารอยู่เยื้องกับประตูวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร

ถนนเจริญกรุง ๒๘, ๓o และ ๓๒

จุดที่ ๓. ผลงานของ Daehyun Kim ศิลปินจากเกาหลี บนผนังอาคาร ตรงปากซอย ถ.เจริญกรุง ๒๘

จุดที่ ๔. ผลงานของ Saddo ศิลปินจากโรมาเนีย บนผนังอาคาร ปากซอย ถ.เจริญกรุง ๒๘

จุดที่ ๕. ผลงานของ ของ ‎Sten และ Lex สองศิลปินชาวอิตาลี บนผนังอาคาร ในซอยของ ถ.เจริญกรุง ๓o

จุดที่ ๖. ผลงานของศิลปินไทยหลายคน อาทิ Alex face,Kult,Bonus,โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ฯลฯ บนกำแพง ในซอยของ ถ.เจริญกรุง ๓๒

ถนนเดโชและสุรวงศ์

จุดที่ ๗.ผลงานของ Motomichi Nakamura ศิลปินชาวญี่ปุ่น ด้านหน้าตึก AIA บน ถ.เดโช ไม่ไกลจาก สน.บางรัก

จุดที่ ๘. ผลงานของ Fikos ศิลปินชาวกรีก บนผนังอาคาร ตรงข้าม สมาคมไหหนำแห่งประเทศไทย บน ถ.สุรวงศ์

ถนนเจริญกรุง ๕o และ ๕๗

จุดที่ ๙. ผลงานภาพถ่ายเกี่ยวกับศิลปินสตรีทอาร์ท ของ Martha Cooper ช่างภาพชาวอเมริกัน ภายในล๊อบบี้ โรงแรมแชงกรีล่า ในซอย ถ.เจริญกรุง ๕๗

จุดที่ ๑o. ผลงานของ Daan Botlek ศิลปินจากเนเธอร์แลนด์ บนกำแพงด้านนอกโรงแรมแชงกรีล่า ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน ทางออก ๒

จุดที่ ๑๑.ผลงานของ ‎Nychos ศิลปินจากออสเตรีย ภายใน บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด(สำนักงานใหญ่) ตรงข้ามซอยเจริญกรุง ๕๗ โดยจุดนี้คนไทยต้องใช้บัตรประชาชนและคนต่างชาติ ต้องใช้หนังสือเดินทาง แลกบัตรเข้าไปชม ตามเวลาทำการของสถานที่

หมายเหตุ : ศิลปิน Street Art ทั้งไทยและนานาชาติ ที่เข้าร่วมเทศกาล เทศกาลเมืองศิลปะ “บุกรุก” ครั้งที่ ๒ คัดสรรโดย Myrtille tibayrenc จากตูดยุงแกลลอรี่ & คิวเรเตอร์ชาวฝรั่งเศส (ภรรยาของศิลปินไทย หริธร อัครพัฒน์) และNicolus dali จาก บริษัท Kuoz ออกแบบกราฟฟิค โดยได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพยุโรป และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ติดตามความเคลื่อนไหวของเทศกาลครั้งต่อไปได้ที่ //www.bukruk.com





จุดที่ ๓ ถ.เจริญกรุง ๒๘





จุดที่ ๔ ถ.เจริญกรุง ๒๘ ภาพโดย Saddo





จุดที่ ๕ ถ.เจริญกรุง ๓o





จุดที่ ๖ ถ.เจริญกรุง ๓๒





จุดที่ ๗ ถ.สุรวงศ์





จุดที่ ๘ ถ.เดโช ภาพโดย Aline Deschamps





จุดที่ ๙ ล๊อบบี้ โรงแรมแชงกรีล่า ถ.เจริญกรุง ๕o





จุดที่ ๑o กำแพงด้านนอกโรงแรมแชงกรีล่า
ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน ทางออก ๒






จุดที่ ๑๑ ภายใน บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด(สำนักงานใหญ่)
ตรงข้ามซอยเจริญกรุง ๕๗




ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2559
0 comments
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2559 22:58:04 น.
Counter : 4267 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.