Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
17 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
▷▷เลือกคู่อย่างไรให้ได้แฟนถูกใจ?


ในละครทีวีซีรีส์เรื่องนึงของเมืองนอก ตัวละครที่เป็นผู้หญิงพูดขึ้นมาชวนให้อึ้ง เธอบอกว่า “ผู้หญิงไม่ควรเดทกับคนที่ต่ำกว่า เพราะมักจะไปกันไม่รอด” โอ้โฮเฮะ คิดได้ไงเนี่ย คำว่าต่ำกว่าในที่นี้อาจจะ เป็นด้านการศึกษา, ฐานะการงาน, ฐานะการเงิน และ ฐานะทางสังคมก็ได้ โดยรวมแล้วเธอเชื่อกันว่า ถ้าผู้หญิงเลือกคบคนที่มีบางอย่างน้อยกว่าที่เธอมีละก็ อยู่กันได้ไม่ยืดหรอก เดี๋ยวก็ต้องแยกทางกันในที่สุด แหม...ของอย่างนี้ ฟังไว้ละกัน จริงอยู่มีหลายคู่ที่เป็นเช่นนี้ แต่คงใช้เป็นมาตรฐานสากลไม่ได้ เพราะเรื่องที่คู่รักคู่ไหนจะอยู่ด้วยกันยืดหรือไม่ มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง บางทีไม่ต้องพิจารณาว่าต่ำกว่าหรือสูงกว่า แต่แค่ “เบื่อ” และ “ไม่อยากจะอยู่ด้วยกัน” ก็เลิกทนกันแล้ว ความอดทนของคนสมัยนี้ยิ่งมีน้อยอยู่ด้วย

ว่าแต่ถ้าต้องเลิกกับแฟนจริงๆละก็ กรุณาดูแลจิตใจให้ดีๆ บางคนกวนทีนบอก ไม่ต้องดูแลให้มาก เพราะเป็นฝ่ายบอกเลิกย่อมได้เปรียบกว่าเป็นฝ่ายถูกเลิกแหงๆ...อ๋อ มันแน่ล่ะซี ที่พูดนี่หวังเตือนผู้ที่ถูกแฟนบอกเลิกต่างหากล่ะ คือถ้าใครโดนบอกเลิกแล้วเศร้าไม่กี่วันแล้วหายก็ดีไป แต่หากไม่ใช่ แถมยังอยากฆ่าตัวตาย...ว้าย จะรีบตายไปทำไม โลกยังสวยงามน่าอยู่ อีกอย่างผู้ที่สมควรแคร์มากๆคือพ่อแม่ต่างหาก หาใช่คนเคยรักไม่

ขืนใครเลิกกับแฟนแล้วคิดสั้น ก็น่าจะฉุกคิดให้ได้ว่า มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาเพื่อหาใครสักคน (มาเป็นแฟน) แล้วจะอยู่ไม่ได้หากปราศจากเขา แต่เรามีแฟนเพื่อหาคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มีความสุข และก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันต่างหาก

นี่ก็ใกล้ถึงวันวาเลนไทน์เข้าไปทุกที จึงอยากพูดเรื่องความรักในแง่ที่หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า ควรจะเลือกคบคนอย่างไร ให้ได้แฟนที่ถูกใจ บ้าง หลังผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่า เวลารักใคร ก็ควรใช้หัวใจ อย่าไปใช้เหตุผลเลือกสรรให้มาก เดี๋ยวจะหาแฟนไม่ได้ งั้นเอางี้สิ ควรฟังทั้งเสียงเรียกร้องของหัวใจและอาศัยเหตุผล ทั้ง 2 อย่างเลยแล้วกัน อย่าไปใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาตัดสินเลือกคบใครเพียงอย่างเดียว ไม่งั้น ขืนพลาดขึ้นมาแล้วจะยุ่ง!

ส่วน คำถามที่ว่า แล้วเราควรเลือกคบคนอย่างไรมาเป็นแฟนดีนั้น ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว เพราะมนุษย์แต่ละคนย่อมมีมาตรฐานในการเลือก “คนรู้ใจ” มาเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่พอที่จะแนะนำอย่างคร่าวๆได้ว่า * ถ้าคุณจะคบใครสักคน ก็ควรศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของเขาว่า คุณยอมรับในสิ่งเหล่านี้ของเขาได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ารับได้สัก 80% ค่อยน่าเขยิบสถานะของการคบกันฉันเพื่อนมาเป็นแฟน หรือจะถึงขั้นสู่ขอกันวิวาห์เลยก็ได้ แต่ก่อนจะตอบว่ารับได้หรือไม่? อย่ารีบร้อนบอกว่าฉันรับได้ ฉันรับไหว เพราะความรักตอนนั้นมันบังตา แต่ควรเขียนเป็นลิสต์ออกมาเลยว่า เขามีดีอย่างไร และมีข้อเสียหรือความร้ายกาจขนาดไหน

เขียนจดไว้ในสมุด หรือจะเขียนไว้บนไวต์บอร์ดกระดานดำที่ใช้อยู่เป็นประจำที่บ้าน หรือที่ทำงานก็ได้ บางคนนะ คิดคนเดียวไม่พอ มีการชวนเพื่อนให้ มาช่วยขบคิดด้วยว่า จะเป็นแฟนกับคนนั้นคนนี้ดีไหม? ก็เชิญตามสบาย สไตล์ใคร สไตล์มัน ข้อต่อไป...

* อย่าลืมว่า ไม่มีใครสมบูรณ์เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง ทุกคนย่อมมีความบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ดังนั้น อย่าไปมองหาความเพอร์เฟกต์จากผู้ที่จะมาเป็นแฟน เพราะตัวเราเองก็ไม่เพอร์เฟกต์เหมือนกัน ซึ่งถ้ายอมรับในสิ่งที่เขาเป็นได้ก็น่าจะอยู่กันได้ ไม่ลองก็ไม่รู้ บางทีก็ต้องเสี่ยงกันบ้าง

ส่วนกูรู อย่างเดฟ ซิงเกิลตัน นักเขียนชาวอเมริกันผู้สันทัดกรณีเรื่องการออกเดท ก็มีเคล็ดลับเรื่องของความรักมาเล่าสู่กันฟัง เขาแนะว่า 1. หากคู่รักคู่ไหนมีเรื่องระหองระแหง ชวนให้ขุ่นเคืองใจ หรือไม่พอใจกัน จนมีแนวโน้มว่า จะทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ขอให้ฉุกคิดกันสักนิดก่อนว่า เราจะทะเลาะกันดีรื้อ? ในเมื่อชีวิตนี้มันสั้นนัก ตัดเรื่องหยุมหยิมออกไปบ้างก็ได้ ไม่ต้องทะเลาะกันทุกอย่างหรือทุกครั้งที่ไม่พอใจ...ขอร้อง ควรโฟกัสเรื่องที่จะทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆก็พอ ส่วนเรื่องจิ๊บๆทิ้งไปซะเถอะ

2. เราสามารถแก้ปัญหาความเบื่อหน่ายในการครองคู่ได้ด้วยการสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ หรือทำอะไรใหม่ๆร่วมกัน เช่น ถ้าทั้งคู่ชอบทานอาหารจีน ไปไหนด้วยกันก็มักทานอาหารจีน งั้นต่อไปนี้ลองเปลี่ยนแนวเป็นชวนกันไปทานอาหารของชาติอื่นบ้าง โดยให้ลืมคำว่ากินไม่เป็นไว้ชั่วคราว ถือซะว่าเป็นการผจญภัย ที่เดาทางกันไม่ถูก อู้ย...ตื่นเต้นดีออก
อ้อ การสร้างความแปลกใหม่ ไม่จำเป็นต้องเน้นกันที่หาของกินอย่างเดียว สามารถประยุกต์ไปเป็นเรื่องอื่นๆได้อีก ขึ้นอยู่กับจะทำกิจกรรมอะไรล่ะ ชวนกันไปเล่นกีฬาไหม? เคยไดรฟ์กอล์ฟหรือเล่นเทนนิสหรือยัง

3.ในเรื่องของความสัมพันธ์ รู้ไหมว่าการมีระยะห่างกันบ้างก็สำคัญนะ

ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของคุณเป็นไปด้วยดีละก็ อย่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ควรมีระยะห่างระหว่างกันบางช่วงเวลา จะยิ่งทำให้ห่วงหาอาทรกันยิ่งกว่าคู่ที่อยู่ด้วยกัน และเห็นหน้ากันตลอด 24 ชม.ซะอีก “พ่อของผมเล่าถึงเคล็ดลับในการใช้ชีวิตคู่หลังจากแต่งงานกับแม่มานานเกือบ 40 ปี ด้วยการใช้ห้องน้ำแยกกัน พ่อใช้ห้องนึง ส่วนแม่ก็ใช้อีกห้อง แทนการแยกห้องนอน ผมว่าเวิร์กดีนะครับ” แอนดรูว์ ชาวอเมริกันเล่า ส่วนบางคู่ใช้วิธีแยกกันไปทำกิจกรรมกับเพื่อน สัปดาห์ละ 1 วัน ก็ไม่เลว

4. ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีปัญหาแล้วเอ่ยปากเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง จริงอยู่เขาอยากขอความเห็นจากคนรัก แต่มีไม่น้อยที่อยากระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจให้ “คนรักที่ไว้ใจได้” ฟังต่างหาก ดังนั้น ถ้าเขาเล่าปัญหาให้ฟัง บางทีทางออกที่ดีที่สุดคือการรับฟังนั่นแหละวิเศษที่สุดแล้ว
เมอร์ลิน
credit : thairathnews


Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2555 18:47:13 น. 0 comments
Counter : 821 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.