รู้ได้อย่างไรว่าพร้อมจะรักอีกครั้ง?
รู้ได้อย่างไรว่าพร้อมจะรักอีกครั้ง?
ฝรั่งเศส ได้ชื่อว่า เป็นสุดยอดนักรักชาติหนึ่งในทวีปยุโรป แถมคำบอกรักที่ว่า เฌอแตม ก็แสนไพเราะเพราะพริ้ง ส่วนกรุงปารีส นครหลวงของชาวปารีเซียนก็ได้สมญานามว่า สวรรค์แห่งความโรแมนติก เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่สวยสดงดงาม และมีบรรยากาศเป็นใจให้คู่รักเลือกที่จะไปฮันนีมูนในอันดับต้นๆ
พูดถึงชาตินี้ขึ้นมา ไม่ได้จะชวนคู่เลิฟไปเที่ยว เพราะถึงไม่ชวนใครๆก็อยากไปพิสูจน์ความสวยงามของบ้านเมืองนี้กันอยู่แล้ว แต่ที่พูดถึง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวตะแล้บแก๊บจากต่างประเทศชิ้นนึง อ่านแล้วขำดี ทำให้รู้ว่าประเทศนี้เขามีการทำโพลสำรวจความคิดเห็นที่แปลกแหวกแนว ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครน่ะสิ
คือถ้าเป็นชาติอื่น การทำโพลเพราะอยากทราบว่า ประชาชนยังเลื่อมใสศรัทธาและนิยมชมชอบในตัวผู้นำมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับฝรั่งเศสน่ะเหรอ พี่เล่นทำโพลสำรวจกิจกาม เอ้ย กิจกรรมทางเพศของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีแทนซะเลย แล้วก็พบว่า ผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งที่สนับสนุน ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ซึ่งเป็นผู้นำเมืองน้ำหอมคนปัจจุบัน(และมีภรรยาสุดสวยอดีตนักร้องและซุปเปอร์โมเดล คาร์ลา บรูนี)นั้น มีเพศสัมพันธ์โดยเฉลี่ยน้อยกว่าผู้สนับสนุนคู่แข่งคนสำคัญของท่านซึ่งได้แก่ นายฟรังซัวส์ ฮอลันเดอ ซะอีก
ผลโพลพบว่า ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมีความสัมพันธ์ทางเพศโดยเฉลี่ยแล้วเดือนละ 6.7 ครั้งเท่านั้น ขณะที่ผู้สนับสนุนนายฟรังซัวส์ มีกิจกรรมทางเพศเฉลี่ยแล้วเดือนละ 7.6 ครั้งเชียวนะ งานนี้นิตยสารฮอต วีดีโอ ซึ่งเป็นแมกกาซีนเพื่อความบันเทิงของผู้ใหญ่เกิดไอเดียพิเรนทร์ทำโพลนี้ขึ้นมา จึงกลายเป็นข่าวขำๆ ให้ฮือฮากันแบบเบาๆ ไม่ได้เกี่ยวกับความขยันขันแข็งทำการบ้านของนักการเมืองหรือท่านผู้นำแต่อย่างใด นี่ถ้าใจกล้าหน้าด้านกว่านี้ น่าจะไปถามบรรดานักการเมืองดีกว่านะ ข่าวจะดังเปรี้ยงปร้างกว่านี้ แต่เอาเถอะฟังเพื่ออมยิ้มก็พอ!
งั้นขอหันไปพูดถึงความรักและการคบหาดูใจกันต่อดีฝ่า คงมีน้อยคนนักที่จะรักครั้งแรกและเพียงครั้งเดียวแล้วก็เจอคนที่ใช่ และรักกันตลอดไปว่ามะ เพราะส่วนใหญ่คนเราจะผ่านประสบการณ์รักๆ เลิกๆ หลายครั้ง จนกว่าจะเจอใครสักคนที่เป็นตัวจริง ไม่ใช่ตัวสำรองที่เราอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันมากกว่าสินะ โลกนี้ถึงได้มีคำว่า แฟนใหม่ แฟนเก่า และแฟนคนล่าสุดซึ่งเป็นแฟนคนปัจจุบัน ยังไงล่ะ
ทีนี้ ถ้าใครเคยมีแฟน แต่ต้องเลิกกันไปด้วยสาเหตุใดก็ตาม แน่นอนว่า เหตุการณ์ทำนองนี้ อาจทำให้บางคนเกิดความเบื่อหน่ายหรือเซ็งกับความรักขึ้นมาก็ได้ โดยเฉพาะคนที่รักเขามากๆ แต่มารู้ทีหลังว่า เขาไปมีคนอื่น หรือมาพบทีหลังว่า เราสองคนเข้ากันไม่ได้ ขัดแย้ง และทะเลาะกันอยู่เรื่อยก็คงผิดหวังไปตามระเบียบ
แต่แม้จะเซ็งกับการมีความรักมากแค่ไหน เชื่อว่า ยังไง้ ยังไงซะ ก็คงไม่มีใครเข็ดที่จะรักหรอกนะ หากตราบใดที่ยังเปิดใจให้โอกาสตัวเองในเรื่องนี้อยู่ เดี๋ยวความรักก็มาเยือนอีกจนได้ สังเกตดูเหอะ คนประเภทที่ชอบพูดว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่อยากรักใครอีกแล้ว มักมีแฟนใหม่เร็วกว่าพวกที่ไม่ขี้บ่นซะอีก
งั้นเราจะรู้ได้ไงละว่า ควรจะรักอีกครั้งเมื่อไหร่ หลังจากเลิกรากับแฟนเก่าไปแล้ว? นั่นแน่ เป็นคำถามที่ดีมากเลย โถก็ต้องมีสัญญาณพอจะทำให้รู้ตัวบ้างหรอกน่าว่า คุณพร้อมที่จะรักอีกครั้งนึงแล้ว เช่น...1.ตอบให้ได้ว่า หายเศร้าโศก จากความรักครั้งก่อนแล้วหรือยัง?
แหงละว่า ตอนที่เลิกรากับแฟนเก่า อาจทำให้บางคนรู้สึกมึนตึบ และเศร้าสร้อยที่ต้องแยกทางกันไป ไอ้ที่มึนๆงงๆ ก็เพราะบางคนถูกบอกเลิกทั้งที่ยังไม่ทันตั้งตัว แต่จู่ๆ ก็ถูกเขาจู่โจมมาบอกเลิก ตัดสวาทขาดรักกันซะงั้น แล้วจะไม่ให้มึนงงเป็นกวนมึนโฮได้ไง แถมเหตุผลที่เขายกมาอ้างเพื่อเลิกราบางทีก็อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เลิกกันก็ได้ แต่ที่พูดออกมาเพื่อให้จบๆกันไป เช่น บอกมาได้ว่า เพราะคุณเป็นคนดีเกินไป...ฟังแล้วมันทะแม่งๆนะ แทนที่จะบอกว่า ไม่รักแล้วเลิกกันเถอะ ยังชัดเจนซะกว่า ถึงแม้จะเจ็บปวดกว่าก็ตาม
ดังนั้น หากใครยังมึนๆ กับการเลิกราคราวก่อน ที่ชักนำให้เกิดอีกอารมณ์คือเศร้าซึมตามไปด้วย คงต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะลืมอดีตได้ ส่วนจะลืมได้เร็วหรือช้าก็ช่าง ถ้าลืมได้เมื่อไหร่ ก็แสดงว่า คุณพร้อมที่จะเดินหน้ากับความรักครั้งใหม่แล้ว งั้นจะเสียเวลาเศร้าไปทำไมเนอะ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า
คลิกเพื่ออ่านต่อที่นี่....
Create Date : 18 เมษายน 2555 |
Last Update : 18 เมษายน 2555 21:23:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 826 Pageviews. |
|
|