BlogGang.com : : Froggie : [Books] 10 หนังสือสุดสนุกที่ได้อ่านในปี 2013

[Books] 10 หนังสือสุดสนุกที่ได้อ่านในปี 2013

| 2011 | 2012 | 2013 | 2014 | 2015 |

ปีนี้เป็นปีแรกเก็บสถิติว่าอ่านอะไรไปบ้าง (ขอบคุณ Goodreads) เพราะปีที่แล้วทำท็อปเท็นแล้วลืมโควธคุง The Name of the Wind ไปได้ยังไงก็ไม่รู้ T^T

สรุปว่า ปีนี้อ่านหนังสือไป 81+ เรื่อง ที่ + เพราะมีบางเล่มไม่มีลิสท์ใน goodreads เลยไม่ได้นับ ได้ค้นพบนักเขียนใหม่ที่ถูกใจ 10 คน และ 8 คนนั้นมีหนังสือติดท็อปเท็นในลิสท์นี้ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า เรายังอ่านมาน้อยนัก และหนังสือสนุกๆยังมีให้ค้นพบไม่สิ้นสุด

มาดูท็อปเท็นปีนี้ดีกว่า

1. The Name of the Wind – Patrick Rothfuss
เล่มแรกในชุด The Kingkiller Chronicle เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมุดดิ่ง จมหายลงไปในหนังสือ โดยโผล่พรวดขึ้นมาหัวระเบิดเป็นระยะๆ ถ้าใครชอบเอปิคแฟนตาซีต้องอ่านเรื่องนี้ค่ะ แต่ต้องทนอารมณ์หม่นหมองหน่อยนะ จริงๆอ่านไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมลืมใส่ในท็อปเท็น ขอมาแทรกขึ้นลิสท์ปีนี้ละกัน ข้อเสียรุนแรงที่สุดของเรื่องนี้สำหรับเราคือ ตัวเก็งนางเอก แต่ผู้ชายคงชอบผู้หญิงแบบนี้มั้ง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้จนป่านนี้ก็ยังไม่อ่านเล่ม 2 ซะที

2. Wool / Halfway Home – Hugh Howie
จริงๆ Wool กับ Halfway Home เป็นคนละเรื่องกัน และไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่แอบขี้โกงเอามารวมในอันดับเดียวกัน 5555 เรารู้สึกว่าคุณฮิวจ์ไอเดียบรรเจิดมาก พล็อตที่เขียนออกมาจุดประกายความแปลกใหม่ขึ้นมาได้ในบ่อพล็อตนิยายที่รีไซเคิลกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลาอ่าน บางตอนยังกะโดนแม่เหล็กดูด โงหัวไม่ขึ้น เปิดหน้าใหม่แทบไม่ทัน ทั้งสองเรื่องเป็น Dystopia Sci-fi ปกติเราไม่ใช่แฟน Dystopia ด้วยซ้ำ แต่ Wool ลดกระหน่ำจึงอดไม่ได้ จากนั้นก็กลายเป็นแฟนหนึบหนับไปเรียบร้อย

3. Dream Man Series – Kristen Ashley
เป็นอีกหนึ่งนักเขียนใหม่ที่ค้นพบในปีนี้ เรารู้สึกว่าหนังสือของ Kristen Ashley เหมือนมันฝรั่งทอด ไม่มีเนื้อหาสาระ พล็อตย้ำรอยเดิม แต่อ่านแล้วหยุดไม่ได้ มีช่วงหนึ่งตะลุยงานของเธอติดต่อกันจนเอียน จากนั้นก็พบว่า ต่อไปควรจะอ่านทีละเล่มหรือสองเล่ม ต่อให้อยากแค่ไหนก็ควรจะอดใจเว้นระยะ เพราะนานๆครั้งหยิบขึ้นมาจะเป็นการเพิ่มรสชาติให้กับชีวิต เราอ่านหนังสือของเธอมา 2 ชุด คือ ชุด Rock Chick และชุด Dream Man ซึ่งเป็นอัพเกรดขั้นพรีเมี่ยมของชุด Rock Chick โดยเฉพาะเล่มสุดท้าย Motorcycle Man ที่เรากรี๊ดสลบ และนักอ่านคนอื่นก็เห็นด้วยกับเรา เพราะเรื่องนี้โด่งดังเป็นพลุแตกจนแยกหน่อเป็นชุดใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว เราคิดว่ามันน่าจะเป็น Son of Anarchy ระดับเพ้อฝันมุ้งมิ้งน่ะ =D

4. Freakonomics – Steven D. Levitt and Stephen J. Dubner
Non-fiction เรื่องโปรดแห่งปี เล่มนี้อ่านฉบับแปลไทย และแฮปปี้กับมันมากๆ แนะนำนะคะ อยากเขียนรีวิวแต่ขี้เกียจ (อีกแล้ว) ในเฟซตัวเองเคยสรรเสริญไว้พอสมควร ตามลิงก์ข้างบนไปนะ

5. Winter Garden – Adele Ashworth
หนังสือเสียงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปีนี้สำหรับเรา คู่คี่กันมากับ Catch of the Day (ซึ่งไม่ติดท็อปเท็น) เขียนรีวิวพร่ำเพ้อไว้แล้ว ดังนั้นจะไม่กล่าวให้มากความ

6. Lead Me On – Victoria Dahl
พระเอกทำให้เราซึ่งไม่ใช่แฟนแบดบอยละลายได้ค่ะ โอ๊ย เค้าอยากได้พระเอกแบบเน้ๆๆๆๆ นางเอกของวิคตอเรีย ดาห์ลมักจะทำให้เราหงุดหงิดหรือหมั่นไส้เสมอ คนนี้ก็ไม่ยกเว้น แต่ในอีกทางเราก็ชื่นชมเธอ (นางเอก) สุดๆด้วย อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วม ประทับใจ และเป็นหนังสืออีกเล่มที่จะติดอยู่ในความทรงจำ

7. Into the Darkest Corner – Elizabeth Haynes
เราไม่ค่อยอ่าน Thriller เท่าไหร่ แต่ปีๆนึงจะเลือกมาอ่านสัก 2-3 เล่ม นี่คือที่สุดสำหรับปีนี้ อ่านแล้วใจเต้นตูมตามไม่หยุด ขอเตือนไว้ก่อนว่า เรื่องนี้มีฉากรุนแรงเยอะนะคะ เพิ่งสังเกตว่า ท็อปเท็นปีนี้ เป็นหนังสือที่คนเขียนพิมพ์ขายเองไม่ผ่านสำนักพิมพ์เกือบครึ่งแน่ะ เล่มนี้ก็ใช่ค่ะ น่าเสียดายที่ดูเหมือนเล่มอื่นของคนเขียนคนนี้คุณภาพดร็อปลงอย่างเทียบไม่ได้ เราคิดว่าสิ่งที่ทำให้ ItDC พิเศษขึ้นมาเพราะนางเอกเป็น OCD+PTSD เวลาอ่านรู้สึกกดดันแทนเป็นสองเท่า เป็นอีกเล่มที่วางไม่ลง

8. The Wedding Journey – Carla Kelly
รีเจนซี่โรแมนซ์ที่ครบทั้งสาระและบันเทิง พระเอกเป็นหมอทหารในสงครามนโปเลียน ต้องนำหน่วยพยาบาลของตน+คนเจ็บที่ถูกทิ้งไว้ในสเปนระหว่างการถอนทัพไปสู่ที่มั่นอันปลอดภัยให้ได้ อ่านเล่มนี้จบแล้วเราตั้งความหวังกับหนังสือของเธอไว้มากค่ะ เลยคิดว่าจะเว้นระยะหน่อย ปีหน้ามาดูกันว่าเธอจะกลายเป็นนักเขียนโปรดคนใหม่ของเราหรือเปล่า

9. Easy – Tammara Webber
วงการหนังสือปีนี้ สิ่งที่มาแรงที่สุดก็คือ กระแส New Adult (นิยายชีวิตเด็กมหาลัยหรือเด็กจบใหม่) เราได้ลองหยิบขึ้นมาสามสี่เล่ม และพบว่า ไม่ใช่สไตล์ เรื่องเดียวที่อ่านแล้วปลื้มก็คือ Easy รู้สึกชื่นชมในสารที่คนเขียนต้องการจะถ่ายทอด และอาจเพราะเป็น NA เล่มแรกๆที่ได้อ่าน จึงยังมองไม่เห็นว่า NA ทุกเล่มเดินตามสูตรขนาดไหน รู้สึกดีใจที่ตัวเองอ่านเรื่องนี้ก่อนจะจับสูตรได้ ไม่งั้นไม่รู้ว่าดีกรีความสนุกจะลดลงรึเปล่า

10. Manhunting / Anyone But You – Jennifer Crusie
เล่มเดียวจบสองเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่จับมัดแพ็คซูเปอร์เซฟในอันดับเดียวกัน ^^ อ่านแล้วอารมณ์ดีเหลือหลาย เราชอบๆๆๆๆบทสนทนาและการดำเนินเรื่องของ JC ในสองเล่มนี้ ลื่นไหล แทบไม่มีอะไรขัดใจเลย หัวเราะกิ๊กกั๊กเกือบตลอดทั้งเล่ม

หนังสือที่ปิ๊งแต่หลุดโผไป ได้แก่

The Talisman Ring – Georgette Heyer
The Duchess War / A Kiss for Midwinter – Courtney Milan
Ender’s Game – Orson Scott Cards
Catch of the Day – Kristan Higgins
Something About You – Julie James
Untraceable – Laura Griffin

ปีหน้าตั้งใจจะอ่านหนังสือภาษาไทยให้มากขึ้น ไฟโตะ!

Create Date : 23 ธันวาคม 2556

Last Update : 25 ธันวาคม 2562 9:49:56 น.

6 comments

Counter : 8312 Pageviews.

โธ่ ปีนี้เชียร์คุณฮิวจ์ขึ้นคนเดียวเอง ปีหน้าจะพยายามใหม่ค่ะ! (อะไรของเธอ)

โดย: ทินา IP: 171.7.204.138 วันที่: 23 ธันวาคม 2556 เวลา:21:53:24 น.

ปีนี้เห็นได้ว่าทุกคนกระหน่ำเชียร์ Motorcycle Man มว้ากกกก ค่ะ 555 หยิบมาอ่านแล้วเรียบร้อยก่อนเล่มอื่นๆ ในซีรี่ย์ และต่อด้วยเรื่องของ Tabby ไปแล้วเรียบร้อยค่ะ กรี๊ดกร๊าดมากมายยย เล่มคุณพ่อสนุกกว่า แต่เรื่องคุณลูก พระเอกก็ทำเอาใจละลายไม่แพ้กันเลยทีเดียวค่ะ คาดว่าน่าจะมีเรื่องของ Rush ต่อ ตั้งตารอเลยล่ะค่ะ 55

โดย: mei IP: 1.20.153.250 วันที่: 23 ธันวาคม 2556 เวลา:22:36:35 น.

มีหนังสือเหมือนคุณ Froggie แค่ 2 เล่มเอง
Ender's Game สนุกมาก ผมชอบ ส่วน Freakonomics นี่ดองไว้ตั้งแต่ออกใหม่ๆแล้ว

The Name Of The Wind อย่างหนา ไม่แปลคงไม่รอด เห็นฝรั่งหยิบ ถามหาหลายคนแล้วเวลาแวะไปที่ Kinokuniya

Wool แนว Dystopia ก็น่าสนใจดี หลังๆ Sci-fi แนวนี้ฮิตจัง

โดย: leehua IP: 111.84.212.78 วันที่: 23 ธันวาคม 2556 เวลา:23:45:11 น.

@ ทินา >> ปีหน้ารอใช้บริการแนะนำหนังสือหนุกๆอยู่นะคะ (ตามไปอีกคน)

@ mei >> ของเค้าดีจริงค่ะ เรายังไม่ได้อ่านหนูแทบบีเลย มีคนรุมไซโค ชุด Colorado Mountains เต็มไปหมด อาจจะได้ลัดคิวก่อน มาอ่านด้วยกันมั้ยคะๆๆๆ

@ leehua >> หยิบ Freakonomics ขึ้นมาปัดฝุ่นเถอะค่ะ เราว่ามันเป็น non-fiction ที่บันเทิงดีเชียว Ender's Game ได้อ่านก่อนไปดูหนัง รู้สึกว่าหนังสือสนุกกว่า 3.5 เท่า The Name of the Wind เราอ่านอีบุคเลยไม่รู้ตัวว่ามันหนาจัด พอไปร้านหนังสือเห็นความอวบอ้วนแล้วเข่าทรุด มิน่าล่ะ รู้สึกว่าจมอยู่ในหนังสือน้านนาน ส่วน Wool เชียร์ค่าาา อีบุคราคาไม่แพงเลย

โดย: Froggie

วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:13:39:03 น.

ที่คุณ Froggie เขียนมานี่ยังไม่ได้อ่านตั้งหลายเล่มค่ะ ขอบอกว่าน่าอ่านมากๆทุกเล่มค่ะ ปีหน้าตั้งใจจะอ่านหนังสือให้มากๆกว่าเดิมค่ะ สู้ๆ

โดย: moony_pl IP: 125.26.88.62 วันที่: 4 มกราคม 2557 เวลา:18:52:27 น.

ตอบช้าไปหน่อย ขอโทษค่ะ

อ่านเล่มไหนถูกใจมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

โดย: Froggie

วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:22:00:16 น.