แหล่งกบดาน
<<
พฤษภาคม 2559
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
5 พฤษภาคม 2559

[Books] Boston Fire Series #1-3 - Shannon Stacey


ภาพจาก boston.com

Shannon Stacey เป็นนักเขียนโรแมนซ์ร่วมสมัยที่ผลงานอ่านสบาย ไม่เครียด บทสนทนาเป็นธรรมชาติ ผลงานเก่าที่เรากรี๊ดที่สุดของ SS คือ Yours To Keep (เล่ม 3 ในชุด Kowalski) โดยมีเล่ม 4 และ 8 ตามมาห่างๆ นอกนั้นเราอ่านแล้วออกเฉยๆ

เอกลักษณ์นิยายของ Shannon Stacey คือ พระเอก Blue Collar ฉากนิวอิงแลนด์ กีฬา และความสัมพันธ์ของพี่น้อง ซึ่งสองอย่างหลังนี่เข้าทางเราเป๊ะ ในเล่มมีเอ่ยถึงครบทั้ง Red Sox, Bruins, Celtics, Patriots และพระเอกเล่นฮอกกี้เป็นงานอดิเรก

ชุดนี้ธีมหลักคือชีวิตนักดับเพลิง อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มหลายอย่าง พระเอกเล่มแรกอยู่ทีม Engine เล่มสองอยู่ทีม Ladder ตอนแรกก็งงๆว่าต่างกันยังไง แต่จากนิยายและหาข้อมูลเพิ่มนิดหน่อย เดาว่าน่าจะประมาณนี้

ทีมนักดับเพลิงที่บอสตันแบ่งเป็น ทีม Engine กับ ทีม Ladder ซึ่งทำงานคู่กัน

ทีม Engine ใช้รถดับเพลิงที่มีปั๊มและหัวฉีดน้ำ กับบันไดสั้นๆสำหรับบ้าน 2-3 ชั้น มีนักดับเพลิงประจำประมาณ 3-4 คน เป็นทีมหัวใจหลัก มีหน้าที่เข้าไปต่อปั๊มกับหัวก๊อกน้ำดับเพลิง แล้วลากสายฉีดเข้าไปดับไฟในอาคาร

ทีม Ladder ใช้รถที่มีบันไดยาวๆ มีนักดับเพลิงประจำประมาณ 4-5 คน มีหน้าที่พาดบันไดหรือยกบันไดจากรถ แล้วเข้าไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ภายใน คล้ายๆทีมกู้ภัย ถ้าสถานีเล็กจะไม่มีทีมนี้


เครดิตภาพ writtenfyi.com

ในภาพเป็นอู่จอดรถของสถานีดับเพลิงเก่าแก่ที่สุดในบอสตัน ซึ่งเป็นสถานีของ Ladder 15 กับ Engine 33

เมืองอื่นอาจจะแตกต่างออกไป เมืองไทยยิ่งไม่น่าแยกทีมชัดเจนเข้าไปใหญ่ และเรามีรถที่มีบันไดยาวพอดับไฟตึกสูงเกิน 15 ชั้นแค่คันเดียว จอดอยู่ที่ดับเพลิงสามเสน ไฟไหม้ตึกสูงที่ไหน ต้องรอคันนี้เท่านั้น (ฟังแล้วสยอง)

ถ้าไม่ใช่เพราะโปรโมชั่นคงไม่ได้ซื้อชุดนี้ เราไม่ค่อยปิ๊งพระเอกนักดับเพลิงในโรแมนซ์ รู้สึกมันเว่อร์เกิน (เหมือนพระเอกหน่วยซีลแหละ) แต่แหม เราไม่น่าสงสัยฝีมือ Shannon Stacey เลย เธอเขียนพระเอก blue collar ได้มีชีวิตจิตใจเหมือนมีตัวตน ชอบข้อมูลชีวิตนักดับเพลิงที่เธอแซมๆมาในเรื่อง ทำให้อ่านแล้วดูสมจริงขึ้น อย่างไรก็ตาม แอบคิดไม่ได้ว่าบอสตันมีไฟไหม้บ่อยขนาดนั้นเลยเรอะ อย่างว่าแหละ นี่เป็นโรแมนซ์ ดีกรีฮีโร่บ้าพลัง ยังต้องมีอยู่ ถึงจะน้อยลงแล้วก็เถอะ

ว่าถึงเนื้อเรื่องทีละเล่มบ้าง



Heat Exchange (Boston Fire #1)

ฉากหลังของชุด Kowalski เป็นเมืองเล็ก แต่เพราะชุดนี้เกิดที่บอสตัน อารมณ์ก็เลยยังเหมือนเมืองเล็กอยู่ดี ชุมชนที่นางเอกอยู่ใกล้ชิดแนบแน่นเสียจนนางเอกเผ่นจากบอสตันไปอยู่นิวแฮมพ์เชียร์เพราะเบื่อที่ตัวเองทำอะไรใครๆก็รู้กันหมด (โรแมนซ์เมืองเล็กชัดๆ)

ลีเดีย (นางเอก) เบื่อสังคมนักดับเพลิง พ่อของเธอเป็นอดีตนักดับเพลิงที่ปลดเกษียณมาเปิดสปอร์ตบาร์ (ที่เหมือนบ้านหลังที่สองของนักดับเพลิงบางหน่วย) พี่สาวแต่งงานกับนักดับเพลิง น้องชายเป็นนักดับเพลิง แถมอดีตสามีเจ้าชู้ของเธอก็เป็นนักดับเพลิงอีก เปิดเรื่องมาก็คือลีเดียที่หนีไปทำงานที่นิวแฮมพ์เชียร์แล้ว ต้องกลับบ้านเพราะชีวิตแต่งงานของพี่สาวเกิดมรสุม และพ่อต้องการตัวเธอกลับมาช่วยงานที่บาร์

เอดัน (พระเอก) เลือกอาชีพนักดับเพลิงเพราะครอบครัวของลีเดีย เอดันสนใจลีเดียมานานแล้วแต่เธอเป็นของต้องห้าม นอกจากจะเป็นลูกสาวของชายที่เหมือนพ่อคนที่สอง ลีเดียยังเป็นพี่สาวเพื่อนซี้ และตัวลีเดียเองที่เข็ดจากสามีเก่าก็ลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่คบหากับนักดับเพลิงคนไหนอีก

แน่นอนว่าพอทั้งสองกลับมาพบกันใหม่หลังจากไม่เจอหน้ากันหลายปี ประกายไฟก็พรึ่บพรั่บ

บทสนทนาอ่านลื่นเหมือนเคย เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ประเด็นช่วงแรกเหมือนจะอยู่ที่ลีเดียกับเอดันต้องแอบพบกันลับๆล่อๆ นี่ไม่ใช่พล็อตที่เราชอบ แต่ทั้งสองคนเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่ง เราเลยไม่อึดอัดมากนัก พอเข้า 1/4 สุดท้าย ชักตื่นเต้น เพราะเริ่มพบว่ามันมีอะไรที่ลึกกว่านั้น โดยเฉพาะ ความยากของการเป็นภรรยานักดับเพลิง และปมของลีเดียที่รู้สึกว่านักดับเพลิงเห็นงานสำคัญกว่าครอบครัว เราอ่านแล้วก็อดเห็นใจและคล้อยตามไม่ได้ (อยู่แป๊บนึง)

เล่มนี้มีความรักสองคู่ คือคู่ลีเดีย-เอดัน กับคู่พี่สาวกับพี่เขย (ที่มีปัญหาจนเกือบจะหย่ากัน) แนวทางการแก้ปัญหาของลีเดียและพี่สาวเหมือนกันเปี๊ยบ คือลองใจกันไปงั้นแหละ ฝ่ายหญิงเงื้อง่าราคาแพง สุดท้ายพอผู้ชายตามใจก็อ่อนข้อให้ กลับไปเหมือนเดิม ซึ่งจริงๆมันก็ดีนะสำหรับโรแมนซ์ แต่อดรู้สึกไม่ได้ว่ามักง่ายไปหน่อย ไม่ใช่ความผิดของคนเขียนหรอก เราคาดหวังความลึกไปเองแหละ

ฉากที่ชอบเป็นพิเศษคือตอนที่เอดันกับน้องชายนางเอกมีเรื่องกัน แล้วก็ตอนปรับความเข้าใจ เห็นภาพตามได้เป็นฉากๆเลย สรุปว่าเราชอบความสัมพันธ์เพื่อนและพี่น้องมากกว่าความรัก

3 ดาว

รูปนี้ตลกดี อย่าคิดว่าไม่จริงนะ เล่มสองเปิดตัวด้วยผู้หญิงที่อยากจีบนักดับเพลิงมากจนวางเพลิงบ้านตัวเองนี่ละ

Controlled Burn (Boston Fire #2)

ถ้าเล่มแรกคือแง้มชีวิตครอบครัวของนักดับเพลิง เล่มนี้ก็เป็นการพาทัวร์สถานี พอให้เรารู้ว่าพวกนักดับเพลิงแต่ละวันใช้ชีวิตกันยังไง ถ้าตามเรื่องถูกต้อง ก็คือเข้ากะ 24 ชั่วโมง แล้วได้พัก 24 ชั่วโมง จากนั้นก็เข้าอีก 24 ชั่วโมง แล้วพักอีก 48 ชั่วโมง บางคนมีอาชีพเสริมด้วยเวลาว่าง ไม่รู้เลยว่าของไทยเป็นแบบไหน เมืองไทยน่าจะมีนิยายที่เจาะลึกอาชีพแบบนี้มั่งนะ น่าสนใจออก

เล่มนี้พระเอกเป็นหน่วย Ladder (พระเอกเล่มที่แล้วอยู่ Engine) นางเอกเป็นหลานสาวตายายเจ้าของบ้านเช่าที่พระเอกรักเหมือนครอบครัวแท้ๆ ลูกชายเจ้าของบ้านเช่ามีเรื่องผิดใจกับพ่อแม่แบบไม่เผาผี เลยย้ายไปซานดิเอโก สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินใหญ่โต เปิดเรื่องคือคุณตาเจ้าของบ้านเช่าล้ม ทางโรงพยาบาลเลยติดต่อไปหาลูกชาย แต่เจอหลานสาวแทน หลานเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีปู่ย่าอยู่ เลยบินมาหา

นางเอกเป็น white collar พระเอกเป็น blue collar แต่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้งอะไรในประเด็นนี้ แอบรู้สึกว่าบริษัทนางเอกราบรื่นเว่อร์ไปหน่อย จู่ๆก็ปล่อยบริษัทรันเองได้ตั้งหลายอาทิตย์ กำกับแค่ทางโทรศัพท์กับอีเมลก็พอ อ่านแล้วแอบอิจฉานิดนึง

ชอบความสัมพันธ์ครอบครัว ส่วนความรักเฉยๆอีกแล้ว

3 ดาว


Fully Ignited (Boston Fire, #3)

เป็นนิยายที่นางเอกเข้มแข็งในการงาน พระเอกทำผิดแล้วรู้จักง้อ โดยไม่น่าสมเพช บทบาทของนางเอกในฐานะผู้นำทีมในโลกของนักดับเพลิงผู้ชายก็โอเคเลยละ

พระเอกนางเอกเป็นนักดับเพลิงทั้งคู่ นางเอกอายุมากกว่าพระเอก 6 ปี ถูกย้ายมารักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าทีมของพระเอกจนกว่าหัวหน้าคนเดิมจะหายขาหัก

ตามประสานิยายของ Shannon Stacey พระนางเจอกันแป๊บเดียวก็สปาร์คพรึ่บ ทั้งสองคนต้องเก็บเรื่องคบกันเป็นความลับ...อีกละ ซีรีส์นี้มามุกนี้ตลอด แต่เล่มนี้ดูไม่ซีเรียสมากถ้าจะเปิดเผย นางเอกมั่นใจในความสามารถทางการงานของตัวเอง คิดวว่าถึงมีปัญหาก็จะผ่านไปได้

นี่เป็นเล่มที่สามแล้วที่พระนางคิดว่าแค่คบกันเล่นๆชั่วคราว ขนาดว่าอ่านทิ้งระยะ ยังรู้สึกซ้ำ แต่เล่มนี้สาเหตุหลักเพราะพระเอกเสียแม่ไปตอนเด็ก เลยฝังใจว่าลูกไม่ควรขาดแม่ ส่วนนางเอกไม่คิดจะเลิกอาชีพนักดับเพลิง ดังนั้นทัศนคติของพระนางเกี่ยวกับบทบาทของภรรยาเลยสวนทางกัน

ต่อจากนี้จะสปอย
.
.
.
.
ตอนแรกอ่านไปเฉยๆ แอบเนือยด้วย คิดว่าสงสัย 2.5 ดาวแหละ แต่ปัญหาช่วงใกล้จบเล่มทำให้ตาตื่น พระนางดับเพลิงอยู่ในตึกที่กำลังจะถล่ม นางเอกสั่งให้ลูกน้องทุกคนออกจากตึก และตัวเองกำลังจะแบกลูกน้องที่บาดเจ็บออกมา พระเอกขัดคำสั่งนางเอก พรวดพราดเข้ามาแบกลูกน้องคนนั้นแทน พอจบเรื่อง นางเอกตำหนิพระเอกด้วยความโกรธจัด พระเอกดันประกาศต่อหน้าคนทั้งทีมว่า ทิ้งนางเอกให้เผชิญอันตรายคนเดียวไม่ได้ ผมรักคุณ ผมเป็นห่วงคุณ

นางเอกยัวะกว่าเก่า เหมือนโดนฉีกหน้าต่อสาธารณชน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยจบที่ตรงนั้น

ต่อจากนั้นพระเอกก็ต้องทำความเข้าใจว่าตัวเองผิดตรงไหน ทำไมถึงทำลงไปทั้งที่รู้ว่านางเอกต้องโกรธ เราชอบตอนที่พระเอกบอกว่า เขาจะทนได้ยังไงที่รู้ว่าคนที่ตัวเองรักต้องออกไปเสี่ยงอันตรายและอาจไม่ได้กลับมาอีก พี่สาวพระเอกเลยบอกว่า ก็ทนอย่างที่พวกเราทนน่ะสิ (พี่สาวพระเอกก็แต่งกับนักดับเพลิง) ทำไมพวกเราถึงทนได้ล่ะ

แน่นอนว่าแค่นั้นก็ยังไม่ทำให้พระเอกสำนึกนะ ของแบบนี้ต้องใช้เวลา แต่หลังจากทำความเข้าใจตัวเอง (แบบคนเป็นผู้ใหญ่ควรจะทำ) ก็เป็นรายการง้อนางเอก (มีถึงขั้นบอกว่าจะยอมไปคุยกับนักบำบัดเพื่อแก้ปมเรื่องเสียแม่แต่เด็กด้วย หายากนะ พระเอกที่ยอมไปคุยกับนักบำบัดเนี่ย)

ตัวนางเอกเองก็ไประบายความในใจกับเพื่อน ซึ่งก็ปลอบนางเอก ด่าพระเอก แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าเขาก็รักแกนา อย่าทิฐิจนเกินงาม พอพระเอกมาง้อ นางเอกเลยไม่เล่นตัวงี่เง่า คุยกันดีๆ บอกว่าจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน

ซึ่งมันเวิร์คมากเลย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องง้อตลอดหรืองอนตลอด ชีวิตคู่คงไปไม่ยืด
ในเล่มยังแทรกความรู้เรื่องชีวิตประจำวันของนักดับเพลิงได้น่าสนใจเหมือนเคย อย่างเช่น เปลี่ยนกะยังไง ปฏิบัติการฉุกเฉินกับไม่ฉุกเฉินสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน วันๆทำอะไรบ้าง ดราม่าบ้าบอก็มีน้อยมาก ออกจะเรียลทีเดียว

แต่ให้แค่ 3 ดาวแหละ คืออ่านแล้วยังไม่ค่อยอิน



Create Date : 05 พฤษภาคม 2559
Last Update : 20 กรกฎาคม 2559 20:49:11 น. 0 comments
Counter : 2035 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Froggie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]




[Add Froggie's blog to your web]