เรื่องราวของสาวผิวสี ที่เอาตัวปกป้องพวกเหยียดผิว จาก //www.bbc.co.uk/news/magazine-24653643 ในปี 1996 กลุ่มคลู คลักซ์ แคลน (KKK) ซึ่งเป็นองค์กรเชิดชูคนขาวและเหยียดคนผิวสี วางแผนจะจัดการชุมนุมที่เมืองแอนน์อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน ผู้คนหลายร้อยคนพากันรวมตัวประท้วงเพื่อแสดงว่าชาวเมืองแอนน์อาร์เบอร์ไม่สนับสนุนองค์กรนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดแต่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจติดเกราะและแก๊สน้ำตาคอยปกป้องเหล่าสมาชิก KKK ที่สวมเสื้อคลุมและฮู้ดแหลมสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม ในหมู่ผู้ประท้วงอีกฟากหนึ่งของรั้วกั้น มีเด็กสาวผิวดำ ชื่อ เคเชีย โธมัส ซึ่งมาร่วมต่อต้าน KKK ด้วย จู่ๆก็มีเสียงโทรโข่งดังขึ้นว่า "มีพวก KKK อยู่แถวนี้" ทุกคนหันไปมองและเห็นชายผิวขาววัยกลางคนสวมเสื้อยืดธงสมาพันธรัฐฝ่ายใต้ ชายคนนั้นพยายามเดินหนี แต่กลุ่มผู้ประท้วง รวมทั้งโธมัส ต่างวิ่งตาม และร้องว่า "ไล่มันออกไป!" ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าชายคนนั้นสนับสนุน KKK จริงหรือไม่ แต่สำหรับฝ่ายผู้ประท้วงแล้ว เสื้อผ้าและรอยสักนั้นแสดงออกถึงสิ่งที่ทุกคนไม่เห็นด้วย ธงสมาพันธรัฐฝ่ายใต้เหมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งการเหยียดผิวและความเกลียดชัง รอยสัก SS บนต้นแขนเขาก็บ่งว่าชายคนนี้เชื่อในแนวคิดเชิดชูคนขาว หรือเลวร้ายกว่านั้น มีเสียงตะโกนว่า "ฆ่าไอ้นาซีนั่น!" ชายคนนั้นจึงเริ่มวิ่ง แต่เขากลับถูกผลักจนล้ม ฝูงชนแห่เข้ารุมล้อม ต่างคนต่างเตะถีบ ใช้ไม้ที่ติดป้ายประท้วงรุมทุบตี อารมณ์ม็อบเริ่มเมามันได้ที่ เหตุการณ์เริ่มกลายเป็นป่าเถื่อน ตอนนั้นเองที่ เคเชีย โธมัส ซึ่งในขณะนั้นมีอายุ 19 ปี โถมตัวเข้าบังชายคนนั้นไว้จากการถูกรุมทำร้ายทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และไม่ไยดีว่าตนเองจะถูกลูกหลงหรือไม่ มาร์ก บรุนเนอร์ ช่างภาพที่ได้เห็นเหตุการณ์พูดว่า "เธอยอมเสี่ยงตัวเองเข้าปกป้องคนที่คงไม่มีวันจะทำอย่างนั้นเพื่อเธอ ในโลกนี้จะหาคนอย่างเธอได้ที่ไหน" มีคนถามโธมัสว่าทำไมเธอถึงเข้าไปช่วยคนที่มีความคิดคนละขั้วกับตัวเอง เธอตอบว่า "ฉันรู้ว่าเวลาเจ็บมันเป็นยังไง หลายครั้งที่เกิดขึ้น ฉันอยากให้มีใครสักคนมาช่วยฉัน" เธอไม่อยากเล่ารายละเอียด บอกเพียงว่าสถานการณ์ต่างจากครั้งนี้ "แต่ความรุนแรงก็คือความรุนแรง ไม่มีใครควรจะถูกทำร้ายทั้งนั้น โดยเฉพาะเพราะความคิดไม่เหมือนกัน" ผู้ชายคนที่โธมัสช่วยไว้ไม่เคยติดต่อเธอเลย แต่หลายเดือนต่อมา มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาโธมัสในร้านกาแฟแล้วกล่าวขอบคุณ "ขอบคุณเรื่องอะไร" เธอถาม เด็กหนุ่มตอบว่า"ผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อของผม" สำหรับโธมัสแล้ว การที่ผู้ชายคนนั้นมีลูกชายยิ่งทำให้สิ่งที่เธอทำลงไปมีความสำคัญมากขึ้น เพราะเธออาจจะช่วยป้องกันความรุนแรงไม่ให้ขยายตัวต่อไปได้ "ส่วนใหญ่แล้ว คนที่ทำร้ายคนอื่น มักจะเพราะเคยถูกทำร้ายมาก่อน มันเป็นวัฎจักรอย่างหนึ่ง ลองนึกดูว่าถ้าผู้ชายคนนั้นตายหรือบาดเจ็บสาหัส ลูกชายของเขาจะรู้สึกยังไง จะผูกใจเจ็บหรือเปล่า" ข้อมูลเพิ่มเติมจากวิกิพิเดีย: ไม่นานหลังจากนั้นโธมัสเข้าไปปกป้องชายคนนั้น ตำรวจก็มาถึง และจับกุมผู้ประท้วง 7 คน รวมทั้งยิงแก๊สน้ำตาไล่ม็อบที่พยายามจะบุกเข้าไปในสถานีตำรวจที่เจ้าหน้าที่พาสมาชิกกลุ่ม KKK 15 คนไปซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัย Create Date : 02 ธันวาคม 2556 Last Update : 2 ธันวาคม 2556 20:08:02 น. 0 comments Counter : 3105 Pageviews.   Share Tweet ชื่อ : Comment :   *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก