❤++++++❤ เอาแมว (ชาวบ้าน) มาอวด ❤++++++❤

สวัสดีค่ะ


เมื่อวันเสาร์ไปงานแต่งงานเพื่อนที่ต่างจังหวัดมา ก่อนจะกลับมาสู่กรุงเทพฯ ก็แวะไปที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง



และแล้วเมื่อตาสบตามาประสานนนนนนนนน (กรุณาร้องเป็นทำนองลิเกด้วย)


ก็ไปพบประสบพักตร์กับสาวน้อยผิวขาวละเอียดนอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะ



ปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง



รีบคว้าโทรศัพท์มาถ่ายรูปเจ้าหล่อนทันที


รูปแรก ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ เห็นมะคะ ใส่คอนแทกเลนส์สีละข้างซะด้วย (พูดเล่นนะค้า ของหนูเป็นโดยธรรมชาติ) เอ..ยายคนถ่ายรูปนี่มันใครหว่า





รูปที่สอง เชอะ..ไม่สนใจหรอก ไม่รู้จัก




รูปที่สาม นี่ตอนเจ้าตัวลุกขึ้นค่ะ เอียงซ้ายที ขวาที ให้เราเกาคางนิดหน่อย ก่อนสะบัดก้นเดินจากไป







สวยจังเลย




จริงๆ ตัวเองเป็นคนไม่ชอบแมวเท่าไหร่ค่ะ (เมื่อก่อนนี้) เพราะบ้านญาติเคยมีแล้วแบบกลิ่นฉี่กลิ่นอึเค้านี่ฟุ้งเต็มบ้านหมดเลย แถมยังทำเสียงกรนๆ ในคออีกง่ะ ขนก็ร่วงๆๆๆ แถมเค้ายังบอกเราว่าขนแมวเข้าจมูกจะเป็นหืดหอบ ก็เลยไม่ชอบแมวเลย ชอบแต่หมาค่ะ


แต่พอโตมาหน่อย แมวก็เริ่มมาที่บ้านเอง จนตอนนี้มีแมวอยู่ที่บ้าน ๕ ตัวแล้วค่ะ เมื่อก่อนจะมีตัวผู้เป็นแมวสีสวาทสวยมากๆ ชื่อ “พรมพยัคฆ์” (ตอนนั้นละครเรื่องหนึ่งดังมากๆ จำได้ปะคะ) ส่วนตัวเมียที่คู่กันชื่อ “ณจันทร์” (ก็จากละครเรื่องเดียวกัน) สองชื่อนี้น้องชายเราตั้งให้ค่ะ ต่อมาพอแมวบ้านอื่นมาติดพัน ณจันทร์ ไอ้แมวบ้าตัวนี้ก็มาหวงมาขู่พรมพยัคฆ์ จนพรมพยัคฆ์รำคาญก็เลยหนีไปอยู่วัดเลยค่ะ (ยังกะละครแหนะเนาะ )แต่ต่อมาณจันทร์โดนสุนัขบ้านอื่นกัดตายอีก (อันนี้จริงๆ ต้องโทษการเลี้ยงของบ้านเราด้วยค่ะ เพราะหมาบ้านเราเค้าไม่กัดไง พอณจันทร์เค้าไปเที่ยวนอกบ้าน ไปเจอหมาตัวอื่นก็นึกว่าเค้าไม่กัดเหมือนกัน ก็เลยโดนกัดซะ แม่ร้องไห้ซะ... เราเองอยู่กรุงเทพฯ รู้ข่าวยังเศร้าเลย ) ตอนนี้ก็เลยเหลือแต่ลูกๆ หลานๆ ของสองตัวนี้อยู่บ้านค่ะ แต่ไม่เหลือสีสวาทของพรหมพยัคฆ์แล้วนะ เหลือแต่ลายๆ แบบณจันทร์ แล้วก็มีสีดำแบบแมวบ้านอื่น ฯลฯ ปนๆ กันอยู่ค่ะ




แต่แหม...เห็นแมวที่บ้านนี้แล้วชอบจริงๆ เลยค่ะ สวยอะไรอย่างนี้หนอ


เพื่อนบอกว่าเค้าชื่อ “เพชร” ค่ะ ลักษณะอย่างนี้เรียกขาวมณี แต่ตาสองข้างคนละสีนี่เราไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่ชอบมากๆ (ไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อน ขโมยกลับไปเลี้ยงที่บ้านแล้วนะนี่ )




วันนี้เอาแมวมาอวดเฉยๆ นะคะ ไม่มีอะไรมาคุยด้วยค่ะ




ที่บ้านเลี้ยงอะไรกันบ้างหรือเปล่าคะ?






 

Create Date : 15 มีนาคม 2549    
Last Update : 15 มีนาคม 2549 18:14:08 น.
Counter : 1648 Pageviews.  

❤++++++❤ ถ้วยฟีฟ่า ไอติม และดูบอลกับสาวกผี&หงส์แดง ❤++++++❤


เมื่อวานนี้เรามีนัดหมายกับ hunjang และ rebel ว่าจะไปกินไอติมที่ร้านของเซียวเปียกลี้ ซึ่งอยู่บริเวณห้างน้อมจิตตรงข้ามเดอะมอลล์บางกะปิ (ที่เพิ่งเปิดมาเมื่อไม่นานมานี้)


โดยนัดหมายกันที่คณะของเซียวฯ เวลาบ่ายสามโมงตรง


กว่าจะออกก็ประมาณสามโมงฝ่าๆ แล้วเซียวก็ต้องไปรับเพื่อนชื่อ “กิ๊ก” ที่สยามพารากอน แต่พอดีว่าเมื่อจอดรถแล้วกิ๊กก็ยังไม่เสร็จธุระ พวกเราก็เลยตัดสินใจว่าไปเดินเล่นที่คิโนคุนิยะกันดีกว่า (ดีกว่าไปช้อปกระเป๋ากุชชี่กันเนาะเพื่อนๆ กร๊ากกกก)


ดูได้สักพักหนึ่ง กิ๊กก็สำเร็จเสร็จธุระ เตรียมตัวจะออกเดินทางไปร้านไอติม เจ้าตัว (กิ๊ก) ก็หันมาขณะขึ้นบันไดเลื่อนพร้อมยื่นรูปถ่ายให้เซียวดู

“เนี่ย..ไปถ่ายรูปกับถ้วยฟีฟ่ามา”

เราก็เออ..ดีจัง

“ก็พอดีเรามาทำงานนี้ไงก็เลยได้ดู”

“จริงเหรอ ดีเนาะ อิจฉาจัง”

ไม่รู้ว่าด้วยอาการริษยา อิจฉาออกนอกหน้าหรือไร (ไม่ใช่หรอก อาจเป็นแววตาสลดหดหู่ก็ได้นิ ) กิ๊กก็เลยบอกว่า

“เอามั้ยล่ะ เราขอบัตรได้นะ”


เฮ้ยๆๆๆๆ ราวกับเสียงสวรรค์


กิ๊กมีปีกสีขาวพร้อมกับวงๆ บนศีรษะทันที




แน่นอน บรรดาสามท่านที่เหลือย่อมรีบรับคำเป็นธรรมดา ส่วนเราน่ะ ก็..นะ ดูก็ดี (มันหาดูยากไม่ใช่รึ แค่ ๑ ใน ๒๘ ประเทศใช่มะ) ไม่ดูก็ได้ สงสารแต่อีกคนที่ยังไม่ได้มาด้วยกัน คนนั้นน่าจะอยากดูมากกว่า แต่..นั่นแหละ อยากไปเจอที่ร้านเลยไม่เจอคนอื่นพร้อมกันกับเราเลยนี่หว่า ก็อดไปซะเหอะ อิอิ

แล้วก็ไม่มีใครฉุกใจคิดเลยนะว่า..มันใช้เวลานานเท่าไหร่หว่า (แต่นะ..ใครจะฉุกใจคิดฟะ ว่ากะการไปดูถ้วยเวิลด์คัพมันต้องใช้เวลานานโคตรๆ ขนาดนั้น)




รอบที่พวกเราได้คือรอบ 16.45 น.


พอใกล้เวลาเจ้าหน้าที่ก็ประกาศไปต่อคิวกัน โดยระหว่างเข้าคิวนั้นก็ดูไปทางเกมต่างๆ ที่เค้าเอามาจัดไว้ ที่เราสนใจคือไอ้ยืดดึ๋งๆ (เรียกว่าอะไรหว่าที่มีที่ x-park แล้วของ Red Bull ก็มีออกงานบ่อยๆ น่ะ) ให้คนดูดีดตัวขึ้นไปโหม่งบอลที่แขวนไว้น่ะ ก็มีทั้งคนทำได้ทำไม่ได้ แต่ชอบคนหนึ่ง เค้าไม่โหม่ง เค้าใช้เตะเอาเลย เท่ห์มั่กๆ อิอิ



พอได้เข้าไปปุ๊บ ด่านแรก (ราวกับด่านสิบแปดอรหันต์) ก็มีให้ยกมือตะโกนว่าเฮ้ดังๆ พร้อมกัน ถึงจะให้เข้า (แต่ทำไมพวกเราไม่ให้ความร่วมมือกันเลยฟะ?) จากนั้นก็เป็นจอกะนิทรรศการเกี่ยวกะถ้วยฟีฟ่าทั้งสองถ้วย (เป็นเรื่องราวสั้นๆ) พร้อมกับพริตตี้ให้ข้อมูล (ซึ่งก็มีคนสนใจบางส่วน) ปาวๆๆๆ อยู่ด้วย ในจอก็ฉายฉากยิงประตูต่างๆ


จากนั้นด่านต่อไปก็เป็นด่านถาม-ตอบ พร้อมขนมเป็นของรางวัล หุๆ คือ ด้วยความที่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นสาวกบอลมากอะนะ พอเค้าถามว่าเบื่อมั้ย ใครเบื่อให้ยกมือ เราก็คนจริงใจอะนะ ก็ยกดิ (แต่กะยกเล่นๆ น่ะ แต่มันดันมีคนเดียวที่ยก แล้วพิธีกรดันเอาจริง ) เค้าก็เลยพูดประมาณว่า นี่แสดงว่ามาเพราะคนข้างๆ แน่เลยใช่มะ เราก็ทำมือโอเค ถูกต้องไป เค้าเลยเรียกให้รับรางวัล (เออ..ประหลาดดี) แล้วมีหยอดตบท้ายอีกนะว่า



“ช่วยไม่ได้นะครับที่ดันมีแฟนชอบบอล”



คนหนึ่งคือ rebel

คนสองคือ hunjang

คนสามคือ เซียวเปียกลี้


คนไหนวะ? แฟนข้าพเจ้าเนี่ย


แซวมั่วนี่หว่า




เอาเหอะหลังจากนั้นเค้าก็พาเข้าไปดูด่านต่อไปก็คือ ดูไฮไลท์การทำประตู พร้อมกับแจกแว่นเตรียมดูหนังสามมิติในด่านต่อไป ซึ่งไฮไลท์มีทั้งหมด ๔ จอแล้วก็ไม่เหมือนกันเลยซักจอ ทำให้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคนว่าจะถูกชะตากับจอไหน


หลังจากนั้นด่านต่อไปก็จะเป็นการดูหนังสามมิติ ประมาณ “ตำนานกำเนิดถ้วยฟีฟ่า” น่ะนะ เสียงกระหึ่มจนแสบแก้วหูมากกกกก


พอพ้นด่านนี้ไปก็ถึงด่านที่เรารอคอยก็คือการได้ดูถ้วย เย้ๆๆๆๆ

แต่ต้องเข้าคิวอีกแล้ว (และได้รับการพิสูจน์แล้วว่า การตัดสินใจในตำแหน่งการยืนของพวกเราผิดตลอด กร๊ากกก เพราะมาถึงด่านนี้ก็ดันไปอยู่ตำแหน่งแถวเกือบสุดท้ายอีก)


ขออภัยที่ไม่มีรูปให้ดูนะคะ (แม้ทั้ง hunjang และ rebel จะบอกว่ารูปเราดูดีสุดก็เหอะ เผอิญไม่ได้เอามาน่ะค่ะ แถมรูปงานที่ถ่ายด้วยมือถือก็ไม่ได้เอาสายดึงมาอีก)



ส่วนตอนถ่ายก็อย่างที่ rebel บอกไว้ที่บล็อกค่ะ มือต้องอยู่ข้างลำตัว ห้ามยกชูสองนิ้ว ห้ามแตะถ้วย พร้อมกับมีชาวต่างชาติ (คาดว่าเป็นคนของฟีฟ่า) มายืนคุมทำหน้าเข้มอีกต่างหาก แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ถ่ายรูปด้วยกล้องโพราลอยด์ให้คนละรูป ไม่มีการถ่ายซ่อมใดๆ ทั้งสิ้น



รวมเวลาทั้งหมดในการเริ่มต้นจนจบ (นับตั้งแต่ได้เข้าตามรอบเวลา) คือเกือบๆ สองชั่วโมง



เฮ้อ...นะ...เลยทำให้เพื่อนๆ ของเซียวที่รอที่ร้านก็กระหน่ำต่อว่าซะ...แหงะ..ขออภัยด้วยแล้วกันนะค้า พวกหนูไม่รู้จริงๆ น้าว่ามันจะนานขนาดนี้ ดูหนังได้เกือบเรื่องหนึ่งเลยนะนี่



สรุปแล้วเป็นความบังเอิญที่ทำให้เพื่อนๆ ชาวบอลทั้งหลายครื้นเครงเฮฮาปลาบปลื้มมากๆ เลยค่ะ เราก็เลยพลอยกระดี๊กระด๊าไปด้วย



Note :

อย่างไรก็ตามเรามีประสบการณ์กะบอลโลกแบบ “บังเอิญ” อย่างนี้ครั้งนี้ครั้งที่สองแล้วค่ะ ครั้งแรกคือตอนพาลูกทัวร์ไปสนามโซลเวิร์ลด์คัพที่เกาหลี ก่อนที่เค้าจะได้มีการเริ่มใช้แข่งขันจริงๆ ขณะที่พาดูๆ อยู่ ก็พอดีกล้องที่เค้าทดลองถ่ายสนามเพื่อถ่ายทอดขึ้นจอสกอร์ ก็ “กวาด” มาทางเราพอดี แล้วก็ประจวบกับลูกทัวร์เราก็ถ่ายขึ้นไปที่จอพอดี เพราะงั้นเราก็เลยมีรูปที่มีหน้าตัวเองขึ้นจอสกอร์ในสนามไว้ในครอบครอง


มาคราวนี้อีก...


ก็เลยคิดว่า..สงสัยบอลโลกกะเราต้องมีอะไรกันซักอย่างแหงมๆ เลย หุๆ


(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน)





จากนั้นก็ไปที่ร้านเซียวกันไปถึงก็ตอนทุ่มสี่สิบได้มั้ง สั่งไอศกรีมมากินกัน ๖ ลูก แนะนำสตรอเบอรี่เช่นเดียวกะ rebel (กรุณาไปดูรูปประกอบที่บ้านนั้นนะคะ)


อีกอันก็บลูเบอรี่ปั่นค่ะ หลังจากที่แก้วแรกโดนกินไปก็มีเสียงบ่นพึมพำว่าจืด เซียวเปียกลี้ผู้ห่วงคุณภาพของน้ำปั่นตัวเอง (เพราะตัวเองรับผิดชอบส่วนนี้อยู่ ) ก็เลยปรับสูตรแล้วก็ลองเอามาให้เราชิมกันใหม่อีกที น่ารักเจงๆ ค่ะ


จากนั้นพอใกล้ๆ ๒ ทุ่มครึ่ง แควนเรากับ hunjang ก็รีบจรลีไปเชียร์คู่แมนยูฯ กันที่ร้านแถวแมคโครก่อนค่ะ ส่วนเรากะ rebel ก็รอพี่ป่ามืดกะลูกสาวของพี่เค้าที่ร้านของเซียวก่อน พอมาครบปุ๊บก็ตามไปอีกที ผลก็แมนยูฯ ชนะไป 2-0 (กรุณาอ่านเรื่องนี้ได้จากบล็อกของ hunjang นะคะ)



วันนั้นจากลากันตอนห้าทุ่มหน่อยๆ ท่ามกลางความกระวนกระวายของ rebel ที่ต้องรีบกลับไปดูหงส์แดงที่บ้าน (บรรยายให้เวอร์ไปงั้นหละค่ะ แหะๆ) แต่แล้วหงส์ก็ปีกหักอีกแล้วง่ะ เฮ้อ..วันไหนหงส์เตะอย่านัดเพื่อนบล็อกเลย rebel มันล้างอาถรรพณ์ไม่สำเร็จง่ะ


เรื่องก็มีมาด้วยประการฉะนี้



สรุปแล้วเป็นการนัดกันที่มีความบังเอิญอันก่อให้เกิดความรื่นรมย์แก่เพื่อนๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อเอาซะเลยค่ะ แต่ก็ดีจังเลยน้า เนาะๆ สาวๆ ทั้งสอง อ้อ..กะอีกหนึ่งหนุ่มด้วย (แต่หนุ่มหลังนี่โดนเพื่อนคนอื่นต่อว่า อาจไม่ค่อยรื่นรมย์เท่าไหร่ โอ๋ๆ)





แล้วเจอกันวันงานหนังสือฯ นะจ๊ะ







 

Create Date : 13 มีนาคม 2549    
Last Update : 13 มีนาคม 2549 12:06:10 น.
Counter : 1624 Pageviews.  

❤++++++❤ว่าด้วยบล็อกแกงค์อีกแล้วครับท่าน❤++++++❤




มีเรื่องมาคุยอีกแล้วค่ะ


มีใครสังเกตเห็นบ้างมั้ยน้อ? (อาจเห็นแต่ไม่ได้ยกมาคุยกันก็ได้เนาะ)



ว่าตอนนี้บล็อกแกงค์มีลูกเล่นเพิ่มอีกอย่างแล้วค่ะ





นั่นก็คือ...



นั่นก็คือ...




นั่นก็คือ...




(บอกสักทีสิเว้ยยยยยยย)





ในส่วนของหน้าแรกของบล็อกแกงค์จะมีการนำกระทู้ที่ตั้งใหม่มาให้ดู
(เห็นสิบกระทู้พันทิปล่าสุดมั้ยคะ อันนั้นแหละ)



ขณะเดียวกัน

ก็มีการนำเอาบล็อกที่เขียนเกี่ยวกับแวดวงสมาชิก

มาไว้ที่หน้าแรกให้อ่านด้วย (เห็นกันอ๊ะยังจ๊ะ?)





ขณะเดียวกัน (อีกแล้ว ขี้เกียจหาคำเชื่อมอื่น)

ก็มีการนำเอาบล็อกต่างๆ ไปไว้ที่โต๊ะต่างๆ ของพันทิปด้วยยยยยยย (เห็นกันยัง)

แต่ไม่ทุกบล็อกหรอกนะคะ

จะมีดังนี้



โต๊ะสยามสแควร์ - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกไดอารี่-ประสบการณ์ชีวิตไปแปะไว้

โต๊ะเฉลิมไทย - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกร้องเพลงไปแปะไว้ (นึกไงเอากรุ๊ปบล็อกนี้เนี่ย? หุๆ เขินกันไปตามๆ กัน)

โต๊ะจตุจักร - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกสูตรทำอาหารไปแปะไว้

ชายคา - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกการตกแต่งบ้านไปแปะไว้

โต๊ะรัชดา - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกคอมพิวเตอร์-เทคโนโลยีไปแปะไว้

โต๊ะมาบุญครอง - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อก Gadget ไปแปะไว้

โต๊ะศุภชลาศัย - เป็น ๑ ใน ๒ โต๊ะ (อีกโต๊ะหนึ่งคือรวมมิตรค่ะ) ที่ไม่มีการลิงค์บล็อกใดๆ ไปค่ะ

โต๊ะ Blue Planet - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกท่องเที่ยวไทยไปแปะไว้

โต๊ะกล้อง - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกกล้องและการถ่ายภาพไปแปะไว้

โต๊ะสวนลุม - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกครอบครัวไปแปะไว้

โต๊ะไกลบ้าน - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกชีวิตในต่างแดนไปแปะไว้

โต๊ะห้องสมุด - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกภาษาต่างประเทศไปแปะไว้

โต๊ะศาสนา - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกข้อคิด-ธรรมมะไปแปะไว้

โต๊ะหว้ากอ - เอาบล็อกทีอยู่ในกรุ๊ปบล็อกวิทยาศาสตร์ไปแปะไว้

โต๊ะสีลม - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกชีวิตการงานไปแปะไว้

โต๊ะสินธร - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกข่าวเด่น-ประเด็นดังไปแปะไว้

โต๊ะราชดำเนิน - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกการเมือง-สังคมไปแปะไว้

โต๊ะไร้สังกัด - เอาบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกเรื่องเล่าบอกต่อไปแปะไว้




เพราะงั้นหมายฟามว่า


ตอนนี้คนเล่นกระทู้ก็มีโอกาสที่จะคลิกเข้ามาดูบล็อกที่อยู่ในกรุ๊ปบล็อกดังกล่าวมากขึ้นนะคะ
(แม้ว่าคนเล่นกระทู้อาจจะไม่ค่อยสนใจจะคลิกมาสักเท่าไหร่ก็เหอะ)



เพราะงั้นกรุณาระวังบางเรื่องที่อยากคุยแต่กับเพื่อนในบล็อกแต่ไม่ได้อยากให้คนอื่นจากโต๊ะต่างๆ มาอ่านนะคะ เลือกกรุ๊ปบล็อกดีๆ เน้อ



ก็เลยเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณา


นะเจ้าคะ




ป.ล. เห็นด้วยกับคุณ BBwindy ว่าอยากให้บล็อกแกงค์มีเตือนเรื่องไม่ลงชื่อตอนคอมเม้นท์เหมือนเดิมน่ะค่ะ

เพราะบางทีมันหลุดล็อกอินไป แต่ยังเม้นท์ได้ เจ้าตัวก็ไม่รู้จนกระทั่งกลับไปอ่านอีกทีถึงได้รู้ว่าชื่อตัวเองไม่ได้ลงไว้ง่า




 

Create Date : 09 มีนาคม 2549    
Last Update : 9 มีนาคม 2549 10:53:24 น.
Counter : 1123 Pageviews.  

❤++++++❤Full House สะดุดรักที่พักใจ ไฉนจึงสะดุดใจคนไทยได้หนอ❤++++++❤



ขอสารภาพ ณ ตรงนี้เลยว่า

เพิ่งได้ดู Full House ค่ะ อายยยยยยยยจังงงงงงง (น่า..แต่เชื่อว่าอีกหลายคนก็ยังไม่ได้ดูหรอก ใช่ปะคะ?)


อันเนื่องมาจากได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้าง (อันใด พี่เอย ไม่ช่ายยยยย) มานานแล้วว่าหนังเรื่องนี้น่ารัก งู้นงี้งู้นงี้


ก็เลยเกิดอยากพิสูจน์กะเค้าบ้าง
(เพราะที่ผ่านมาสำหรับสื่อเกาหลี เราดูแต่ภาพยนตร์ ไม่เคยดูที่เป็นละครมาก่อนค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Autumn in my heart ที่น้ำตาท่วมทุกตอน (เขาว่ามา) หรือ Winter Love Song ที่เราไปเหยียบโลเกชั่นมาแล้ว เห็นภาพต่างๆ มาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหนังเป็นไงมาไง )


ประจวบกับเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ไปแม่สาย ก็เลยได้โอกาสซื้อละครเรื่องนี้มาดูแบบครบชุดรวดเดียว ๑๖ แผ่นจบ (แต่เพิ่งมาเจอว่า มีแหล่งขายแบบพูดเกาหลี ซับไตเติ้ลไทย ในราคาที่ไม่ได้ต่างกันเล้ย เฮ้อ..เสียดายค่ะ) ก็เลยได้โอกาสดูซะที


แล้วก็ปรากฏว่า...


คนที่อาศัยมาดูด้วยอย่างชายหนุ่มข้างกายก็เลยบ้าเฮเคียวผู้แสดงเป็นนางเอกไปเลย




แต่เธอก็น่ารักจริงๆ น่ะแหละค่ะ






โดยสรุปเมื่อดูจบแล้ว (ขอบอกว่าละครเรื่องนี้สนุกมากในตอนแรกและตอนใกล้จบค่ะ แต่อืดเอื่อยไปนิด (เรื่องราววนซ้ำไปๆมาๆ ไม่คืบหน้า)ในตอนกลางๆ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าทำไมละครเรื่องนี้ถึงดัง ดังนี้ค่ะ (โอ้...เป็นการเป็นงานมากเรยยยยย)

๑. ด้วยพล็อตเรื่องที่เป็นแบบโรแมนติค-พาฝัน เรื่องราวของนางเอกที่เป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ และค่อยๆ พัฒนาเป็นนักเขียนบทหนังในที่สุด กับชายหนุ่มดาราผู้มีชื่อเสียง อันมีเหตุให้ต้องแต่งงานแบบหลอกๆ และมาอยู่บ้านเดียวกัน จนท้ายที่สุดก็ลงเอยกันจริงๆ โดยพล็อตแบบนี้แล้ว ก็ทำให้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบได้ไม่ยาก เพราะค่อนข้างขายได้อยู่แล้ว (แหม..ใครๆ ก็อยากเป็นซินเดอเรลล่าสักครั้งในชีวิตเหมือนกันแหละค่ะ เมื่อเป็นไม่ได้ ก็ขอลุ้นตัวละครก็ได้เนาะ)

๒. ตัวแสดงเอกที่มีเสน่ห์สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นนางเอก (ที่แสดงด้วยความเป็นธรรมชาติมาก เวลาเปิ่นก็นะ... เวลาเศร้าก็น้ำตาร่วงเผาะๆ) ซึ่งคงทำให้หนุ่มๆ หลงรัก และสาวๆ ก็เอ็นดูไม่ได้ (แหม..ผู้หญิงอย่างเราๆ ก็อยากให้คนชอบความเป็นธรรมชาติของเราบ้างจิ แม้ว่าโดยปกติอาการเปิ่น เบ๊อะ ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงจะดูน่ารักได้ คนทำต้องหน้าตาดีด้วยก็ตามเถอะ ) หรือ พระเอก ซึ่งในความเห็นดิชั้นไม่หล่อเลยค่ะ สู้พระรองก็ไม่ได้ แต่เค้ามีความน่ารักในตัวเอง เป็นพระเอกกวนตีน (ขออภัย) ไม่มีความเป็นพระเอก (แบบไทยๆ) แม้แต่น้อยนิด ไม่มีเก็ก ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแบบพื้นๆ อย่างต้องเทคแคร์นางเอกเป็นอย่างดี ฯลฯ เลยค่ะ แถมคอยจิกด่านางเอกแบบ..ไอ้บ้านี่นี่ อยากกระโดดถีบมันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น แม่ไก่ โง่ สมองไม่มี ฯลฯ

นอกจากนั้นนางรอง ก็นะ..โอ้ว..เปิดตัวช่วงแรกมาแต่ละชุดนี่เห็นเนินอกทั้งสิ้น แล้วหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วเลย สมควรแล้วที่พระเอกจะหลงรักมาก่อน ส่วนพระรองก็กรี๊ดดดดดดดดดค่ะ หล่อมากกกกกกก ผู้ชายอะไร เพอร์เฟ็คสุดๆ ฮิฮิ้วววววววววว หล่อ รวย ใจดี (ยกเว้นเรื่องเป็นเสือผู้หญิงอะนะ) ชอบตอนสอนนางเอกเรื่องการสังเกตและวิเคราะห์คนเพื่อนำมาเขียนนิยายมากค่ะ น่ารักเจงๆ

และไม่ว่าจะเป็นคุณย่า หรือเพื่อนนางเอก ๒ คน (ขอสารภาพว่า ช่วงแรกไม่ชอบสองคนนี้เอามากๆ ค่ะ คนอาไร้นิสัยไม่ดีโคตรๆ หุๆ) ต่างก็แสดงบทบาทได้ดีในบทของตัวเองค่ะ ทำให้หนังเรื่องนี้มีตัวละครที่มีเสน่ห์เต็มไปหมดเยย

๓. ทริก, เสน่ห์ ในการสอดแทรกบทน่ารักๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นางเอกเต้นเพลงหมีสามตัว (ซึ่งกลายเป็นทริกคลาสสิคของละครเรื่องนี้ไปเลย ไม่ว่าจะเป็นคุณย่า หรือ พระเอก ตอนร้องนี่น่ารักคนละแบบไปเลย) การที่นางเอกกินข้าวหมา แล้ววันหนึ่งพระเอกก็ทำกินบ้าง ฯลฯ

๔. เพลงประกอบละครอันแสนไพเราะหลายเพลง (ขออภัยเอาเพลงลงบล็อกไม่เป็น ) เรียกว่าขนาดดิชั้นไม่ได้รู้เรื่องเนื้อหาของเพลง ยังอินไปกับเพลงแต่ละเพลงที่เอามาใส่ได้เลยค่ะ เพลงดังขนาดไหนก็ขนาดที่เอามาแปลงเป็นเพลงไทยให้คุณแคทเธอได้ร้องออกอัลบั้มด้วยน่ะค่ะ (กับเพลง I think I… น่ะค่ะ)


โดยสรุปแล้วองค์ประกอบโดยรวมก็ทำให้คนดูสามารถชอบได้ไม่ยาก เป็นละครโรแมนติกคอเมดี้ที่มีเสน่ห์อีกเรื่องหนึ่ง (เสียแต่กลางเรื่องมันอืดดดดดไปนิดหนึ่งจริงๆ ค่ะ) ที่มีความลงตัวในหลายๆ ด้านค่ะ


แล้วด้วยละครเรื่องนี้ ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวไปหาละครเกาหลีเรื่องอื่นๆ มาดูต่อดีกว่า




ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะ






ป.ล. ขอบคุณคุณ erol สำหรับเพลง I think I... ในคห.ที่ ๓ นะคะ ใครใคร่อยากจะลองฟัง เรียนเชิญค่ะ





 

Create Date : 08 มีนาคม 2549    
Last Update : 8 มีนาคม 2549 15:09:18 น.
Counter : 3935 Pageviews.  

+++++บ่น เซ็ง เบื่อ อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต+++++

เซ็งงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่มากๆ


ทำไงดีเนี่ยยยย


งานบ้าอะไรวะ ทำดีไม่ได้ดี ทำดีไปแต่พอต้องไปอยู่ในมือคนอื่น ถ้าเค้าทำไม่ดี ก็กลายเป็นห่วยไปอีก




จะกลับไปเป็นไกด์อย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ อายุป่านนี้แล้ว

ร่างกายก็แย่ลงทุกวัน


งานมันไม่เป็นหลักเป็นฐานน่ะ





แล้วอยากทำอะไร?

อยากเป็นอาจารย์มั้ง เป็นครู

จริงๆ ชอบงานที่ควบคุมได้ด้วยตัวเองได้ล่ะมั้ง



งานครูมันงานสร้างคนน่ะ


แต่ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความรู้พอจะสอนใคร

เรียนสื่อสารมวลชน

แต่ไม่ได้กระจ่างในความรู้ขนาดจะสอนใครได้


อยากสอนด้านการท่องเที่ยวน่ะ



เฮ้อ..


อยากไปอยู่เชียงใหม่


อยากมีร้านหนังสือ



อยากเขียนหนังสือ





มีอาชีพอะไรที่การอ่านหนังสือเป็นอาชีพได้มั้ยเนี่ย
(ถ้ามีนี่เราจะมีวันเบื่องานตัวเองมั้ยเนี่ย?)





เซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็ง เซ็ง



เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ






ชีวิตคนเรานี่มันลำบากจังน้อ





อยู่อย่างพอเพียง ทำได้มั้ย


ทำได้มั้ง
ถ้าคนที่จะใช้ชีวิตด้วยในอนาคต
ถ้าครอบครัว พ่อ แม่
"เข้าใจ"



ถ้าสุขภาพจะแข็งแรงตลอดไป

ไม่ป่วยเป็นโรคอะไรที่ใช้ตังค์เยอะๆ ในอนาคต








บ่นหาอะไร?


บ่นเพื่ออะไร?



ชีวิตจะดีขึ้นมั้ย?







จะเอายังไงกับตัวเอง กับอนาคต




จะต้องอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้มีความสุขไปอีกนานแค่ไหน?







เฮ้ยๆๆๆๆๆ




ถามแล้วหัดหาคำตอบบ้าง






ไม่ใช่ถามๆๆๆๆ


แล้วก็นั่งจมกับคำถาม ไม่หาทางออก ไม่หาคำตอบ








เกลียดตัวเองที่เป็นอย่างนี้จัง


เหมือนมีชีวิตที่เลือกไม่ได้


ต้องอยู่กับวิถีอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้มีความสุขเอาซะเลย









เฮ้อ..อึดอัดว่ะ



ในอกมัน "ตันๆ"







ต้องเป็นอย่างนี้อีกนานมั้ย?


ทำตัวเองหรือเปล่า?


ไม่มีทางเลือกจริงๆ เหรอ?






หือม์?


หือม์?








ทำไม - - ใครๆ ถึงมีความสุขกันจัง?




อยากมีความสุขในทุกเรื่อง



สุขในการทำงาน


สุขในการใช้ชีวิต




สุขในการมีลมหายใจ






การมีความสุขนี่มันยากนักหรือไง?






หรือการมีชีวิตคือการใช้กรรมจริงๆ วะ


แล้วคนที่เค้ามีความสุขกับชีวิตหละ? กรรมเค้าไม่ได้เยอะเหรอ?



เออ..ก็อาจจะใช่



แกมันคนทำกรรมมาเยอะไง


ชีวิตถึงได้เป็นอย่างนี้







หึๆ








เฮ้อ...





ถ้าถอนหายใจแล้วชีวิตจะหายทุกข์ได้สัก ๕ นาที


เราต้องถอนหายใจเยอะแค่ไหน ชีวิตถึงจะไม่มีทุกข์ได้จนตายกันน้อ?







บ้าบอว่ะวันนี้




 

Create Date : 01 มีนาคม 2549    
Last Update : 1 มีนาคม 2549 16:27:48 น.
Counter : 1211 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.