++++++++++เกลียดฤดูหนาว+++++++++++




เวลาร้อนมากๆ เคยเหมือนกันที่ชอบอากาศหนาว อยากให้ถึงฤดูหนาว

หรือเวลากำลังรื่นรมย์กับบางสิ่ง จะนึกถึงฤดูหนาว



แต่ถ้าถามตัวเอง แท้จริง...เราเกลียดฤดูหนาว..เกลียดมากด้วย

มันทรมานน่ะ อาจเป็นเพราะร่างกายเราไม่ค่อยสมบูรณ์มั้ง อาจจะเลือดไม่ค่อยดี ถึงได้หนาวกว่าใครคนอื่นเค้า



ขณะที่คนอื่นกำลังเย็นสบาย


เราจะหนาว




ขณะที่คนอื่นหนาว


เราจะหนาวแทบตาย







ชอบฤดูร้อนน่ะ
เป็นฤดูที่เราเกิด



ท้องฟ้าสดใส แดดจ้า มีประกายยิบๆ ในแสงแดด
สร้างกำลัง พลังกายอย่างบอกไม่ถูก (เพราะเกิดวันอาทิตย์ด้วยหรือเปล่าหว่า?)



แม้ฤดูหนาวจะทำให้ “กอด” มีความหมายยิ่งขึ้น
แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คนที่ขาดคนที่จะมากอดด้วยกันยิ่งเหงา..มิใช่หรือ?




เกลียดฤดูหนาว

เกลียดอากาศที่จับเข้าไปถึงกระดูก ทรมานคน จนค่อยๆ ตายไปอย่างช้าๆ ได้




ไม่เคยเจอใครร้อนตาย (อาจเป็นบ้าไปก่อน)
แต่หนาวตายนี่..มีนี่นะ


รู้สึกว่าฤดูหนาวเป็นฤดูที่เลือดเย็น-เข้าใจยาก
แต่ฤดูร้อน จริงใจ เปิดเผย



รักฤดูร้อน-เกลียดฤดูหนาว




บ่นบ้าอะไรเนี่ยชั้น?




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2548    
Last Update : 22 ธันวาคม 2548 18:20:37 น.
Counter : 1542 Pageviews.  

+++++ คิดว่าคุ้ม...คุ้มจริงฤๅ? +++++


เคยมั้ย

ยอมแลกอะไรบางอย่าง

เพื่อให้ได้อะไรบางอย่าง


โดยคิดว่ามันคุ้มค่าแก่การแลกเปลี่ยน



ยอมเรียนแผนการเรียนที่ไม่ชอบ เพื่อความสบายใจของพ่อแม่

เลือกทำงานที่ไม่ตรงกับอุปนิสัย เพื่อการได้มาซึ่งประสบการณ์

อยู่กับคนที่ทำร้ายเราได้เสมอ เพียงเพื่อคำว่า “รัก”



มัน “คุ้ม” จริงๆ หรือ “คุ้ม” แค่ช่วงแรก หรือ “คุ้ม” แบบหลอกตัวเอง

เพราะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก

เพราะมารู้ทีหลังว่า..ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว



สุขภาพย่ำแย่

ความคิดสร้างสรรค์หดหาย

เวลาสำหรับเพื่อนและครอบครัวน้อยลง



คนสำคัญ..ที่ควรให้ความสำคัญ ถูกเลือนหายไปกับกาลเวลา

คนที่อยู่รอบข้าง กลับเป็นคนที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน




ชีวิตเศร้ามากเกินไปหรือเปล่า?

“คนข้างบน” ต้องการให้เรารู้ซึ้งถึงชีวิตที่เป็นทุกข์ใช่มั้ย?

ให้ตระหนักว่า

“ชีวิต” คือ “การใช้กรรม”

เมื่อใดที่เราหลงระเริงมากเกินไป
มีความสุขกับชีวิตมากเกินไป
“เขา” ก็รีบลากให้เรามาพบกับความทุกข์-เศร้ามากมาย
ลากให้มาพบกับ “ความเป็นจริง”




ความงดงามในการใช้ชีวิต..ไม่สามารถอยู่กับเราได้ทุกช่วงขณะของการหายใจได้เลยหรือ?



ชีวิตการเป็นมนุษย์เจ็บปวดเกินไป

ชีวิตการเป็นมนุษย์เศร้าเกินไป



อยากเป็นคนดี

อยากทำดี

ทำไม..ต้องสร้างให้ธรรมชาติของการทำดีต้องเจ็บปวดมากมายนักด้วย



โลกพร้อมจะเหยียบให้มนุษย์จมไปกับความเลวร้ายเสมอ

จะมีใครซักกี่คนที่ยังสามารถเก็บความดีงามไว้ได้ตลอด

กับโลกที่พร้อมจะทำร้ายกับสิ่งที่เขาทำได้ทุกเมื่อ



มนุษย์เราถนัดที่จะทำร้ายผู้อื่นมากกว่าดูแลผู้อื่นหรือไร?

ความดีงามหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?



การเกิดมาต้องแลกเปลี่ยนกับความเจ็บปวดมากมาย

ทั้งความเจ็บปวดของแม่ยามแรกเริ่มลืมตาดูโลก

ความเจ็บปวดจากการเรียนรู้

ความเจ็บปวดจากการใช้ชีวิต




ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิดขึ้น


คุ้มมั้ยกับการมีลมหายใจจนถึงวันนี้



ใครประเมินล่ะ?


ตัวเองสิ



คำตอบบางอย่าง คนอื่นตอบได้ที่ไหนกัน


หึๆ




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2548 18:03:04 น.
Counter : 1230 Pageviews.  

+++++ ความสุข- - จากสิ่งเล็ก-เล็ก +++++

ช่วงนี้มีโฆษณาตัวหนึ่งที่มี copy ว่า

"รู้จักที่จะมีความสุขกับสิ่งดี-ดี เล็ก-เล็ก
แล้วชีวิตจะมีแต่เรื่องดี-ดี"


(จริงๆ เราว่า copy นี้ไม่ค่อยคมเท่าไหร่
เพราะมันมีคำว่าดี-ดี ซ้ำกันในสองประโยค
จริงๆ ประโยคแรกตัดคำว่าดี-ดี ออกก็น่าจะโอเคกว่านะ)

สไตล์โฆษณาก็ทำให้โอเวอร์เพื่อให้คนได้อมยิ้มน่ะค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นการหาที่จอดรถได้

การได้กินก้ามปูอบวุ้นเส้น ทั้งที่คิดว่ามันมีอันเดียวและให้แฟนตัวเองกินไปแล้ว


ไม่รู้ว่าจะมีกี่เวอร์ชั่นอะนะคะ



แต่พอดูโฆษณานี้ นอกจากอมยิ้มแล้วเราคิดถึงเพื่อน ๒ คน


เพื่อนคนหนึ่งเคยพูดประโยคนี้กับเรา
(และเราเคยเห็นเพื่อนบล็อกคนหนึ่งเขียนไว้ที่บล็อกตัวเอง)

ประมาณว่า
ไม่ใช่ว่าคนบางคนจะมีสิ่งดีๆ มากมายเข้ามาในชีวิตหรอก
เพียงแต่เขาทำทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตให้กลายเป็นสิ่งดีๆ ต่างหาก
(ประมาณนี้นะคะ จำถ้อยคำได้ไม่หมด)


อันนี้เราว่าจริงนะคะ

ถ้าคนเราสามารถทำให้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
กลายเป็นสิ่งดีๆ
สามารถที่จะมองเห็นแง่งามของมัน
มันก็กลายเป็นสิ่งดีๆ ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้เสมอ


บางคนเรียกวิธีการนี้ว่า "การหลอกตัวเอง"

เรียกว่าเป็นพวก "สุขนิยม"

อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ
(ออกแนวด่านะ)


แต่เราว่าคนที่จะเป็นคนที่สร้างทุกสิ่งให้กลายเป็นสิ่งดีๆ ได้นั้น
ต้องมีความเข้มแข็งบางอย่างมากๆ ในตัวค่ะ
ต้องมีจิตใจบางอย่างที่สามารถรักษาความงดงามในการมองโลกได้

เพราะอาการ "เสียศูนย์" นั้นพร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ใครจะทนกับโลกที่ดูเหมือนพร้อมจะทำร้ายเราเสมอได้นานๆ กันล่ะคะ?
ใครที่จะให้อภัยคนรอบข้างที่สามารถทำให้เราเจ็บปวดได้เสมอๆ?
ใครจะรักษาการมองแต่สิ่งดีๆ จากความเน่าเหม็นได้นานๆ?


เพราะงั้นปกติเราจะชื่นชมคนเหล่านี้ค่ะ

แล้วก็เป็นคนที่เรามักอยู่ด้วยแล้วสบายใจ

แต่ก็เป็นห่วงบ้างเหมือนกัน..เพราะคนอย่างนี้มีโอกาสประสบกับอันตรายได้ง่ายกว่าคนอื่น

แล้วหัวใจก็มักจะเจ็บปวดง่ายดายกว่าคนอื่นเสมอ-เสมอ





คนที่สองที่เรานึกถึงจากการดูโฆษณานี้

คือเพื่อนอีกคนหนึ่ง

เป็นเพื่อนที่เคยบอกว่า เขาเคยได้เห็นดอกกุหลายที่กำลังคลี่กลีบบาน
แล้วมันสวยมากกกกกกกกก
สวยจนทำให้เค้ามีความสุขมาก
มากพอที่ถ้าตายตอนนั้นก็ไม่เสียดายเลย

ตอนนั้นไม่เข้าใจอารมณ์ของเค้าเลยค่ะ

เฮ้ย...สวยขนาดสุขจนพร้อมตายเลยเหรอ?

คือ..อึ้งๆ น่ะ

เราเองไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้สุขขนาดพร้อมยอมตายได้มาก่อนน่ะค่ะ


แต่เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจประโยคที่ว่า "ความสุขจากสิ่งเล็ก-เล็ก" นี่มันมีจริงๆ




สำหรับเราเอง...
ความสุขคือการได้อ่านหนังสือและดูหนังดีๆ ค่ะ

ความสุขคือการได้กินอาหารอร่อยๆ

ความสุขคือการได้นอนอยู่กับแม่โดยไม่มีเรื่องกังวลใจใดๆ




ถือว่าเป็นความสุขจากสิ่งเล็ก-เล็ก ได้มั้ยคะ?




แล้วความสุขของพวกคุณล่ะคะ? เป็นอย่างไรบ้าง?


มาบอกเล่าให้กันฟังหน่อยสิคะ


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ



สำหรับท่านใดที่มาบ้านสาวไกด์ฯ เป็นครั้งแรก
เรียนเชิญแวะไปแนะนำหนังหรือหนังสือได้ ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2548    
Last Update : 14 ตุลาคม 2548 16:54:37 น.
Counter : 1127 Pageviews.  

+++++กับงานหนังสือฯ รอบที่ ๒+++++


เพิ่งกลับมาจากการแว้บไปงานหนังสือฯ รอบ ๒ที่ศูนย์สิริกิตติ์ค่ะ

จริงๆ ไปทำธุระ (เกี่ยวกับการงาน) แถวๆ นั้น

พอเสร็จปุ๊บก็รีบแว้บไปที่งานหนังสือฯ ทันที
(ง่า...เจ้าของบริษัทขา เดี๋ยวหนูทำเกินเวลาชดเชยให้ค่า ยังไงก็ไม่ได้โอ.ทีอยู่แล้ว ถือว่าพอชดเชยกันได้นะคะ..นะนะ)



และแล้ว...คนที่ไปด้วยก็ใจดี (หลังจากรู้ว่าเราหมดตัวแล้วและทำตาละห้อยมองหนังสือต่างๆ พร้อมกับบ่นพึมพัมๆ ว่าอยากได้เล่มโน้นอีก เล่มนี้อีก ฯลฯ)


บอกว่า..เอาดิ เดี๋ยวรูดการ์ดให้ก่อน


ตอนแรกว่าจะไปเอาเซรีญาเล่ม ๓ ปรากฏว่าบู๊ทนายอินทร์ต้องซื้อ พันห้า ขึ้นไปถึงจะรับบัตรเครดิต


ซึ่งนายอินทร์ตอนไปเมื่อวันเสาร์ ก็เพิ่งหมดไปกะแม่ตั้งสองพันกว่า (จนได้รถเข็นมาน่ะ)

ก็เลยไม่เหลือหนังสือที่อยากได้ขนาดครบพันห้าแล้วน่ะ



เลยตัดใจ เอาไว้ไปซื้อที่นายอินทร์วันหลังก็ได้
(บัตรสมาชิกคงพอช่วยลดได้บ้างอะนะ)



จากนั้นก็ไปที่บู๊ทคุณ grappa (เป็นบู๊ทที่กันเงินไว้สำหรับซื้อเป็นบู๊ทสุดท้ายแล้วค่ะ)

ปรากฏว่า ดูๆ หนังสือ อ๊า...ที่อยู่ของหัวใจที่บู๊ทนี้ก็มีนี่นา
(เพิ่งซื้อมาจากนายอินทร์เมื่อวันเสาร์เอง)

นอกนั้นส่วนใหญ่ก็มีแล้ว


ดูๆ ไปอ้อ..มีเรื่องรักน้อยนิดมหาศาล
(ซึ่งดูหนังแล้วชอบมากๆ แต่ตอนออกเป็นหนังสือนี่เคยซื้อให้เพื่อน แต่ยังไม่ได้ซื้อให้ตัวเองเลย)

ก็เลยหยิบมาก่อนหนึ่งเล่ม

จากนั้นหลังจากสำรวจไปพักหนึ่งก็หยิบ "ม้วน/หน้า/หาเรื่อง" ของคุณเสี้ยวจันทร์มา
(เล่มนี้ตั้งใจจะให้เพื่อนคนหนึ่งที่ชอบเสี้ยวจันทร์มากๆ ค่ะ)


สรุปได้มา ๒ เรื่อง แล้วก็เล็งๆ หาว่าเอ..คนไหนน้อคุณ grappa


ในที่สุดก็คิดว่าน่าจะคนนี้หละ เลยส่งหนังสือไปให้พร้อมกับถามเลย


และแล้วก็.....


ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบ




ก็ได้ทักทายกันนิดหน่อยค่ะ

(เนื่องจากแอบใช้เวลางานมาไง)

คุณ grappa ก็ให้หนังสือมาอีกหนึ่งเล่ม
(ตกใจแต่ก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะพี่)


ชื่อ "ดื่มดินกินแดด"
(จะรีบอ่านก่อนเล่มอื่นๆ เลยค่ะ)



จากนั้นก็รีบขอตัวไปที่บู๊ทอื่น นั่นคือมติชนกะจะไปหาหนังสือเล่มใหม่ของประภาส แต่ผิดหวังค่ะ เพราะเล่มใหม่คุณประภาสเธอออกกับเวิร์คพอยท์


ก็เลยเลือกๆ มาได้แก่

แดนฝันปลายขอบฟ้า ของ มูราคามิ
ผู้ชายที่หลงรักตัวเลข
ความฝันของไอน์สไตน์
รอยย่ำที่นำเราไป
และ The Wedding ของนิโคลัส สปาร์ค ค่ะ


สรุปแล้วก็ได้ใช้การ์ดของเพื่อนที่บู๊ทนี้ หมดไปเก้าร้อยกว่าบาท (เพราะมีของเพื่อนอีกหนึ่งเล่มค่ะ) เป็นของเราประมาณแปดร้อยกว่าบาท (บู๊ทมติชนต้องเกินแปดร้อยถึงจะรูดการ์ดได้ค่ะ)


สรุปแล้วที่งานหนังสือแต่ละบู๊ทนี่มีเกณฑ์ไม่เหมือนกันในการรูดการ์ดค่ะ


พอจบจากมติชนก็ต้องรีบจรลีกลับมาทำงานต่อค่ะ
(ให้เวลาตัวเองแค่สามสิบนาที แต่ตอนนั้นมันสี่สิบนาทีเข้าไปแล้วอะค่ะ เรียกว่าแทบจะวิ่งซื้อเลย)



แต่คิดว่า...คงจะไม่ได้ไปงานหนังสือครั้งนี้อีกแล้วล่ะค่ะ


เพราะวันธรรมดาก็ต้องทำงานอยู่แล้ว

แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ก็ต้องไปเพชรบุรีค่ะ กลับไปงานรวมญาติที่มาเลี้ยงเกษียณอายุแม่ค่ะ

อีกอย่าง..ไม่มีตังค์ให้เสียแล้วค่ะ (อันนี้แหละสำคัญสุด)



คงปิดฉากสำหรับงานหนังสือเดือนตุลาฯ แต่เพียงเท่านี้



อ้อ..แต่ขอบอกว่า ไปวันธรรมดานี่ คนก็ไม่ใช่น้อยเลยนะคะ คอนเฟิร์ม



แต่ก็ดีใจค่ะ

เห็นเด็กๆ ไปงานหนังสือกันมากขึ้น

ก็น่าจะเป็นสัญญาณอันดีนะคะ ว่าเด็กเราจะอ่านหนังสือกันมากขึ้น





ใครไปงานหนังสือฯ มาแล้ว ไม่ว่าจะรอบไหน มาคุยให้ฟังกันนะคะ



ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2548    
Last Update : 12 ตุลาคม 2548 16:24:34 น.
Counter : 1303 Pageviews.  

++++งานหนังสือ- -จงมีสติอยู่กับตัว..ไม่งั้นจะหมดตัว++++


เมื่อวานนี้ไปงานสัปดาห์หนังสือกับแม่ค่ะ


ขอไม่บอกว่าหมดเงินไปเท่าไหร่นะคะ (ไม่อยากให้ใครมาซ้ำเติมว่า ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง)

คือตัวเองน่ะ..เป็นคนแพ้ทางหนังสืออยู่แล้วค่ะ ขนาดปีนี้ช่วยกันลิสต์กับแม่แล้วว่าอยากได้หนังสือเรื่องไหนบ้าง แล้วจะตรงไปที่บู๊ทเลย แต่ก็มีได้หนังสือที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์มาด้วย และ..ที่สำคัญคือ "หมดตัว" จริงๆ (แต่ก็ยังมีที่อยากได้อีกหลายเล่มเลยค่ะ ก็คิดว่า..ถ้าได้ไปเยี่ยมคุณกรัปป้า ก็อาจซื้ออีกสัก ๒-๓ เล่ม แต่อาจยืมคนข้างตัวไปก่อน (เพราะคงไม่ต้องเสียดอกเบี้ย))

ผลจากการไปก็อย่างหัวข้อแหละค่ะ..นั่นก็เป็นเพราะเจ้าของบล็อกเล่นปล่อยสติไประเริงกับบรรดาหนังสือ ก็เลย "หมดตัว" -- ก็ได้แต่มาเตือนท่านอื่นๆ อะนะคะ


หนังสือที่ได้มีดังต่อไปนี้

- นาร์เนียครบชุด ๗ เล่ม
- หัวขโมยแห่งบารามอสครบชุด ๔ เล่ม
- แซซ ๒ เล่ม
- ที่อยู่ของหัวใจของ วรพจน์
- หนังสือชุด "วางไม่ลง" ชุดใหม่ ๓ เล่ม (หลง,สุขสันต์วันฆาตกรรมและกลลวง)
- ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักชุดที่ ๘ (น้องที่นายอินทร์สาขาบิ๊กซีราชดำริแนะให้อ่านเป็นเล่มแรก เพราะหนังสือชุดนี้เรายังไม่เคยได้อ่านเลย)
- ยุทธการทุ่งวอเตอร์ชิป
- วันแรกของวันที่เหลือ ของ วินทร์
- เซรีญา เล่ม ๑ และ ๒ (เล่ม๓ จะออกวันจันทร์นี้ค่ะเป็นอีกเล่มที่อยากได้)
- โจนาธาน สเตรนจ์ ครบชุด ๓ เล่ม (อ่านไปบ้างแล้วค่ะ และเข้าใจแล้วว่า ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงขายไม่ค่อยดี ทั้งที่สนุกพอควร)
- หนังสือจังหวัดต่างๆ ของสารคดีอีก ๑๙ เล่ม
(อันนี้ต้องใช้ทำมาหากินค่ะ อ้อ...เค้ามีเอาเล่มที่เป็นข้อมูลเก่ามาขายในราคา ๓ เล่ม ๙๙ บาทด้วยค่ะ เราก็ซื้อมาจนครบ ๙ เล่มที่ยังไม่มี แล้วก็ถามหาเชียงใหม่ เชียงราย เพราะของเราหายไปแล้ว คนขายถึงได้บอกว่า อยู่อีกฝั่งค่ะ เพราะเป็นการพิมพ์อัพเดทข้อมูลใหม่ ที่อยู่มุมนี้เป็นข้อมูลเก่า อ้าว..จ่ายตังค์แล้วด้วย เออ..ไม่เป็นไร ก็ไปที่ข้อมูลใหม่ เลยได้มาอีกสิบเล่มน่ะแหละค่ะ)

เหอๆ คิดดูละกันว่าหมดตัวไปเท่าไหร่




เกินงบที่ตีไว้มากๆ เลยล่ะค่ะ


คงกินมาม่าไปอีกหลายวันค่ะ



แต่ก็มีความสุขเอามากๆ นะคะ

รู้ว่าตัวเองจะมีหนังสือที่น่าจะดีที่ได้อ่านไปอีกหลายเพลาเลย

เหมือนเวลาได้ไปทะเลแล้วเห็นทิวทัศน์อันสวยงาม (เหมือนที่เกาะนางยวน) หรือได้ชิมอะไรที่อร่อยมากๆ น่ะค่ะ


อืมม์...เขาเรียก "อิ่มเอม" ละมังคะ?



แม้จะรู้ว่าจะทุกข์เพราะ (กระเพาะ) ต้องอดอยากไปอีกนานเลย แต่ก็..อะนะคะ ยอม




ยังมีที่อยากได้คือ TALES OF OTORI กับของคุณวรพจน์อีกหลายเล่มเลย


แต่คิดว่าคงเลือกซื้อก่อนแค่บางเล่มค่ะ ถ้าไม่อยากมีอนาคตที่อัตคัดไปยิ่งกว่านี้



แต่ทุกครั้งที่ไปงานหนังสือฯ อย่างนี้นี่ จะรู้สึกอยากมีร้านหนังสือ อยากเป็นคนขายหนังสือจังเลยค่ะ


เห็นว่าเหนื่อยค่ะ แต่รู้สึกว่าถ้าได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักนี่คงดีเอามากๆ เลย


แล้วการได้แนะนำหนังสือดีๆ ได้บอกเล่าพูดคุยถึงหนังสือเวลามีใครถามถึงเล่มนั้นเล่มนี้นี่..คงดีมากๆ เช่นกัน
(ทุกวันนี้ถึงไม่ใช่คนขายหนังสือ ก็พยายามเล่าเวลาเจอหนังสือดีๆ อยู่แล้ว แม้ว่าปัจจุบัน เพื่อนรอบกายจะไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือซะเลยก็ตาม)

เพราะอย่างตอนเลือกๆ หนังสืออยู่ที่นายอินทร์ เราก็เห็นจินตนาการไม่รู้จบ ก็บอกว่าอ้าวเปลี่ยนปกแล้วเหรอ คนข้างๆ เค้าก็เลยหยิบมา คิดว่าเราจะซื้อ เราบอกว่ามีแล้วค่ะ


เขาก็ถามว่า สนุกมั้ย ก็เลยบอกไปว่า สนุกมาก แล้วจะรู้ว่าจินตนาการไม่รู้จบจริงๆ เค้าก็เลยซื้อไปเลย ปลื้มมากๆ ค่ะ

ส่วนอีกครั้งก็ตอนไปซื้อนาร์เนีย คนขาย (ย้ำว่าคนขาย) เขาถามคนที่กำลังเปิดๆ นาร์เนีย เพราะคนนั้นเขาจำไม่ได้แล้วว่าซื้อเล่มไหนไปแล้วบ้าง ถามว่า "ถามจริงๆ เหอะ สนุกมั้ยพี่" ก็เลยหันไปบอกว่า สนุกมากค่ะ ถ้าชอบแนวนี้นะคะ (อ่า..นะ..อยากให้คนขายหนังสือต้องอ่านหนังสือก่อนจัง ถึงไม่ทุกเล่ม แต่อย่างน้อย เล่มขายๆ ของตัวเองก็ควรอ่านสิ...หรือไม่ใช่อ้ะ?)



อืมม์...สรุปว่าไปงานนี้แล้วมีความสุขค่ะ (แม้จะทุกข์ใจนิดๆ เมื่อคิดถึงอนาคต)


ใครไปมาบ้างแล้วคะ? มาบอกเล่าให้ฟังกันหน่อยเร้ว...




ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ





 

Create Date : 09 ตุลาคม 2548    
Last Update : 9 ตุลาคม 2548 21:25:03 น.
Counter : 1112 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.