♥++++++++♥ หากไม่กล้าสูญเสียบ้าง จะสูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่า?♥++++++++♥






คงเป็นหนังอีกเรื่องที่ขอเขียนถึงด้วย "ความรู้สึก" ล้วนๆ (จึงไม่เลือกเขียนหมวดนี้ในหมวดหนัง แต่เขียนในรำพึงรำพันแทน)





ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่อง The Bridge of Madison County จริงๆ (เพียงแต่ The Bridge นั้นทำให้เราต่อมน้ำตาแตกระหว่างการดูได้มากมายกว่า อาจเป็นเพราะเราเข้าถึงได้มากกว่ากระมัง) กับความรักที่ค้นพบแต่ไม่อาจคว้าไว้



ดูจบแล้วประโยคอย่างหัวข้อบล็อกนั้นลอยขึ้นมาทันที


การที่เอนนิสไม่กล้าเพียงพอที่จะเผชิญกับสิ่งที่เค้ากลัว (สังคม การโดนลงโทษฯลฯ) ไม่กล้าที่จะสูญเสียการยอมรับทางสังคม ทำให้ท้ายที่สุดแล้วเค้าก็ไม่สามารถอยู่กับคนที่เค้ารักได้อีกเลย..ตลอดชีวิต..ใช่มั้ย?





แล้วความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเล่า?





ทุกคนในเรื่องนี้เจ็บปวดทั้งนั้น


ไม่ใช่ว่าเอนนิสไม่รัก..แต่ความรักนั้นไม่มากไปกว่าความกลัวที่จะต้องเผชิญกับอะไรบางอย่างที่เค้าคิดว่าต้องเจอ เค้าไม่ยอมเจ็บปวดจากการต้องต่อสู้กับสังคมที่ไม่ยอมรับ แต่ท้ายที่สุดเค้าต้องเจ็บปวดแบบที่ไม่มีทางเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้เลย เจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งที่เค้ากลัวเสียอีก



แล้วแจ็คหละ..การไปหาหนุ่มที่เม็กซิโกคือแค่ความต้องการทางเซ็กส์งั้นหรือ สำหรับเรา- -มันไม่ใช่นะ มันเหมือนเป็นทางออกหลังจากที่แจ็คได้รับความเจ็บปวดมามากมาย จากการที่เค้าคิดว่าจะได้เริ่มต้นอยู่กับคนที่เค้ารัก แต่ท้ายที่สุดคนที่เค้ารักกลับไม่กล้าพอที่จะมายืนอยู่ข้างเขา (ทั้งที่เค้ากล้าที่จะเสี่ยง แต่อย่างว่า เค้ากล้าพอที่จะขี่ม้าพยศ ขณะที่เอนนิสไม่นี่นะ) จะให้เค้าทำอย่างไร เค้าคงต้องทำอะไรเพื่อจะให้ตัวเองเจ็บปวดน้อยลงล่ะมั้ง




เมียของเอนนิสเองล่ะ? (ชอบการแสดงของเธอสุดๆ)

ความรู้สึกที่เธอมีนั้น..มันเหมือนกับสามีเธอนอกใจกับผู้หญิงอื่นหรือเปล่า ที่เธอเจ็บปวดมากมายนั้นเป็นเพราะ "คนอื่น" ที่ว่านั้นไม่ใช่เพศเดียวกับเธองั้นหรือ? (สำหรับเราตรงข้ามแฮะ อืมม์...) หรือที่เธอเจ็บปวด..ก็เพียงเพราะว่า..


ท้ายที่สุดแล้ว...คนที่เธอรักก็ยังไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงกับเธอ ยังเลือกที่จะโกหก ไม่ยอมรับ...หรือเปล่า?






อั้งลี่ทำหนังเรื่องนี้ได้แบบ..ซึมลึกจริงๆ



ดูนิ่งๆ (จนทำให้ใครหลายคนอาจหลับ) คลุมเครือ (หลายเรื่องมาก ทั้งการตายของแจ็ค ความสัมพันธ์ของแจ็คกับชายผู้มีภรรยาพูดมาก (คนเดียวกับที่พ่อแจ็คเล่าให้เอนนิสฟังหรือเปล่า?)ประโยคจบของเอนนิส I swear... ฯลฯ) และทิ้งเรื่องราวและร่องรอยไว้ในสมองและความรู้สึกของคนดูให้ได้คิดต่อ (หรือสำหรับบางคนอาจกลายเป็นความว่างเปล่าที่ไม่อยากคำนึงถึงไปเลยก็ได้)



ทำได้ไงเนี่ย?




ทำหนังอย่างนี้นี่เสี่ยงต่อการโดนด่าพอๆ กับการชมเลยนะนี่ (ไม่ใช่เรื่องประเด็นที่นำเสนอนะ แต่หมายถึงความก้ำกึ่งเอามากๆ ของหนังที่จะทำให้คนดูประทับใจได้น่ะ ผู้กำกับทำหนังเรื่องนี้ เหมือนการทำอาหารที่คนจะเสพอาหารที่เค้าปรุงได้แล้วรู้สึกว่ามันอร่อย ต้องกินอาหารประเภทนี้เป็นและต้องเป็นคนที่ชอบอาหารประเภทนี้จริงๆ น่ะ )




ฉากที่เรียกน้ำตาของเราได้มากที่สุดคือฉากกอดเสื้อ (ตกลงมันเป็นเสื้อของเอนนิสที่บอกว่าลืมไว้บนเขาแล้วแจ็คเก็บไว้หรือเปล่าคะ? ถ้าเราจำไม่ผิด เสื้อตัวนี้คือเสื้อของเอนนิสน่ะค่ะที่เป็นลายสก็อตสีครีมๆ) คือ..มันเป็นอะไรที่..เฮ้ย..คุณเก็บเสื้อชั้นไว้งั้นเหรอ มัน...บอกไม่ถูกจริงๆ ค่ะ ฉากนี้มันเจ็บปวดมากๆ จริงๆ มันให้ความรู้สึกคล้ายๆ ฉากที่นางเอกเห็นรถของพระเอกติดไฟแดงอยู่ข้างหน้าใน The Bridge of Madison County ค่ะ คือ “บาด” เจ็บจริงๆ นอกจากฉากนี้แล้วมันเป็นความเศร้าแบบลึกๆ มากกว่าไม่มีฉากที่กระทบความรู้สึกอย่างรุนแรงได้เท่าฉากนี้อีก




สรุปแล้ว ดูจบก็ยังนิ่งๆ คิดต่อและถามคำถามกับหนังเรื่องนี้มากมาย





แต่สำหรับเรา..หนังเรื่องนี้ถ้าเทียบกับ Crash (เพิ่งดูหนังที่เข้าออสการ์สามเรื่อง อีกเรื่องคือมิวนิค) เราว่า Crash “กระทบ” ใจมากกว่า (ถ้าเทียบสามเรื่องนี้แล้ว Crash กระทบใจเราที่สุดค่ะ) ประเด็นที่พูดถึงมัน “โดน” กว่าน่ะนะ แต่ก็ไม่แน่ ออสการ์เอาอะไรแน่ไม่ได้อยู่แล้ว (เหมือนปีที่เช็คสเปียร์อินเลิฟได้นั่นแหละ ผิดคาดสำหรับเรามากๆ)




อืมม์...ช่วงนี้เป็นอะไรน้อ..ดูหนังแล้วเหมือนมีกำแพงกั้นตลอดเวลา...เฮ้อ...



ขอบคุณที่แวะมาหากันนะคะ





สำหรับท่านใดที่แวะมาบ้านสาวไกด์เป็นครั้งแรก
(หรือเคยมาแล้วแต่มีหนังสือกับหนังที่อยากแนะนำเพิ่มเติม)

เรียนเชิญ ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2549 11:00:34 น.
Counter : 1239 Pageviews.  

♥++++++♥ครบรอบ ๑ ปีบล็อกเรา มาแนะนำบล็อกตลอด ๑ ปีให้อ่านค่ะ♥++++++♥





หันไปดูในช่อง Manage บล็อกของตัวเอง ก็เห็นได้ว่า บล็อกแรกของตัวเองเขียนวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ค่ะ เขียนทั้งหมด ณ วันนั้นจำนวน ๕ บล็อก (ก็คือ ๕ กรุ๊ปแรกน่ะแหละค่ะ) ตอนนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องหน้าแรกของบล็อกแกงค์เหมือนกัน ขออภัยท่านที่อัพบล็อกวันนั้นด้วยนะคะ



แรกๆ บล็อกสาวไกด์ฯ จะเป็นบล็อกเนื้อหาสั้นๆ อยากเขียนอะไรเขียน ส่วนใหญ่ก็เขียนแบบไม่ได้กลัวเล้ยยยยย ว่าใครจะมาอ่าน เง่อ จนหลังๆ นี่เขียนเพื่อให้ชาวบล็อกอ่านโดยเฉพาะค่ะ แหะๆ



วันนี้สาวไกด์ฯ มาแนะนำบล็อกแต่ละบล็อกที่ตัวเองประทับใจแล้วกันนะคะ แยกเป็นกรุ๊ปบล็อกไปเลย






กรุ๊ปบล็อกแรก “รำพึงรำพัน” อันนี้เอาไว้บ่น เขียน พิมพ์อะไรเรื่อยเปื่อยในหมวดที่ไม่สามารถลงที่กรุ๊ปบล็อกอื่นๆ ได้น่ะค่ะ เพราะฉะนั้นบล็อกในกรุ๊ปบล็อกนี้จะเยอะมาก



บล็อกในกรุ๊ปนี้ที่สาวไกด์ชอบ จะมีดังนี้ค่ะ


มาชวนคุย ไถ่ถามเรื่องความดี


เป็นบล็อกที่สาวไกด์อ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคนแล้วมีความสุขมากๆ ค่ะ ได้อ่านเรื่องราวดีๆ ของใครหลายๆ คน แล้วก็ทำให้เกิดความคิดบางอย่างด้วย อ่านแล้วรู้สึกว่า อยากทำโครงการแบบหนังเรื่อง Pay It Forward เลยค่ะ แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่แน่นอนและได้ผลได้ ก็เลยยังเป็นโครงการที่ค้างคาไว้อยู่



บล็อกต่อมา ความรักของมดดำ


อันนี้เป็นบล็อกที่ยังเขียนแบบให้ตัวเองอ่านอยู่ค่ะ แต่ปรากฏว่ามีคนเข้ามาตอบมากมาย แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้วกระทบใจเราจริงๆ ก็เลยค่อนข้างประทับใจจากบล็อกนี้ ความเห็นในบล็อกนี้หลากหลายดีค่ะ มีทั้งแบบมาแบบซึ้งๆ แล้วก็มาแบบธรรมชาติวิทยา และมาแบบ..ไม่เชื่อว่ามดดำจะมาทำอะไรอย่างนั้นตอนตีสอง (แต่เจ้าของบล็อกคอนเฟิร์มค่ะว่าเวลาตามนั้นจริงๆ)







สำหรับกรุ๊ปบล็อก I wanna tell you, guys นี่เอาไว้บอกเล่าอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นสารประโยชน์กับคนอ่าน ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับการท่องเที่ยวน่ะค่ะ ที่ได้ใช้ประโยชน์มากที่สุด (เวลาไปตอบกระทู้) ก็บล็อกนี้เลย


มาบอกเล่าเรื่องฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ให้ฟังค่ะ


บล็อกนี้จะเป็นรีวิวฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ตอนที่ได้ไปใหม่ๆ จริงๆ เวลาไปตอบกระทู้ก็จะบอกเนื้อหาเค้าเพิ่มด้วยว่าเครื่องเล่นที่แนะนำอีกอย่างคือ วินนี่เดอะพูห์ (พอดีตอนที่รีวิวยังไม่เคยเข้า ป่านนี้ก็ยังไม่ได้เข้า แต่มีพี่ที่ไปแล้วเอารูปมาบรรยายให้ดู น่ารักดีค่ะ ควรเข้านะคะ) เวลาใครมาถามเรื่องดิสนีย์แลนด์ฮ่องกงก็จะทำลิงค์มาที่บล็อกเลยค่ะ เพราะเนื้อหามันเยอะจัด







สำหรับกรุ๊ปบล็อก Bookworm เอาไว้รีวิวหนังสือค่ะ สำหรับบล็อกที่ชอบที่สุดก็ต้องอันนี้เลยค่ะ

ถึงเธอ.. เจ้าชายเพียงคนเดียวของฉันในโลก


เป็นการอัพบล็อกพร้อมกัน ๓ บล็อก (จริงๆ ต้อง ๔ แต่เนื่องจากคุณปรีดาเธอเปื่อยก็เลยไม่ได้อัพด้วยกัน) ค่ะถึงหนังสือเรื่อง “เจ้าชายน้อย” ในต่างมุมมองออกไป ของเราอัพเรื่องความรู้สึกของดอกกุหลาบ พี่กรัปป้ารีวิวเวอร์ชั่นคุณอารียา ไพฑูรย์ ส่วนน้องชุน-แพนด้ามหาภัย พูดถึงเจ้าชายน้อยเวอร์ชั่นภาษาจีนและคนรักสองแบบ (กุหลาบและหมาจิ้งจอก) เป็นการอัพบล็อกที่ได้สีสันมากๆ บล็อกหนึ่งค่ะ




อีกอันก็นี่ค่ะ แมวน้อยร้อยหมื่นชาติ


ยังคงเป็นหนังสือที่เราชอบมาก และยังคงแนะนำให้ใครต่อใครได้อ่านและมีไว้ติดบ้านเสมอๆ (ติดตรงเดียวที่ราคาสูงโคตรๆ นี่แหละ ตัวเองก็ไปซื้อตอนเซลส์เหมือนกันค่ะ) เพราะฉะนั้นด้วยฉันทคติส่วนตัว บล็อกนี้จึงยังคงชอบไปด้วยค่ะ แหะๆ




อีกบล็อกหนึ่งในกรุ๊ปนี้นะคะ เจ้าชายไม่วิเศษ


เป็นหนังสือเล่มที่ถือได้ว่าชอบที่สุดเล่มหนึ่งในการอ่านเมื่อปีที่แล้ว และให้บังเอิญเป็นอย่างมากว่าหลังจากเขียนบล็อกนี้ไปได้ไม่นานก็ได้ไปเจอบล็อกของผู้เขียนในบล็อกแกงค์ ก็เลยค่อนข้างประทับใจในความบังเอิญทั้งหลายแหล่นี่ค่ะ







กรุ๊ปบล็อกต่อมาคือ Cinemania ค่ะ กรุ๊ปบล็อกนี้เอาไว้รีวิวหนังค่ะ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ไปดูหรอกนะคะ ขึ้นอยู่กับว่า ว่างหรือไม่ด้วยน่ะค่ะ หนังบางเรื่องดูในโรงภาพยนตร์ บางเรื่องก็ดูจากแผ่นที่บ้าน


บล็อกที่ชอบที่สุดของบล็อกนี้ก็ได้แก่ YES is "YES!!!"..รีวิวหนัง ๓ เรื่องรวด กับวันหยุดแสนสุข


เนื่องจากเป็นสองวันกับหนัง ๓ เรื่องที่มีความสุขในการดูทั้งสามเรื่องจริงๆ ค่ะ ก็เลยยังรู้สึกประทับใจกับช่วงเวลาที่ได้มีประสบการณ์กับภาพยนตร์นั้นอยู่ค่ะ







นอกนั้นบล็อกอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรแนะนำเท่าไหร่แล้วค่ะ





แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ? เขียนบล็อกครั้งแรกวันไหน มีบล็อกไหนมาภูมิใจนำเสนอ เรียนเชิญแปะลิงค์ไว้นะคะ เจ้าของบล็อกจะตามกลับไปอ่านค่ะ (แต่อาจจะช้าหน่อย เพราะวันนี้เจ้าของบล็อกเปื่อย แถมเล่นเน็ตเต่าอยู่ที่บ้านด้วยค่ะ




ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะ






 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2549 13:26:58 น.
Counter : 1480 Pageviews.  

★++++++★วั น พิ เ ศ ษ แ ห่ ง ช า ติ★++++++★




สวัสดีค่ะ


วันนี้มีเรื่องมาชวนคิดชวนคุยอีกแล้ว






อันเนื่องมาจากจุลสารทีเคปาร์คฉบับล่าสุดมีคอลัมน์หนึ่งที่สะดุดต่อมคิดเป็นอันมาก (อยู่ในคอมลัมน์ Thinking Park)


โดยเนื้อหาในคอลัมน์ชวนคุยว่า ในจำนวน ๓๖๕ วันของปี มีวันหยุดเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ ถ้าเราเลือกกำหนดได้ให้มีวันหยุดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน เพื่อนๆ อยากให้วันนั้นเป็นวันหยุดเนื่องในโอกาสอะไรกันบ้าง


สำหรับความเห็น ก็มีด้วยกัน ๗ ความเห็นดังนี้จ้า


ปัณณวิช ปานเจริญ

อยากให้เป็น วันผู้ใหญ่ ครับ เพราะว่าเรามีวันเด็กกันแล้ว ถ้าวันเด็กคือวันที่ผู้ใหญ่พาเด็กไปเที่ยวในที่ต่างๆ ที่เด็กสนใจ วันผู้ใหญ่ก็จะเป็นวันที่พ่อแม่พาลูกไปดูที่ทำงานของตัวเองว่าทำงานอะไรบ้าง เด็กๆ จะได้เข้าใจว่าพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหนกว่าที่จะเลี้ยงดูพวกเราได้โตกันขนาดนี้



ชัชนิตย์ อารีฟ

สภาพแวดล้อมรอบตัวเราทุกวันนี้มีแต่มลพิษ พื้นที่สีเขียวก็มีน้อยเกินไป อยากให้มีวันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติค่ะ เป็นวันที่ทุกคนต้องหยุดไปช่วยกันรักษาความสะอาดกันทั้งเมือง เก็บขยะ ปลูกต้นไม้ รณรงค์ให้เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและช่วยกันอนุรักษ์ด้วยค่ะ



อัญมณี ขันแก้ว

หยุดเนื่องในวันเพื่อนแห่งชาติค่ะ เราจะได้มีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนเยอะๆ ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ กับเพื่อนกลุ่มใหญ่แล้วสนุกดีค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะมีเวลาไม่ค่อยตรงกันเลย อยากมีวันนี้เป็นการบังคับทางอ้อมว่าต้องไปด้วยกันทั้งหมดนะ



ณัฐสิมา บุญหวาน

วันนอนหลับแห่งชาติค่ะ อยากให้มีวันนึงที่ไม่มีใครออกจากบ้าน ไม่มีใครทำอะไรเพราะทุกคนนอนหลับกันหมด บ้านเมืองเราอาจจะเงียบสงบกันหนึ่งวันเต็มๆ แล้วทุกคนก็ได้นอนกันอย่างเต็มอิ่ม ไม่ต้องมานั่งหาวหรือแอบหลับในห้องเรียนให้อาจารย์หงุดหงิดอีกต่อไป



มาลินี ปลั่งดี

(ของคนนี้เราชอบมากกกกกกค่ะ อิอิ)
อยากให้เป็นวันอ่านหนังสือแห่งชาติ ทุกคนจะได้มีเวลาในวันหยุดนี้สำหรับอ่านหนังสือ โดยไม่จำกัดว่าจะอ่านหนังสือแบบไหน หนังสือการ์ตูนหรือนิตยสารอะไรก็ได้ ขอให้เป็นหนังสือ จะได้แก้ปัญหาเวลาที่เราชอบอ้างกันว่าไม่มีเวลาอ่านหนังสือกันเสียที



นวพรรณ คีรีมา

วันสวนสนุกแห่งชาติ ให้ทุกคนได้เข้าสวนสนุกฟรี ในวัดต่างๆ ก็ให้มีจัดงานวัดเป็นแฟร์เล็กๆ มีม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ให้ทุกคนได้เล่นโดยไม่เสียเงิน เพราะรัฐบาลจะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ แล้วให้คนที่มีชื่อเสียงแต่งตัวเป็นมาสคอตหรือตัวการ์ตูนต่างๆ และที่สำคัญ ต้องมีคำขวัญวันสวนสนุกแห่งชาติเหมือนวันเด็กด้วย



ชฎาพร ทองสิมา

วันหยุดสำหรับเทคโนโลยีต่างๆ ค่ะ เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันมีเยอะมากและเราไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้กับมันเท่าที่ควร หรือบางครั้งคุณตาคุณยายก็ใช้เทคโนโลยีสมัยนีไม่เป็น จะได้มีเวลาสอนคุณตาคุณยายให้ใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆ ค่ะ





ก็เลยมาถามตัวเองว่าแล้วตัวเองอยากให้มีวันไหนอีกบ้างนอกเหนือจากความเห็นข้างบนแล้ว




ก็มี วันภาพยนตร์แห่งชาติ ค่ะ

ก็เป็นการนำหนังสมัยแรกๆ ของไทย-เทศ มีประวัติจัดเป็นนิทรรศการ นำหนังของทุกชาติทุกภาษาให้ได้ดูฟรีโดยความร่วมมือของโรงหนังต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร เป็นวันหยุดที่ให้ทุกคนออกมาดูหนัง มีกิจกรรมต่างๆ เช่นฉายหนังสั้น ฯลฯ




หรือไม่ก็ วันศิลปะแห่งชาติ

คือรวมหมดทั้งหนังสือ หนัง ดนตรี เป็นวันหยุดแล้วแต่ละจังหวัดก็จะมีการจัดเทศกาล (คล้ายๆ แฟตเฟสฯ) ให้ประชาชนแต่ละจังหวัดได้เลือกเข้าไปเสพงานต่างๆ



อีกอันก็ วันทำความดีแห่งชาติ

วันนี้ให้ทุกคนต้องทำความดีคนละ ๑ อย่าง (เหมือนทุกคนต้องไปเลือกตั้ง) จะเป็นความดีรูปแบบใดๆ ก็ได้ มีการรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรม มีการให้รางวี่รางวัลด้วยก็ได้ ฯลฯ




เท่าที่นึกออกตอนนี้มีแค่นี้ค่ะ


แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ? อยากให้มีวันอะไรเป็นวันหยุดแห่งชาติอีกบ้าง และทำอะไรกันบ้างดีในวันนั้นๆ คะ?



มาคิด-มาคุยกันเนาะ



ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ







ประก๊าศ ประกาศ



เจ้าของบล็อกไม่อยู่ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงวันจันทร์หน้านะคะ


กรุณาฝากข้อความไว้


เมื่อเล่นเน็ตได้เมื่อไหร่จะรีบกลับไปหานะคะ




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2549 19:10:13 น.
Counter : 1512 Pageviews.  

++++++เพราะหัวใจ..ยังคงเป็นแค่หัวใจ (แต่ยังมีอะไรควรค่ากว่านั้น)++++++


“คนเลวที่รักเธอ”


เพลงนี้ทำให้เราฉุกคิดสิ่งที่สงสัยขึ้นมาอีกครั้ง




คนสมัยนี้ “ดูเหมือน” จะเห็นแก่ตนเองมากขึ้นหรือไร

เห็นแก่ความสุขของตนเอง เห็นแก่ความสุขของคนที่ตัวเองบอกว่ารัก



โ ด ย ไ ม่ เ ค ย ดู ห รื อ ส น ใ จ ว่ า . . .
มั น อ ยู่ บ น ค ว า ม ทุ ก ข์ ข อ ง ใ ค ร บ้ า ง





“จะขอเป็นคนเลวที่รักเธอที่สุด ถึงใครจะมองแบบไหน
ไม่ขอเป็นคนดีที่รักเธอไม่ได้ ไม่อยากเป็นคนดีที่ไม่มีความสุข”



ฟังแล้วเหมือนดูดี..แต่สำหรับเรา- - คงต้องหัวเราะ “หึๆ”

เทิดทูนความรักเหลือเกิน เทิดทูนอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่สนใจสายตาใคร ไม่แคร์ใคร

เพื่ออะไร? เพื่อที่จะได้รัก เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข?






เราคงไม่มีสิทธิ์ว่าหรอกเรื่องรักน่ะ ความรักมันห้ามกันไม่ได้ คนบางคนเกิดมาให้เรารักแต่เค้าเจอคนอื่นมาแล้ว คบกับคนอื่นมาแล้วนี่นา


บุญมันไม่ถึงกัน จะไปทำให้คนอื่นเค้าต้องเจ็บปวดทำไม






เข้าใจหรอกว่า - - เรื่องของหัวใจหลายครั้งมันก็ห้ามยาก-บังคับกันยากเหลือแสน



ไม่ใช่ว่าไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้

เคยทั้ง...รักคนอื่นที่ครอบครองไม่ได้ (แต่ไม่เคยข้ามเส้น ไม่เคยเรียกร้อง และแฟนของเขาไม่เคยแม้แต่จะรู้ ถึงรู้ก็เรียกว่าไม่ได้เดือดร้อนเอาเสียเลยนั่นแหละ- - เพราะเราก็ไม่เคยทำอะไรนอกเหนือไปจาก “ความสมควร” เลยแม้แต่กระผีกริ้น)

และเคยเป็นคนที่ต้องเจ็บปวดเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาในสถานการณ์ที่ต้องมีแค่คนสองคน
(ที่บล็อกของปิงปองงง เคยเขียนข้อความไว้ว่า
“ความรัก...น้อยที่สุดคือสองคน
มากที่สุดคือสองคน”

นั่นแหละ...ใช่เลย)


ดังนั้นจึง “ซึมซับ” สถานการณ์แบบนี้ได้





เพียงแต่

ถ้าแค่รัก - -แต่ไม่ครอบครอง
ถ้าแค่รัก - - แต่ไม่ทำให้ใครเค้ารับรู้และเดือดร้อน
ถ้าแค่รัก - - แต่ไม่ทำให้ใครเจ็บปวด


ถ้ามันเป็นเช่นสามบรรทัดข้างบน...ใครจะว่าอะไรได้


แต่..ส่วนใหญ่ก็มักพลั้งเผลอ (หรือตั้งใจ) ข้าม The Thin Red Line ไปเสมอนั่นแหละ
ข้ามไปสู่จุดที่ต้องทำให้คนอื่นเจ็บปวด
ข้ามล้ำจากขอบเขตของการ “รัก” อยู่เพียงเงียบๆ





แต่..ที่สำคัญ- - เราว่าทัศนคติของคนส่วนใหญ่ ณ เวลานี้

กลับไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน ใครจะเจ็บปวดแล้วไง


แต่ยึดเอาความรักเป็นสรณะ เหนือทุกสิ่ง (เอาเถอะ..แล้วเคยย้อนถามบ้างมั้ยว่า แล้วเค้าสองคนหละ ไม่เคย “รัก” กันมาก่อนแล้วหรือ ทำไมถึงได้คิดว่า “ความรัก” ของตัวเองถึงยิ่งใหญ่กว่า “ความรัก” ของคนอื่นนักนะ)


อยู่เหนือแม้กระทั่งความดีงามหรือความถูกต้อง



บางทีก็หวนถามตัวเองนะว่า..แล้วบางสิ่งมันควรค่าสำหรับการแลกความสุขของตัวเองกับความดีงาม-ถูกต้องนั่นแล้วหรือ




ณ วินาทีนี้ เรายังตอบว่า “ใช่”








แต่พูดไป..จะมีใครเข้าใจ ยอมรับและทำได้ - - สักกี่คนกัน?




ตราบเท่าที่หลายคนยังเห็นความรักของตัวเองยิ่งใหญ่ สวยงามกว่าของคนอื่น

ตราบเท่าที่หัวใจของใครหลายคนยังเห็นแก่ความสุขมากกว่าความดีงาม






เหมือนอย่างเรื่อง “คิดถึงทุกปี” ของบินหลา สันกาลาคีรีนั่นแหละ

บางครั้ง..บางเรื่องราว ก็มีอีกหลายสิ่งที่สวยงามและควรค่าแก่การรักษาไว้ยิ่งกว่า “ความรัก”





เพียงแต่...หัวใจเรากว้างพอจะมีที่ทางให้ได้เห็นสิ่งอื่นควรค่า-สวยงามยิ่งกว่าความรักได้หรือไม่

หัวใจเรากว้างพอจะเห็นความรักของคนอื่นเทียบเท่ากับความรักของตัวเองบ้างหรือไม่






นั่ น สิ น ะ




เ ฮ้ อ...






ป.ล. สำหรับท่านใดที่ไม่ได้อ่านบล็อกหนังสือที่อัพเมื่อวานนี้ ก็ขอแจ้งให้ทราบว่าเย็นนี้จะไปเชียงใหม่ค่ะ กลับอีกทีดึกๆ ของวันอาทิตย์ เพราะเช่นนั้น...พบกันอีกทีจันทร์หน้านะคะ


(ถ้าไม่กลับไปคอมเม้นท์แสดงว่าปิดอินเตอร์เน็ตเตรียมตัวเดินทางแล้วค่ะ)



ป.ล.๒ พอดีเจอบล็อกของเพื่อนอีกคนพูดถึงมิวสิควีดีโอเพลงนี้ จึงขออนุญาตทำลิงค์เผื่อใครจะอยากรู้รายละเอียดค่ะ เชิญที่นี่นะคะ ที่นี่ค่ะ








 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2549 15:41:55 น.
Counter : 1770 Pageviews.  

++++++++คำตอบจากเว็บมาสเตอร์เรื่องระบบใหม่ค่ะ++++++++




สวัสดีค่ะ


จากที่คุยกันไว้ที่บล็อกที่แล้ว เรื่องระบบตัวใหม่
ที่นี่ค่ะ



ตอนนี้ได้คำตอบจากเว็บมาสเตอร์ตามนี้นะคะ


สวัสดีค่ะ

เนื่องจากทางเราได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการเรียงลำดับบล๊อกที่หน้ารวมใหม่
จากแต่เดิมที่เรียงกันอย่างไม่เป็นระบบ เป็นแบบเรียงตามวันเวลาที่สร้างเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่เข้าชมค่ะ ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับว่าบล๊อกใดมีคนมาcomment จะทำให้อันดับดีขึ้นค่ะ

สำหรับเหตุผลที่ทางเราไม่เรียงตามlast update (คนที่สร้างไว้แล้ว เมื่อมาแก้ไขข้อความลำดับของบล๊อกในหน้ารวมจะสูงขึ้น)เนื่องจากอาจจะทำให้บางคนใช้วิธีเข้าไปแก้ไขเล่นๆ เพื่อให้อยู่อันดับที่สูงเรื่อยๆ ซึ่งหากมีคนใช้วิธีนี้มากๆก็จะเบียดบังบล๊อกของคนอื่นให้ตกไปได้ค่ะ
ดังนั้นทางเราคิดว่าการเรียงลำดับตามวันเวลาที่สร้าง เป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดแล้วค่ะ

นอกจากนี้ ทางเราได้นำบล๊อกแบบ private (ต้องใส่รหัสก่อนการเข้าชม)ออกจากหน้ารวมแล้ว ดังนั้นจะทำให้ท่านหาบล๊อกที่ท่านต้องการได้ง่ายขึ้นค่ะ

สำหรับวิธีของคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" นั้น หากนำมาใช้จริงอาจจะเกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น อาจจะมีคนใช้วิธีปั่น comment ในบล๊อกตัวเองอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้บล๊อกของเค้าได้อยู่ลำดับต้นๆ อยู่ตลอดหรือในอีกแง่หนึ่ง สำหรับบางท่านที่เป็นสมาชิกใหม่ ไม่เป็นที่รู้จัก
การที่เค้าเขียนบล๊อกขึ้นมา แล้วไม่มีคนตอบ comment หรือมีคนตอบน้อย จนทำให้บล๊อกของเค้าถูกดันตกลงไปเรื่อยๆอยู่ตลอดก็จะยิ่งทำให้เค้าไม่เป็นที่รู้จักและอาจจะหมดกำลังใจในการเขียนบล๊อกได้ค่ะ

สำหรับปัญหาเรื่องสมาชิกบางท่านโพสบล๊อกจำนวนมากๆในแต่ละวัน
ทางเราได้สังเกตเห็นเช่นกันค่ะ
ทั้งนี้ทางเราคงจะไม่ใช้วิธีจำกัดสิทธิ์การโพสในแต่ละวันในขณะนี้เนื่องจากเป็นสิทธิ์ของผู้ใช้บริการแต่ละท่านและคิดว่าเป็นเรื่องที่สามารถอธิบายหรือขอความร่วมมือกับสมาชิกได้ซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าการจำกัดสิทธิ์ในการโพสค่ะ
และคิดว่าคงไม่มีใครตั้งใจที่จะโพสจำนวนมากๆเพื่อจะทำให้บล๊อกของคนอื่นตกลงไปนะคะ
อาจจะทำไปเพราะความไม่รู้มากกว่าค่ะ

แต่ทั้งนี้ สำหรับบางท่านที่ทางเราเห็นชัดเจนว่าโพสจำนวนมากๆและเห็นหลายครั้ง ทางเราได้ส่งอีเมลไปขอความร่วมมือแล้วบ้างค่ะซึ่งได้รับการตอบรับ และพร้อมที่จะแก้ไขต่อไป ดังนั้นทางเราหวังว่าปัญหานี้จะดีขึ้น แต่หากในอนาคตยังคงพบปัญหานี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทางเราคงจะต้องหาวิธีอื่นๆในการจัดการต่อไปค่ะ

สุดท้ายนี้ ทางเราต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งที่ท่านได้แจ้งปัญหามาให้ทางเราทราบ
หากการเปลี่ยนแปลงของเรา ทำให้ท่านรู้สึกไม่สะดวกในการใช้บริการไปบ้าง
ทางเราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ และหากท่านใดมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสามารถเสนอมาได้นะคะ ทางเราจะลองนำไปพิจารณา เพื่อปรับปรุง bloggang ให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ






จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณา




 

Create Date : 27 มกราคม 2549    
Last Update : 27 มกราคม 2549 15:35:44 น.
Counter : 1799 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.