Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ธรรมะ
เจ้าที่
จิตใจ
จิปาถะ
วรรณกรรม
แขกบ้าน
หนังสือ
ความรู้ทั่วไป
ประวัติศาสตร์
การเรียน A
การเรียนA2
การเรียน A3
งานเขียน
ต้นไม้
สัตว์เลียง
ททท1
ททท2
กวี
การเมือง
แวดวงสมาชิก
เพลง
ร้านอาหาร
ร้านอาหาร
อาหารการกิน
อาหารการกิน
สูตรอาหาร
สูตรอาหาร
ข่าวเด่น
ข่าวเด่น
ความรัก
แฟชั่น
ครอบครัว
ซีรีย์ที่ชอบ
สุขภาพ
สุขภาพ
ลดน้ำหนัก
ดนตรี
การจัดดอกไม้
ดวงดีมีบุญ
งานอดิเรก
งานฝีมือ
ภาพถ่าย
การ์ตูน
การ์ตูน
ศิลปะ
ศิลปะ
เอื้องไม้
วิทยาศาสตร์
สังคม
ข่าวทั่วไป
ชวนดูนก
ยานยนต์
ไอที2018
Top News
ครอบครัว
กฏหมายน่ารู้
เทนนิส 2020
อเมริกาฟุตบอล
Diary
ชินจัง
วัชพืช
มีตะพาบ
Science2023
Game
ธันวาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
6 ธันวาคม 2554
รามเกียรติ์ วรรณคดีสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย
All Blogs
✾ชีวิต อัยการ เขียนโดย อ.ฟ้าขาว
อันโตนิโอ กรัมชี่ : ข้าพเจ้าเกลียดวันขึ้นปีใหม่
การลอยกระทงมีวัตถุประสงค์คือ
เรื่องที่ถูกเล่าขานและน่าสนใจถึงประวัติการถอดรองเท้าเข้าวัดในประเทศพม่า
เรื่องกาแฟโบราณใส่นมด้านล่าง
"กรุงเทพฯเมืองหนังสือ" พันธกิจสร้างความเชื่อมั่นในไทเป
'นิพพาน'ว่าด้วยหลักธรรมอันลึกซึ้ง สังสารวัฏ'เส้นทางพระบรมโพธิสัตว์'
ซีเอ็ด และข้อกำหนดที่ปิดกั้นเสรีภาพในการเขียน ?
รักอมตะ “มะเมี๊ยะ-เจ้าศุขเกษม” : เรื่องเก่าที่ต้องมองใหม่
ประวัติศาสตร์หวาน "น้ำตาลเปลี่ยนโลก"
ทำไมต้องอ่าน สามก๊ก ?
เมืองไทยถ้ามีแบบนี้บ้างก็ดี "อะเมซอน" ใจป้ำ ให้ยืมอีบุ๊ก แฮร์รี่ พอตเตอร์
รู้ทันสมองในยามคับขัน เอาชีวิตรอดจากหายนะ
จักรพรรดิที่โลกลืม นิยายสนุกน่าติดตาม
หวานเผ็ดเค็มมัน ข้าวแกงเด็ด77จังหวัด
"ข่าวสด"ชวนชิม ข้าวแกงเด็ด77จังหวัด
การโคจรของโลกคู่ขนานใน 1Q84 ของ ฮารุกิ มุราคามิ
ข่าวพระดีดีไม่ค่อยมีคนสนใจ.......
‘ดร.สุเมธ’วอนผู้นำต้องเสียสละยึดคุณธรรม อย่าหลงพระเดช
ฮือฮาทุบสถิติทะเบียนรถสวย11ล้านบาท
สี่ประเภท - ข้างคลองคันนายาว..
แกแก่แก้แก๊แก๋ ..
ปิดฉาก 50 ปี "เชลล์ชวนชิม" โบกมือลา
รวมพระเครื่องรวมเรื่องพระ 23 มกรา55
พระพยอมวันนี้..กตัญญูผู้ที่ยังอยู่เคารพบูชาผู้ที่จากไป
สี่แผ่นดิน เดอะ มิวสิคัล โดย ดร.วิษณุ เครืองาม
หมอดู - ดารา พยากรณ์ พญากรรม
วัตถุมงคล-วัดสำปะซิว สร้าง"มณฑปบูรพาจารย์"
บ้านดำนางแล - สบายๆ สไตล์ ไมตรี
คลองเพลง...คอลัมน์ วัฒน์ วรรลยางกูร
ทำเถอะหากชอบธรรม แม้ถูกมองเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี
วันวารที่ผ่านเลย...เผ่าทอง ทองเจือ
เริ่มต้นปีมาชวนเพื่อนๆ อ่านหนังสือน่ารู้เช่นเคย หนอนแก้วชวนอ่าน
การนับจำนวนในคำเมือง
เทศกาลย้อนยุค วัดโพธิ์
ตัวละครหลัก รามเกียรติ์
รามเกียรติ์ วรรณคดีสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย
รามเกียรติ์ วรรณคดีสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย
โดยมีต้นเค้าจาก
วรรณคดีอินเดีย
คือมหากาพย์รามายณะที่ฤๅษีวาลมีกิ
ชาวอินเดีย
แต่งขึ้นเป็น
ภาษาสันสกฤต
เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษเชื่อว่าน่าจะเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากอิทธิพลของลัทธิพราหมณ์ฮินดู
สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ ของไทยนั้น
มีมาตั้งแต่
สมัยอยุธยา
ใน
สมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
ได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ละครหลวงเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1 ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วน สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อให้ละครหลวงเล่น โดยได้ทรงเลือกมาเป็นตอน ๆ ใน
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์
โดยใช้ฉบับของอินเดีย (รามายณะ) มาพระราชนิพนธ์ ใช้ชื่อว่า
"บ่อเกิดรามเกียรติ์"
ฤๅษีวาลมีกิ
ฤๅษีวาลมีกิ (สันสกฤต: वाल्मीकि มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาล[1]) เป็น
นักบวชฮินดู
นักประพันธ์วรรณกรรมภาษาสันสกฤต ซึ่งที่โด่งดังที่สุดคือ
รามายณะ
เดิมทีฤๅษีวาลมีกิอยู่ในวรรณะพราหมณ์
แต่ชอบคบหาสมาคมกับโจรป่า จากนั้นก็แต่งงานกับโจรป่า จึงทำให้ฤๅษีวาลมีกิกลายเป็นโจรป่าไปด้วย และ ตอนที่
ฤๅษีวาลมีกิ
เป็นโจรป่าได้ปล้นสดมฆ่าคนมามากมาย และ ครั้งหนึ่งก็ไปเจอกับ
สัปตะฤๅษี
( ฤๅษี ทั้ง 7 ) และ สัปตะฤๅษีก็ได้ บอกล่าวถึง
บาปบุญคุณโทษ
ให้ ฤๅษีวาลมีกิ ฟัง แล้ว ฤๅษีวาลมีกิ ก็เกิดการสำนึกผิด ขึ้นมา อยากออกบวช สัปตะฤๅษีจึงบอกวิธีแก้ไข ให้ก็ คือ ต้องภาวนา มันตราศักดิ์สิทธิ์ ว่า
"เฮ ราม"
จากนั้นสัปตะฤๅษี ก็เดินจากไป แล้ว ฤๅษีวาลมีกิ ก็ ท่องมันตราศักดิ์สิทธิ์ ว่า "เฮ ราม"
จนครบ 1,000 ปี
จนเกิดจอมปลวกห่อคลุมร่าง ของ ฤๅษีวาลมีกิ แล้ว สัปตะฤๅษี ก็มาปรากฏให้ ฤๅษีวาลมีกิ เห็นอีกครั้ง แล้วก็บอก ฤๅษีวาลมีกิ ว่า "เจ้า ภาวนาสำเร็จแล้ว" แล้ว
พระพรหม ก็ปรากฏพระวรกายให้ ฤๅษีวาลมีกิ เห็น จากนั้นก็ประทานโองการ ว่า
"วาลมีกิ ถ้าเจ้าอยากลบล้างบาป ที่เจ้าเคยเป็นโจรป่า แล้วฆ่าคนมามากมาย
เจ้าต้องบันทึก เรื่องราวของ พระราม
โดยการตั้งชื่อ
รามายณะ
ส่วนเรื่องราว ฤๅษีนารทมุนี จะเป็นคนเล่าเรื่องให้เจ้าฟัง แล้วให้เจ้า เป็นผู้บันทึก เอง" จากนั้น ฤๅษีวาลมีกิ ก็ เริ่มบันทึก เรื่องราวของ พระราม โดยมาจาก วาทะของ
ฤๅษีนารทมุนี และ นิทานพระราม
จนเป็น คัมภีร์รามายณะ จนถึงทุกวันนี้
^^
อ้างอิง
^ Julia Leslie, Authority and Meaning in Indian Religions: Hinduism and the Case of Valmiki, Ashgate (2003), p. 154. ISBN 0754634310
ต้นเค้าของเรื่องรามเกียรติ์น่าจะมาจากเรื่อง รามยณะ ของอินเดีย ซึ่งเป็นนิทานที่แพร่หลายอยู่ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียใต้ ต่อมาอารยธรรมอินเดียได้แพร่หลายเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ่อค้าชาวอินเดียได้นำอารยธรรมและศาสนาเข้ามาเผยแพร่ด้วย ทำให้เรื่องรามยณะแพร่หลายไปทั่วภูมิภาค กลายเป็นนิทานที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นจนกลายเป็นวรรณคดีประจำชาติไป ดังปรากฏในหลายๆชาติ เช่น ลาว พม่า เขมร มาเลเซีย อินโดนีเซีย ล้วนมีวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์เป็นวรรณคดีประจำชาติทั้งสิ้น
โครงเรื่อง
เหตุเกิดเมื่อ
นนทก
ไปเกิดใหม่เป็น
ทศกัณฐ์มีสิบหน้ายี่สิบมือ
ตามคำ
พระนารายณ์
ก่อนนั้นเมื่อพระนารายณ์สังหารนนทกแล้ว ได้ไปขอ
พระอิศวร
จะให้เหล่าเทวดา และตนไปตามสังหารนนทกในชาติหน้า
หลังจากนั้น ทหารเอกทั้งห้า จึงเกิดตามกันไป
ได้แก่ หนุมานเกิดจากเหล่าศาสตราวุธของพระอิศวรไปอยู่ในครรภ์นางสวาหะ สุครีพ เกิดจากพระอาทิตย์แล้วโดนคำสาปฤๅษีที่เป็นพ่อของนางสวาหะ
องคต เป็นลูกของพาลีที่เป็นพี่ของสุครีพ
ชมพูพาน เกิดจากการชุบเลี้ยงของพระอินทร์ นิลพัท เป็นลูกของพระกาฬ
รามเกียรติ์ฉบับต่างๆ ของไทย
วรรณคดีรามเกียรติ์ที่ปรากฏในภาษาไทย มีหลักฐานเก่าที่สุดคือ
ราวกลางสมัยกรุงศรีอยุธยา
และมีฉบับอื่นๆ เรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน โดยมีรายการดังนี้
รามเกียรติ์บทพากย์ ความครั้งกรุงเก่า
เชื่อว่าเป็นบทพากย์หนังใหญ่ บางท่านก็ว่าเป็นบทพากย์โขน เนื้อความไม่ปะติดปะต่อกัน เนื่องเรื่องไม่ครบสมบูรณ์
เข้าใจว่าแต่งในราวรัชสมัยพระเพทราชา
ถึงพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
รามเกียรติ์บทละคร ความครั้งกรุงเก่า
เนื้อความตั้งแต่ "พระรามประชุมพล" จนถึง "องคตสื่อสาร" น่าจะเป็นฉบับสำหรับเล่นละครของคณะเชลยศักดิ์ (ละครชาวบ้าน) ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา
รามเกียรติ์บทละคร พระราชนิพนธ์พระเจ้ากรุงธนบุรี
ระบบ "วันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้นค่ำหนึ่ง จุลศักราช 1132 ปีขาล โทศก" ตรงกับ พ.ศ. 2323 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาล มีด้วยกัน 4 ตอน ได้แก่
ตอน 1 ตอนพระมงกุฎ
ตอน 2 ตอนหนุมานเกี้ยวนางวานริน
ตอน 3 ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง
ตอน 4 ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีกรวดทราย
รามเกียรติ์บทละคร พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 1
รามเกียรติ์บทละคร พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 2
รามเกียรติ์คำพากย์ พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 2
รามเกียรติ์บทละคร พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 4
รามเกียรติ์คำพากย์และบทเจรจา พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงค้นคว้าหาที่มาของเรื่องรามเกียรติ์จากคัมภีร์รามายณะ แล้วทรงพระราชนิพนธ์หนังสือเรื่องบ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ขึ้นมา และยังทรงพระราชนิพนธ์บทร้องและบทพากย์สำหรับใช้แสดงโขนขึ้นอีก 6 ชุด คือชุดสีดาหาย ชุดเผาลงกา ชุดพิเภกถูกขับ ชุดจองถนน ชุดประเดิมศึกลงกา และชุดนาคบาศ ซึ่งบทพระราชนิพนธ์เหล่านี้ทรงดำเนินเรื่องตามคัมภีร์รามายณะ โดยมีพระราชประสงค์เพื่อใช้ในการแสดงโขนจึงมีบทพากย์และเจรจาอยู่ตามความเหมาะสมของการแสดง
พระราม
พระราม (เทวนาครี: राम รามะ)
เป็นตัวละครเอกในเรื่องรามเกียรติ์ ตามตำนาน เล่าว่าพระรามเป็นปางที่ 7
ของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ (รามาวตารหรือรามจันทราวตาร) อวตารลงมาเป็นโอรสท้าวทศรถ และพระนางเกาสุริยา ทรงมีพระวรกายเป็นสีเขียว ทรงธนูเป็นอาวุธ มีศรวิเศษสามเล่มคือ ศรพรหมมาตร ศรอัคนิวาต และศรพลายวาต เวลาสำแดงอิทธิฤทธิ์จะปรากฏเป็น 4 มือ ทรงเทพอาวุธ ตรี คฑา จักร สังข์
พระรามมีพระอนุชาร่วมพระบิดา 3 พระองค์
ได้แก่ พระพรต (สันสกฤตว่า ภรต) , พระลักษณ์ (สันสกฤต : ลักษมัณ หรือ ลักษมณะ) และพระสัตรุด (สันสกฤต : ศัตรุฆน์)
ลักษณะและสี
สีเขียวนวล 1 หน้า 2 มือ มงกุฏเดินหน มงกุฏชัย หรือพระมหามงกุฏ ตอนทรงพรตสวม"ชฎายอดฤษี"
พระรามมีพระมเหสีคือ นางสีดา ผู้เป็นพระธิดาของท้าว ทศกัณฐ์ กับนางมณโฑเทวี
พระรามกับนางสีดามีโอรส 1 องค์ คือ
พระมงกุฏ
และมีบุตรเลี้ยง 1 องค์ คือ
พระลบ
ซึ่งพระวัชมฤคฤษีชุบขึ้นมาให้เป็นพระอนุชาของพระมงกุฏ และสุดท้ายบุคคลเหล่านี้ได้ดับดิ้นเพราะลิงลม
พระรามในความเชื่อของไทย
ชาวไทยมีคติความเชื่อว่า
พระมหากษัตริย์
ถือเป็นพระนารายณ์อวตาร พระนามของกษัตริย์จึงมีคำว่า ราม อยู่ด้วยเสมอ เช่น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) หรือแม้กระทั่งในสมัยกรุงสุโขทัย ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า รามคำแหง
ติดตามต่อพรุ่งนี้นะขอรับ
ที่มา..วิกิพีเดีย
Create Date : 06 ธันวาคม 2554
Last Update : 7 ธันวาคม 2554 2:08:52 น.
0 comments
Counter : 3591 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [
?
]
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557