ข้อคิดดีๆ จากฟรีแลนซ์
ข้อคิดดีๆ จากฟรีแลนซ์

ช่วงนี้กระแสภาพยนตร์เรื่องฟรีแลนซ์ กำลังมาแรง เรายังไม่ได้ดูนะเพราะอยู่เมลเบิร์น แต่ได้อ่านกระทู้ในพันทิปอยู่เรื่อยๆ

นิยามของการทำงานแบบฟรีแลนซ์ คือ Working on a contract basis for a variety of companies, as opposed to working as an employee for a single company. Freelancers are often consideredto be self-employed, and have the freedom to pick and choose their projects and companies they would like to be associated with. (ที่มา//www.businessdictionary.com/definition/freelance.html#ixzz3lSX8apPO)

ฟรีแลนซ์มีงานไม่สม่ำเสมอรายได้ก็จะไม่แน่นอน สัปดาห์ที่แล้วและสัปดาห์นี้เราไม่มีงานใหม่เข้ามา สามีแซวว่า“สัปดาห์นี้เธอตกงานเหรอ” โชคดีที่ยังมีงานเก่าที่ล้นจากเดือนที่แล้วมาเคลียร์ออกเดือนนี้ ถ้างานส่วนที่ล้นนี้เราลงเป็นยอดแจ้งหนี้รวบพร้อมของเดือนที่แล้วรายรับของ ส.ค. จะเท่ากับ 250,xxx บาท แล้วเดือน ก.ย. จะมียอดแจ้งหนี้แค่หลักพัน (มีสิทธิ์ได้กินมาม่ายาวนะเออ)เวลาดูกราฟรายได้ ก็จะเห็นยอดขึ้นๆ ลงๆ

ปี2013 ก็มีอย่างนี้รอบนึงแล้วยอดแจ้งหนี้เดือนนึง 400,xxx บาท อีกเดือน 20,xxx บาท ที่ประทังชีวิตอยู่ได้นี่เพราะกินบุญ (เงิน) เก่า

งานมาเยอะๆ ก็เสียลูกค้าได้เหมือนกันนะ เพราะทำไม่ทัน แล้วลูกค้ารอไม่ได้ ต้องไปใช้คนอื่นทำ

ฟรีแลนซ์ต้องระวังสุขภาพกายตัวเอกนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในลักษณะหลังค่อม ทำให้น้ำหนักไปลงมากกว่าปกติมีคนเขียนว่า การนั่งท่านี้จะทำให้รู้สึกเหมือนมีเจ้ากรรมนายเวรมานั่งขี่คอตลอดเวลา”อีกทั้งการเคลื่อนไหวอวัยวะในท่าซ้ำๆ จะทำให้เกิด RSI (Repetitive StrainInjury) Repeated use of the same movements causesinflammation and damage to the soft tissues (muscles, nerves, tendons andtendon sheaths etc.) In particular, RSI has been attributed to upper limb andforearm pain. (ที่มา: //physioworks.com.au/injuries-conditions-1/rsi-repetitive-strain-injuryถ้าไม่แก้ไขลักษณะท่าทางการนั่ง ก็จะต้องเสียเงินไปนวดบำบัด หรือหาหมอ

บางคนอาจจะมองว่า ฟรีแลนซ์เก่งๆ ได้เงินเยอะคุณภาพชีวิตน่าจะดี ลองดูอย่างในหนังเรื่องนี้สิ บัดซบมั้ย ตารางงานแน่นขนาดนั้น เงินสะพัดไม่น้อย แต่ก็แลกมากับความเจ็บป่วยทำให้ต้องไปหาหมอ แทนที่จะไปหาหมอ ร.พ.เอกชน ตัวเอกในเรื่องกลับไป ร.พ. รัฐ เพราะคิดถึงวันข้างหน้าเผื่องานหมดไม่มีเงิน

ได้เงินเยอะแล้วได้ใช้เงินมั้ย น้อยครั้งบอกเลย ยิ่งฝีมือดีๆ ตารางงานมันจะแน่นทุกวันอย่างนั้นแหละแล้วยังไง กินข้าวกับโต๊ะดิ อาหารแช่แข็งทั้งนั้นบางวันเราไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะไม่มีเวลาไปซื้อต้องรีบตรวจงานแปลส่งลูกค้าให้ทันตามกำหนด รวบไปกินมื้อเที่ยง ที่ไม่ได้ใช้เงินอีกเหตุผลก็เพราะเสียดายเวลาที่หยุดไปถ้าจะหยุดไปเที่ยวจริงๆ จังๆ ไม่ทำงานเลยระหว่างเที่ยว ก็เสียดายรายได้ที่ควรจะได้ในระหว่างเที่ยว

และถ้าหากตัดใจไปเที่ยวได้จริง ฟรีแลนซ์บางคนก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูตามรายได้แต่อาจจะเลือกเดินทางอย่างประหยัดนอนโรงแรมไม่หรูมาก กินแบบอร่อยแต่ไม่ต้องแพง หรือเอาแค่พออยู่ได้ สมัยเรียน MBA อาจารย์อธิบายให้ฟังว่า สมมติบริษัทกำหนดว่า กรณีต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบริษัทให้ค่าโรงแรมไม่เกิน $ 100 พนักงานส่วนใหญ่ก็จะเลือกนอนโรงแรมที่คิดค่าห้องในอัตราใกล้เคียงกับระดับ allowance ที่บริษัทให้มากที่สุด เช่น $95 เพราะเงินที่เสียไปคือเงินบริษัทแต่คนที่เป็นเจ้าของกิจการ (ฟรีแลนซ์ก็ด้วย) มักจะนอนโรงแรมราคาถูกที่สุดในเกรดที่รับได้ เช่น $ 75 เพราะเสียดายเงินตัวเอง อันนี้คือเรื่อง agency cost (an economic concept concerning the cost to an organization when the organization chooses or hires an "agent" to act on its behalf, ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Agency_cost)

ที่น่าสนใจคือคนที่ทำงานประจำอยู่แล้ว มารับงานนอกซึ่งเป็นงานลักษณะเดียวกัน ประเด็นคือทำงานนอกต้องไม่กระทบงานประจำ ในความเป็นจริง ทำอย่างนี้ได้มากแค่ไหน 

สมัยเราทำงานประจำและรับงานแปลเป็นงานพาร์ทไทม์ช่วงกลางวันกินข้าวเสร็จ เราก็มานั่งตอบเมลส่วนตัวซึ่งนอกจากเมลน้องสาวและเพื่อนๆก็มีเมลลูกค้าแปลเอกสารด้วย บางคนบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหานี่ ก็ในเมื่อใช้เวลาพักของเราทำงานส่วนนี้ จริงๆ มันก็ไม่ถูกเพราะเราใช้ทรัพยากร เช่น คอมพิวเตอร์เครือข่ายอินเทอร์เน็ต พริ้นท์เตอร์ เก้าอี้ โต๊ะทำงาน etc. ของนายจ้างงานประจำเพื่อมาทำเรื่องส่วนตัว

สมมติฟรีแลนซ์โหมงานนอกมากทำแบบหามรุ่งหามค่ำ แน่นอนว่าจะต้องกระทบกับสุขภาพอาจจะทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในงานประจำได้เต็มที่ อย่างนี้ไม่เหมาะสม มีนักแปลบางคนแอบทำงานแปลในเวลางานประจำที่เรารู้เพราะเขามาเล่าให้เราฟัง เราแนะนำว่า อย่าทำ เพราะมันไม่แฟร์กับเจ้านายและแอบทำงานอื่น ผลงานก็จะออกมาไม่ดีแน่นอน

ฟรีแลนซ์ทำงานที่ไหนก็ได้ปัจจัยเสี่ยงที่ตามมาคือ ความเสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม หลายๆ คนชอบไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟ นี่ก็เสี่ยงคนอื่นจะมาเห็นข้อมูลเดินผ่านไปมาก็เห็นแล้ว ถึงจะบอกว่าคนอื่นเห็นแค่นิดหน่อย ปะติปะต่ออะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่ถูกเพราะเอกสารของลูกค้า ไม่ว่าจะลับหรือไม่ลับ ก็ไม่ควรให้คนอื่นเห็น

ตอนเราไปอิตาลีเมื่อกลางปีนี้มีลูกค้าสิงคโปร์อีเมลมาให้เราอัพเดทคำแปลเพิ่มเติม เปิดจากไอโฟนส่วนตัวแล้วมันไม่ได้เยอะ แต่เวลาจะอัพเดทคำแปล จะต้องดูคู่กับต้นฉบับ ซึ่งต้องนั่งทำหน้าคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตที่โรงแรมที่พักตรงโซนห้องของเราสัญญาณไม่ดี เพื่อนเราต้องนั่งแชทกับแฟนใกล้ๆ บันไดทางเดิน ส่วนเราต้องลงไปนั่งเช็คเมลงานที่ร้านกาแฟด้านล่าง เรารู้เลยว่าเราทำงานนี้หรืองานไหนที่ต้องเปิดไฟล์ลูกค้าไม่ได้เลยแจ้งลูกค้าว่า เนื่องจากกำลังเดินทางและต้องทำงานในสถานที่สาธารณะจึงขอไม่รับงานนี้เพราะห่วงเรื่องความลับของลูกค้า หลังจากส่งอีเมลไปแจ้ง ลูกค้าตอบกลับมาว่าขอบคุณ และดีใจที่มีคนให้ความสำคัญกับ confidentiality ของลูกค้า

ฟรีแลนซ์บางคนก็ subcontract งานเป็นเรื่องปกติ เดือนที่แล้วที่เราได้โปรเจ็กต์ใหญ่นั้นเป็นงานแปลกรมธรรม์ประกันชีวิต นี่เป็นชุดที่สองต่อจากปีที่แล้ว ปริมาณงานประมาณเกือบๆ50,000 คำ แต่ด้วยเนื้อหาเทคนิคศัพท์ทางการแพทย์เยอะเป็นบางชุด เลยต้องทำแบบไม่เร่ง ค่อยๆ แปลทว่าเราก็กลัวลูกค้าจะบอกว่าใช้เวลาแปลนานกินไป จึงโทรถามรุ่นน้องที่จุฬาฯ รุ่นน้องบอกว่ามีนักแปลในทีมสามารถแปลงานประกันได้ ….เพราะสมาชิกทีมท่านนั้นทำงานบริษัทประกันอยู่แล้ว

มันจะดีเหรอน้อง

แบบประกันถือเป็น product ของบริษัทมีเงื่อนไขการขาย คือเงื่อนไขการให้ความคุ้มครอง นึกง่ายๆ เวลาเราขายของเราก็ไม่อยากให้คู่แข่งรู้ว่าราคาที่เราขายนี้มีอะไรเสนอให้ลูกค้าบ้าง ตัวอย่างใกล้ตัว คือพวกที่ขายของใน FB มีรูปภาพ แต่ไม่บอกราคา ให้ inbox ก็เพราะถ้าคุยถูกคอแม่ค้าก็ลดมั่ง แถมมั่ง ส่งฟรีมั่ง

เราบอกรุ่นน้องว่าขอโทรถามลูกค้าก่อนนะ ว่าแล้วก็โทรข้ามประเทศหาพี่ทนายที่ส่งงานมาให้แปล พี่ทนายบอกว่า “ถ้านักแปล แปลแล้วทำลืมไปไม่พูดถึง ก็คงไม่เป็นไร แต่อย่าดีกว่า เพราะเผื่องานลูกค้ามั่นรั่วจะเสียกันทั้งสาย (ทั้งทนายและนักแปล)” จะว่าไป ถ้าความลับลูกค้าจะรั่วมันก็รั่วทางอื่นได้อยู่แล้ว แต่อย่าให้มันมารั่วเพราะเรา พี่ทนายชมก่อนวางสายว่า “ยูนี่ Fiduciary Duty ดีมากเลยนะ” (“Fiduciary Duty” คือ หน้าที่ของบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจซึ่งประกอบไปด้วย 2 หน้าที่หลัก คือ หน้าที่แห่งความระมัดระวัง และหน้าที่แห่งความซื่อสัตย์สุจริต, ที่มา: thesis.grad.chula.ac.th/readfile1.php?fn...doc)

สรุปว่างานนี้ต้องทำคนเดียว แม้จะเป็นงานแปลเทคนิคแต่ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แค่ต้องค้นมากหน่อย ถ้าแบบประกันของไทยไม่มีให้ดูเป็นตัวอย่างก็เปิดของฝรั่งดู มีเยอะแยะ

ฟรีแลนซ์เรื่องชื่อเสียงต้องมา connection ต้องดี เพื่อให้ได้งานต่อเนื่อง งานต้องเนี้ยบได้เนื้องานตามขอบเขตที่กำหนด ถ้ามีแก้ไข ก็ต้องแก้ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าสัญญาลูกค้าว่าวันนี้งานต้องเสร็จก็จะต้องทำให้เสร็จ หากผิดคำพูดลูกค้าก็จะไม่เชื่อใจ หันไปใช้บริการเจ้าอื่นพาลให้เสียลูกค้าไปเลย

ในหนังเรื่องนี้บอกว่าฟรีแลนซ์ ไม่มีสวัสดิการ มีนะ ประกันสังคมไง ประกันตนเอง มาตรา 39 เราก็ทำอยู่ ไม่ค่อยป่วยได้ใช้จริงจังก็ตอนแมวกัดต้นปี ร.พ. จัดเป็นเคสฉุกเฉิน ฉีดบาดทะยักพันแผลเหมือนโดนอีโต้ฟัน แล้วก็ฉีดพิษสุนัขบ้า หรือถ้าไม่ทำมาตรา 39 ก็ทำบัตรทองสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนต้องได้ ใครยังไม่ได้เช็ค ให้เช็คสิทธิของตนเองที่เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (//www.nhso.go.th/FrontEnd/page-forpeople_check.aspx )

ตอนนี้เราเสียประกันตนเองอยู่สองประเทศทั้งไทยทั้งออสเตรเลีย ของไทย ปกส. เสียปีละประมาณ 5,xxx บาท ของออสเตรเลียเสียเมดิแคร์ปีละประมาณ 17,xxx บาท ว่าจะยกเลิกส่ง ปกส. ของไทยเพราะไม่ค่อยได้อยู่ไทย อีกอย่างคือเมดิแคร์ออสเตรเลีย เป็นภาคบังคับ จ่ายเป็น % ตามยอดรายได้ถ้าไม่จ่าย โดนปรับ แล้วเราก็มีประกันการเดินทางรายปีด้วยนะ รู้สึกซ้ำซ้อนไงไม่รู้

เราไม่ถึงขนาดตัวเอกในหนังนะหาหมอเอกชนที่ กทม. สำหรับเราเป็นเรื่องปกติ ผ่าตัดเป็นแสน ถ้าต้องเสีย ก็ยอมเสีย เราไม่ชอบรอคิวนาน แต่เรายังเสียนิสัยเรื่องการจัดสรรเวลาบางครั้งชอบคิดว่า การทำอย่างอื่นจะทำให้เสียเวลางาน ในหนังพูดถึงการที่ตัวเอกไม่มีเวลากระทั่งจะซ่อมรูปแม่ ของเรานี่ ไปกรุงเทพทีไร หาเวลาไปทำบุญที่วัดให้พ่อแม่ไม่ค่อยจะได้ อาศัยสวดมนต์แผ่เมตตาให้ท่านทุกคืนไปพลางๆ

เรื่องเวลานี่ เราชอบแปลเป็นนางมารเวลาเน็ตเสีย  คือถ้าแก้ไขได้ภายใน 3-5 ช.ม. จะไม่บ่น  แต่บริษัทเน็ตเจ้าเดิมเคยซ่อมไม่เสร็จหลายวัน  เราว่าพนักงานรับสาย (ให้ไปเร่งทีมให้หน่อย) ว่า "รายได้พี่คิดเป็นชั่วโมงขั้นต่ำ 1,500 บาท x 8 ชั่วโมง เท่ากับเงินพี่หายวันละ 12,000 บาท ใครจะรับผิดชอบ"  

คุณnavagan ใน พันทิป พูดตอนต้นกระทู้ไว้สั้นๆเกี่ยวกับฟรีแลน์ว่า “พวกเขาเหล่านี้พร้อมจะถูกแทนที่ได้เสมอเมื่อมีคนใหม่ที่ดีและคุ้มค่ากว่า”

แต่ฟรีแลนซ์ก็สามารถประสบความสำเร็จในทุกด้านได้ถ้ามีวินัยดีทั้งวินัยเรื่องการทำงาน เรื่องเวลา เรื่องการใช้เงิน และฟรีแลนซ์เก่ๆงก็เลือกลูกค้าได้ เลือกงานได้ว่าจะรับหรือไม่รับ กำหนดชีวิตของตัวเองได้เช่นกัน 




Create Date : 12 กันยายน 2558
Last Update : 12 กันยายน 2558 4:41:04 น.
Counter : 3588 Pageviews.

1 comments
  
ให้ข้อคิดดีมากเลยค่ะ ขอบคุณที่เขียนให้อ่านนะคะ
โดย: dararye วันที่: 9 ตุลาคม 2558 เวลา:15:01:08 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Natchaon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 314 คน [?]



Sawaddee ka. My name is Nat. I am a certified translator. I have been in the translation industry since 2004.

I graduated a master degree in English-Thai translation from Chulalongkorn University, Thailand.

I have the following accreditation:
- NAATI Accreditation for EN < > TH translation (Australia)
- Court Expert Registration for EN < > TH translation (Thailand)
- Member (MCIL), Chartered Institute of Linguists (U.K.)

See details about my services here https://www.nctranslation.net
https://www.expertthai.net

For a quick quote, email your document to natchaon@yahoo.com.

รับแปลเอกสารวีซ่าออสเตรเลียพร้อมประทับตรา NAATI ปรึกษาฟรีที่ natchaon@yahoo.com หรือ Line: Natchaon.NAATI

See below my locations:
- Bangkok: 1 Dec 2018 - 12 Jan 2019

NAATI ออสเตรเลีย, NAATI เมลเบิร์น, NAATI ประเทศไทย, NAATI กรุงเทพ, แปลเอกสารพร้อมประทับตรา NAATI, แปลเอกสารโดยนักแปล NAATI, NAATI Australia, NAATI Melbourne, NAATI Thailand, NAATI Bangkok, NAATI translation, NAATI accredited translation, Australia Visa, Partner Visa, Fiance Visa, Prospective Visa, Skilled Migrant, Student Visa, Work Visa, Work and Travel Visa, Online Visa, วีซ่าออสเตรเลีย, วีซ่าแต่งงาน, วีซ่าคู่หมั้น, วีซ่าทำงาน, วีซ่านักเรียน, วีซ่าทำงานและท่องเที่ยว, วีซ่าออนไลน์
Thai – English translation, English – Thai Translation, แปลอังกฤษเป็นไทย, แปลไทยเป็นอังกฤษ

*บทความทั้งหมดในบล็อกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ทุกประการ*
กันยายน 2558

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog