Bloggang.com : weblog for you and your gang
"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
<<
กรกฏาคม 2558
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
2 กรกฏาคม 2558
[Event] My frist Hanoi trip with Jetstar Airways
All Blogs
[Event] Sulwhasoo Timetreasure EX Press Event at Langkawi
[Event] 'Jeju' the Heaven Island and the birth place of Innisfree
[Event] My frist Hanoi trip with Jetstar Airways
[Event] P&G Singapore Innovation Center Tour with OLAY Regenerist
[Event] Philosophy Renewed Hope in a Jar launch event in Hong Kong
[Event] Kiehl's Skincare Symposium in Korea
[Event] SK-II Skin Destiny Decoded in Shanghai
[Event] Sulwhasoo Thailand 2nd Anniversary trip in Korea
[Event] SK-II Beauty Wonderland in Singapore
[Event] Nivea Sassy Day
[Event] Dove Body Wash Exclusive Tea Party with PuPe_so_Sweet
[Event] Neutrogena Clinical Fine Fairness launch in Thailand
[Event] The Visionary Inspiration of Heritage Beauty Regime High Tea
[Event] Clinique Press Trip in Hong Kong
[Event] Mamonde coming to Thailand
[Event] Dr.Jart+ Trip in Korea
[Event] BRAND's VETA Berry new brand ambassador
[Event] Korea Trip with Dr.G (Gowoonsesang)
[Event] Singapore Trip with Sulwhasoo & SK-II
[Event] Kinerase Officially Launch in Thailand
[Event] Jo Malone : Sugar & Spice
[Event] Bliss Thailand - Press Trip in Hong Kong
[Event] "รีวิว ผิวนุ่มกับโดฟ ครีมอาบน้ำ"
[Event] We Choose Prius "The Eco-Exclusive Trip" กรุงเทพฯ - เกาะช้าง
[Event] Panasonic Beauty - Beauty of Empowerment
[Event] Sulwhasoo Brand History
[Event] SK-II Beauty Workshop by Marie Clair
[Event] Jo Malone : Blackberry & Bay
[Events] The New Pantene for Long Lasting Result
[Events] Estée Lauder : Advance Night Repair - 30 Years of Innovation
[Trip] "NOKIA N9 เม้าท์มันส์"
"Dove Journey to Nourish Your Relationship" with Dove Nourishing Oil Care
OLAY Total Effect - Reflection of True Beauty
สุขภาพผิว 5 มิติของผิวสวยกระจ่างใสแบบ SK-II
Ascent by Aramis and Designer Fragrance
Nestle ChocoShape
"The Secret Chamber of Soy Milk" with Tetra Pak
ร่วมเป็นกำลังใจส่งแรงโหวตให้ตัวแทนประเทศไทยในกิจกรรม AVON Voice
New!!! OLAY Men Solutions
New!!! Pantene Pro-V Nature Care
VMV Hypoallergenic : The Sanctuary for Sensitive Skin
AVON : ANEW Reversalist
My new perspective for La Mer 'The Miracle Broth™'
Dermalogica Skin Bar with [ v r A/H/A project ]
KAWAII TOKYO™ Grand Opening in Thailand
New Pond's Gold Radiance
NEW The Body Shop 'Natrulift'
Boost your Exquisite Aura with Kanebo Impress Grandmula
OLAY 'Skin Retreat' Workshop
"An Inspirational Beauty Science" with OLAY
La Mer "Eye On Youth" workshop for Blogger
New 'Dove Damage Therapy' online-media meeting
Press Event "Clinique Repairwear Laser Focus"
Covermark 'My True Color' Workshop
'Murad Blogger Workshop'
Shaping your skin with Clarins Manual Auto-Lifting® Method
New! Shu Ueamura : Stage Performer
New La Roche-Posay : Redermic [+]
The Reveletion of The 14 Day Transformation
New PREVAGE®Face Advanced Anti-aging Serum
New Biotherm : Aquasource Skin Perfection
Ponds Age Miracle Forever Youth Workshop for Bloggers
Kiehl "Magic of The Night" Event & Kiehl's "Thank You Party"
ASIENCE : The Asian Beauties
White D-Tox [Bright-Cell] Exclusive Workshop for Bloggers & Mini Review
Illuminating White Beauty with Elizabeth Arden White Glove Extreme & Mini Review
Lancôme Whitening Workshop & Mini Review
5-Step Regiment for Healthy Skin with ~H2o+
Neutrogena Fine Fairness Press Event @ Oriental Hotel
Kiehl's @ Zen 1st Anniversary Party for VIP Member & Blogger
"Men Skin Coaching Workshop with Biotherm Homme
Kiehl's New Branch @ Central Chit Lom
Workshop : Reveal Your Skin with OLAY & Mini Review
Nu Skin Center @ Chamchuri Square
Kiehl's Blogger Party @ Siam Paragon
Bioré UV Challenging the Guru Season 2
[Event] My frist Hanoi trip with Jetstar Airways
หนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่เราได้ยินคุ้นหูกันดีก็คือเวียดนาม ภาพของประเทศเวียดนามในมายาคติที่เราจำได้คือผู้หญิงใส่กี่เผ้าและคนขี่จักรยาน เราไม่เคยแวะไปประเทศนี้มาก่อนเลยจนกระทั่ง Jetstar ได้ชวนปูเป้ไปลองเยี่ยมเมืองฮานอยดูเป็นครั้งแรกในชีวิต
ทริปในครั้งเกิดขึ้นเนื่องจากทาง Jetstar อันเป็นสายการบินต้นทุนต่ำจากสิงคโปร์จะเปิดรูทบินตรงจาก กรุงเทพ - ฮานอย เราก็เลยมีนัดเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิกันตอนเที่ยง ๆ (เราชอบตรงที่บินที่สุวรรณภูมิ เพราะว่าเรานั่ง BTS มาต่อ Airport Link ได้ สะดวกและถูกด้วย)
ทริปนี้ได้สิทธิ์ชวนเพื่อไปหนึ่งคน ก็เลยเอาพี่เก๋ oHLa ซึ่งเป็นทั้งบล็อกเกอร์และ ผจก ที่คอยดูแลปูเป้ไปด้วย
แน่นอนว่าสายการบินต้นทุนต่ำเราจะต้องซื้ออาหารเอง Jetstar มีอาหารร้อนให้เราเลือกตามนี้
การเดินทางใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงเราก็มาถึงยังสนามบินแห่งชาตินอยไบ (Noi Bai) โดยเรามาลงที่ Terminal 2 ซึ่งเป็นอาคารที่พึ่งสร้างเสร็จใหม่โดยทุนจากประเทศญี่ปุ่น สวยงามและดูดีทีเดียวล่ะ
เวียดนามเป็นประเทศที่มีการหลอมรวมทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอยู่เหมือนกัน นอกจากพรมแดนของเวียดนามจะยาวจากบนสุดไปติดกับจีน มีชายของที่ลากยาวติดกับลาวและกัมพูชา เวียดนามยังเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศษอีกด้วย ทำให้ในเมืองฮานอยเราจะเห็นตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกหลงเหลืออยู่ค่อนข้างมากทีเดียว
ในเมืองฮานอยนั้น เราเห็นจักรยานน้อยมาก เห็นแต่จักรยานยน และรถยนต์ใหม่ ๆ เต็มไปหมด หลังจากการเปิดประเทศ ทำให้ความเจริญและกลุ่มทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนกันขนาดใหญ่ เกาหลีเป็นหนึ่งประเทศที่มาลงทุนในเวียดนามเยอะมาก
ในขณะที่เมืองกำลังเปลี่ยนแปลงและขยับขยาย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ชาวเวียดนามหวงแหนก็คือต้นไม้ ที่นะจะมีการเก็บต้นไม้ใหญ่ๆ ไว้เยอะแยะเต็มไปหมดเลยล่ะ ทำให้ถนนหลาย ๆ สายของเมืองฮานอยร่มรื่นดีทีเดียว
อันนี้เป็นร้านอาหารที่จะเป็นมื้อแรกของเราในเวียดนาม ชื่ออะไรมไ่รู้อ่านไม่ออก ภาษาเวียดนามใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่มีขีดและเครื่องหมายประหลาดเต็มไปหมดเลย
อาหารของคนเวียดนามจะเน้นผักเยอะมาก ข้อดีคือผักที่นี่สด แต่คนไม่กินผักคงจะชอกช้ำพอดู อาหารหลักที่ต้องมีบนโต๊ะอาหารคือแกงจืดที่จืดจริงจัง
การจราจนในเมืองฮานอยนั้นค่อนข้างแออัดทีเดียว กว่าเราจะฝ่าเข้ามาถึงที่พักในคืนแรกก็เป็นเวลาดึกพอสมควร ก็เลยรีบอาบน้ำนอนก่อนที่จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยังโปรแกรมต่อไป (เราเลยไม่ได้มีรูปถ่ายตรงนี้ให้)
ระหว่างการเดินทางในตอนเช้าขณะที่เดินทางออกจากฮานอย สิ่งหนึ่งเราเห็นได้ตลอดทางคือผู้คนนิยมจะมานั่งกันบนเก้าอี้เตี้ย ๆ ล้อมโต๊ะเล้ก ๆ เพื่อดื่มน้ำชา พูดคุยกัน คือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่เป็นมานานและยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้
เราเดินทางมาถึงถูเขาเอียนตื๋อ หรือ Yen Tu ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแสวงบุญของชาวเวียดนาม โดยบนยอดเขาจะมีวิหารทองแดง และเจดีย์อยู่
การขึ้นไปบนยอดเขานั้นต้องขึ้นโดยใช้กระเช้าลอยฟ้า และก้เดินเท้าขึ้นไปเรื่อยๆ โดยกระเช้าลอยฟ้าจะมีสองช่วงล่ะ โดยคราวที่ไปนี้เวลาเราไม่พอเลยไปได้แค่ช่วงเดียว แวะชมอารามกับเจดีย์นิดหน่อย
สถูป เจดีย์ อารามนั้นไม่ได้อลังการหรือสวยงามเอี่ยมอ่อง แต่ว่าบรรยากาศบนยอดเขานั้นสวยงาม อากาศเย็นสบายและบริสุทธิ์มาก ถ้าไม่ได้อินกับเรื่องศาสนาก็สามารถอินกับวิวและทิวทัศน์ได้
ระหว่างทางลงก็ไปเจอร้านที่เขาขายขนมหน้าตาแปลก ๆ ที่เขามีให้ชิม มันเป็นขนมแป้งเหนียว ๆ รสหวาน ๆ ข้างในมีถั่วผสมอยู่ล่ะ
อันนี้เป็นอาหารกลางวันตรงตีนเขาเอียนตื๋อ มีโปรตีนเยอะหน่อย แต่ผักก็ยังเยอะอยูดี (แน่นอนว่ามีแกงจืดผักตำลึงอีกเช่นกัน)
ระหว่างทางไปขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังอ่าวฮาลอง หรือ Halong Bay ก้เห็นร้ายที่เอาพวกพืชป่า รากไม้ สมุนไพรมาขายกันเป็นล่ำเป็นสัน
หลังจากหลับมาในรถเป็นชั่วโมงเราก็ถึงอ่าวฮาลอง หรือ Halong Bay อันขึ้นชื่อเรื่องความงามอันเป็นเอกลักษณ์ สถานที่แห่งนี้ถูกจดให้เป็นมรดกโลกเรื่องทิวทัศน์ของเกาะหินปูนที่โผล่ขึ้นบนอ่าวจำนวนมาก และยังเป็นมรดกโลกในแง่ของความหลากหลายของธรรมชาติอีกด้วย
ถ้ำที่ขึ้นชื่อและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของที่อ่าวนี้คือถ้ำเทียนกุง หรือ Thien Cung Grotto ซึ่งแปลว่าพระราชวังสวรรค์ ภายในมีหินงอกหินย้อยหลายรูปแบบ บ้างก็ดูเหมือนมังกร เหมือนสัตว์ต่าง ๆ
ภายในถ้ำไมไ่ด้ลึกมาก เดินทางเข้าไปง่าย มีการทำทางเดินที่เดินได้ไม่ลำบากนัก อากาศข้างในค่อนข้างเย็นสบาย
พอออกจากถ้ำเราก็จะเห็นวิวจากมุมสูงของเกาะที่เรานั่งเรือมา
หลังจากนั้นเราก็ล่องเรือตุ๊บป่องๆ ชมวิวพาโนรามาที่รอบตัวเป็นผืนน้ำและเกาะหินปูนรูปทรงแปลกตาและเขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้ อากาศดีเว่ออออออออ วิวสวยมาก มากจนเราไม่มีปัญญาเก็บความสวยงามนั้นมาให้ชมได้เพราะฝีมือเราไม่ถึง 555
หลังจากพักผ่อนกันอย่างเต็มที่เราก็หลับมาตลอดทางเพื่อกลับมายังเมืองฮานอยอีกครั้ง ด้วยความที่เรามาช้าไปหน่อยเราเลยไมไ่ด้เข้าไปเคารพศพของนายพลโฮจิมิน ได้แค่ดูอยู่รอบ ๆ บริเวณที่เก็บศพและลานโดยรอบเท่านั้น
แม้ว่าเวียดนามจะเปิดกว้างสู่โลกภายนอกมาขึ้นแล้ว แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเห็นในเมืองนี้ก็ทำให้เรารำลึกได้ว่าที่นี่เป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นรุปปั้น ธงดาวแดงทีแขวนตามซุ้มและเสาไฟฟ้า
ด้วยความที่ฮานอยเดิมเป็นเมืองที่น้ำจะท่วมถึง เมืองนี้จึงมีกำแพงกันน้ำท่วมกันตลอดแนวความยาวของแม่น้ำที่ผ่านตัวเมือง ซึ่งเจ้ากำแพงกันน้ำท่วมนี้ได้ถูกตกแต่ด้วยกระเบื้องเป็นภาพโมเสกลวดลายต่าง ๆ ที่สวยงามทีเดียว แต่ด้วยความที่มันติดถนน และถนนที่นี่ก็แอดอัดใช้ได้ มันเลยยากที่เราจะลงไปเดินชมชิล ๆ กันแบบใกล้ชิด ได้แต่นั่งรถผ่าน
แต่กระนั้นภาพโมเสกนี้ก็เป็นภาพโมเสกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่กว่า 7000 ตารางเมตร ใช้เวลากว่า 3 ปี โดยศิลปินกว่า 35 คน จากเียดนามและอีก 8 ประเทศจากทั่วโลก
ข้าวกลางวันจ้า
จะบอกว่าอาหารเวียดนามที่นี่ ก็ไม่เหมือนอาหารเวียดนามที่เรากินที่ไทยล่ะ 555 (ามีแกงจืดผักตำลึงตามระเบียบ)
ร้านตัดผมข้างถนน เป็นอะไรที่หาไมไ่ด้ในบ้านเราอีกเหมือนกัน แปลกดี
ร้านขายของที่ระลึกแถวทะเลสาบหว่านเกี๊ยม
ทะเลสาบหว่านเกี๊ยมตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮานอย เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวท้องถิ่น และตรงกลางยังมีเกาะที่มีศาลเจ้าและมีเรื่องเล่าโบราณเกี่ยวกับสถานที่นี้อีกด้วย
โดยตำนานที่ว่านั้นก็คือจักรพรรดิของเวียดนามในสมัยก่อนยืมดาบศักดิสิทธิ์มาจากเต่าในทะเลสาบนี้ ซึ่งอำนาจของดาบทำให้สามารถชนะการศึกได้ หลังจากเวียดนามได้เป็นเอกราชแล้ว เต่าก็มาเอาดาบคืนไปและหายไปในทะเลสาบนั่นเอง
เรื่องจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ เขาว่าเอาไว้แบบนี้ 555
นอกจากตำนานที่เล่าต่อกันมากว่า 500 ปีแล้วนั้น ที่วัดหง็อกเซินกลางทะเลสาบหว่านเกี๊ยมแห่งนี้ ก็มีเต่ายักษ์ถูกสตาฟเอาไว้อยู่ด้วยนะ คือเจ้าเต่ายักษ์ (เราดูว่ามันเป็นตะพาบน้ำมากกว่านะ) ตัวนี้เนี่ย ถูกรายงานพบเห็นผลุบโผล่ในทะเลสาบนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครจับได้ไง จนกระทั่งมันตายเองตามธรรมชาติถึงได้พบเป็นศพเมื่อปี 1968 ทางการก็เลยทำการสตาฟไว้และตั้งโชว์เอาไว้ในวัดแห่งนี้ตั้งแต่นั้นไปต้นมา ชะเอิงเอย
แมวฮานอยนอนหลับ :D
อันนี้เป็นอาหารริมทางที่พี่ ๆ ในกรุ๊ปเสี่ยงตายไปกินกันมา คือเป็นเหมือนยำ ที่เอาเครื่องที่ทำสำเร็จแล้วอย่างพวกวุ้นเส้น ผัก เนื้อย่าง มาหยิบใส่จานแล้วก็เอาน้ำยำที่ปรุงไว้แล้วในขวดน้ำดื่มที่นำกลับมาใช่ใหม่เทใส่ลงไป
สรุปว่าผู้กล้าของเราปวดท้องจ้าาาาาาาาา
อันนี้เหมือนขนมไข่หงส์บ้านเรา คือเป็นแป้งๆ ข้างในเป็นถั่ว ๆ เอาไปทอดจนกรอบแล้วเคลือบด้วยน้ำตาล
ไม่อร่อยล่ะ 5555
ต่อมาเราก็ไปดูหุ่นกระบอกน้ำ ซึ่งเป็นการละเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ที่มาของการละเล่นแบบนี้คือด้วยความที่ว่าเวียดนามเนี่ยก็เป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง พอฤดูน้ำหลากน้ำก็ท่วม ชาวบ้านก็เลยพลิกแพลงเอาสภาพแวดล้อมแบบนี้มาเป็นหนึ่งในการแสดงหุ่นกระบอก
หุ่นกระบอกน้ำเป็นที่นิยมมากของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวตะวันตก ฝรั่ง พวกนางตบมือเอนจอยกันใหญ่ มันคงเป็นอะไรที่ Exotic แปลกตาสำหรับเขา เราก็ดูเพลิน ๆ นะ แต่เราอาจจะชินกับการละเล่นอะไรพวกนี้เนื่องจากวัฒนธรรมการละเล่นอะไรพวกนี้มันมีความคล้ายคลึงและมีการแชร์กันในแถบอุษาคเนย์กันอยู่แล้ว
อย่างที่บอกว่าเวียดนามเปิดประเทศแล้ว ความเจริญ เทคโนโลยี แฟชั่น ความฮิปั้นหลั่งไหลเข้ามาถึงประชาชน วัยรุ่นกันอย่างถ้วนหน้า วัฒนธรรมการกินกาแฟเก๋ ๆ ชิล ๆ ชาวเวียดนามเขาก็มี แต่เก๋และฮิปยิ่งกว่า เพราะต่อให้ร้านกาแฟนสุดชิคจะแต่งร้านแจ่มเจิดยังไง เขาก็มานั่งกันบนเก้าอี้เตีย ๆ ล้อมวงโต๊ะเล้ก ๆ กันที่นอกร้านอยู่ดี
โคตรพ่อโคตรแม่ชิคเลยครัชพี่น้อง ชอบ แบบว่าประยุต์เข้ากับวัฒนธรรมตัวเองได้ดี
หลังจากนั้นเราก็เดินทางมายังที่พักคืนสุดท้ายของเราที่โรงแรม Pullman Hanoi ซึ่งเป็นโรงแรมที่ได้รับการรีโนเวทปรับปรุงใหม่ อยู่ใจกลางเมืองฮานอย ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญของเมืองนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องสะอาดสะอ้านดี
อันนี้เป็นของว่าง Welcome ตอนที่เราเช็คอินเข้ามา
อาหารเย็นที่โรงแรม Pullman Hanoi อร่อยใข้ได้เลยล่ะ ของหวานเขาบอกว่าเป็นขนมพื้นบ้านของเวียดนาม สำหรับเรามันคือข้าวเหนียวเปียกนั่นเอง บอกแล้วว่าประเทสเพื่อนบ้านเรานี้อยู่ร่วมกันมาเป็นพันปี วัฒนธรรม อาหาร มันมีการแชร์ข้ามกันไปมาอย่างแยกกันไม่ออกว่าใครมาก่อนใคร ดังนั้นเราเพื่อนบ้านให้เป็นเพื่อน ไม่ใช่ศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อนนะจ๊ะ (อ้อ มื้อนี้ไม่มีแกงจืดตำลึงแล้วนะ 555)
วิวของเมืองฮานอยยามค่ำคืน ทำให้เห็นว่าภาพมายาคติของประเทศที่คนขับจักรยาน ใส่กี่เพ้า สวมงอบ มันเป็นอดีตไปแล้ว เวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ความเจริญแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็ว การลงทุนจากต่างชาติหลั่งไหล รายได้เฉลี่ยและ GDP ของประเทศกำลังเบ่งบาน ตามถนนหนทางเราเห็นการสร้างตึกใหม่ ตึกสูง อาคารล้ำสมัยอยู่เป็นระยะ
เวียดนามกำลังก้าวหน้าสู่อนาคตอย่างรวดเร็ว ทำให้เราเริ่มคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ในอนาคตประเทศไทยจะสู้เขาได้รึเปล่านะ???
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปยังบ้านเกิด ที่สนามบินนอยไบอันสวยงามที่เกิดขึ้นจากทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น เทคโนโลยีของญี่ปุ่น รวมไปถึงสร้างโดยบริษัทญี่ปุ่น มีภาพวาดมังงะอันเบ้อเร่อแปะไว้เพื่อเป็นที่ระลึกในการสร้างสนามบินแห่งนี้ ช่างญี่ปุ่นเสียจริง ๆ !!!
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณสายการบิน Jetstar ที่พาปูเป้มาเปิดหูเปิดตาดูความเป็นไปในปัจจุบันของประเทศเพื่อนบ้าน ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ
สำหรับใครที่สนใจไปลั่นล้าที่เวียดนามแล้วล่ะก็ Jetstar เป็นอีกทางเลือกให้คุณบินตรงจากกรุงเทพ สุวรรณภูมิไปถึงฮานอยได้ในราคาประหยัด ๆ นะจ๊ะ
Create Date : 02 กรกฎาคม 2558
1 comments
Last Update : 2 กรกฎาคม 2558 22:04:36 น.
Counter : 3684 Pageviews.
Share
Tweet
อยากเห็นรูปภายในเครืีองบิน ที่นั่ง และอาหารบนเครื่องคะ ขอบคุณคะ
โดย: luckkana IP: 49.230.109.38 3 กรกฎาคม 2558 13:18:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [
?
]
Advertisement
หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ
Web Counter
Counter Start on 29 September 2008
Search by Google
ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ
Custom Search
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.