Bloggang.com : weblog for you and your gang
"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
<<
กันยายน 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
19 กันยายน 2557
[Event] Sulwhasoo Thailand 2nd Anniversary trip in Korea
All Blogs
[Event] Sulwhasoo Timetreasure EX Press Event at Langkawi
[Event] 'Jeju' the Heaven Island and the birth place of Innisfree
[Event] My frist Hanoi trip with Jetstar Airways
[Event] P&G Singapore Innovation Center Tour with OLAY Regenerist
[Event] Philosophy Renewed Hope in a Jar launch event in Hong Kong
[Event] Kiehl's Skincare Symposium in Korea
[Event] SK-II Skin Destiny Decoded in Shanghai
[Event] Sulwhasoo Thailand 2nd Anniversary trip in Korea
[Event] SK-II Beauty Wonderland in Singapore
[Event] Nivea Sassy Day
[Event] Dove Body Wash Exclusive Tea Party with PuPe_so_Sweet
[Event] Neutrogena Clinical Fine Fairness launch in Thailand
[Event] The Visionary Inspiration of Heritage Beauty Regime High Tea
[Event] Clinique Press Trip in Hong Kong
[Event] Mamonde coming to Thailand
[Event] Dr.Jart+ Trip in Korea
[Event] BRAND's VETA Berry new brand ambassador
[Event] Korea Trip with Dr.G (Gowoonsesang)
[Event] Singapore Trip with Sulwhasoo & SK-II
[Event] Kinerase Officially Launch in Thailand
[Event] Jo Malone : Sugar & Spice
[Event] Bliss Thailand - Press Trip in Hong Kong
[Event] "รีวิว ผิวนุ่มกับโดฟ ครีมอาบน้ำ"
[Event] We Choose Prius "The Eco-Exclusive Trip" กรุงเทพฯ - เกาะช้าง
[Event] Panasonic Beauty - Beauty of Empowerment
[Event] Sulwhasoo Brand History
[Event] SK-II Beauty Workshop by Marie Clair
[Event] Jo Malone : Blackberry & Bay
[Events] The New Pantene for Long Lasting Result
[Events] Estée Lauder : Advance Night Repair - 30 Years of Innovation
[Trip] "NOKIA N9 เม้าท์มันส์"
"Dove Journey to Nourish Your Relationship" with Dove Nourishing Oil Care
OLAY Total Effect - Reflection of True Beauty
สุขภาพผิว 5 มิติของผิวสวยกระจ่างใสแบบ SK-II
Ascent by Aramis and Designer Fragrance
Nestle ChocoShape
"The Secret Chamber of Soy Milk" with Tetra Pak
ร่วมเป็นกำลังใจส่งแรงโหวตให้ตัวแทนประเทศไทยในกิจกรรม AVON Voice
New!!! OLAY Men Solutions
New!!! Pantene Pro-V Nature Care
VMV Hypoallergenic : The Sanctuary for Sensitive Skin
AVON : ANEW Reversalist
My new perspective for La Mer 'The Miracle Broth™'
Dermalogica Skin Bar with [ v r A/H/A project ]
KAWAII TOKYO™ Grand Opening in Thailand
New Pond's Gold Radiance
NEW The Body Shop 'Natrulift'
Boost your Exquisite Aura with Kanebo Impress Grandmula
OLAY 'Skin Retreat' Workshop
"An Inspirational Beauty Science" with OLAY
La Mer "Eye On Youth" workshop for Blogger
New 'Dove Damage Therapy' online-media meeting
Press Event "Clinique Repairwear Laser Focus"
Covermark 'My True Color' Workshop
'Murad Blogger Workshop'
Shaping your skin with Clarins Manual Auto-Lifting® Method
New! Shu Ueamura : Stage Performer
New La Roche-Posay : Redermic [+]
The Reveletion of The 14 Day Transformation
New PREVAGE®Face Advanced Anti-aging Serum
New Biotherm : Aquasource Skin Perfection
Ponds Age Miracle Forever Youth Workshop for Bloggers
Kiehl "Magic of The Night" Event & Kiehl's "Thank You Party"
ASIENCE : The Asian Beauties
White D-Tox [Bright-Cell] Exclusive Workshop for Bloggers & Mini Review
Illuminating White Beauty with Elizabeth Arden White Glove Extreme & Mini Review
Lancôme Whitening Workshop & Mini Review
5-Step Regiment for Healthy Skin with ~H2o+
Neutrogena Fine Fairness Press Event @ Oriental Hotel
Kiehl's @ Zen 1st Anniversary Party for VIP Member & Blogger
"Men Skin Coaching Workshop with Biotherm Homme
Kiehl's New Branch @ Central Chit Lom
Workshop : Reveal Your Skin with OLAY & Mini Review
Nu Skin Center @ Chamchuri Square
Kiehl's Blogger Party @ Siam Paragon
Bioré UV Challenging the Guru Season 2
[Event] Sulwhasoo Thailand 2nd Anniversary trip in Korea
เมื่อช่วงเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทาง Sulwhasoo ได้ฉลองการครบรอบ 2 ปี ในประเทศไทยด้วยการจัดทริปพาสื่อมวลชนไปยังประเทศเกาหลีเพื่อไปเยือนยังแหล่งกำเนิดของแบรนด์ ซึ่งปูเป้ก็ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ได้ร่วมทริปนี้ด้วย
แม้ว่าจะไปเกาหลีมาหลายรอบแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งกับสายการบิน Korean Air ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าบริการดี อาหารใช้ได้ ระบบอำนวยความสะดวกบนเครื่องมีให้พร้อม และหนังสือ Duty Free บนเครื่องหนามาก คือขายกันจริงจังสุด ๆ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพในตอนดึกและมาถึงสนามบินอินชอนในตอนเช้าตรู่ หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง กินแซนวิชขำ ๆ ในสนามบิน เราก็เดินทางไกลเกือบสองชั่วโมงมายัง Amore Pacific Beauty Campus ซึ่งเป็นศูนย์ใหญ่ที่มีทั้งส่วนของหน่วยพัฒนาและโรงงานผลิต
ที่นี่มีส่วนที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมชมได้ด้วย นั่นก็คือส่วนของ Story Garden
Story Garden เป็นการเล่าประวัติความเป็นมาของบริษัท Amore Pacific ในรูปแบบที่น่าสนใจ และไม่น่าเบื่อ มีการใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดีย และ Interactive หลายอย่างที่ทำให้ดูตื่นตาตื่นใจ
ผู้บรรยายพูดภาษาอังฤษได้ และการแสดงหลายอย่างแม้ฟังไม่ออกก็สามารถเข้าใจได้ด้วยภาพที่สื่อออกมา
ในห้องแรกเราจะได้รับ iPad มาเพื่อทำการลงทะเบียน โดยเขาจะมีของที่ระลึกให้เราสำหรับการมาเยี่ยมชม Story Garden เป็นลิปสติกที่เราสามารถเลือกสี และสามารถสลักตัวอักษรภาษาอังกฤษลงไปบนเคสของลิปสติกได้ด้วย
หลังจากลงทะเบียนเสร็จก็มีการฉายภาพยนต์อนิเมชั่นเกี่ยวกับความเป็นมาของผู้ก่อตั้งบริษัท Amore Pacific อย่าง Sung-hwan Suh ในอดีต ซึ่งทำออกมาได้สวยงามและสดใสมาก
หลังจากที่ฉายภาพยนต์เสร็จ ฉากด้านหลังก็ถูกยกขึ้น เผยให้เห็นในส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรูปถ่าย หนังสือ และสิ่งของของผู้ก่อตั้งและคุณแม่ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา นอกจากนี้ยังมีรูปถ่าย และผลิตภัณฑ์ในยุคแรกของ Amore Pacific อีกด้วย
ภายใน Story Garden จะเป็นการจัดแสดงแง่มุมต่าง ๆ ของบริษัทซึ่งจะเน้นไปที่การสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด ปรัชญาในการดำเนินงาน การพัฒนา และศิลปะ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เผยให้เราได้เห็นโรงงานผลิตและไลน์บรรจุของเขาอีกด้วย (แต่ห้ามถ่ายรูปจ้า)
ในห้องก่อนจะสุดท้าย มีส่วนหนึ่งที่เราชอบมากคือการรวบรวมโฆษณาหลัก ๆ ในแต่ละยุค ตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1945 มาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งทำให้เห็นถึงความงามในอถดมคติที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย
เราดูแล้วทึ่งกับคนเกาหลีจริง ๆ เขาสามารถเอาประวัติของบริษัทมานำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ ใช้เทคโนโลยีและการออกแบบการนำเสนอได้อย่างลงตัว ทำให้เราเข้าถึง และอินไปกับแบรนด์เขาได้ แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อีก เจ๋งมาก ๆ
หลังจากประทับใจจาก Story Garden กันแล้วเราก็แวะมาหม่ำอาหารกลางวันกันที่ร้าน WOOMIJE ที่อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่ ร้านนี้เป็นร้านอาหารหารเกาหลีแบบดั้งเดิม บรรยากาศเป็นบ้านแบบเกาหลีโบราณ มีสวนสวย ๆ และวิวด้านหลังเป็นภูเขา เข้าอารมณ์วัฒนธรรมเกาหลีม๊าก
อาหารที่เสริฟก็มีทั้งแบบดั้งเดิมอย่างไก่ตุ๋นโสมผัดเส้นอะไรสักอย่างดึ๋ง ๆ อร่อยดี เนื้อตุ๋นที่ติดรสออกหวานอันนี้เราก็ชอบ มีสลัดด้วยแต่อันนี้คงไม่ได้ดั้งเดิมเท่าไหร่เพราะว่ามีคอร์นเฟลกโรยหน้ามานิดนุง
หลังจากอิ่มแล้วเราก็เดินทางกลับมายังโซลเพื่อเช็คอินเข้าที่พัก คราวนี้เราได้พักที่ Lotte Hotel Seoul ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับย่านเมียงดงพอดีเลย!!! ห้องพักมีสิ่งอำนวจความสะดวกครบ ค่อนข้างหรูทีเดียว และมีอ่างอาบน้ำด้วย ถูกใจตรงนี้
บนโต๊ะมีการ์ดต้อนรับคณะสื่อมวลชน พร้อมกับผลิตภัณฑ์ Sulwhasoo ในกล่อง Limited Edition สวยงาม
หลังจากเก็บของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่เรารีบทำคือพยายามไปเดินทาง SiIM Card สำหรับใช้เล่นเน็ท อันที่จริงเราพลาดเองที่ไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าที่นี่เขาไม่ค่อยจะมีขาย SIM Card แบบเติมเงินซะเท่าไหร่ และพนักงานร้านสะดวกซื้อที่สนามบินก็บอกว่าซิมที่เขาขายใช้ได้กับ iPhone และ Samsung ท่านั้น ซึ่งเราฟังแล้วก็รู้สึกว่าประหลาด ประเทศนี้แกใช้มือถืออยู่สองยี่ห้อหรอ SIM Card มันเลือกยี่ห้อมือถือให้ใช้ได้ด้วยเรอะ???
สรุปว่าเราหมดเวลาไป 1 ชั่วโมงกับการวิ่งไล่หา SIM Card เติมเงิน ซึ่งไม่มีขายเลย และอีกชั่วโมงนึงไปกับการใช้ Wifi ของโรงแรมในการติดต่อพี่ชายให้ช่วยเปิดบริการ roaming ให้หน่อย กว่าจะได้เรื่องก็หมดเวลาเดินเล่น ต้องไปหม่ำอาหารเย็นแล้ว
อาหารเย็นเราลงมาทานบุฟเฟ่ต์อาหารนาชาติของ Lotte Hotel กัน ไลน์บุฟเฟ่ใหญ่มาก มีอาหารให้เลือกเยอะ และรสชาติก็ทำออกมาได้โอเค มีขาปูอลาสก้าด้วย
หลังจากอิ่มแล้วเราก็ไปอาบน้ำ และเตรียมตัวที่จะไปนวดหน้าที่ Sulwhasoo Spa ซึ่งเปิดสาขาใหม่ที่ Lotte Hotel นี่แหล่ะ แต่เนื่อจากมีความผิดพลาดเล็กน้อยเราจึงต้องไปนวดวันพรุ่งนี้แทน คืนนี้เราก็หลับเป็นตายหลังจากแทบไม่ได้นอนมาเลยบนเครื่องบิน
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม เราก็เดินทางมายังสถานที่จัดงานฉลองครบรอบ 2 ปี ของ Sulwhasoo ในประเทศไทย ที่นี่เป็นสถานที่รับรองพิเศษซึ่งจะต้องมีการจองล่วงหน้าและส่วนใหญ่จะเปิดรับรองเฉพาะแขก VIP เท่านั้น
ภายในงานก็มีคณะผู้บริหารของ Sulwhasoo ประเทศเกาหลีมาต้อนรับ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ Sulwhasoo รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้อย่าง Luminature Essential Finisher อีกด้วย
หลังจากที่ Sulwhasoo ได้ออก First Care Serum (ปัจจุบันปรับสูตรเป็น First Care Activating Serum) มาเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกสำหรับการบำรุงผิวแล้ว ในปีก่อนทางเกาหลีได้เปิดตัว Luminature Essential Finisher ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวมาอีกด้วย
คอนเซต์ของ Luminature Essential Finisher มาจากสิ่งที่สาวชั้นสูงของเกาหลีในสมัยโบราณใช้เพื่อประทินผิวให้กระจ่างใส ซึ่งเรียกกันว่า Mi-An (มิ-อาน) ซึ่งถูกบันทึกไว้ในตำรา Gyuhap Chongseo ในสมัยราชวงศ์โชซอง ซึ่งประกอบไปด้วยสมุนไพรหลายชนิด
ทาง Sulwhasoo นำคอนเซปต์นี้มาใช้ พร้อมกับพัฒนาส่วนผสมด้วยการเอาชาเขียวและโสมมาผ่านกรรมวิธี Poje ก่อนที่จะทำการสกัดเอาโพลีแซคคาไรด์มาผ่านกรรมวิธีทางชีวิวภาพจนเป็น ส่วนผสมที่มีชื่อทางการค้าว่า Locsamhyo
Luminature Essential Finisher ใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิว หลังมอยซ์เจอไรเซอร์ และก่อนผลิตภัณฑ์ที่มี SPF ใด ๆ และหากต้องการลดขั้นตอนในการใช้สกินแคร์ให้เรียบง่าย หรือในช่วงอากาศร้อน ก็สามารถใช้ Luminature Essential Finisher เป็นขั้นตอนของมอยซ์เจอไรเซอร์ไปได้เลย
สรรพคุณของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือการปกป้องผิวจากการรบกวนภายนอก ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอกให้เรียบเนียน เก็บล็อคความชุ่มชื่น และยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพรและโสม ที่ช่วยให้ผิวมีความเปล่งปลั่งกระจ่างใสมากขึ้น
นอกจากนี้ Luminature Essential Finisher ยังมีส่วนผสมที่ช่วยกระจายแสงขนาดเล้กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ช่วยเพิ่มการสะท้อนแสงให้ผิวดูผ่องขึ้นเล้กน้อยในทันทีด้วย
เทคนิคในการใช้ผลิตภัณฑ์จากเมคอัพอาร์ทิสต์เกาหลีคือให้ทา Luminature Essential Finisher ในปริมาณ 1 - 2 ปั้ม ทั่วใบหน้า แล้วปั้มผลิตภัณฑ์เพิ่มอีก 1 ครั้ง เพื่อทางลงบริเว๊หน้าผาก และจากขมับลากเข้ามาที่ปีกจมูก เป็นเทคนิคการไฮไลท์ผิวรูปสามเหลี่ยม เพื่อให้ผิวหน้าดูมีมิติมากขึ้น
หลังจากที่เสร็จงานแล้ว เราก็กินอาหารกลางวันกันที่นี่เลย โดยอาหารกลางวันมีทั้งหมด 12 คอร์ท เป็นอาหารแบบที่เสริฟให้พระราชาในสมัยโบราณ ซึ่งเสริฟกันในปริมาณไม่มากต่อจาน ไล่ไปเรื่อย ๆ จนครบ
เป็นอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิมจริง ๆ บางอันก็อร่อย บางอันก็เฉย ๆ แต่ใช้เวลานานมากกว่าจะเสริฟเสร็จทำให้เราเริ่มรู้สึกอิ่มก่อนที่จะถึงจานสุดท้ายด้วยซ้ำไป
หลังจากนั้นเราก็กลับไปที่โรงแรม ในขณะที่คนอื่นมีเวลาอิสระ 2 ชั่วโมง เราติดภารกิจต้องไปทดลองใช้บริการ Sulwhasoo Spa สุดหรูซึ่งใช้เวลา 90 นาที
สปาของเขามี 2 ชั้น และตกแต่งอย่างสวยงามในแบบโบราณ ๆ มีงานศิลปะวางโชว์เป็นจุด ๆ ในห้องนวดมีทั้งอ่างอาบน้ำ ห้องอาบน้ำให้เรียบร้อยสำหรับลุกค้าที่ซื้อคอร์สปรนนิบัติผิวกาย
คอร์สที่เรานวดในครั้งนี้ชื่ออะไรไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่าแพงมาก นวดครั้งนึงไม่ต่ำกว่า 6 - 7 พันบาท เริ่มต้นโดยการเปลี่ยนชุดเหลือแต่กางเกงที่เขาเตรียมไว้ให้ หลังจากนั้นเราก็ไปนั่งบนเก้าอี้ เธอราปิสต์จะมาล้างเท้าให้เราด้วยน้ำโสมสกัด ขัดเท้าด้วยเกลือผสมโสม ก่อนจะพาเราไปนอนบนเตียง
การนวดเริ่มขึ้นด้วยการนอนคว่ำเพื่อทำการนวดหลังด้วยน้ำมันเพื่อคลายกล้ามเนื้อและผ่อนคลาย หลังจากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดผิวหน้าและทำการนวดหน้า ท่านวดก็คล้ายกับที่เราเคยนวดในไทยนี่แหล่ะ แต่ความพร้ิวนี่แตกต่างกันมาก เลิศสุด ๆ อ่ะ หลังจากนั้นเขาก็ผสมมาส์กอะไรเย็น ๆมาทาบนหน้าเราทิ้งไว้ แล้วก็ไปนวดแขน นวดขา เพื่อรอให้มาส์กแห้งสนิท แล้วหลังจากนั้นมาลอกมาส์กแล้วก็บำรุงผิวเพื่อเป็นการจบขั้นตอนการนวด
ต้องบอกว่ามันดีมากอ่ะ คือช่วงที่นวดหลังอาจจะแอบเจ็บนิดนึงเพราะเส้นเราตึงมาก แต่ว่าหลังจากนั้นก็หลับเป็นช่วง ๆ พอนวดเสร็จรู้สึกตัวเบา โล่ง และหน้าก็เด้งทันที
อาหารเย็นในคืนนี้เรามากินกันที่ร้าน ELBON บนถนนกาโรซูกิล ร้านนี้เป็นร้านออกสไตล์อิลาเลี่ยน มีฟิวชันหน่อย ๆ อาหารรสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ที่ชอบมากก็คงจะเป็นซุปครีมมะเขือเทศที่มีเจลลี่รสเปรี้ยวอมหวานอยู่ข้างในนั้น มันให้ทั้งรสและสัมผัสที่แปลกใหม่ดีในการกินซุป พาสต้าหมึกดำกับหอยเป่าฮื้อก็ใช้ได้นะ
หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มและกินอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย เรามีเวลาอีกประมาณชั่วโมงนิด ๆ ในการเดินช้อปปิ้งย่านเมียงดงก่อนที่จะต้องเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ก็แวะไปซื้อขนมกับเครื่องสำอางฝากเพื่อน ๆ นิดหน่อย แล้วก็สำรวจตลาดว่ามีผลิตภัณฑ์อะไรแปลก ๆ มาบ้าง
ส่วนตัวแอบอยากได้ตุ๊กตา LINE Friend กับโมเดลกระดาษของ MOMOT แต่ไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วจะเก็บไ้ว้ที่ไหน ก็เลยไม่ได้ซื้อกลับมา...
อาหารมื้อสุดท้ายในเกาหลี ทางผู้บริหารพาเรามาเลี้ยงที่ร้าน Si Wha Dam ในย่ายอินซาดง ซึ่งก็เป็นร้านแบบเกาหลี๊เกาหลี ที่เสริฟอาการแบบดั้งเดิม และแอบมีฟิวชั่นบ้างพอหอมปากหอมคอ
ต้องบอกว่าร้านอาหารทุกร้านที่เขาพามาในทริปนี้ล้วนเป็นร้านที่มีชื่อ และส่วนใหญ่ก็ทำให้เราได้ซึมซาบวัฒนธรรมและศิลปะของประเทศนี้ไปด้วย ที่สำคัญคือมัน Healthy ม๊ากกกก ผักเยอะทุกมื้อเลย
และการมาเกาหลีจะไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าเราไม่ได้แวะกินขนมที่ร้าน O'Sulloc ซึ่งก็อยู่ในย่านอินซาดงพอดี ช่วงที่ไปเป็นช่วงปลาย ๆ ซัมเมอร์เขามีเมนูใหม่ ๆ เป็นบิงซูกับซิฟครีมด้วย แต่ว่าชามใหญ่มาก กินไม่ไหว เสียดายเป็นที่สุด
หลังจากนั้นเราก็เดินทางมายังสนามบินอินชอนเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านกัน ทริปนี้แทบไม่ได้เสียงเงินเลยเพราะไม่มีเวลาไปเดินช็อปเท่าไหร่ ก็เลยทำการเสียเงินพอเป็นพิธีกับ Duty Free ในสนามบิน แต่ก็ไม่มาก นับได้ว่าเป็นทริปเกาหลีที่เราหมดเงินไปน้อยที่สุดก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมาหลายรอบแล้ว ไม่บ้าขนซื้อเหมือนครั้งแรก ๆ ที่เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด (แต่ก็ไม่ได้ใช้ ต้องเอาไปแจกชาวบ้าน)
กลับมาถึงบ้านโดยปลอดภัย ก็ต้องรีบระเบิดกระเป๋าออกมา เตรียมแพ็คกระเป๋าบินไปเซี่ยงไฮ้ต่อจ้า สรุปของที่หอบกลับมาจากเกาหลีในครั้งนี้ก็มีเท่าที่เห็นนี่แหล่ะ ไอเทมไหนแจ่มเจิดจะเอามาบอกกันอีกทีนะจ๊ะ
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ Sulwhasoo ประเทศไหทยที่ให้โอกาสปูเป้ได้ไปสัมผัสประสบการณ์แสนวิเศษที่เกาหลี แม้จะไปมาหลายครั้งแล้วแต่ในครั้งนี้ก็ได้พบเห็นและได้สัมผัสกับสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ประทับใจมาก ๆ ครับ
Create Date : 19 กันยายน 2557
Last Update : 19 กันยายน 2557 21:24:44 น.
2 comments
Counter : 12565 Pageviews.
Share
Tweet
อยากให้พี่ปูเป้ช่วยรีวิวส่วนผสมของLuminatureตัวนี้หน้อยครับ
โดย: เบนซ์ IP: 171.7.167.162 วันที่: 1 ตุลาคม 2557 เวลา:14:00:30 น.
โอ้ว แม่จ้าวววว
Su:m37 ใช้ดีมั้ยคะ แล้วเซตนี้ราคาเท่าไหร่อ่า
โดย: izza IP: 119.63.86.210 วันที่: 28 ตุลาคม 2557 เวลา:12:55:45 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [
?
]
Advertisement
หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ
Web Counter
Counter Start on 29 September 2008
Search by Google
ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ
Custom Search
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.