1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
[Event] Philosophy Renewed Hope in a Jar launch event in Hong Kong
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาปูเป้ได้ไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Renewed Hope in a Jar กับทางแบรนด์ Philosophy ที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งต้องรอกว่าตัวผลิตภัณฑ์จะวางขายอย่างเป็นทางการจึงจะเปิดเผยได้ ก็เลยดองลากยาวมาถึงตอนนี้ (จริง ๆ คือดองนั่นแหล่ะ) การเดินทางในครั้งนี้มีเวลาอิสระไม่มากนัก หลัก ๆ จะอยู่ที่โรงแรมและสถานที่กิจกรรมนิดหน่อย แต่ก็มีสถานที่ ๆ ไม่เคยไปด้วยก็เลยจะเอามาเล่าให้ฟังนิดนึง โรงแรมที่พักในครั้งคือ Grand Hyatt Hong Kong ซึ่งเคยมาพักที่นี่เมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงอยู่เลย คราวนี้มาก็ปรับปรุงเสร็จแล้ว ห้องพักสวยงาม ทันสมัยและสิ่งอำวจความสะดวกก็มีครบ (ที่สำคัญคือมีอ่างอาบน้ำแล้วจ้า) หลังจากที่เก็บของในที่พักแล้วเขาก็มีตารางกิจกรรมให้เราไปทำเล้กน้อยนั่นก็คือการขึ้นไปชมที่ The Peak หรือ Victoria Peak อันเป็นจุดชมวิวชื่อดังของฮ่องกงนั่นเอง การขึ้นไปก็ทำได้ทัเงการขับรถวนลัดเลาะตามเขาขึ้นไป หรือจะเลือกขึ้นรถรางก้ได้ รถรางคนข้างข้างเยอะเลยทีเดียวแต่ก็ได้ประสบการณ์ที่สนุกกว่าการขึ้นรถนะ (ตอนขากลับเราลงโดยรถบัสน่ะ) ตรงสถานีด้านล่างจะมีจุดนิทรรศการเพื่อให้เราดูประวัติว่าในสมัยก่อนนั้นสภาพรถรางเป็นอย่างไร และมีโมเดลรถรางรุ่นเก่าให้ดูด้วย ตอนที่ไปถึงก็เป็นเวลาหกโมงกว่า ๆ ซึ่งทางทีมก็กะว่าน่าจะเป็นเวลาที่มืดจนได้เห็นแสงไฟของตึกพอดี แต่ปรากฏว่าหกโมงฟ้ายังสว่างอยู่เลย แถมมีหมอกและเริ่มมีฝนตกปรอย ๆ ด้วย เราเลยได้ไม่ได้เห็นวิวของเกาะห้องกงและตึกสูงที่แผ่ตัวกันยาวเหยียดแบบในโปสการ์ดล่ะ แต่ว่าอากาศเย็นสบายทีเดียวนะ เรียกว่าเกือบหนาวเลยก็ว่าได้ ใครจะไปฮ่องกงในช่วงเดือนมีนาก็เตรียมเสื้อโคทและร่มไปให้ดี หลังจากนั้นเราก็มากินข้าวที่ร้านอาหารบน The Peak นั่นแหล่ะ เป็นร้านอาหารซีฟู๊ด ฟิวชั่น ชื่อร้านอะไรก็จำไม่ได้เหมือนกัน รสชาติกลาง ๆ จ้า หลังจากที่พักผ่อนเต็มที่ก็ถึงเช้าวันงานด้วยการกินอาหารเช้าที่โรงแรมนั่นเอง ไลน์อาหารเช้าที่นี่ดีงามมาก มีของให้เลือกเยอะและคุณภาพดีทีเดียวล่ะ ในช่วงเช้าเราได้เข้าไปพูดคุยกับ Gabrielle Bernstein เธอเป็นนักเขียนชื่อดังและผู้ชี้นำการพัฒนาตนเองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างของประเทศอเมริกา เธอบอกว่าไม่ว่าคนเอเชีย คนยุโรป คนอเมริกันจะมีวัฒนธรรมและแนวความคิดที่ต่างกันมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนสามารถสื่อถึงกันและเกี่ยวข้องกันได้เป็นหนึ่งเดียวก็คือเรื่องความสุข และในยุคของการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งนี้ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทางเศรษฐกิจ ทำให้เราทุกคนเจอปัญหาของความกดดัน ความเครียด ในการพยายามเอาชีวิตรอด เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่บั่นทอนทั้งจิตใจและร่างกาย การแสดงหาทางออกด้วยการเยียวยาตัวเองเป็นสิ่งที่เราสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการปรับสิ่งเล้กน้อยแต่ทรงพลังให้ไปในทางที่ดีขึ้น เริ่มต้นจากคำพูด แนวความคิด ไปจนถึงทัศนคติให้เป็นแง่บวก ให้เราแข็งแหกร่งจึ้นจนกล้าที่จะลุกออกจาก comfort zone ของตัวเองเพื่อก้าวไปยังอนาคตหรือความฝันของตัวเองได้ ประโยคหนึ่งที่ชอบมากจาก Gabby คือ "Hope means that you have faith that things can change. When you no longer have hope that's mean you're no longer believe in change" เธอยังบอกว่าในเรื่องของความงามนั้นเราหลายคนจ้องมองตัวเองในกระจก จ้องมองและพูดถึงแต่เรื่องที่เป็นพลังงานด้านลบ อย่างชั้นแก่จัง ตีนกาก็เยอะ ดูไม่สดใส ฉันอ้วนไป ฉันผอมไป ฉันไม่สวย ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้เลย แต่หากเรามีความหวัง (Hope) นั่นแปลว่าเรายังมีความศรัทธาว่าฉันสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ ฉันสามารถที่จะได้รับการฟื้นฟูจนเหมือนกับเป็นคนใหม่ได้ และนี่คือใจความสำคัญที่ซ่อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ชื่อ Hope in a Jar คือความหวังและความเชื่อมันความศรัทธาในกระปุกที่ช่วยเปลี่ยนแปลงให้เรามีผิวที่สวย ซึ่งในปีนี้ความหวังในกระปุกนี้ได้รับการรังสรรค์ใหม่อีกครั้ง (Renewed) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คนต่อมาที่ได้เข้าไปพูดคุยด้วยก็คือคุณ Muriel Pujos-Abecassisเป็นหัวหน้าฝ่ายการสื่อสารด้านวิทยาศาสตร์ของแบรนด์ Philisophy ได้มาเผยเบื้องหลังหว่าจะมาเป็น Renewed Hope in a Jar อันนี้ เธอบอกว่า Hope in a Jar เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงทันทีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ในปี 1996 และการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ามองว่าดีที่สุดแล้วเป็นสิ่งที่ยากมากเพราะว่ามันจะต้องสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมในทุก ๆ ด้าน โปรเจคในการทำสูตรใหม่ของ Hope in a Jar นั้นเริ่มมากว่า 10 ปีแล้ว โดยจะมีการส่งผลิตภัณฑ์ต้นแบบให้กับกลุ่มทดสอบซึ่งเป็นแฟนของ Hope in a Jar ได้ลองใช้และปรับพัฒนามาเรื่อย ๆ โดยผสานความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของเครื่องสำอางและการตอบคำถามความต้องการของผู้ใช้ทั้งชาวอเมริกันและชาวเอเชียว่าพวกเขาต้องการอะไรมากที่สุด เขาบอกว่าผู้หญิงในวัย 25 ปี ขึ้นไปพบว่าผิวของพวกเธอเมื่อตื่นมาตอนเช้ามันไม่สดใสและเปล่งปลั่ง ขาดความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และดูหยาบกร้าน ไม่เหมือนแต่ก่อนในตอนวัยรุ่นที่พวกเขาสามารถปาร์ตี้สุดเหวี่ยงและตื่นมาก็ยังพบว่าผิวของตัวเองยังคงผ่องใส เขาต้องการให้ผิวแบบนั้กลับมาอีกครั้งยามเธอส่องกระจกหลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ดังนั้นสูตรใหม่ของ Renewed Hope in a Jar จึงเน้นไปที่ 3 ปัญหาสำคัญ นั่นก็คือ Radiance (ความเปล่งปลั่ง) กับ Hydration (ความชุ่มชื้น) และ Texture (พื้นผิวที่เรียบเนียน) หลังจากนั้นเราก็มีเวลาว่าง ก่อนี่จะกินอาหารกลางวันที่โรงแรม ทริปนี้เวลาว่างปูเป้ก็จะอยู่ในห้องแหล่ะ เพราะว่าไม่มีแผนจะช้อปปิ้งอะไร (พึ่งหมดตังไปกับการซื้อกล้องใหม่) แล้วก็อยากพักผ่อนด้วย ในช่วงบ่ายนี้เราก็เดินทางไปยังท่าเรือที่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก โดยชั้นบนของท่าเรือจะเป็นพื้นที่เหมือนร้านอาหารที่เอามาจัดเป็นงานเปิดตัวของ Renewed Hope in a Jap ในครั้งนี้ บรรดา Beauty Editor จากนิตยสารความงามชื่อดังของประเทศไทยจ้า งานเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับจาก Jill Scalamandre รองประธานของแบรนด์ Philosophy Renewed Hope in a Jar ใหม่ล่าสุดนี้จะมาแทน Hope in a Jar ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดยสูตรใหม่ล่าสุดนี้ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ทำหน้าที่ 3 ประการ Texture - ปรับพื้นผิวให้เรียบเนียนด้วยการใช้ AHAs 3 รูปแบบ (Glycoic Acid กับ Citric Acid และ Mandalic Acid ซึ่งมีขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การทำงานในระดับชั้นของผิวต่างกันไป รวมถึงทำงานในช่วงเวลาที่เหลื่อมกันอีกด้วย Hydration - เสริมความชุ่มฉ่ำให้กับผิวด้วยการใช้ Hyaluronic Acid 3 รูปแบบที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน โดยโมเลกุลขนาดใหญ่จะเติมควาชุ่มชื้นที่ผิวชั้นนอกสุด และโมเลกุลที่มีขนาดเล้กลงมาจะแทรกซึมเข้าไปได้ลึกกว่า พร้อมทั้งส่วนผสมของ Blue Agave Extract ที่เสริมการสร้าง Hyaluronic Acid ข้างในผิวตามธรรมชาติ Radiance Glow - คืนความเปล่งปลั่งให้กับผิวในทันทีด้วย Micro-Optics ที่ช่วยกระจายแสง สารสกัดจากดอก Prickly Pear กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ของผิวให้ผิวเรียบเนียนและมีความใส และสสารสกัดจากพืชเอเชียในการกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวเพื่อคืนความสดใสให้กับโทนสีผิว นอกจากส่วนผสมที่ถูกอัพเกรดและทำงานอย่างหลากหลายแล้ว ที่เด็ดมากคือเนื้อสัมผัสแบบ Whipped Sorbet ที่นุ่มละมุนซึมซาบสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกฉ่ำและชุ่มชื้นยาวนาน รวมถึงเปลี่ยนกลิ่นจากกลิ่นลาเวนเดอร์เป็นกลิ่นกลีบดอกไม้ที่บอบบาง โดยรวมคือสูตรใหม่นี้เจ๋งกว่าเดิมมากทีเดียวล่ะ ปูเป้องว่าการจะทำอะไรกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนไอคอน เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ มีแฟนที่นิยมอย่างเหนียวแน่นนั้นเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก เพราะอาจส่งผลกับการสูญเสียกลุ่มลูกค้าเดิมไปเลยก็ได้ หลายแบรนด์จึงเลือกที่จะไม่พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อ หรือทำการอัพเดทโดยพยายามคงเนื้อสัมผัสให้เหมือนเดิมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ Philosophy เลือกที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ทั้งหมดโดยแลกมากับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยาวนานถึง 10 กว่าจะได้สูตรใหม่นี้ นอกจากมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวแล้ว ก็ยังมีอายครีมที่เพิ่มส่วนผสมสารสกัดจากสาหร่ายที่ช่วยความหมองคล้ำใต้ตา และสารสกัดจากยีสต์เพื่อช่วยลดเลือนร้ิวรอยเล้ก ๆ รวมไปถึงโฟมล้างหน้าและโลชั่นเช็ดบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน ก่อนที่จะกลับก็ยังได้หนังสือของ Gabby พร้อมกับลายเซ็นต์ด้วยล่ะ อาหารเย็นวันนี้เราไปกินอะไรง่าย ๆ ที่ตึก IFC ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก (เดินไปได้) ทริปนี้ฝนตกทุกวัน ตกปร่อย ๆ แต่ตกตลอดทำให้เราไม่เห็นแม้กระทั่งยอดของตึกเลยล่ะ อาหารเช้าก่อนจะกลับบ้านก็เป็นของโรงแรม Grand Hyatt อีกแล้ว โรงแรมนี้ทำแพนเค้ก เฟรยช์โทรส์ได้รวชาติดีทีเดียว ที่เด็ดคือมียาคูลล์ให้ด้วยนะ สุกท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ Philosophy มาก ๆ ที่เชิญปูเป้ไปสัมผัสกับผลิตภัณฑ์และได้พูดคุยกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยครับ
Create Date : 24 พฤษภาคม 2558
Last Update : 24 พฤษภาคม 2558 22:22:20 น.
1 comments
Counter : 4251 Pageviews.
โดย: peuterey hull yd colori IP: 192.99.14.34 วันที่: 20 ตุลาคม 2558 เวลา:12:24:05 น.
Advertisement
หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ
Web Counter
Counter Start on 29 September 2008
Search by Google
ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ
peuterey hull yd colori //www.gadsdenmusic.com/wp-content/uploads/index.php?it-peuterey-hull-yd-colori-12620.html