No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
=^^= ของขวัญล้ำค่า ที่ได้รับมาในวันนี้ =^^=

ฮา มันคืออะไรหนอ...ติ๊กต่อกๆๆ

ของขวัญล้ำค่าที่ว่านี้ ทำให้ไอซ์คิดถึงผู้คนที่ทำให้ไอซ์เติบโตขึ้นด้านงานเขียนจนถึงทุกวันนี้

เมื่อก่อน ตอนที่ไอซ์เริ่มเล่นถนนฯ ใหม่ๆ ซัก 7 ปี ได้แล้วใช่หรือเปล่าเนี่ย ((เหอๆๆ นานโครต))

ตอนแรกๆ เนี่ย ไอซ์จะเขียนแต่กลอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากยังพิมพ์ดีดภาษาไทยไม่ได้ แต่พออ่านกระทู้ของคนโน้นคนนี้ ก็เริ่มทนไม่ไหว อยากเอามั่ง เลยไปหัดพิมพ์ดีดภาษาไทยมา

พอเริ่มพิมพ์ได้บ้าง ก็เล่นกระทู้กลอน ตอนนั้นเป็นลูกศิษย์ ครูเล็ก ครูหนอนสุรา น้องศาลาไทย เจ้าแมว ฯลฯ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ฉันทลักษณ์โหดๆ ไอซ์หัดมันทุกอย่าง กิกิ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ช่วงหนึ่งเคยแต่ง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวล่ะ แต่หลังๆ เริ่มเขียนเรื่องสั้น - นิยาย ก็คืนครูไปหมด แหะๆๆๆ ((หนูขอโต๊ดดดดดด))

ไอซ์เริ่มต้นจากเรื่องสั้นอะนะ ช่วงนั้นถนนฯ นอกจากจะมีนักเขียนเดินกันแล้ว ก็ยังมีนักวิจารณ์ฝีมือดีๆ อยู่มากมาย

กว่าจะถึงทุกวันนี้ได้ ไอซ์เจอสับเละมาเยอะมากๆ เละแบบยิ่งกว่าหมูสับคาเขียงซะอีก เอิ๊กส์ๆๆๆ

ไอซ์ได้รู้จักพี่ "A Muggle" เพราะกลอนภาษาอังกฤษ พี่เค้าเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่มหาวิทยาลัยในอเมริกานะ อ่านหนังสือมาเยอะมากๆ พี่ A Muggle เนี่ย วิจารณ์ ให้คำแนะนำ ขัดเกลา และส่งกลอนเพราะๆ มาให้ไอซ์ศึกษาเยอะมาก นอกจากนั้นก็ยังช่วยวิจารณ์งานเขียนอีก

ที่คุยกันมาตั้งแต่ ICQ ยัน MSN กลุ่มนักเขียนรุ่นแรกๆ ของแจ่มใสเนี่ยแหละค่ะ เป็นครูที่ช่วยขัดเกลางานเขียนของไอซ์ เมื่อก่อน ไอซ์ไม่ชอบเขียนบรรยาย นึกไม่ออกว่าควรจะเขียนยังไง "แม่มณี" ก็แนะนำว่า ให้ลองเริ่มจากการบรรยายสิ่งใกล้ๆ ตัว อย่างห้องนั่งเล่น ... จนทุกวันนี้ ไอซ์ว่าไอซ์บรรยายได้เห็นภาพแล้วนะ ฮี่ๆๆๆ

"ป้าหนอน" กับ "พี่อ้อ (O-HO)" นี่ก็เป็นครูของไอซ์เหมือนกัน สมัยที่ไอซ์เริ่มเขียนใหม่ๆ ก็มักจะได้ป้าหนอนกับพี่อ้อ ช่วยกัน "สับ" อยู่ประจำ ... โดยเฉพาะป้าหนอน ถ้าใครไม่ซาดิสม์พอ อาจจะน้ำตาหยดแหมะๆ ได้ กร๊ากกกก แต่ไอซ์ชอบมากๆ แฮะ ((เป็นพวกซาดิสม์น่ะสิ เหวออออ))

ถ้าใครมาเล่นที่ถนนฯ ตั้งแต่เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ((หรือ 4 ปีที่แล้วหว่า จำไม่ได้แระ)) คงพอจะจำนักวิจารณ์ประจำถนนฯ อย่าง พี่กานท์ พี่วีระวรรณ คุณซากดอกไม้ ฯลฯ ได้ แบบที่วิจารณ์เรื่องสั้นกันเป็นหน้าๆ กระดาษ คุ้มทั้งคนเขียนและคนที่โผล่เข้าไปอ่านในกระทู้

บางกระทู้ของไอซ์ เจอพี่กานท์ พี่วีระวรรณ คุณซากดอกไม้เข้าไปวิจารณ์ คนอื่นๆ เห็นแล้วแหยง ไม่กล้าแปะความคิดเห็นเลย กร๊ากกก แบบว่า รวมๆ กันแล้ว คำวิจารณ์ทั้งหมด ยาวกว่าเรื่องที่ไอซ์เขียนอีกอะนะ ฮา

โดยเฉพาะพี่กานท์กับพี่วีระวรรณ ที่ไอซ์ได้คุย ICQ ด้วย พี่กานท์ในตอนโน้นเนี่ย เป็นนักเรียนปริญญาโทด้านวรรณกรรม คุยกันทีไร ได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธด้านทฤษฎีมาตรึม ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ชนิดของงานเขียนว่าแบ่งยังไงบ้าง ((Classic, Romantic, Modern, Post-modern ฯลฯ ... เอ่อ คืนครูหมดแว้วววว)) และทฤษฎีการวิจารณ์งานเขียนด้วย

นอกจากที่ท่านพี่ทั้งสอง คือ พี่กานท์กับพี่วีระวรรณ จะวิจารณ์เรื่องสั้นของไอซ์ได้เป็นหน้าๆ เจาะลึกตั้งแต่ กลวิธีการเปิดเรื่อง สำนวน การดำเนินเรื่อง สัญลักษณ์ในเรื่อง ฯลฯ ((ขอสารภาพว่า บางอย่าง คนเขียนก็นึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ กร๊ากกกก)) ... พี่กานท์ยังบอก ((แกมบังคับ)) ให้ไอซ์ไปวิจารณ์งานเขียนต่างๆ ด้วยทฤษฎีที่พี่แกสอนนั่นแหละ ฮา ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนด้านวรรณกรรมเลย ... ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ๆ เป็นยังไงกันบ้างแล้ว

ไอซ์ได้อะไรดีๆ มามากมาย และยังติดตัวมาจนถึงวันนี้

รู้สึกตัวเสมอว่า ไอซ์เป็นคนโชคดีนะ โชคดีมากๆ เลยด้วย ^^

พอเริ่มเขียนนิยาย งานเขียนของไอซ์ได้รับการตีพิมพ์ ก็แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีใครมา "สับเละ" อีกเลย เป็นการเรียนรู้จากความคิดเห็นของคนอ่าน ซึ่งจะเป็นความคิดเห็นต่อเนื้อเรื่อง ตัวละคร ไม่ใช่ในแง่นักวิจารณ์ และพยายามพัฒนาจากตรงนั้น

เมื่อคืนนี้ไอซ์ได้เมล์มาจากพี่กี้ บอกว่า มีคนที่อ่านงานของไอซ์อย่างตั้งใจฝากมาให้ ปรากฎว่า ตอนแรก พี่กี้ลืมแนบไฟล์มา เมื่อคืนนี้ไอซ์ก็เลยยังไม่ได้อ่าน

เมื่อเช้านี้เน็ตที่ทำงานก็ล่มอีก ไอซ์ติดอบรมทั้งวัน แต่ตอนเที่ยง ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ก็แว่บลงมาเช็คอีเมล์จากพี่กี้ ... อิอิ และนั่นแหละค่ะ ของขวัญล้ำค่าที่ว่า

ไฟล์เวิร์ด 8 หน้ากระดาษ A4 จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม กิกิ ที่ลงชื่อว่า "คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร" ที่เขียนให้ไอซ์ จากการที่ได้อ่าน "น้ำแข็งใสใส่ความรัก" "ฝากรักไว้...ในใจเธอ" "เก็บหัวใจไว้เพื่อรัก" "คำให้การจากศพในห้องใต้ดิน" "หัวใจลับฟ้า...ที่คาปรี" เรื่องสั้น "นางฟ้าในฝัน"

ไอซ์ขอเรียก "คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร" ว่า "พี่" ก็แล้วกันนะคะ

พี่เค้าบอกว่า อย่าคิดว่าเป็นการวิจารณ์หรือแนะนำ แต่เป็นความคิดเห็น ... ฮา ความโดยละเอียดขอไม่เปิดเผยละกัน แอบเก็บไว้อ่านคนเดียว ... เป็นคำชมซะ 2 หน้า ((ให้ตายใจ กร๊ากกก)) ที่เหลืออีก 6 หน้า เป็นความคิดเห็นที่ไอซ์สามารถเอาไปคิดเพื่อปรับปรุงงานเขียนของตัวเองได้อีกมากมายเลยทีเดียวค่ะ

อยากบอกว่า 8 หน้าที่ได้รับมา เป็นของขวัญล้ำค่า จริงๆ อย่าเกรงใจที่เขียนหาเลย ไอซ์ต่างหากที่จะต้องเกรงใจ ที่พี่สละเวลาเขียนถึง ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ

ทุกอย่างเป็นเงาสะท้อนจากมุมมองของคนอ่าน ที่ทำให้ไอซ์รู้จักผลงานของตัวเองดียิ่งขึ้น หลายอย่างไอซ์ก็รู้ตัวดีอยู่แล้วล่ะ หลายอย่างกำลังพยายามแก้ไขอยู่ แหะๆๆ

อ่านจบแล้ว ไอซ์รีบโทร.ไปหาพี่กี้

"พี่กี้...ชีวิตของหนูมันราบรื่นมากเกินไป แงๆๆๆ หนูใจอ่อน หนูขาดอุปสรรค ฮือๆๆๆ"

ฮา...หนึ่งในความคิดเห็นของ "พี่" 8 หน้าก็คือ ตัวละครยังขาดอุปสรรคอีกมาก และอีกอย่างที่ไอซ์ต้องยอมรับก็คือ ตัวร้ายของไอซ์ไม่ร้ายจริง แหะๆๆๆ

งานเขียนเป็นสิ่งสะท้อนตัวคนเขียนนะ ไอซ์ยอมรับว่า ชีวิตของตัวเองค่อนข้างราบเรียบอะ ไม่ค่อยเจออุปสรรคอะไรหนักๆ การเรียนก็ผ่านฉลุย อยากได้อะไรที่ถ้าไม่ไร้เหตุผลมากเกินไปนักก็พอจะได้รับ สภาพแวดล้อมและสังคมที่ไอซ์เจอเป็นสังคมที่ดี เจอแต่คนดีๆ ((คนไม่ดีก็เจอนะ แต่หลีกให้ห่างๆ อะ ไม่ยุ่งเกี่ยว))

ตอนที่ไอซ์ไปอังกฤษใหม่ๆ มีคนบอกว่า โลกที่ไอซ์เคยสัมผัสมาตลอดเป็นสีชมพู ... เป็นโลกที่ไม่เห็นความเปรอะเปื้อนอะไร

ไปอยู่อังกฤษนานเข้า ก็ได้เจออะไรมากขึ้น โลกของไอซ์กว้างขึ้น แต่นะ มันก็ยังเป็นสีสันที่สวยงามอยู่ดี เป็นคนประเภท เจ็บแล้วไม่ค่อยเข็ดเท่าไหร่ เหอๆๆๆ

อีกอย่าง ไอซ์ว่าไอซ์เป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆ ด้วย เป็นคนที่พยายามมองหาข้อดีของคน ไม่ใส่ใจความเลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าเจออะไรไม่ดี ก็พยายามไม่คิดถึง ไม่คิดแค้นใคร พอให้อภัยแล้ว ก็ให้อภัยขาดเลย ... ถ้าไม่ชอบมากๆ คนๆ นั้นก็จะกลายเป็นอากาศ หรือไม่ก็ความว่างเปล่าสำหรับไอซ์ เท่านั้นเอง

ไอซ์เชื่ออีกอย่างว่า ไม่มีใครที่เลวร้ายจริงๆ แต่ละคนมีแง่มุมที่ดีของตัวเอง เพียงแต่เราจะเห็นหรือเปล่า เขาจะแสดงแง่มุมนั้นกับเราหรือไม่ ก็เท่านั้น

ไอซ์ใจอ่อนด้วยอะ ตัวละครที่สร้างมาอยู่ในจินตนาการ กลายเป็นสิ่งที่ผูกพันอยู่ในใจ สำหรับคนอื่นจะเป็นยังไง ไอซ์ไม่รู้ แต่สำหรับไอซ์ ตัวละครเหล่านี้มีชีวิตแฮะ จะทำร้ายมากๆ ก็ทำไม่ลง งือ อีกอย่าง เวลาไอซ์เขียนเรื่องอะไร ไอซ์จะเข้าไป "สิง" อยู่ในนั้นด้วย ถ้ามันร้ายแรงมากๆ ล่ะก็ คนเขียนก็เจ็บจริงๆ เหมือนกัน ((เว่อร์แฮะ แหะๆๆ แต่เชื่อว่า คนที่เขียนหนังสือหลายคนก็เป็นนะ))

นี่ล่ะมั้ง เป็นสาเหตุที่ตัวละครของไอซ์ไม่ค่อยเจออุปสรรค ตัวร้ายของไอซ์ ไม่ร้ายจริง ... งานเขียนของไอซ์ส่วนใหญ่ จึงมีแต่ความอบอุ่น มองโลกในแง่ดี มีความหวัง ฮา แต่มันขาดจุดที่ Peak กระชากอารมณ์ ...ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไอซ์ขาดประสบการณ์นั่นแหละ ฮือ อีกส่วนก็คือ ใจอ่อน

กระทั่งเรื่อง "คำให้การจากศพในห้องใต้ดิน" ก็เถอะ ความจริงควรจะกดให้ลึก ดำดิ่งสู่ความมืดมิดได้มากกว่านั้น แต่ไอซ์ก็ใจอ่อน กระทั่งฉากข่มขืน ไอซ์ก็เขียนไม่ลง

เคยคุยกับพี่ปุ้ยเรื่องฉากแรงๆ ไอซ์บอกว่า ไอซ์มักจะหลีกเลี่ยงฉากเหล่านี้ เขียนไม่ลง พี่ปุ้ยบอกว่า "เออ เห็นแล้ว เลี่ยงมาก เลี่ยงไปไกลลิบๆ เลย" แหะๆๆๆ

อ่าน 8 หน้านี้แล้ว ทำให้ต้องมาวิเคราะห์งานเขียนของตัวเองอีกครั้ง จะพยายามอย่างเต็มที่ กล้าเขียนมากยิ่งขึ้น เพื่อที่ว่า คนอ่านจะไม่ได้ไปแค่ "ความประทับใจ" แต่เป็น "ความประทับใจสูงสุด" อย่างที่ "พี่" ใช้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ไอซ์เป็นคนโชคดี ที่ได้รับของขวัญดีๆ อย่างนี้ ^^

ไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงถูกจริงๆ ไอซ์ดีใจมากอะนะ ขอเขียนไว้ใน blog เลยก็แล้วกันนะคะ ^^

.......

แล้วก็เลยไปถึงกระทู้เครียดซักนิดหน่อย อ่านๆ ความคิดเห็นไปแล้ว ชักไม่แน่ใจว่า บางคนเข้าใจสิ่งที่ไอซ์ต้องการจะสื่อมากน้อยแค่ไหน แต่ความคิดเห็นทั้งหลาย ทำให้ไอซ์ได้เปิดหูเปิดตา และย้อนมองตัวเองมากจริงๆ

อิอิ คิดแล้วก็ขำนิดๆ ไม่ได้ ... ไอซ์เชื่อเลยว่า มีอย่างน้อยสองคนที่เข้าไปอ่านกระทู้นั้น แล้วต้องหัวเราะ อาจจะเอาไปเมาธ์กันด้วย ((ไอซ์จามฟ่ะ)) นั่นก็คือ ป้าหนอนกับพี่อ้อ ฮา

ป้ากับพี่อ้อไม่อยากจะเชื่อใช่มั้ยว่า หนูกลายเป็นเด็กดีมีเหตุผลขนาดนี้แล้วนะ โฮะๆๆๆๆ แอบนึกภาพป้ากำลังคุยกับพี่อ้อออกเลยล่ะ

"มันมีหน้ามาเขียนด้วยเว้ย มันแหละ ตัวทำผิดพลาดมากอันดับหนึ่ง"

ไปเมาธ์กันมาหรือเปล่าเนี่ย มาเฉลยล่วยนะ กิกิ

เมื่อก่อนโน้นนนนน...ก่อนจะมี ความรู้สึกดีที่เรียกว่า...รัก เล่มปกแดง ... ป้า พี่อ้อ และไอซ์ จะมีโค้ตลับ เวลามีสนพ. บก. มาติดต่อ หรือว่า ส่งงานเขียนไปตามที่เขาเปิดรับต้นฉบับ หรือส่งงานประกวดว่า...

"หนู-เนยแข็ง-ยาเบื่อ จี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

อะไรๆ มันไม่ชัดเจนอย่างทุกวันนี้หรอกค่ะ นักเขียนที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นชิ้นเป็นอัน ที่สามารถให้คำปรึกษาได้ก็ไม่ได้มีมากมาย เกลื่อนกลาด หาง่าย ติดต่อ พูดคุย ไต่ถาม ปรึกษาได้ง่ายๆ อย่างทุกวันนี้หรอก

เรา...โดยเฉพาะ ไอซ์ เป็นหนูลองผิดลองถูกมามาก ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำลงไปเป็นเนยแข็งอร่อยๆ หรือว่า เป็นเนยแข็งใส่ยาเบื่อ โดนเข้าไปแล้วก็ได้แต่ดิ้นกระแด่วๆ จี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เคยเจอมาแล้วหลายอย่าง ยกตัวอย่างเล็กๆ เบาๆ สักนิด... สนพ.หนึ่งประกาศประกวดเรื่องสั้น เลยวันประกาศแล้วยังเงียบ เมล์ไปถาม ได้รับคำตอบว่า มีเรื่องที่ผ่านไม่พอตีพิมพ์ อยากได้ 10 เรื่อง แต่อ่านแล้วผ่านแค่ 4 เลยเงียบไปซะงั้น ... เรื่องของไอซ์น่ะ เป็น 1 ใน 4 เรื่องที่ผ่านนั่นแหละ กว่าจะสรุปผลว่า "ไม่ตีพิมพ์" ล่ะนะ ก็ผ่านไปหลายเดือน ไอซ์ก็เลยถอนเรื่องออกมาค่ะ เอิ๊กส์

ที่เล่านี่เบามากแล้ว หนักๆ ยังมีอีกมากค่ะ ไม่อยากคิดถึงเท่าไหร่

ไอซ์พลาดมาเยอะค่ะ จากปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง เพราะความเป็นเด็ก ใจร้อน ความขาดประสบการณ์ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

บางอย่างที่พลาดไป ยังทำให้ไอซ์เสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ งานเขียนบางชิ้นที่ไอซ์รักมากๆ และรู้ว่ามันเป็นงานเขียนที่ดี อาจจะไม่มีใครได้อ่านเป็นเล่มๆ อีกแล้ว บางอย่างก็เหมือนน้ำท่วมปาก มีบางสนพ.ที่ไอซ์ตั้งใจ จะไม่ขอเกี่ยวข้องอีกเป็นอันขาด...ไม่ได้แปลว่า สนพ.เหล่านั้นไม่ดี แต่ไอซ์อาจจะโชคไม่ดีกับสนพ.นั้น ก็เลยแขยง ((มีสนพ.หนึ่ง ทำ "วัตถุดิบ" ของไอซ์เสียหาย เสียหายแบบซ่อมคืนไม่ได้ด้วย เป็น "วัตถุดิบ" ที่มีผลทางใจต่อเจ้าของ และจะไม่มีทางหาใหม่ได้ นอกจากจะย้อนเวลาได้ สนพ. ไม่รับผิดชอบด้วย หายเงียบเข้ากลีบเมฆเฮงซวยไปเลย เหอๆๆ จนถึงทุกวันนี้ นับแต่วันที่ไอซ์ได้รับมันคืนมา ไอซ์ยังทำใจให้ไปเปิดดูอีกไม่ได้เลย เดาได้ไหมเอ่ย ว่าเป็นอะไร...ไม่มีเฉลยนะ อุอุ))

ได้แต่พยายามคิดว่า ให้มันแล้ว...แล้วไป อย่าทำซ้ำเดิมอีก และถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากให้ใครพลาดซ้ำรอยอีก

ทุกวันนี้สังคมนักเขียนเข้าหาได้ง่ายแล้ว ข้อมูลหาได้ไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน ไอซ์เชื่อนะ ถ้าพิจารณาดีๆ คนรุ่นใหม่ไม่น่าพลาดซ้ำรอยเดิมอีก เพียงแต่ต้องเปิดใจให้กว้าง และใจเย็นๆ เท่านั้นเอง

เคยคิดอยากเขียนกระทู้ "ถ้าไม่เคยโดนโกง ไม่ใช่นักเขียนที่แท้จริง...จริงไหม" ฮา...แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวความหวังดีจะกลายเป็นความซวยไป

คิดเรื่องเงิน เรื่องรายได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกค่ะ นักเขียนก็ต้องกิน ต้องใช้เหมือนกันนิ ... แต่อย่าเอามันเป็นเรื่องนำ ฝืนเขียนแนวที่ไม่ได้อยากเขียนจริงๆ หรือใส่ฉากอย่างว่าลงไปเพื่อให้ขายได้ เพื่อเพราะเงิน อะไรๆ ก็ไม่จีรังยั่งยืนหรอก ตอนไอซ์เริ่มตีพิมพ์งานใหม่ๆ น่ะ มาตรฐานการพิมพ์ครั้งที่ 1 ของสนพ.ต่างๆ อยู่ที่ 3,000 เล่ม สมมติว่า นิยายเรื่องหนึ่งไอซ์เขียนอยู่ 1 ปี ถามว่า คุ้มไหม รุ่นใหม่ๆ คงจะมองภาพไม่ออกแล้วมั้ง เอิ๊กส์ ... ทำสิ่งที่ใจรัก เขียนสิ่งที่อยากเขียนจริงๆ และเป็นงานเขียนที่ไม่ทำร้ายสังคม น่าจะดีที่สุด อย่าตัดอนาคต อย่าคิดสั้น ... แต่นี่ก็เป็นแค่ความคิดเห็นของไอซ์เท่านั้นนะ

หลายอย่างที่ทำไป ไม่ได้อะไรกับตัวเองเท่าไหร่ เหมือนเอากระดูกมาแขวนคอเล่น แต่ก็ยังทำลงไป ทั้งๆ ที่ตั้งใจหลายครั้งแล้วว่า จะไม่ทำ เวรจริงๆ

ระบายมามากพอแล้วค่ะ ที่เขียนๆ ลงไปนี่ อาจมีซวยอีก แต่อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกอัดอั้น ... หวังว่าไอซ์คงจะเข้าใจผิดไป ไม่อย่างนั้น ก็คงได้แต่...เสียใจ...ล่ะมั้ง

อยากให้พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ร่วมเส้นทางทุกคน ก้าวไปได้อย่างมั่นคง และปลอดภัย ได้พบแต่สิ่งที่ดีงามค่ะ จะเชื่อหรือไม่ ก็ตามแต่ใจละกันนะ ^^

....

เครียดมากมาหลายวันแล้วแฮะ คิดไปคิดมา อย่าเครียดกับเรื่องของคนอื่นอีกเลยดีกว่า เดี๋ยวจะไปทานข้าว และนอนสักตื่น ... บ่มพลังออร่าดีกว่า ฮี่ๆๆๆ



Create Date : 16 พฤษภาคม 2549
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 19:41:54 น. 19 comments
Counter : 872 Pageviews.

 
ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังคะ ^^ ได้ข้อคิดดีๆ เพียบเลย
แล้วก็ ยินดีกับของขวัญล้ำค่าของคุณไอซ์ด้วยค่ะ


โดย: ล ม ห า ย ใ จ ...อุ่ น อุ่ น วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:10:45 น.  

 
สู้ๆคร้าบบบบ


โดย: จริง วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:26:14 น.  

 


โดย: mopsen dog (mopsen dog ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:33:56 น.  

 
ได้อ่านบล็อควันนี้ของพี่ไอซ์แล้วรู้สึกตรงมากๆๆๆๆ (จริงๆ บล็อคเมื่อวานที่เข้ามาเมนต์ คนมาพยักหน้ากันหงึกหงักมากมายมหาศาล แต่เปี๊ยกยังแค่เห็นด้วยเฉยๆ บวกสำนึกผิดในตัวเองหน่อยๆ แต่ชอบที่พี่ไอซ์เขียนวันนี้หลายๆ จุดค่ะ)

จุดแรกเลยคือที่บอกว่างานเขียนเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวคนเขียน อันนี้ตรงมากเลยสำหรับเคสเปี๊ยก ถ้าใครอ่านงานเปี๊ยก ก็จะเดาได้เลยว่าเปี๊ยกเป็นคนประมาณไหน และชีวิตเจออะไรมาบ้าง ตัวร้ายในเรื่องของเปี๊ยก ก็จะไม่ร้ายมากค่ะ (ประมาณเหมือนพี่ไอซ์เลย) และก็รู้สึกเลยว่า ส่วนนึงก็เป็นเพราะชีวิตเราค่อนข้างราบรื่นนั่นแหละ ไอ้ปัญหาที่เจอะๆ เจอๆ มา โวยวายสามบ้านแปดบ้านน่ะ จริงๆ แล้วสำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าไร้สาระจะตาย

อีกจุดนึงที่ชอบมากๆ (จำได้ว่าเพิ่งพูดคุยกับนักเขียนคนนึงเรื่องนี้ ไปเมื่อสองวันก่อน) ก็คือที่บอกว่าคนเราไม่มีใครที่เลวร้ายไปหมดทุกอย่าง เปี๊ยกเห็นด้วยค่ะ เห็นด้วยพอๆ กับที่เห็นด้วยว่า ไม่มีใครเป็นนางเอกจริงๆ ในทุกๆ สถานการณ์อะ คือเปี๊ยกว่าในละครหรือในนิยายส่วนมาก ตัวเอกจะดีแบบดีสุดๆ คือคิดดี ทำดี ให้อภัย ไม่มีความอิจฉาไรงี้ แต่เปี๊ยกว่ามนุษย์เราจริงๆ มันต้องมีทั้งแง่มุมที่เป็นนางเอก และแง่มุมที่เป็นนางร้ายน่ะค่ะ (ทำไมต้องอิง ญ. อย่างเดียวนะ สงสัยเอาตัวเองเป็นหลัก แหะๆ)

สรุปว่าดีใจที่เข้ามาอ่านบล็อคในวันนี้ค่ะ และก็อยากให้มีคนทนอ่านงานเราอย่างตั้งใจแล้วมาเขียนวิจารณ์ให้แบบนี้มั่งจัง อิอิ


โดย: อุรัสยา IP: 58.8.36.20 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:43:28 น.  

 
ท่าทางจะอัดอั้นมาหลายวันจริงๆ เต็มที่เลยค่ะพี่ไอซ์ ระบายความไม่สบายใจออกมาให้หมดแล้วเริ่มใหม่เพื่อวันข้างหน้า ยังมีน้องๆ อีกหลายคนติดตามผลงานของพี่อยู่นะคะ ถ้าพี่ได้ข้อคิดดีๆ นำมาปรับปรุงเพิ่มเติมงานเขียนแล้วก็อย่าปล่อยให้มันนอนอืดอยู่ที่บ้านพี่นะคะ รีบๆ เอาออกมาสู่สายตาผู้อ่านเร็วๆ รออ่านผลงานของพี่อยู่ค่ะ


โดย: boobee IP: 58.8.151.120 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:08:19 น.  

 


โดย: ป้าผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม IP: 124.120.161.209 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:39:03 น.  

 
พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย จริงอ่ะตัวร้ายของพี่ไอซ์ไม่ค่อยร้ายซะเท่าไหร่ (ต้นร้ายปลายดี) ง่ะ
พี่ไอซ์สู้ๆๆ


โดย: ทุ่งนากับกองฟาง วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:56:36 น.  

 


โดย: O-HO วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:31:04 น.  

 
อิจจ๋าง่ะ อยากได้คำวิจารณ์ 8 หน้ากระดาษม่างงงง

เรื่องกระทู้... หนูคงไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ เอิ๊กกกก

แต่อย่างหนึ่งที่อยากบอกก็คือ สังคมแย่เพราะคนดีนิ่งเฉย...

เกี่ยวไหมคะ ฮา จริงๆ แล้วอาจจะไม่เกี่ยว แต่สำหรับหนูแล้ว การที่พี่ไอซ์ออกมาตั้งกระทู้ถือการว่าเป็นการขยับตัวที่น่าชื่นชมค่ะ...


โดย: สายลมโชยอ้น คนงาม IP: 124.121.187.221 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:45:46 น.  

 

กร๊ากก โดนแย่งซีนจากข้างบนอ่ะค่ะ

ถ้ามีใครส่งมาให้หนูแปดหน้าแบบนี้ คงรักตายเลย ถึงจะอ่านด้วยน้ำตาก็ตาม...ฮา

ถ้าพี่ไอซ์ยังจำได้ พี่ไอซ์เคยส่งเมลล์หาหนูตอนที่ยังแค่หัดเขียนอยู่ เป็นคนแรกที่ส่งคำวิจารณ์ให้โดยตรงแบบนั้น เรียกว่าปลื้มมากๆ จนป่านนี้ยังปลื้มไม่หาย... ที่ส่งเมลล์มาน่ะ... clear ice เชียวนะ กิกิ

ส่วนเรื่องเครียดๆ...หนูเชื่อว่าโลกทุกวันนี้วุ่นวาย เพราะคนไม่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ควร สิ่งที่ไม่ควร... เพราะคนลืมไปว่าสิทธิ หน้าที่ กับความรับผิดชอบอยู่ที่ตรงไหน

สรุปว่า... พยักหน้าหงึกๆ ต่อไปค้าบบบ ฮา


@^_______________^@



โดย: p_jung IP: 125.25.129.82 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:26:00 น.  

 
อ่านแล้วก็เห็นด้วยทุกประการค่ะ


โดย: lily <lovekalo> IP: 124.121.19.19 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:58:39 น.  

 
เป็นของขวัญล้ำค่าจริงๆ ค่ะ คนที่ตามอ่านงานเราทุกชิ้นและเขียนคอมเมนท์ให้อย่างนี้ ^ ^

อืมมม พี่เข้ามาถนนฯ ตอนที่คึกครื้นระดับนึงแล้วเหมือนกันเนอะ ก็ค่อนข้างโชคดีอ่ะค่ะ เจอแต่คนน่ารักๆ ส่วนเรื่องน่ากลัวๆ เกี่ยวกับ สนพ นั้น ก็ได้รับการเล่าสู่กันฟังจากคนในแวดวงนักเขียน มีคนรู้จักที่โดนสนพ ทำมิดีมิร้ายกับงานเขียนของเขา ยังเศร้าและเซ็งกับเขาไม่หายเลย

เห็นด้วยกะอ้นน้า อย่างน้อยความเรียงของไอซ์ก็ช่วยสะกิดสะเกาอะไรได้บ้างล่ะน่า ตรงกับความเห็นของหลายคนเหมือนกัน แต่อาจเรียบเรียงให้เป็นระบบความคิดอย่างไอซ์ไม่ได้ไง ถ้าพี่เขียนก็คงติงต๊องสถานเดียว กร๊ากกก


โดย: bookmark วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:01:32 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไอซ์
นี่เป็นครั้งแรกที่มาคอมเม้นต์บล็อกของพี่ไอซ์เลยนะเนี่ย
หลังจากที่ซุ่มอ่านมาได้ซักพัก แอมได้อ่านที่พี่ไอซ์เขียน
ไว้ในถนนฯและก็ในบล็อกนี้แล้ว รู้สึกหลาย ๆ อย่างมัน
"โดน" ใจไปเต็ม ๆ เลย อิอิ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น
ทีเดียวในนี้เลยแล้วกันนะคะ

แอมก็เป็นคนหนึ่งที่...จะเรียกว่าเป็นความใฝ่ฝันดีมั้ยนะ?
ยังไงดีล่ะ บอกไม่ถูกแฮะ แต่เอาเป็นว่าแอมเป็นคนชอบ
เขียนคนหนึ่ง สรุปก็คืออยากมีงานเขียนเป็นของตัวเอง
เหมือนกัน แอมเคยลองเขียนนิยายตั้งแต่อยู่ชั้นประถมเลย
ด้วยความชอบอ่านหนังสือ แต่เป็นการ์ตูนนะ อิอิ แต่ก็ไม่
สำเร็จเพราะไม่รู้จะเขียนเกี่ยวกับอะไรดี (แต่ตอนนั้น
เขียนใส่สมุดเพราะยังใช้อินเตอร์เน็ตไม่เป็นง่ะ -*-)
จากนั้นก็ห่างหายไปนานเลยจนกระทั่งอยู่ประมาณมัธยม
ปลายก็เริ่มเขียนอีกครั้งคราวนี้เอาลงอินเตอร์เน็ตให้คนอื่น
ได้อ่านด้วยแต่ก็เขียนไปได้ไม่กี่ตอนเอง แล้วก็เลิกเขียน
หลังจากนั้นก็ห่าง ๆ จากงานเขียนไปอีกซักพัก จนตอนนี้ก็
มาเริ่มเขียนใหม่แต่ก็ยังค้าง ๆ คา ๆ อยู่ (ดูท่าจะไม่รอด
เสียล่ะมั้ง - -")

พี่ไอซ์จะสังเกตได้ว่าแอมจะเขียน ๆ เลิก ๆ อยู่ตลอด
เหตุผลก็อย่างที่พี่ไอซ์ได้บอกไว้ คือ "ด้อยประสบการณ์"
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ อย่างเวลาที่แอมเขียนนิยาย
ส่วนใหญ่ที่ต้องจอดเรื่องไว้ก็เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ
ทำให้ไม่กล้าเขียนต่อเพราะกลัวว่า เมื่อมีคนมาอ่านเรื่อง
ของเราแล้วเค้าจะไม่เชื่อ แอมเชื่อว่านักอ่านหลาย ๆ ท่าน
เป็นคนมีความรู้ ไม่ได้สักแต่อ่านให้ผ่าน ๆ ไป เพราะกรณี
แบบนี้แอมก็เคยเจอมากับตัวเมื่อไปอ่านผลงานของคนอื่น
คือ ไม่รู้ว่าเค้าใส่ไปมั่ว ๆ รึเปล่า แต่ที่รู้สึกในตอนนั้นคือ
ผู้เขียนคนนั้น "พลาด" มันเป็นข้อมูลที่เรารู้และมันก็ถูก
ต้องด้วย แต่ผุ้เขียนคนนั้น รู้รึเปล่าอันนั้นแอมไม่รู้
เลยได้แต่แสดงความคิดเห็นบอกเค้าไป

นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอมเริ่มที่จะหันมาสนใจหาความรู้
เพิ่มให้กับตัวเองโดยการอ่านหนังสือ และก็ลองเอาความรู้
ที่ได้มาบรรยายเป็นเรื่องราวบวกกับประสบการณ์อันนั้นนิด
ที่ค่อย ๆ สั่งสมมาเรื่อย ๆ แต่แอมก็ยังไม่กล้าเอาลง
อินเตอร์เน็ตให้คนอื่นได้อ่านอยู่ดี ด้วยอีกหลาย ๆ เหตุผล

ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งเวลาเขียน แอมอยากบรรยายโดย
ใช้คำที่สละสลวยแต่ลื่นหู ง่ายต่อการอ่านและเข้าใจ
ไม่จำเป็นต้องเป็นคำหรูหราอะไรมากมาย และเป็นตัวของ
ตัวเอง แต่สิ่งนี้กลับทำให้สมองแอมตันไปเลย...T^T
อาจเป็นเพราะแอมยังเป็น "นักอ่าน" ที่ไม่ดีพอ (หรือภาษา
ไทยแอมไม่แข็งแรงก็ไม่รู้แฮะ - -")
แต่แอมเชื่อว่าพี่ ๆ นักเขียนหลาย ๆ ท่าน ก่อนจะมาเป็น
นักเขียนได้นั้นก็เป็นนักอ่านที่ดีกันมาก่อน

บางครั้งแอมเขียนเองยังงงเองว่าตัวเองตั้งใจจะสื่อถึงอะไร
(อย่างตอนนี้ไง แง๊...)

หรือบางครั้งแอมอยากจะสอดแทรกเนื้อหาบางส่วนที่เป็น
ข้อคิด คติเตือนใจหรืออะไรที่เป็นสาระลงไปในเนื้อเรื่อง
อย่างที่พี่ ๆ นักเขียนได้ถ่ายทอดลงไปในผลงานนั้น ๆ
แต่เชื่อมั้ยว่าสำหรับแอมมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

แอมไม่อยากให้เรื่องที่แอมเขียนมีเพียงความสนุก
เพลิดเพลินแล้วก็จบไปเหมือนอ่านแล้วแทบจะไม่ได้
อะไรเลยนอกจากความสนุกอย่างเดียว บางครั้งข้อคิด
ต่างๆ มันก็อยู่ในหัวแอมนะ แต่แอมก็ไม่รู้จะสื่อออกมา
ด้วยคำพูดแบบไหนดี

แต่นัก(อยาก)เขียนหลาย ๆ คนที่แอมเคยอ่านผลงานเค้า
มา (จะมีใครด่ามั้ยถ้าพูดไปเนี่ย -"-) ไม่ค่อยจะได้อะไร
กลับไปซักเท่าไหร่ (ไม่กล้าว่าเยอะอ่ะ เดี๋ยวเข้าตัว งือ..)

ส่วนอีกเหตุผลก็คือเพราะแอมกลัวว่าจะเขียนไม่จบ
เหมือนที่แอมเคยเป็น แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย
(เป็นนิสัยที่ไม่ดีอย่างยิ่ง -*-) มันทำให้แอมรู้ว่าการเขียน
นิยายไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ต้องมีทั้งความพยายาม
ความอดทน ความรับผิดชอบ ฯลฯ ที่ตอนนี้แอมมีน้อย
เหลือเกิน แต่แอมก็จะพยายามต่อไป ฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ

แต่จริง ๆ แล้วแอมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังเริ่มเขียนหรือ
พัฒนาผลงานก็ตัวเองอยู่นั้น ก็ย่อมต้องการคำแนะนำ
หรือคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อ่านทุกคน(ซึ่งก็หายากเต็มที)
เพื่อนำไปพัฒนาผลงานของตัวเองต่อไป แต่เดี๋ยวนี้มีแต่
แบบที่พี่ไอซ์บอกไว้คือ เข้ามาแปะความคิดเห็นเชิญชวน
ให้ไปอ่านเรื่องของตัวเองเสียมากกว่า ทำให้เราไม่รู้ว่าจุด
อ่อนของตัวเองอยู่ตรงไหน จนบางครั้งบางคนอาจจะคิด
ไปได้ว่าผลงานของตัวเองดีพอแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงมัน
อาจจะต้องการการพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่

แต่เรื่อง สนพ. แอมยังไม่เคยเจอ (เพราะยังเขียนนิยายไม่
สำเร็จซักกะเรื่อง -*- จะได้เจอหรือเปล่าเถอะ) แต่ถึงยัง
ไงแอมก็ยังเชื่อว่าหนทางนักเขียนจะยังคงโปรยไปด้วย
หนามกุหลาบให้ฝ่าฟันกันต่อไป เอิ๊กส์

รู้สึกว่าพิมพ์มาเยอะละ ตาเริ่มลาย ๆ ไม่รู้ว่าพิม์อะไรไปบ้าง
นึกไม่ออกว่าจะพิมพ์อะไรต่อแล้ว แหะๆ ^^;
สรุปก็ไม่รู้ว่าที่พิมพ์ไปนี่คือแสดงความคิดเห็นหรืออะไร
กันแน่ (แป่ว...)

แล้วว่าง ๆ จะแวะมาเยี่ยมเยียนใหม่นะคะ ช่วงนี้เข้าหน้าฝน
แล้วรักษาสุขภาพด้วยนะคะ บั๊บบายค่ะ จุ๊ฟๆ


โดย: อิงคิตา IP: 58.9.29.99 วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:38:54 น.  

 
ตามลิ้งค์มาจากพันทิพค่ะ ยังอ่านไม่จบ แต่สะดุดใจตรงที่มีผู้วิจารณ์ผลงานของคุณไอซ์ที่ว่า

"ตัวละครของไอซ์ไม่ค่อยเจออุปสรรค ตัวร้ายของไอซ์ ไม่ร้ายจริง ... งานเขียนของไอซ์ส่วนใหญ่ จึงมีแต่ความอบอุ่น มองโลกในแง่ดี มีความหวัง ฮา แต่มันขาดจุดที่ Peak กระชากอารมณ์ "

ปกติเป็นคนที่อ่านมากพอสมควรเหมือนกันค่ะ และนิยายส่วนใหญ่ที่อ่านมักจะพบว่าเรื่องที่ดีมากจริงๆมักจะไม่ใช่เรื่องที่มีตัวร้ายที่ร้ายจริงๆ หรือมีจุดพี๊กกระชากอารมณ์เสมอไป ตัวอย่างนิยายของนักเขียนคนโปรดนะคะ Nicholas Sparks ถ้าหยิบมาแต่ละเรื่องของเขา ตัวร้ายแทบจะไม่ร้ายเลย (ในกรณีที่มีตัวร้ายนะคะ) บางเรื่องไม่มีตัวร้ายเลยด้วยซ้ำ อย่างเช่นเรื่องที่อ่านจบไปไม่นาน เรื่อง The Rescue ความขัดแย้งในเรื่องนั้นคือความขัดแย้งภายในใจของตัวละครหลัก ที่เห็นพ่อตายเมื่อไฟใหม้บ้าน แล้วโทษตัวเองมาตลอดว่าเป็นต้นเหตุให้พ่อต้องตาย ก็เลยเกิดเป็นปัญหาที่ทำให้มีความสัมพันธ์กับใครๆได้ยาก

หรืออย่างเรื่อง A Walk to Remember ก็ไม่มีตัวร้าย ถึงจะเรียกว่ามี ก็ไม่ใช่คน เป็นโรคร้ายที่นางเอกของเรื่องเป็น

แล้วนิยายของ Sparks หลายๆเรื่องไม่มีพี๊กที่เป็นจุดสุดยอดของ conflict ด้วยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น จากการเล่าเรื่องที่ดูเหมือนจะค่อยเป็นค่อยไป ไปเรื่อยๆของเขา ก็ยังสามารถดึงดูดคนดูให้มีความรู้สึกร่วมกับตัวละครหลักได้ทุกเรื่อง

ในความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ conflict ที่เขียนได้ยากกว่าและมีความลึกกว่า คือ conflict ภายในใจของตัวละคร หรือความขัดแย้งทางบุคลิกภาพของตัวละครที่ก่อให้เกิดปัญหา มากกว่าตัวผู้ร้ายภายนอกที่ร้ายมากๆค่ะ

ไม่ได้อ่านบทวิจารณ์ที่คุณไอซ์พูดถึงนะคะ แต่อ่านดูจากสิ่งที่คุณไอซ์ยกมาพูดถึง มองว่าอย่างนั้นค่ะ


โดย: กุลธิดา IP: 64.12.116.137 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:29:41 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อเขียนที่ตรงใจ อ่านบทความนี้แล้ว เหมือนนั่งฟังใจตนเองพูดเลย พร้อมๆกับทำให้คิดถึงมิตรภาพเก่าๆ ที่เคยอบอุ่นบนถนนนักเขียนเมื่อยุคแรกๆ ยุคที่พื้นแบกราวน์ยังเป็นสีดำ ช่วงเวลาที่เขาปิดปรับปรุงแล้วหลายๆคนเคว้งคว้างลงแดงด้วยกัน

อ่านแล้วมีความสุขค่ะ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าๆในใจบอกไม่ถูก เหมือนจบการศึกษาชั่น ม.6 แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้ามหาวิทยาลัย ต่างคนต่างเดินออกสู่โลกกว้างที่เจออะไรมากมาย

พี่รู้สึกตรงนี้ (ตอนอยู่บนถนนฯ) เหมือนชีวิตความเป็นนักเรียนของเราเลย เมื่อก้าวออกสู่อีกโลกหนึ่ง นั่นไม่ใช่การจบการศึกษา แต่เป็นการศึกษาอีกระดับหนึ่ง ที่เราต้องเรียนรู้ด้วยตนเองด้วย

ประสบการณ์พี่ก็ยังน้อยนะ เมื่อเทียบกับอีกหลายคน ยังรู้สึกว่าตนเอง เป็นเพียงแค่นักศึกษาคนหนึ่ง ยังไม่ได้ก้าวออกมาเป็น "นักเขียน" ความสามารถยังไม่ถึงระดับนั้น ยังต้องฝึกปรือเรียนรู้อะไรอีกมากมาย

แวะเข้ามาอ่านตรงนี้ เพราะตามลิ้งค์มาจากกระทู้ "อีกก้าวของวงการวรรณกรรมไทย " ที่ถนนฯ ค่ะ ความจริงก็แวะเข้ามาอ่านอะไรๆอยู่บ่อยๆ และคิดถึงไอซ์กับเพื่อนๆอีกหลายคนอยู่เสมอ เพียงแต่บางครั้งก็เหมือนกลับเข้ามาโรงเรียนเก่าแล้วเจองานสังสรรค์ผู้คนมากมาย มีหลายคนที่แปลกหน้า จึงไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกไป เพราะเกรงว่าจะพูดอะไรไม่เข้าหู เลยขอนั่งฟังเฉยๆทำความรู้จักแต่ละคนก่อนดีกว่า ^^

ไม่มีอะไรมากจ้ะ แค่เข้ามาทักทายและบอกว่า "คิดถึงโรงเรียนเก่าจัง " แปลกนะ.. ไม่ว่าเราจะเรียนจบการศึกษาสักกี่แห่ง และจบไปนานแค่ไหน แต่ช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดคือช่วงเวลาในวัยเรียน โดยเฉพาะตอนอยู่ " ม.4-6" มันเป็นมิตรภาพที่สดและใส เป็นวันวานที่อบอุ่น สนุก อิสระ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก คิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้น เพื่อนในตอนนั้น รวมทั้ง "ครู" ในตอนนั้น.. จนอยากจะกลับไปอีกครั้ง

โรงเรียนเก่าช่วง ม.4-6 ... บนถนนนักเขียน... ^_____^

ฮ่าๆๆ..เพ้ออะไรไปแล้วเนี่ยเรา ^^''

...............................

ปล. ช่วงนี้พี่ A Muggle กลับเมืองไทย ไอซ์คงได้เจอพี่เค้าสินะ เขา เป็นทั้งครู และพี่ชายที่แสนดี ของนักเรียนรุ่น ม.4-6 ของโรงเรียนถนนนักเขียน (ในตอนนั้น) จริงๆเนอะ

แต่มีอีกคนที่คิดถึงเหมือนกันนะ คนที่เป็นครูอีกคนหนึ่ง นั่นคือ คุณคนไทยในลอนดอน ..เงียบหายไปแล้ว ^^

^__________^


โดย: กานต์จิรา (kjb) IP: 202.12.74.5 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:47:53 น.  

 
ว่าจะแสดงความคิดเห็น แต่อ่านยาวมาก จนนึกไม่ออกแล้วค่ะว่าจะเขียนอะไร อิอิ


เอาเป็นว่า
ชอบกระทู้ต่างๆ ที่คุณไอซ์เคยตั้งไว้
เพราะทำให้เห็นมุมมองต่างๆ บางอย่างเป็นการเพิ่มเติมความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว และเป็นความรู้ใหม่ก็มี

โดยรวมแล้ว ชอบการใช้คำในการตั้งกระทู้ของคุณไอซ์ค่ะ
ทำให้เรื่องแรงๆ ดูซอฟท์ลงและน่าอ่านมากขึ้น


โดย: อัญชา วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:52:16 น.  

 
อ่านกระทู้ของพี่ไอซ์แล้วทำให้นึกถึงสิ่งที่เคยโดนกับตัวเองเหมือนกันค่ะ ประเภทเรื่องของเราได้รับรางวัล แต่เขากลับไม่ยอมให้รางวัลมา อ้างว่าของหมด (ไอ้สนพ.นั้น โณก็ไม่เคยคิดจะไปเหยียบที่บูธในงานหนังสือให้เสียอารมณ์เหมือนกันค่ะ)


บางครั้งนะคะ ลองส่งงานในระดับเยาวชนดู เพราะมีพี่ๆจากในสนพ.แห่งหนึ่งตามเชียร์ บอกว่าส่งเถอะ ตอนนี้เขามีลู่ทางให้ เป็นระดับประเทศเลยนะคะ แต่จำกัดที่ว่าคนส่งต้องเป็นคนที่กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ไอ้โณก็ส่งไป เข้าไปอ่านในบอร์ด เห็นคนเป็นกรรมการที่ทรงคุณวุฒิแล้ว ก็ยิ่งดึงให้อยากส่งมากขึ้น แต่สุดท้าย พอส่งไปจริงๆ เขากลับไม่ยอมออกรางวัลซะงั้น ถึงขั้นโทรไปถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าทำไมบอกว่าจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รางวัล แต่ทำไมไม่มีล่ะ ก็เจอฤทธิ์โบ้ยค่ะ โบ้ยไปที่นั่นที่นี่ จนสุดท้ายวางหูเราไปเฉยๆเลย ตอนนั้นเจ็บใจมากๆ แบบว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย พาลหมดอารมณ์ในการเขียนไปเลยค่ะ แต่ยังไงมันก็ตัดไม่ขาด ลงว่าได้เขียนแล้ว จะหัวตันหรือยังไง มันก็อยากจะหยิบปากกามาเขียนอยู่ดีนั่นแหละ แหะๆๆ

โณอาจจะเล่นบนถนนนักเขียนด้วยระยะเวลาที่น้อยกว่าพี่ไอซ์อยู่หน่อยนึง ประมาณ 5 ปีกว่าๆ แต่ยอมรับกว่าชอบช่วงแรกๆของคนที่เอาเรื่องมาลงมากๆเลยค่ะ นอกจากได้เพื่อนแล้ว ยังได้ประสบการณ์ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

ในเรื่องการตีพิมพ์ ถึงให้พูดวันนี้โณก็พูดได้ว่า เรื่องเงินไม่สำคัญกับตัวโณเท่าคุณค่าทางใจที่ได้รับการตีพิมพ์หนังสือสักเล่ม โณไม่ค่อยแคร์กับเงินที่จะได้นะคะ ได้มาก็แบ่งกับที่บ้านด้วย เพราะครอบครัว เป็นจุดนึงที่ทำให้เรามีวันนี้ แต่การถามถึงเรื่องรายได้ หรือผลตอบแทนเมื่อเรื่องของเราได้รับการตีพิมพ์ โณมองว่าเป็นสิ่งดีที่ทำให้เรากับทางสนพ.ไม่คลุมเครือต่อกันค่ะ โณเองเคยโทรไปถามเรื่องนี้ตรงๆด้วย ทางสนพ.ก็ยินดีให้ข้อมูลกับเราอย่างถูกต้องและยังตบท้ายด้วยว่า ถามได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ หากเขาไม่รู้เขาจะโอนสายให้กับทางผู้เกี่ยวข้องเป็นคนอธิบายอีกที

ในประเด็นที่พี่ไอซ์ว่า มักจะหลีกเลี่ยงฉากแรงๆ โณมองอีกมุมนึงนะคะ โณมองว่านักเขียนควรเขียนได้ทุกอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรามีเหตุผลอะไรที่จะรองรับการเขียนฉากนั้นได้บ้างรึเปล่า หรือจำเป็นแค่ไหนที่ต้องใส่กันลึกระดับที่คนอ่านเริ่มอึ้ง หากเป็นฉากข่มขืน โณมองว่าควรเขียนให้ลึกและลึกในระดับจิตใจ ไม่ใช่ลึกในระดับร่างกายค่ะ โณคิดว่าบางอย่าง หากเป็นสิ่งที่เราต้องการถ่ายทอดจริงๆ ก็ไม่สมควรเลี่ยง แต่ควรหาเหตุผลที่รองรับได้เวลาถูกถาม เท่านี้เราก็ได้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เราเขียนแล้วนะคะ


บอกตามตรงค่ะพี่ไอซ์ ชอบกระทู้ของพี่ไอซ์จริงๆ มันทำให้โณมองย้อนถึงตัวเองแล้วก็มองไปถึงความคิดของคนร่วมเส้นทางเดียวกันด้วย ถึงโณจะไม่ได้ยึดมันเป็นอาชีพประจำ (เพราะยังรักกับสายวิศวะคอมอยู่) แต่กระทู้ของพี่ไอซ์ก็เป็นอีกมุมที่ช่วยสะกิดให้คนหันมามองดูงานเขียนของตัวเองบ้างนะคะ ^^


และจากกระทู้ของพี่ทำให้โณได้เจอประโยคนึงที่ซึมเข้าไปเลย จำไม่ได้ว่าคุณอะไรโพสต์ แต่เขาบอกว่า "นักเขียนควรมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเขียน" นั่นอ่ะ ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะค่ะ หากคิดได้แบบนี้ จะเขียนแนวไหน แรงแค่ไหน มันก็จบอ่ะ^^

-------------------------------------------------

นานๆจะแวะมาเขียนอะไรยาวๆที่ blog พี่สักที ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่ไอซ์ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยค่ะ


โดย: ไกลนั้น IP: 202.44.8.100 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:57:49 น.  

 
มาเก็บสาระดีๆ จากบล็อกของพี่ไอซ์ค่ะ ได้เห็นมุมมองและแง่คิดดีๆ อะไรหลายอย่างทีเดียว

เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: ออกจากถ้ำมาชั่วครู่ >_<" (คีตภา ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:58:56 น.  

 
หนูเพิ่งมาเขียนบล็อกพี่ครั้งแรกเลยค่ะหนูติดตามผลงานพี่มาตลอด และชอบมากเพราะอ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศที่ดำเนินเรื่องเลยค่ะ แถมได้ความรู้เยอะแยะ หนูก็เป็นคนนึงที่ อยากเขียน ค่ะ หลังจากที่อ่านมานานก็อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวเองบ้าง(ซะงั้น) เคยเขียนเรื่องเก็บไว้เยอะแยะเรยอ่ะค่ะ บางเรื่องก็จบบางเรื่องก็ตันซะงั้น แต่เรื่องที่จบมันก็เหมือนรู้สึกว่ามันยังไม่จบ(เอ๊ะมันยังไงเนี่ย..อย่าเพิ่งงงค่ะ) มันเหมือนบางทีหนูก็ยังไม่สามารถจะบรรยายเรื่องได้ดีเท่าที่ควร แบบในใจเราต้องการแบบนี้แต่เราคิดเป็นตัวหนังสือคำพูดสวยๆไม่ได้อ่ะค่ะ เคยเอาเรื่องไปลงให้คนอ่านอยู่เหมือนกันหวังว่าจะมีใครมาให้คำวิจารณ์บ้าง ช่วงนั้นเปิดดูคอมเม้นท์ทุกวันเลยค่ะ แต่ก็ไม่ยักมีใครมาวิจารณ์ให้หนูซักที บางทีมันก็ท้อจนไม่อยากเอาไปลงแล้วอ่ะค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มทำใจได้แล้วค่ะ กะจะลองรวบรวมกำลังเขียนเรื่องใหม่อีกซักเรื่องหลังจากที่เว้นว่างมาน๊านนานมาก

หนูดีใจกับของขวัญ 8 หน้าที่พี่ไอซ์ได้รับด้วยค่ะ(แอบอิจฉานิดๆ...อ๊ะล้อเล่น) แล้วเขียนเรื่องใหม่ๆมาให้หนูอ่านและศึกษา(อิอิ)อีกนะค้า


โดย: darksky (darksky ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:38:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.