เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลังจากผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมไปกันแล้ว นอกจากจะต้องจัดการข้าวของเครื่องใช้ และทรัพย์สินภายในบ้านที่เสียหาย ก็ไม่ควรละเลยการฟื้นฟูสวนภายนอกบ้านของคุณด้วย เพราะต้นไม้ก็ต้องการการดูแลและเอาใจใส่จากเจ้าของบ้านเช่นกัน แต่ก่อนที่คุณลงมือปรับปรุงหรือแปลงโฉมสวนของคุณ ก็ควรศึกษาข้อมูลที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันในวันนี้กันสักหน่อยดีกว่า จะได้ดูแลสวนของคุณได้อย่างถูกต้องเพื่อให้สวนกลับมาสวยงามและให้ความสดชื่นกับบ้านของคุณได้อีกครั้ง
1. การที่คุณเลือกลงต้นไม้ใหม่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่คำตอบที่ดีแน่ เพราะดินบางส่วนอาจจะมีน้ำขังอยู่ หรือมีเชื้อราแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อต้นไม้อยู่ก็ได้ ฉะนั้นสิ่งที่คุณควรทำก็คือปล่อยให้ดินแห้งสนิทเสียก่อน และลองดูว่ามีต้นไม้ต้นใดที่ยังมีชีวิตอยู่บ้าง โดยการใช้เล็บขูดเบา ๆ บริเวณก้านไม้ หากขูดแล้วพบว่ายังมีเยื่อไม้สีเขียว ๆ ปรากฏอยู่แสดงว่าต้นไม้ยังไม่ตาย แต่ถ้าหากต้นไหนที่คุณใช้เล็บขูดแล้วเห็นว่าเยื่อด้านในเป็นสีน้ำตาล ก็แสดงว่าต้นไม้ต้นนั้นไม่อยู่ให้คุณได้ชื่นชมความสวยของมันอีกแล้วล่ะค่ะ
2. ต้นไม้ที่ตายแล้วไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ในสวน เพราะพืชเหล่านั้นเป็นแหล่งเพราะเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นที่มาของโรคต่าง ๆ ดังนั้นหากคุณมีซากพืชที่ตายแล้วก็ควรนำไปออกไปทิ้งทันทีก่อนจะเป็นอันตรายต่อต้นไม้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่
3. ส่วนต้นไม้ที่ยังมีชีวิตแต่พบปัญหาเชื้อรามาเกะกะรังควานอยู่ ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราราดลงไปรอบ ๆ โคนต้นไม้เพื่อสกัดเชื้อราไม่ให้ลุกลามไปยังต้นไม้ต้นอื่น ๆ ภายในสวนของคุณ อีกทั้งยังเป็นการยับยั้งเชื้อราไม่ให้สร้างอันตรายกับคนในบ้านด้วย
4. หลังน้ำลดช่วงแรกดินในสวนจะชุ่มน้ำมาก ฉะนั้นในขณะที่คุณเดินไปรอบ ๆ สวนไม่ควรเหยียบย่ำบริเวณโคนต้นไม้ เพราะแรงกระแทกอาจทำให้รากต้นไม้บอบช้ำและเสียหายมากขึ้น นอกจากนี้แรงกระแทกจากการย่ำก็อาจจะลดช่องว่างในดินทำให้รากขาดอากาศหายใจได้
5. หากบริเวณโคนต้นไม้มีน้ำขัง ให้คุณขุดหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร หรือลึกประมาณ 1 เมตรไว้ข้าง ๆ ต้นไม้เพื่อลดอาการรากสำลักน้ำและทำให้ดินแห้งเร็วขึ้น เมื่อมีน้ำไหลมาก็ให้คุณคอยสูบน้ำออก หรือตักน้ำออกจากหลุมเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำจะแห้ง
6. ดินที่อุ้มน้ำไว้มากนั้นอาจทำให้รากต้นไม้ไม่สามารถยึดลำต้นให้มั่นคงได้ ดังนั้นควรหาไม้มาดามหรือค้ำยันลำต้นเอาไว้ก่อนดีกว่า และไม่ควรดันหรืออัดต้นไม้ลงไปในดินเพราะจะทำให้รากไม้เสียหายอย่างมากส่งผลให้ต้นไม้ของคุณมีโอกาสตายเร็วขึ้น
7. ในช่วงนี้คุณก็ไม่ควรพรวนดินหรือใส่ปุ๋ยใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะการพรวนดินและสารเคมีต่าง ๆ จะทำให้รากต้นไม้แย่ลง ทางที่ดีควรทิ้งระยะแล้วให้หน้าดินแห้งก่อนสักประมาณประมาณ 2 วัน จากนั้นค่อยพลิกหน้าดินขึ้นมาตากทิ้งไว้อีก 1 - 2 สัปดาห์แล้วค่อยใส่ปุ๋ยจะดีกว่า หรือถ้าเป็นไปได้ก็ควรปล่อยให้ต้นไม้แตกยอดใหม่ขึ้นมาเองจะดีที่สุด เพื่อยืนยันว่าต้นไม้ยังมีชีวิตรอด
8. หลังจากปล่อยให้ดินแห้งสนิทแล้ว ก่อนจะลงต้นไม้ใหม่ก็อย่าลืมเตรียมความพร้อมให้ดินก่อนลงต้นไม้ใหม่ด้วย โดยเช็คค่าความเป็นกรดด่างของดินด้วยการใช้ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินให้เป็นกลางมากที่สุด และอย่าลืมราดน้ำยาป้องกันเชื้อราทุก ๆ 15 วันด้วย เพียงเท่านี้ก็ซื้อต้นไม้ใหม่มาเตรียมปลูกได้เลย
หลังจากที่ได้อ่าน 8 วิธีดี ๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูสวนหลังน้ำท่วมที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันในวันนี้แล้ว ก็คงเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ และหวังว่าคุณจะสามารถทำให้สวนในบ้านของคุณกลับมาสวยงามให้ความสดชื่นได้ดังเดิมในเร็ววันนะคะ
ที่มา : //home.kapook.com/view47976.html
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
