No. 608 บล๊อกประจำ ศุกร์ - อาทิตย์ |
|
|
ระยะหลังมานี้ เห็นข่าวบริษัท ประกันภัย เรียกเก็บเงิน จาก คู่กรณีที่ ชนรถลูกค้าในกรณีที่ |
ลูกค้า ของเขาไม่ผิด....

|
เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ในเฟชบุค บอกตรง ๆ นะครับ ไม่แน่ใจว่า ข่าวนั้น |
จริงหรือไม่ |
ใจคิดนะครับว่า ถ้าเป็นจริง ต้องบอกว่า เสียความรู้สึกอย่างแรง |
|
การประกันภัย ที่มีมาตั้ง 3,000 กว่าปีก่อน คริสตกาล บริษัทที่รับ จะชดใช้เงิน หากเกิด |
เสียหาย เช่น ไฟไหม้ หรือ เรือล่ม หรือปัจจุบัน คือ รถยนต์

|
ถ้ารถหาย หรือชนจนใช้ไม่ได้ ก็จะหารถหรือ จ่ายเงินให้ เต็มตามจำนวนที่ รับปากไว้ |
ลูกค้า ก็จ่ายเงินให้ล่วงหน้าเรียกว่า "เบี้ยประกัน" |
บริษัทที่ว่า จะคำนวณว่า ปีหนึ่ง ลูกค้า 1,000 รายจะมีรถ ชนจนใช้ไม่ได้ สมมุติ 20 คัน ๆ |
1 ล้านบาท เป็นเงิน 20 ล้านบาท

|
พี่แกก็ จะบวก ค่าใช้จ่ายจัดการ 10 % คอมมิชชั่นให้นายหน้า 20 % ภาษี 3 % กำไร 8 % |
เป็นเงิน 28,200,000 บาท (ตัวเลข สมมุติ) |
ใครจะทำประกัน 1 ล้านบาท จะต้องจ่าย 28,200 บาทล่วงหน้า 1 ปี |
|
บริษัทเขา ต้องรีบให้ นายหน้ารีบหาลูกค้า ให้ได้ครบ 1 พันราย... จึงจะไม่ขาดทุน |
เกิดชนต้องจ่าย 20 ล้านบาท บริษัทเอาเงินเราไปเฉลี่ย จ่าย (คนกลาง) |
แม้เรา ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ |
แล้วทำไม |
บริษัทประกันภัย เขารับเงินมาแล้ว ทำไมต้องไปเรียกเก็บเงินจาก คู่กรณี |
เป็นงง.... เรียกว่า เอา ทั้งขึ้น ทั้งล่อง..... |
|
เอะ บริษัทประกันภัยรถ จะเรียกเก็บเบี้ยประกัน แพง ๆ ได้หรือเปล่า |
ไม่ได้ครับ |
มีกรมประกันภัย เขาควบคุมอยู่ จะมีนักคณิตศาสตร์ประกันภัย จัดการ บริษัทจะต้องยื่นขอใช้ |
อัตราเบี้ยประกัน เมื่อได้รับอนุมัติจึงจะใช้อัตรานั้นได้ |
นักคณิตศาตร์ จะนำสถิติรถชน ในประเทศไทยตั้งแต่ปี.......... จนถึงปี............มาหาค่าเฉลี่ย |
การเสี่ยงภัย เกิดเสียหาย มาแทนค่าเป็นเงิน...... รายละเอียดไม่รู้นะครับ |
|
แต่น่าจะเป็นแนวนี้ |
เมื่อหลายปีก่อน ผมถูกบริษัท ส่งไปอบรมวิชาการประกันภัย ที่มหาวิทยาลัย ตรงกลางกรุง |
ผมเลี่ยงแล้วเลี่ยงอีก แต่ไม่ได้ เฮ้อ... กลัวจริง ๆ เรื่องคณิตศาสตร์ |
กว่าจะเรียนจบ นาน... คิดว่าไม่รอดซะแล้ว แต่ก็ผ่าน เฮ้อ |
|
มีวิชาหนึ่ง เช่น ประกันชีวิต.... อาจารย์จะสอนวิธีคิดเบี้ยประกัน ว่า นำสถิติคนตายทั้งโลก |
ปี ค.ศ. 1941 ผู้ชายอายุ 30 ปีตาย 10 คนก่อนจะแก่ (สงสัยจะขี้เมา ตกม้าตาย)

|
ถ้าหญิง อายุ 30 ปี ตายก่อนแก่ 8 คน (อยู่ในบ้านมากกว่า) |
ถ้าผู้ชาย อายุ 58 ปีจะตาย 15 คน ก่อน คือ เสี่ยงกว่าคนอายุ 30 ปี คงจะเมา หรือไม่ก็ถูก |
เมียตบ ตายก่อน 555

คนตาย มีหลายสาเหตุ เลยต้อง ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดมา คำนวณ
|
เขาก็จะนำสถิติ มาหาค่าเฉลี่ย แล้ว แทนค่าเป็นเบี้ยประกัน ถ้าลูกค้า เมาหัวถิ่ม แบบข้างล่างนี้
เสี่ยงจาก รถชน ตับแข็ง เสี่ยงต่อการถูกตึ๊บ ตายเยอะเลย รับทำประกันแต่ เรียก เบี้ยประกันแพงกว่า...
|

|
อีกวิชาเช่น ประกันวินาศภัย ก็ไฟไหม้ นักคณิตศาตร์ จะเก็บสถิติ ระหว่างปี........ถึงปี........ |
จะเกิดเพลิงไหม้กี่ครั้ง ค่าเสียหายเท่าใด |
แต่ไม่นับ อายุบ้าน หรือ อายุชุมชนนะครับ 555 เพราะบ้าน หรือชุมชน ไม่กินเหล้า 555 |
เขาแบ่ง โซน ที่อยู่ |
เช่น หมู่บ้านนางเลิ้ง มีบ้านไม้ มากว่า ตึก.... บ้านชิดกัน โอกาศไฟไหม้แล้วติดไฟมากว่า... |
|
ถ้าเป็นหมู่บ้านจัดสรร ราคาแพง มีบริเวณบ้านกว้าง 1 ไร่ บ้านเป็นตึก ใช้เหล็กเป็นแกนเสา |
กระเบื้องมีสปริงเกลอร์ในห้อง มีท่อดับเพลิงของหมู่บ้าน งั้นเบี้ยประกัน ต้องถูกว่า

|
บ้านไม้แถวนางเลิ้ง

บ้านไม้ บ้านติดกัน เสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้ สูง

|
นึกถึงตัวเอง ที่เกลียดวิชาคณิตศาสตร์ พิชคณิต ตรีโกณมิติ หรืออะไรพวกนี้ เป็นทุน บอกตรง ๆ |
กลุ้ม แต่ก็ต้องเรียน เพื่อให้รู้ถึง กิจการบริษัทประกันภัย |
|
(บอกเพื่อน ๆ ก่อนนะครับ ไม่ต้องกลัวผมจะ ชวนทำประกัน ออกมานานหลายปีแล้ว |
ไม่ขายประกัน ได้แต่อบรมให้ นายหน้าตัวแทนให้มีกำลังใจ ) |
|
ทีนี้วก มาพูดถึง บริษัทประกันภัย ทำโนติ๊ส ทวงเงินจาก คนที่ไปชนรถ ลูกค้าตัวเอง เสียหาย |
มันยัง ไง ๆ อยู่นา... |
|
พอดีผมไม่ได้ติดตาม พรบ.ประกันภัย พรบ.ประกันชีวิต หรือ ประมวล แพ่งพาณิชย์มานานแล้ว |
คือ เปลี่ยนอาชีพเป็น ขายผ้า ทำงานโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ บริษัทศูนย์การค้า |
ค้าอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็ สำนักงานบัญชี นานมาแล้วครับ |
|
ใครรู้ช่วยบอกทีว่า บริษัทประกันภัย มีสิทธิ์เรียกเก็บเงินค่าเสียหาย หรือไม่ |
ทั้งที่ ตัวเองรวบรวมเงินค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากลูกค้าหมดแล้ว นี่นา |
|
เคยมีเพื่อนที่รู้จักผมผิวเผิน มาทำความรู้จัก และทำแปลก ๆ เอ.. มีของมาฝากบ่อย |
ชักสงสัย มา...น มาขอ ประกัน.....และแล้ว |
|
พี่ไวน์ช่วยผมหน่อย |
ผมได้แต่ อมยิ้ม บอกตรง ๆคุณกับผม อาชีพเดียวกัน อยู่บริษัทประกัน...แล้วมาอยู่บริษัท... |
จ๋อย... ซิครับ |
ใครจะนำวิธีปฏิเสธ ไปใช้ ได้เลยครับ 555
แต่ผมมิได้เกลียดประกัน ยังทำประกันภัย รถยนต์ประเภทหนึ่ง ตลอดมา แต่ขอของแถมหรือ ลดเบี้ยประกัน
เท่านั้นแหละ |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
end |
st.ผู้เข้าชม 873,958 |
= |
|
งานเขียนประเภท Diarist |
|
สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์
ธุรกิจประกันภัย
เป็นธุรกิจที่ทำกำไรสูงมากในแต่ละปี
ผมคิดว่าคล้ายๆกับระบบประกันสังคม
ที่ทำรายได้ให้รัฐมากมายมหาศาล
บริษัทประกันจะเจ๊งในกรณีเดียวก็คือ
เกิดมหันตภัยทางธรรมชาติ
หรือเกิดการก่อวินาศกรรม
ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทก็มักจะยกเลิกสัญญาข้อนี้ไปหลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรง
ที่ร้านผมยังโดนเลยครับ
หลังน้ำท่วมใหญ่ในปีหนึ่ง พอปีต่อมาจะจ่ายเบี้ยประกัน
บริษัทบอกว่ายกเลิกการประกันความเสี่ยงในข้อนี้ !!!
ผมไม่ต่อสัญญาแล้วเปลี่ยนบริษัทใหม่ทันทีครับ 555
กรณีรถชน
ผมก็เคยจะไม่เอาผิดกับคู่กรณีซึ่งเป็นคุณลุงแก่ๆ
แต่ประกันไม่ยอม เค้าบอกว่าทางผมไม่ผิด
เขาทำตามหน้าที่
ผมเห็นแล้วยังรู้สึกสงสาร
ให้เงินคุณลุงไปทำแผลซ่อมรถ
แต่ประกันนี่พยายามบอกให้ผมกลับไป
เดี๋ยวเขาจัดการเอง
เห็นแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง
เพราะเขาทำตามหน้าที่และพยายามรักษาผลประโยชน์ของบริษัทครับ
โหวต Diarist ครับพี่