happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 ธันวาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๔๒





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto








"สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ๑"
ศิลปิน เทอดศักดิ์ ไชยกาล
พระสาทิสลักษณ์ที่อัญเชิญมาจัดแสดงในนิทรรศการ
"๘o พรรษา ๘o พระสาทิสลักษณ์ ถวายพระพร แม่ของแผ่นดิน"




นิทรรศการ “สัปตมวรรตบรมขัตติยราชินีนาถ”



พระเกียรติคุณที่ทรงได้รับการแซ่ซ้องสดุดีจากนานาชาติ จัดแสดงในภาคที่สาม “พระคุณพิสิฐสรรพสกล”

เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จึงจัดนิทรรศการ “สัปตมวรรตบรมขัตติยราชินีนาถ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเวลากว่า ๖o ปี โดยมีคุณชวลี อมาตยกุล เลขานุการมูลนิธิฯ และพาสินี ลิ่มอติบูลย์ ร่วมแถลงข่าว ณ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม

คุณชวลี อมาตยกุล เลขานุการมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า กล่าวว่า นิทรรศการ “สัปตมวรรตบรมขัตติยราชินีนาถ” จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ และทรงสืบสานพระราชปณิธานและพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เพื่อประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์ ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติอันเกี่ยวเนื่องด้วยวังสระปทุม ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ และเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งด้านการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกร การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย





คุณชวลี อมาตยกุล สาธิตการใช้แท็บเลต
เพื่อรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ภายในห้องนิทรรศการฯ



นิทรรศการแบ่งแบ่งเนื้อหาสาระออกเป็น ๔ ภาค ได้แก่ ภาคแรก “ปทุมนิวาสราชปวัตติ” แสดงพระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติพระบรมราชินีนาถ เกี่ยวกับวังสระปทุม คือพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อ ๖๕ ปีที่ผ่านมา และพระราชกิจในหน้าที่ สมเด็จพระราชชนนี ในการทรงอภิบาลอบรมสมเด็จพระราชโอรส และสมเด็จพระราชธิดา ภาคที่สอง “สิริวัฒนรัชกรณียกิติ” แสดงเรื่องราวการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขเคียงคู่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงดำเนินตามรอยพระยุคลบาท สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

ทั้งด้านการแพทย์ สาธารณสุข การศึกษา การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ การสังคมสงเคราะห์ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยด้วยพระวิริยอุตสาหะ น้ำพระราชหฤทัยเสียสละ มีพระเมตตากรุณาธรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานทีเสด็จอยู่ในสิริราชสมบัติอาทิ พระราชกรณียกิจสำคัญที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย

คือ เหตุการณ์การปะทะสู้รบภายในราชอาณาจักรกัมพูชา ทำให้มีชาวกัมพูชาลี้ภัยสงครามเข้ามายังจังหวัดชายแดนของไทยเป็นจำนวนมาก และในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และ ๒๕๒๒ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปทรงเยี่ยมผู้อพยพลี้ภัยที่จังหวัดตราด ทันทีที่ทรงได้รับรายงาน ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และข้าราชบริพารจัดตั้งศูนย์สภากาชาดโดยด่วนที่บ้านเขาล้าน จังหวัดตราด





คุณชวลี อมาตยกุล สาธิตการใช้แท็บเลต
เพื่อรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ภายในห้องนิทรรศการฯ



นอกจากนี้ ยังทรงริเริ่มดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาโครงการอันเกี่ยวเนื่องด้วยการอนุรักษฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทั้งด้านป่าไม้ ดิน แหล่งน้ำพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เช่น โครงการคืนชีวิตกล้วยไม้ไทยสู่ไพรพฤกษ์ โครงการธนาคารอาหารชุมชนและโครงการอนุรักษ์พืชสมุนไพร โครงการศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โครงการป่ารักน้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่รอยต่อ ๕ จังหวัด (ภาคตะวันตก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯลฯ

และด้วยสายพระเนตรและพระวิสัยทัศน์กว้างไกล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทุ่มเททั้งพระสติปัญญา กำลังพระวรกายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรด้วยการช่วยเหลือให้เขา ใช้ความรู้ความสามารถที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตผลงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้โดยโปรดเกล้าฯ ตั้ง “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระบรมราชูปถัมภ์” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” และโปรดเกล้าฯ ตั้งโรงฝึกอาชีพขึ้นในบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต อีกทั้งตั้งศูนย์ฝึกศิลปาชีพในภูมิภาคต่าง ๆ รับสมัครผู้เข้าอบรมโดยพิจารณาจากผู้ขัดสนและมีความจำเป็นก่อน





เครื่องเต่งกายโขน "อินทรชิต" และ "หนุมาน"



บรรยากาศภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการ “สัปตมวรรตบรมขัตติยราชินีนาถ”

อีกทั้ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังโปรดให้อนุรักษ์ส่งเสริมศิลปะการแสดงโขน โดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จัดการแสดงสนองพระราชดำริเป็นครั้งแรกด้วยชุด “ศึกพรหมาศ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘o พรรษา และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒ จากนั้นมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดขึ้นทุกปี เรียกกันว่า “โขนพระราชทาน”





ตู้พระธรรมไม้ ประกอบด้วย ย่านลิเภาสาน และสอดประดับด้วยปีกแมลงทับ



ภาคที่สาม “พระคุณพิสิฐสรรพสกล” จัดแสดงถึงพระเกียรติยศ พระเกียรติคุณ ที่ทรงได้รับการแซ่ซ้องสดุดีจากนานาชาติ โดยการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลและปริญญากิตติมศักดิ์ในฐานะที่ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ภาคที่สี่ “พระการุณย์ดลสรรพการ” แสดงพระมหากรุณาธิคุณต่อมวลมนุษยชาติ ในส่วนของพสกนิกรชาวไทย ได้ทรงดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข โภชนาการ การแพทย์ การอาชีพ ฯลฯ ซึ่งมีพระอัจฉริยภาพในการทรงอนุรักษ์ และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่คู่ชาติไทยด้วยแนวทางของ “ศิลปาชีพ” ทั้งนี้ ผู้เข้าชมจะได้รับแท็บเลต พร้อมหูฟัง เพื่อนำไปสแกน QR Codeในแต่ละจุด เพื่อรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของนิทรรศการอย่างละเอียด





บรรยากาศภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการ



ตู้พระธรรมไม้ ประกอบด้วย ย่านลิเภาสาน และสอดประดับด้วยปีกแมลงทับ

นิทรรศการ “สัปตมวรรตบรมขัตติยราชินีนาถ” เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๑๕.oo น. (โดยจะปิดทุกวันอาทิตย์) ทั้งนี้ ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้า โดยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. o๒-๒๕๒-๑๙๖๕-๖๗ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๑๕o บาท นักเรียน/นักศึกษา ๕o บาท





QR Code สำหรับสแกนโดยเครื่องแท็บเลต
เพื่อให้ผู้เข้าชมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ อย่างละเอียด




ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














นิทรรศการพระฉายาลักษณ์ "ปิยราชกุมารี"



นิทรรศการพระฉายาลักษณ์ "ปิยราชกุมารี" จัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ชมพระฉายาลักษณ์ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ฉายโดยคุณนิติกร กรัยวิเชียร นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างปี ๒๕๓๒-๒๕๕๘ จำนวน ๖o องค์ โดยพระฉายาลักษณ์หลายองค์ในงานนี้ ยังไม่เคยเผยแพร่ในที่ใดมาก่อน ด้วยการสนับสนุนจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานเอกชนอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รวบรวมและจัดพิมพ์หนังสือ "ปิยราชกุมารี" จำหน่ายในราคาเล่มละ ๓,ooo บาท โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทไซเบอร์กรุ๊ป จำกัด จัดพิมพ์จำนวน ๓,ooo เล่ม สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายหนังสือ ติดต่อที่ บ. ไซเบอร์พริ้นท์จำกัด โทรศัพท์ o๒-๖๔๑-๙๑๓๕-๘ ต่อ ๓o๘ เพื่อนำรายได้ทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com














พิพิธภัณฑ์ผ้าจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระราชินี
ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา



เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงจัดกิจกรรมพิเศษหลายรูปแบบ เพื่อให้พระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ ได้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผ่านนิทรรศการ กิจกรรมเสวนา และการแสดงต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา ๔ วัน ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ ณ ห้องประชุม และโถงเวทีการแสดง พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง

กิจกรรมที่น่าสนใจมีดังนี้

– วันศุกร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.oo – ๑๖.oo น. พบกับการแถลงข่าวกิจกรรม QSMT CELEBRATION โดย ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ, กุลวิทย์ เลาสุขศรี, ดร.อนุชา ทีรคานนท์ และปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ และ ๑๖.oo – ๑๗.oo น. ตื่นตากับแฟชั่นโชว์จากผ้าไทย “ผ้าไทยในโลกแฟชั่น” โดย ๖ นักออกแบบ ได้แก่ POEM, REAL, HOOK’s by PRAPAKAS, CHAIGOLDLABEL และ T-RA ณ บริเวณโถงเวทีการแสดง

– วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๙ ร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ตั้งแต่เวลา ๙.oo – ๑๗.oo น. ด้วยกิจกรรมสุดสนุกหลากหลายสำหรับเด็ก ได้แก่ จับสลากจากรังไหม, ทอเล่นเส้นไหม, แต่งแต้มเติมสีตุ๊กตาชาววัง และระบายสีชุดไทยพระราชนิยม ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ พร้อมเพลิดเพลินกับการแสดงนาฏศิลป์ไทย ในช่วงเวลา ๑๒.oo – ๑๒.๓o น. และ ๑๕.๓o – ๑๖.oo น. ณ บริเวณโถงเวทีการแสดง

– วันอาทิตย์ที่ ๑o มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑o.oo – ๑๒.oo น. สนุกกับกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “การพับผ้าเช็ดหน้ารูปสัตว์” โดยโรงเรียนช่างฝีมือในวังหญิง (ผู้สนใจกรุณาลงทะเบียนล่วงหน้า) ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ และเพลิดเพลินกับการแสดงนาฏศิลป์ไทย ในช่วงเวลา ๑๒.oo – ๑๒.๓o น. และ ๑๕.๓o – ๑๖.oo น. ณ บริเวณโถงเวทีการแสดง

– วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑o.oo – ๑๒.oo น. กิจกรรมเสวนา “กว่าจะเป็นโขนพระราชทาน” โดย ดร.อนุชา ทีรคานนท์, อ.วีรธรรม ตระกูลเงินไทย และดร.สุรัตน์ จงดา (ผู้สนใจกรุณาลงทะเบียนล่วงหน้า) และเวลา ๑๓.oo – ๑๔.๓o น. จะมีการแสดงโขนพระราชทาน ณ บริเวณโถงเวทีการแสดง

นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ได้ร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานอื่น ๆ หลายแห่ง เช่น มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โรงเรียนช่างฝีมือในวังหญิง โรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย โดยจัดกิจกรรมลานสาธิตตลอดทั้ง ๔ วัน เช่น ชมกระบวนการสาวไหมพื้นบ้าน มัดย้อม ทอผ้า งานปักพัสตราภรณ์โขนพระราชทาน โดยกลุ่มจันทร์โสมา เป็นต้น รวมทั้งกิจกรรมออกร้านสินค้าจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และอาหารจากโครงการฟาร์มตัวอย่างที่มีให้เลือกจับจ่ายตลอดทั้งงาน

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ติดต่อสอบถามได้ทางโทร. o-๒๒๒๕-๙๔๒o, o-๒๒๒๕-๙๔๓o ต่อ o หรือ ๒๔๕ ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๙.oo – ๑๗.oo น. หรือข้อความทางเฟซบุ๊ก //www.facebook.com/qsmtthailand











ภาพและข้อมูลจาก
FB พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ
zoomzogzag.com














หนังสือ "สัพเพเหระเกี่ยวกับชีวิตและศิลปะ" ศ.เกียรติคุณชลูด นิ่มเสมอ



วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ ศ.เกียรติคุณชลูด นิ่มเสมอ ศิลปินเเห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(ประติมากรรม) ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาราชอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

ขณะที่ระหว่างนี้ ได้มีการรวบรวมผลงานเขียนและผลงานศิลปะของ ศ.เกียรติคุณ ชะลูด ตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือชื่อ "สัพเพเหระเกี่ยวกับชีวิตและศิลปะ"

หนังสือเล่มนี้ควบคุมการจัดพิมพ์ โดย ประติมา นิ่มเสมอ ทายาทของ ศ.เกียรติคุณชะลูด ออกแบบและจัดพิมพ์อย่างประณีต 4 สีทั้งเล่ม จำนวน ๔๓๒ หน้า มีทั้งแบบปกแข็งและปกอ่อน โดยจะมีจำหน่ายในวันพระราชทานเพลิงศพ ศ.เกียรติคุณชะลูด

เพื่อเป็นหนังสือที่ระลึกสำหรับผู้ที่ต้องการสมทบทุนให้กับ "ชลูด นิ่มเสมอ Chalood Nimsamer Collection and Archive” ซึ่งจะทำหน้าที่ดำเนินการเผยแพร่ผลงานและดูแลเก็บรักษาผลงานศิลปะของศ.เกียรติคุณชลูด ที่สร้างสรรค์ไว้เป็นจำนวนมาก ให้สามารถคงอยู่และนำออกจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งคราวตามวาระโอกาส























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














อนุรักษ์และปรับปรุงอาคารเก่า “บ้านพระอาทิตย์” ผลงานที่ภาคภูมิใจของ
“กฤษฎา โรจนกร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ปี ๕๘



“เพิ่งจะได้เป็นก็ยังไม่รู้ว่าจะคิดทำอะไรเพื่อสังคมเพิ่มเติมอีกบ้าง แต่คิดว่าต่อไปนี้คงต้องเลือกงานมากขึ้น และมีความรับผิดชอบที่จะรักษา สถาบันอันทรงเกียรติหรือสิ่งที่สังคมยกย่องนี้ให้ดีที่สุด ให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ไม่ใช่เป็นศิลปินแห่งชาติแล้วทำอะไรก็ไม่รู้ คงต้องพยายามเลือกงานและทำผลงานของเราให้ออกมาดีที่สุด เท่าที่จะทำได้”

คือความในใจบางส่วนของ กฤษฎา โรจนกร สถาปนิกอาวุโสวัย ๖๘ ปี ซึ่งล่าสุดถูกยกย่องจากกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ประจำปี ๒๕๕๘






ปัจจุบันกฤษฎาเป็นเจ้าของ บริษัท Habita Archiects จำกัด ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า ๓o ปี และมีพนักงานราว ๓o คน มีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในด้าน การอนุรักษ์และปรับปรุงอาคารเก่า ได้แก่ บ้านพระอาทิตย์, สถาบันเกอเธ่ประเทศไทย, สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์, โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยฯลฯ

ผลงานออกแบบโรงแรมและรีสอร์ทหรูหลายแห่งในเอเชีย ได้แก่ โรงแรมแกรนด์หลวงพระบาง ประเทศลาว, รีสอร์ทซิกส์เซนส์ นิน วัน เบย์ ประเทศเวียดนาม, โรงแรมพันซี ภูเก็ต, โรงแรม พี พี ปาล์ม บีช รีสอร์ท ฯลฯ รวมไปถึงอาคารสนามบิน ได้แก่ อาคารสนามบินศุลกากรสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, อาคารสนามบินสุโขทัย จ.สุโขทัย, อาคารผู้โดยสารสนามบินใหม่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ฯลฯ





บ้านพระอาทิตย์



แต่หากถามถึงผลงานที่ภาคภูมิใจในชีวิตสถาปนิก เจ้าตัวบอกว่า คือผลงานอนุรักษ์และปรับปรุงอาคารเก่า “บ้านพระอาทิตย์” ซึ่งเคยได้รับรางวัล “อาคารอนุรักษ์ดีเด่น”

“ถ้าพูดถึงอาคารเก่าที่เราเข้าไปอนุรักษ์ พยายามทำอะไรให้มันกลมกลืนกับอาคารเก่า และดึงบรรยากาศเดิม ๆ ให้กลับมา เราถือว่าบ้านพระอาทิตย์ เป็นโปรเจ็คอันหนึ่งที่เราพอใจและภาคภูมิใจ บ้านพระอาทิตย์ สมัยก่อนเป็นสถาบันเกอเธ่ แล้วเราก็ย้ายสถาบันเกอเธ่ไปอยู่ซอยอรรถการประสิทธิ์ ที่สาทร พอบ้านพระอาทิตย์ว่างลง ทางคุณสนธิ(ลิ้มทองกุล) ซึ่งมาซื้อบ้านพระอาทิตย์ ได้ขอให้เราช่วยปรับปรุงและเพิ่มเติมอาคารเพื่อจะทำเป็นออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

แต่เนื่องจากตัวบ้านพระอาทิตย์เป็นอาคารที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากร การเข้าไปอนุรักษ์และปรับปรุง ต้องมีการขออนุญาตขณะที่ส่วนประกอบอื่นเป็นอาคารที่สร้างเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ ทุกวันนี้เวลาไปยืนมองอาคารต่าง ๆ ในรั้วบ้านพระอาทิตย์ คนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ว่าอันไหนเก่าอันไหนใหม่ นอกจากจะกลับไปรูปสมัยเก่าก่อนทำการปรับปรุง ซึ่งเคยเป็นสถาบันเกอเธ่และเป็นบ้านของตระกูลอิศรเสนา”










ผลงานด้านอนุรักษ์และปรับปรุงอาคารเก่าในนาม Habita Archiects กฤษฎาให้ข้อมูลว่าส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเก่าในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งก่อนทำการอนุรักษ์และปรับปรุง จะให้ความสำคัญนับตั้งแต่ การตรวจสอบสภาพอาคาร และต้องทำแบบแปลนของอาคารขึ้นมาใหม่

“วิเคราะห์ว่าส่วนไหนมีการชำรุด หรือต้องซ่อมแซมใหม่ หลังจากนั้นเราก็ต้องทำแบบยื่นไปที่กรมศิลป์ฯ และเพื่อความมั่นใจ เราจะพยายามเลือกใช้งานบริษัทที่อยู่ในรายชื่อบริษัทที่ทางกรมศิลป์ฯ เลือกใช้งาน เช่น บริษัทที่ทำการซ่อมแซมวัดพระแก้ว เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่ทำงานด้านการอนุรักษ์อยู่แล้ว ที่นี้การทำงานของเราก็จะง่ายขึ้น เพราะกรมศิลป์ฯ มั่นใจในบริษัทเหล่านี้อยู่แล้ว”









ซิกส์เซนส์ นิน วัน เบย์ ประเทศเวียดนาม



เมื่อขอให้ยกตัวอย่างผลงานด้านการออกแบบรีสอร์ทบ้าง สถาปนิกอาวุโสท่านนี้ เลือกให้ ซิกส์เซนส์ นิน วัน เบย์ ประเทศเวียดนาม เป็นหนึ่งในจำนวนผลงานที่ภาคภูมิใจ

“เพราะเป็นโรงแรมและรีสอร์ทที่ออกแบบให้มีที่พักหลายลักษณะ บ้างก็อยู่บนหิน บ้างก็อยู่บนเขา บ้างก็อยู่ติดหาด มีเอกลักษณ์ของตนเอง ถ้าเป็นรีสอร์ท ที่นี่จึงเป็นตัวอย่างผลงานที่ผมพอใจ”

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบรีสอร์ท หรือ อนุรักษ์และปรับปรุงอาคารเก่า กฤษฎาบอกถึงหัวใจสำคัญของการทำงานว่า

“ถ้าเป็นรีสอร์ท จะออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ บางครั้งเราก็ใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติ อย่างที่เวียดนาม เราก็ใช้จาก ใช้ไม้ไผ่ ฯลฯ แต่ถ้าเป็นงานอนุรักษ์และปรับปรุงอาคารเก่า เราจะพยายามทำของใหม่ให้เข้ากับอาคารเดิม ให้ของเก่าหรืออาคารเก่ายังเป็นพระเอก ไม่ใช่ทำอะไรใหม่ที่จะไปข่มอาคารเดิม”






กฤษฎาเป็นชาวกรุงเทพ เข้าเรียนในระดับอนุบาล ณ เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย(เนื่องจากบิดาทำงานในกระทรวงต่างประเทศ จึงต้องย้ายถิ่นฐานตามบิดา), ประถมศึกษาที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย,Latymer Upper School กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, โรงเรียนร่วมฤดี อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงเทพฯ, สถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น)

นอกจากผลงานอนุรักษ์และปรับปรุงอาคารบ้านพระอาทิตย์ จะได้รับ รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ดังที่กล่าวมา ยังมีผลงานอื่น ๆ ที่ได้รับรางวัลเช่น โรงแรมพันซีภูเก็ต, อาคารสถาบันเกอเธ่และมูลนิธิวัฒนธรรมไทยเยอรมัน และ โรงแรม พีพีปาล์ม บีช รีสอร์ท ได้รับรางวัลชมเชยงานออกแบบสถาปัตยกรรมดีเด่น, อาคารผู้โดยสารสนามบินใหม่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รับรางวัลสถาปัตยกรรมสีเขียวดีเด่น และบริษัท Habita Archiects จำกัด รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น สาขาองค์กรดีเด่น ส่งเสริมการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม

กฤษฎา โรจนกร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) และศิลปินแห่งชาติ อีก ๗ ท่าน ได้แก่ ศ.วิชัย สิทธิรัตน์ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม), ศ.เกียรติคุณเสริมศักดิ์ นาคบัว สาขาทัศนศิลป์ (การออกแบบอุตสาหกรรม), ธีรภาพ โลหิตกุล สาขาวรรณศิลป์ (สารคดี), ไพวรินทร์ ขาวงาม สาขาวรรณศิลป์(กวีนิพนธ์), เวณิกา บุนนาค สาขาศิลปการแสดง (นาฏศิลป์ไทย), เรือตรีสันติ ลุนแผ่ สาขาศิลปการแสดง (ดนตรีสากล) และสมบูรณ์สุข นิยมศิริ หรือ เปี๊ยก โปสเตอร์ สาขาศิลปการแสดง (ภาพยนตร์)

จะเข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งตรงกับ “วันศิลปินแห่งชาติ” ในวันดังกล่าวจะมีงานเลี้ยงแสดงความยินดีแก่ศิลปินแห่งชาติ พร้อมกิจกรรมการแสดงและนิทรรศการศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยด้วย โดยประชาชนผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














“ป๋วยร้อยปี” สมุดบันทึกนิทานมูลนิธิเด็ก ปี ๕๙



การที่เด็กๆ และคนในสังคมไทยได้อ่านนิทานดีๆ จนเกิดความประทับใจ ในไม่ช้าเมล็ดแห่งความดีในใจของพวกเขาย่อมจะถูกเพาะพันธุ์และเติบโต จนเกิดแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคม ด้วยความเชื่อดังกล่าว จึงทำให้ มูลนิธิเด็ก จัดพิมพ์ สมุดบันทึกนิทาน เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ เป็นต้นมา โดยสมุดบันทึกนิทาน มีจุดเด่นคือ การรวมกัน ระหว่าง สมุดบันทึกนัดหมาย (Diary) และนิทานสร้างสรรค์ส่งเสริมจินตนาการ สำหรับเด็กและครอบครัว










และตลอดระยะเวลา ๒๗ ปี มีสมุดบันทึกนิทานหลายเล่มของมูลนิธิเด็กที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวประวัติและคุณงามความดีของคนดีในสังคม แล้วนำมาแต่งเป็นนิทาน อาทิเช่น มาซาโนบุ ฟูกูโอกะ ( ปู่ดื้อ สมุดบันทึกนิทาน ปี ๓๔) ,ปรีดี พนมยงค์ ( เรือกับรั้ว สมุดบันทึกนิทาน ปี ๔๓) ,พุทธทาสภิกขุ ( ธรรมะฤดูกาล สมุดบันทึกนิทาน ปี ๕o), พระพรหมคุณาภรณ์ (เด็กชายนกกับคางคกตัวดำ สมุดบันทึกนิทาน ปี ๕๔) และ นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว (เมล็ดพันธุ์ในสายลม สมุดบันทึกนิทาน ปี ๕๕)

ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งเป็นวาระพิเศษ ๑oo ปี ชาตกาล อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ร่วมขบวนการเสรีไทย, ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยังเป็นผู้ทำคุณประโยชน์มากมายให้กับประเทศชาติ อันควรได้รับการยกย่องเชิดชู

(ล่าสุด ในระหว่างการประชุมสมัยสามัญยูเนสโก ครั้งที่ ๓๘ ระหว่างวันที่ ๓ - ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ยูเนสโกมีมติประกาศยกย่อง อ.ป๋วย ให้เป็น บุคคลสำคัญของโลก และคนไทยอีกท่าน ที่ยูเนสโกมีมติประกาศยกย่องในโอกาสเดียวกันคือ หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)

มูลนิธิเด็กจึงจัดพิมพ์สมุดบันทึกนิทานชื่อ ป๋วยร้อยปี ขึ้น โดยได้รับเกียรติจากศิลปิน เทพศิริ สุขโสภา ทำหน้าที่เป็นผู้ สร้างสรรค์เรื่องและภาพ





เทพศิริ สุขโสภา ถ่ายภาพโดย ชาญชัย แซ่ฉั่ว



“ผมเคารพอาจารย์ป๋วยและศรัทธาในสิ่งที่ท่านทำ ผมรู้จักอาจารย์ป๋วยมาตั้งแต่ผมเป็นหนุ่มน้อย จนตอนนี้ผมก็อายุมากแล้ว ผมได้แรงดลใจจากอาจารย์ป๋วยหลายอย่าง ส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่อาจารย์ป๋วยทำรับใช้ชุมชน ทำงานในชนบท ผมศรัทธาอาจารย์ป๋วยตรงนี้และรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว”

ศิลปินอาวุโส ซึ่งเป็นที่รู้จักทั้งในฐานะ นักวาดภาพ นักเขียน นักเล่านิทาน ฯลฯ ให้คำตอบในเบื้องต้น เมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงถูกเชิญให้มาเป็นผู้ที่รับหน้าที่สร้างสรรค์ทั้งเรื่องและภาพให้กับสมุดบันทึกนิทานเล่มล่าสุดของมูลนิธิเด็ก ก่อนจะเล่าต่อว่า

“ปกติคนที่เขียนเรื่องกับคนที่วาดรูปประกอบให้กับสมุดบันทึกนิทานหลาย ๆ เล่มที่ผ่านมา จะเป็นคนละคนกัน แต่เล่มนี้ผมทำคนเดียวได้ เพราะผมเป็นคนที่ชอบทั้งการเล่าเรื่อง และวาดรูป”

หากย้อนกลับไปเมื่อปี ๔๓ เทพศิริก็คือผู้ที่รับหน้าที่ สร้างสรรค์เรื่องและภาพให้กับสมุดบันทึกนิทาน “เรือกับรั้ว” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากชีวประวัติและคุณงามความดีของ รัฐบุรุษอาวุโส ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ และเวลานี้ภาพวาดต้นฉบับทั้งชุด ของสมุดบันทึกนิทาน “เรือกับรั้ว” ติดแสดงอยู่ที่ หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์






เทพศิริยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของ อ.ป๋วย หรือ ศาสตราจารย์ พันตรี ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ผ่านเนื้อหาของนิทานเพียงไม่กี่บรรทัดและภาพประกอบเพียงไม่กี่ภาพ

“ยากทีเดียวเลย เพราะชีวิตอาจารย์ป๋วยต้องทำเล่มใหญ่ ๆ จึงจะสะใจ พอเป็นสมุดบันทึกนิทาน เนื้อหาก็น้อย ภาพก็น้อย ทำให้ยาก แต่ก่อนเขียนและวาดภาพ ผมอ่านหนังสือมากกว่า ๕o เล่ม การเขียนเนื้อหานิทาน ผมพยายามใช้คำที่มันคล้องจอง มีสัมผัส ในแนวที่ผมถนัด และคนเขาอยากให้ผมทำ”

ขณะที่ภาพประกอบ เทพศิริเลือกใช้เทคนิควาดด้วยสีชอล์ค “ร่างด้วยดินสอก่อน แล้วค่อยเอาสีตบ ๆ ลงไป”

ภายใต้เนื้อหาและภาพที่จำกัด ฉากชีวิตของ อ.ป๋วย ในช่วงเวลาที่เข้าร่วมขบวนการเสรีไทย คือสิ่งที่เทพศิริเลือกนำมาถ่ายทอด ให้เด่นชัดที่สุดผ่านสมุดบันทึกนิทาน “ป๋วยร้อยปี”

“อาจารย์ป๋วยก็เหมือนกับเรา ๆ นี่แหละ ไม่เคยโดดร่ม ไม่เคยอยู่ในสงคราม แต่ต้องไปฝึกเป็นทหาร อาจารย์ป๋วยใช้คำเรียกตัวเองว่าเป็นทหารจำเป็น จำเป็นต้องเป็นทหาร เพราะว่าบ้านเราจะถูกระเบิดถ้าเกิดญี่ปุ่นแพ้สงคราม เราจะถูกยึดประเทศนี่ เพราะเราเปิดทางให้ญี่ปุ่นผ่านเพื่อเข้าไปรบที่พม่า หลายคนคงจะพอนึกออก ตอนเสรีไทย ตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒

ที่นี้อาจารย์ป๋วยโดดร่มเข้าเมืองไทย การโดดร่มมันไม่ใช่ของง่าย โดดร่มระหว่างสงคราม จะไปเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ อาจารย์ป๋วยโดดผิดที่นะ ผิดจังหวัด ชาวบ้านเขารุมซ้อม ตบตี คนชักปืนจะยิงอยู่แล้ว เพราะช่วงสงคราม เขาคิดว่าคนแปลกหน้า เป็นสายลับ เมื่อก่อนคนไทยเราเรียกพวกสายลับว่าแนวที่ห้า ถ้าญี่ปุ่นจับได้มันจะเอาน้ำมันกรอกปากและตอกเล็บ

อาจารย์ป๋วยถูกรุมซ้อม และเคยเล่าว่า พวกมันฉวยโอกาสด่าบุพการีผม ซึ่งผมก็เคยถามอาจารย์ป๋วยว่า...ด่าอย่างไร อาจารย์ป๋วยตอบว่า... ก็คำที่หยาบที่สุดของภาษานั่นแหล่ะ

สรุปแล้วเรื่องราวที่นำมาเล่าผ่านนิทาน เป็นเรื่องที่ผมเคยฟังมาทั้งจากอาจารย์ป๋วยเล่าเอง และจากที่คนอื่นเขียนเล่า ตอนนั้นอาจารย์ป๋วยก็เกือบตายเลยแหล่ะ แต่มีคนห้ามไว้ ชาวบ้านเขาก็ถือว่าเขาจับจารชนได้ จับมัด นั่งเกวียน เข้ามาส่งในเมือง ระหว่างทางก็พักตามวัดตามอะไรมั่ง คนที่ด่าที่เกลียดก็มี คนที่ชื่นชมก็มี

แต่ที่ผมขำก็คือว่า คนที่ชื่นชมเพราะอาจารย์ป๋วยกระโดดจากเรือบิน ลงมายืนบนแผ่นดินโดยไม่ตาย ชาวบ้านทึ่งมากเลย คิดว่าคงมีของดี เป็นผู้วิเศษ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งด่า หาว่าเป็นคนขายชาติ ผมก็เอาฉากเหล่านี้มาเล่า

ต่อมาเมื่อสงครามผ่านไปแล้ว อาจารย์ป๋วยก็ไปเจรจา เพราะรัฐบาลอังกฤษเขาโกรธไทยที่บังอาจเข้าข้างญี่ปุ่น ทางสัมพันธมิตรเขาก็สมควรจะโกรธนั่นแหล่ะ เพราะจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศเข้าข้างญี่ปุ่นนี่ แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่ามีหน่วยงานใต้ดินอย่างเสรีไทย ที่มีอาจารย์ปรีดีเป็นผู้นำ เวลาไปเจรจากับรัฐสภาอังกฤษ อาจารย์ป๋วยเขาเป็นนักเรียนอังกฤษนี่ เขาก็เป็นคนเจรจาว่า เราไม่ได้ก่อนะสงครามเนี่ย เราไม่ได้เป็นผู้ก่อ แล้วเราก็อยู่ในภาวะจำยอม และเราคนไทยก็มีฝ่ายที่ต่อต้านญี่ปุ่นด้วย ไม่ใช่ไม่ต่อต้าน อังกฤษก็รู้ดี”






ขณะที่เทพศิริถ่ายทอดให้เห็นว่า ภาพของ อ.ป๋วยในช่วงที่เข้าร่วมขบวนการเสรีไทย มีทั้งคนรักและคนชัง ส่วนหนึ่งยังพยายามถ่ายทอดให้เห็นเหตุการณ์ตอนหนึ่งซึ่งเทพศิริมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม

“ตำรวจเขาเอาอาจารย์ป๋วยไปขังกรงบนศาลาวัด แล้วทุกคนก็อยากมาดูหน้า เข้ามาล้อมใกล้ ๆ ตำรวจก็เข้ามาไล่คนที่มาล้อม ในบรรดาคนที่เข้ามาใกล้ ๆ มียายแก่คนหนึ่ง จ้องหน้าอาจารย์ป๋วยนานมาก ภาษาชาวบ้านคือกระเถิบ หรือเขยิบเข้ามาใกล้กรงขัง มีตอนหนึ่งยายบอกว่า หน้าเอ็งเหมือนลูกข้า อาจารย์ป๋วยก็เลยถามว่า ลูกยายไปไหน ยายตอบว่า เขาเกณฑ์ไปสงครามเนี่ย หลายปีแล้วไม่กลับ เวลานั้นความรักของแม่ที่มีต่อลูก มันแผ่คลุมศาลา สะเทือนใจอาจารย์ป๋วยมาก โอกาส ๑oo ปี ชาตกาล ของ อ.ป๋วย เป็นโอกาสที่เราต้องขอบคุณท่าน เรื่องราวที่ผมเล่าไปวาดไป แค่เล่าสั้น ๆ และวาดภาพเล็ก ๆ ให้พอสะเทือนใจคนอ่านคนดูเท่านั้นแหล่ะ ใครที่สนใจลึกไปมากกว่านั้น ต้องไปหาอ่านเพิ่มเติมเอาเอง”

อาจเป็นเรื่องยากที่เด็กจะสามารถเข้าใจในเนื้อหาและภาพที่ถ่ายทอดผ่านสมุดบันทึกนิทานเล่มนี้ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด อย่างไรก็ตามเทพศิริมองว่า เป็นคู่มือที่ดีสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวของ อ.ป๋วยให้เด็ก ๆ ได้รับรู้

“ถ้าใครมีเล่มนี้เวลาเล่าให้เด็กฟังก็จะง่ายขึ้น ว่าคน ๆ นี้มีความสำคัญกับสังคมไทยอย่างไร อาจารย์ป๋วยเป็นคนดี เป็นคนสัตย์ซื่อ เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินคนหนึ่ง เป็นคำชมที่ทุกคนต่างก็ชมอาจารย์ป๋วย”

แม้จะรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่ได้มีโอกาสสร้างสรรค์เรื่องและภาพให้กับสมุดบันทึกนิทานเล่ม “ป๋วยร้อยปี” แต่ศิลปินอาวุโสท่านนี้บอกว่า หากเป็นไปได้ยังอยากจะเขียนภาพขึ้นใหม่มาอีกสักชุดเพื่อจัดแสดงเป็นนิทรรศการในโอกาส ๑oo ปี ชาตกาลของ อ.ป๋วย

“รูปต้นฉบับที่ทำให้สมุดบันทึกนิทานครั้งนี้มันเล็ก ใจผมยังอยากจะอยากเขียนภาพขนาดเท่าหน้าหนังสือพิมพ์สองหน้ากาง ใส่สี มีคำบรรยาย แล้วจัดเป็นนิทรรศการสัญจรไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆและตามหัวเมืองได้ ยังเป็นสิ่งที่อยู่ในใจและยังกระหายอยากจะทำอยู่”

ให้สมเกียรติกับที่ อ.ป๋วย ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินอาวุโสผู้นี้ และผู้คนในสังคมอีกเป็นจำนวนมาก ดังที่กล่าวมาข้างต้น

“อาจารย์ป๋วยทำงานเพื่อคนจน ช่วยชาวบ้าน ความคิดเรื่องการพัฒนาชนบทของอาจารย์ป๋วย เป็นเรื่องที่สวยงาม และผมเห็นด้วยว่าชนบทเสียเปรียบจริง ๆ ชาวไร่ชาวนาเหนื่อยยาก แล้วก็โดนกดราคาผลผลิต เป็นเรื่องจริง อาจารย์ป๋วยแม้จะขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้ว แต่ท่านหันลงมาสนใจชาวไร่ชาวนา สอนนักศึกษาให้ไปเรียนรู้จากคนยากคนจนให้มาก ผมว่าอันนี้สวยงามมาก และในด้านความเป็นคนที่สัตย์ซื่อ ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ผมประทับใจมาก”






“ป๋วยร้อยปี” สมุดบันทึกนิทานมูลนิธิเด็ก ประจำปี ๒๕๕๙ นอกจากภาพและนิทานชีวประวัติย่อของ อ.ป๋วย ภายในเล่มยังจัดพิมพ์ “คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง : จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ผลงานเขียนสำคัญของ อ.ป๋วย

จำหน่ายในราคาเล่มละ ๖o บาท เพื่อนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิเด็ก และราคาพิเศษเล่มละ ๕o บาท สำหรับท่านที่ต้องการสนับสนุนเพื่อบริจาคสมุดบันทึกนิทานมอบให้เด็กด้อยโอกาส

สั่งซื้อได้ที่ มูลนิธิเด็ก โทร. o-๒๘๑๔-๑๔๘๑-๗, o- ๒๘๘๑-๑๗๓๔ หรือ สั่งซื้อออนไลน์ //www.shareforchild.com นอกจากนี้ยังมีวางจำหน่ายที่ ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศูนย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ร้าน ASTV SHOP บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














“สีสันหรรษา” ของ “วินัย ปราบริปู” ที่หอศิลป์ริมน่าน



ปลายปีนี้ถึงต้นปีใหม่ หอศิลป์ริมน่าน จ.น่าน ต้อนรับผู้ไปเยือนด้วยผลงานศิลปะของเจ้าของสถานที่ วินัย ปราบริปู ศิลปินผู้มีผลงานได้รับการยอมรับจาก ภาพเขียนทิวทัศน์ทะเลและเปลือกหอย เม็ดทราย เรือประมง, ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนา และทิวทัศน์ภูเขาภาคเหนือ

แต่ในช่วง ๑o ปีมานี้ เมื่อกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด ด้วยความสนใจและศรัทธา ในผลงานศิลปินพื้นบ้านในอดีตผู้รังสรรค์ จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ ฝากเอาไว้ ศิลปินชาว อ.ท่าวังผา จ.น่าน ท่านนี้ได้เปลี่ยนแนวไปเขียนภาพแบบศิลปะสกุลช่างพื้นบ้านน่าน อยู่ระยะหนึ่ง

และในช่วง ๔-๕ ปีมานี้ ด้วยไม่ต้องการยึดติดกับวิธีการสร้างสรรค์แบบเดิมที่เคยทำและต้องการตอบสนองด้านจิตใจเป็นหลัก จึงได้ละทิ้งการเขียนภาพในแนวรูปธรรม มาเขียนภาพในแนวนามธรรม โดยอาศัยประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในอดีตเป็นแนวทางรองรับความคิด เจตนารมณ์ อารมณ์ และถ่ายทอดผ่านภาพเขียนแนวนามธรรมที่มีสีสันดูสบายตา สบายใจ ชวนให้นึกถึง น้ำฟ้า ป่าเขา ของเมืองน่าน

“สีสันหรรษา” นิทรรรศการภาพเขียนโดย วินัย ปราบริปู วันนี้ - ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๙.oo - ๑๗.oo น. (เปิดวันพุธ) ณ หอศิลป์ริมน่าน ถ.น่าน-ทุ่งช้าง อ.เมือง จ.น่าน สอบถาม โทร. o๘๑-๙๘๙-๒๙๑๒























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














การแสดงผลงานจิตรกรรมเพื่อการกุศลจักรกลศิลป์จากจิตไร้สำนึก



ศิลปิน : นชภัช จาตุรงค์คกุล (Noshpash Chaturongkagul)
ลักษณะงาน : จิตรกรรมและสื่อผสม
ระยะเวลาจัดแสดง : ๑๕ มกราคม ถึง ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น2
ติดต่อศิลปิน : นชภัช o๘๕-๑๓o-๙o๘๘

แนวความคิด:

Unconscious mind คือ จิตที่อยู่ใต้สำนึกหรือจิตที่ไร้สติ ไร้การควบคุม ต่อทุกการกระทำในความเป็นมนุษย์ ของทุก ๆ คน ซึ่งข้าพเจ้าในฐานะผู้ถ่ายทอดความจริง โดยผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ของงานทัศนศิลป์ ที่เป็นภาษาการสื่อสาร ที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลอันบริสุทธิ์ที่สุดนั้น
การที่ข้าพเจ้าชอบเขียนแต่รูปหุ่นยนต์ เครื่องจักรกล ชุดเกราะกลไก และสัตว์ประหลาดต่าง ๆ โดยไร้สาเหตุและที่มาที่ไปอยู่ อย่างสม่ำเสมอนั้น ทำให้ข้าพเจ้าได้ตั้งข้อสังเกตในสิ่งที่ตนเองทำไป โดยไร้หลักการและเหตุผล ว่าเพราะอะไร ทำไมจึงวาดแต่พวกสิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่วัยเด็กจวบถึงปัจจุบัน จนเวลาได้ผ่านล่วงเลยมากว่า ๓o ปี















ภาพและข้อมูลจาก
chamchuriartgallery.chula.ac.th














“ดอกไม้ น้ำ สี ” (FLOWER WATER COLORS)



ศิลปิน : โฉมศรี กล่ำถนอม (CHOMSRI GLUMTHANORM)
ลักษณะงาน : จิตรกรรม
ระยะเวลาจัดแสดง : ๒๙ มกราคม ถึง ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๒๙ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.oo น.
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒
ติดต่อศิลปิน : โฉมศรี 087-0063666

แนวความคิด :

ดอกไม้ น้ำ สี FLOWER WATER COLORS เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีความเกี่ยวพัน เชื่อมโยง กันอยู่ตลอดเวลา พลังแห่งธรรมชาติสามารถบันดาลความรู้สึกที่ลุ่มลึก มีพลังชีวิต มีความประณีต และให้ความสงบใจ จากบรรยากาศที่สงบเงียบ และจากจิตที่เป็นสมาธิ ธรรมชาติที่งดงามและมีความยิ่งใหญ่ยังเป็นแรงนอกจากความสงบแล้ว ยังบันดาลให้เกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจได้ไปพร้อมกันหากเรามีจิตจดจ่ออยู่กับสรรพสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า หรือทำกายและจิตให้นิ่ง ธรรมชาติจะทำให้เราได้สัมผัสกับความสงบจากภายในความตื่นตาตื่นใจ หรือความพิศวง มหัศจรรย์ในสีสันของดอกไม้ สายน้ำ บันดาลความสงบให้เกิดขึ้นเป็นความสงบที่นำความสุขอย่างประณีตลึกซึ้งมาสู่เรา การมาอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติ จึงเป็นการเติมพลังให้แก่ตนเอง ช่วยให้เรามีกำลังที่จะทำคุณงามความดี เปลี่ยนความทุกข์ให้ความเป็นสุข เปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นความสำเร็จ











ภาพและข้อมูลจาก
chamchuriartgallery.chula.ac.th














“๔ สายน้ำ” (4 FLOWS)



ศิลปิน : นำชัย แสนสุภา, พีระ โภคทวี, ดิเรก กิ่งนอก, ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์ (Namchai Saensupha, Bhira Phokthavi, Direk Kingnok, Suphawat Hiranthanawiwat)
ลักษณะงาน : จิตรกรรม
ระยะเวลาจัดแสดง : ๒๖ มกราคม ถึง ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๓o มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๗.๓o น.
ห้องนิทรรศการ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑
ติดต่อศิลปิน : ศุภวัฒน์ o๘๑-๔๙๕-๖๖๕๙

แนวความคิด :

แนวความคิดของกลุ่ม และแนวความคิดการสร้างสรรค์ผลงาน
นิทรรศการผลงานจิตรกรรมสีน้ำ “๔ สายน้ำ (4 Flows)” เป็นการรวมตัวของศิลปินสีน้ำรุ่นใหม่ ที่มีแนวทางแตกต่างกัน ได้แก่ ภาพทิวทัศน์ท้องนา ภาพทิวทัศน์เมือง ภาพสถาปัตยกรรม และภาพบุคคล อันแสดงออกถึงตัวตนของศิลปินแต่ละคนอย่างชัดเจน ซึ่งจากแนวทางที่แตกต่างกันนี้ จะทำให้เกิดความหลากหลายและสร้างอรรถรสในการรับชม

แนวความคิดการสร้างสรรค์ผลงาน

นำชัย แสนสุภา
สิ่งที่ผมชอบที่สุดในการวาดภาพสีน้ำคือการได้วางแผนและเห็นภาพในหัวก่อนที่จะลงพู่กันบนกระดาษ และพยายามทำตามแผนนั้นด้วยความเร็วและแม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (ขณะเดียวกันก็คอยสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของพู่กัน สี น้ำ และกระดาษ เพื่อปรับตัวไปกับมัน) แม้ผลสุดท้ายอาจไม่ได้ตามที่คาด แต่ผมคิดว่าร่องรอยของความผิดพลาดและอุบัติเหตุเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของสีน้ำอันเกิดจากธรรมชาติที่คาดเดาได้ยากของมัน















ภาพและข้อมูลจาก
chamchuriartgallery.chula.ac.th














นิทรรศการขัวศิลปะครั้งที่ ๔



นิทรรศการขัวศิลปะครั้งที่ ๔ ผลงานโดย ศิลปินขัวศิลปะจำนวนกว่า ๒๕o คน มีงานหลากหลายเทคนิคทั้งงานจิตรกรรม ภาพถ่าย เครื่องปั้นดินเผา งานแกะสลัก เซรามิค ของศิลปินรุ่นเยาว์ รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น. ณ ขัวศิลปะ เชียงราย ArtBridge ChiangRai (ABCR)

ขัวศิลปะ เชียงราย ขอเชิญท่านร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดนิทรรศการขัวศิลปะครั้งที่ ๔ โดยศิลปินขัวศิลปะ ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น. ณ ขัวศิลปะ เชียงราย ArtBridge ChiangRai (ABCR) ประธานในพิธี ศ. ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม

ขัวศิลปะเป็นองค์กรทางสังคมที่ก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินชาวจังหวัดเชียงราย และคณะผู้สนับสนุนกองทุนศิลปินเชียงราย เพื่อจะเป็นดั่งสะพานที่เชื่อมศิลปะสู่สังคม เผยแพร่ผลงานศิลปะและสนับสนุนส่งเสริม การสร้างสรรค์งานศิลปะของศิลปินไทย ขัวศิลปะมีห้องแสดงผลงานศิลปะ แบบหมุนเวียนของศิลปินเชียงราย และ ศิลปินไทย รวมถึงศิลปินในระดับนานาชาติ

นิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการประจำปีของขัวศิลปะ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๔ ประจำปี ๒๕๕๘ ศิลปินที่เข้าร่วมแสดงผลงาน จำนวนกว่า ๒๕o คน มีงานหลากหลายเทคนิคทั้งงานจิตรกรรม ภาพถ่าย เครื่องปั้นดินเผา งานแกะสลัก เซรามิค ของศิลปินรุ่นเยาว์ รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ ต่างนำผลงานมาจัดแสดงร่วมกัน

นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึง ๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ วันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. โดยไม่มีค่าเข้าชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑ //www.facebook.com/artbridgechiangrai, artbridgechiangrai.cr@gmail.com











































ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














Premium art exhibition



นิทรรศการ "Premium art exhibition" ผลงานโดย สุวิทย์ มาประจวบ (Suwit Mapajuab) และ วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ (Verapong Sritrakulkitjakarn) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๕-๓o มกราคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๙.oo น. ณ ห้อง P1 – P2 People’Gallery ชั้น ๒ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร : bacc

Premium art exhibition
โดย สุวิทย์ มาประจวบ (ราฮวม) / วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ (อายิโนะ)
วันที่ ๕-๓o มกราคม ๒๕๕๙
เปิดนิทรรศการวันศุกร์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๙.oo น. (หนึ่งทุ่ม)
ห้อง P1 – P2 People’Gallery ชั้น ๒
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (หอศิลปกรุงเทพฯ)

คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ถูกประดิษฐ์จากความคิดตามสมัย และการยอมรับร่วมกัน การมุ่งมั่นดึงดันเพื่อสร้างค่าและมูลค่าให้กับตนเองเกิดขึ้นเป็นกิจวัตรประจำวัน คำถามก่อขึ้นในใจทุกวันว่าคุณค่าที่แท้จริงคืออะไร

Premium art exhibition เป็นนิทรรศการที่เกิดจากการดำรงชีวิตที่ต้องผ่านสัมผัสกับสถานการณ์และสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ที่บางครั้งอาจจะก่อให้เกิดคำถามในใจ คุณค่าที่แท้จริงของศิลปะอยู่ที่ไหนซึ่งบางครั้ง ถูกวัดด้วยมูลค่าตามความคิดของสังคมค่าของคนอยู่ที่หน้าตา,ตัวเลขบนธนบัตรและ สมุดบัญชี การดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณค่าและมูลค่า ถูกฝังอยู่ในสัญชาตญานการต่อสู้ ตามท่วงทำนองของธรรมชาติ การคัดเลือกตามระบบวิวัฒนาการแบบทุนนิยมทำให้ หลายคนยอมจำนนต่อการพิพากษาจากสายตาสังคม

นิทรรศการครั้งนี้เกิดจากการการเคี่ยวกรำสร้างผลงานกันด้วยชีวิต ที่ต้องการค้นหาความจริงของศิลปะผ่านผลงานที่ทะลักออกจากสิ่งที่สำนึกในใจ โดยเพิกเฉยต่อคำพิพากษาของสังคมที่บางครั้งมักจะตั้งข้อหา ให้กับบุคคลตามสถานะทางสังคม ว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว บางครั้งชีวิตสะบักสะบอม กัดฟันทน ตกต่ำหน้าแนบดิน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ส่องแสงให้เชื่อที่เหลือเพียงอย่างเดี่ยวคือการสร้างงาน Premium art exhibition นิทรรศการที่เกิดจากชีวิตเป็นโบนัสให้กับวงการ ผ่านการทำงานหนัก ในฐานะกรรมกรวาดรูป

นิทรรศการนี้เกิดจากคู่หู สุวิทย์ มาประจวบ (ราฮวม) ศิลปินที่ผ่านการเคี่ยวกรำอย่างหนักทั้งการสร้างงานและแสดงผลงาน เคยได้รับรางวัล จากสถาบันต่างๆมากมาย เช่น รางวัลยอดเยี่ยม Young Thai Artist สาขา ประติมากรรม โดยเครือซีเมนต์ไทย, รางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๑ เหรียญทอง ประเภทประติมากรรม การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๒, รางวัลดีเด่นนิทรรศการศิลปกรรม ปตท.ครั้งที่ ๒๓ อีกทั้งไม่เคยหยุดนิ่งในทางสร้างสรรค์ผลงานที่ผ่านการใคร่ครวญในเชิงสัญลักษณ์ ถ่ายทอดเป็นผลงานในนิทรรศการครั้งนี้สุวิทย์ได้นำเสนอความคิดผ่านผลงานจิตรกรรมที่สมบูรณ์แบบสะท้อนเรื่องราวของสังคมทุนนิยมที่ให้คุณค่าสมมติกับสิ่งต่าง ๆ และค่านิยมของยุคบริโภค ที่ตั้งมาตรฐานแห่งสถานะภาพของแต่ละชีวิตการดิ้นรนเพื่อให้ได้มา ซึ่งการยอมรับในสังคมอันเต็มไปด้วยการแบ่งแยก

และ วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ (อายิโน๊ะ) นักวาดรูปและทำภาพพิมพ์แกะไม้นอกขนบ โดยออกจากเงื่อนไขของการเป็นภาพพิมพ์ ผู้ที่ทำงานอย่างไม่มีวันหยุด วีรพงษ์มีการแสดงผลงานทั้งในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอเคยได้รับรางวัลต่าง ๆ เช่น รางวัลเหรียญทอง ประเภทภาพพิมพ์ การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๑, เหรียญเงิน การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๔, เหรียญทองแดง การแสดงศิลปกรรม แห่งชาติ ครั้งที่ ๕๒ ครั้งที่ ๕๓ และครั้งที่ ๕๕, รางวัล Honorable Mentions, 10th International Biennial Engraving "Josep de Ribera" Xativa, Spain ผลงานของวีรพงษ์นั้นจะผันเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาซึ่งเดินไปพร้อมกับประสบการณ์ และชีวิตโดยไม่ยึดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งดังนั้นผลงานจึงเป็นตัวสะท้อนถึงความคิด อารมณ์ความรู้สึกและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตในขณะที่สร้างผลงานนั้น ๆ ขึ้นมา ในนิทรรศการครั้งนี้ วีรพงษ์ใช้จิตรกรรมแสดงออกซึ่งความรู้สึกและความทรงจำ ดั่งออกมาจากมิติแห่งอดีตกาลสู่โลกปัจจุบันการต่อสู้ในหนทางศิลปะ และการพิสูจน์ หาคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต















ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














กงล้อแห่งทางสายดำ



นิทรรศการจิตรกรรม “กงล้อแห่งทางสายดำ : Wheel of a dark soul” ผลงานโดย นิพนธ์ จังกินา (Nipon Jungkina) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๒๓ มกราคม ๒๕๕๙ ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒ หอศิลป์จามจุรี

นิทรรศการ “กงล้อแห่งทางสายดำ” (Wheel of a dark soul)
ศิลปิน นิพนธ์ จังกินา (Nipon Jungkina)
ลักษณะงาน จิตรกรรม
ระยะเวลาที่จัดแสดง วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึง ๒๓ มกราคม ๒๕๕๙
สถานที่ หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒
ติดต่อศิลปิน นิพนธ์ o๘๙-๕๙๑-๘๘๘๙

แนวความคิด

เมื่อพระพุทธเจ้าได้เผยแพร่ธรรมะเป็นครั้งแรกสิ่งที่เกิดขึ้นก็มีแต่ประโยชน์แก่เวไนยสัตว์ที่ยังมืดบอดไปด้วย อวิชชา กิเลสและตัณหา ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ได้ใช้สัญลักษณ์ในการเผยแผ่ในทุกที่ที่ไปคือ ธรรมจักร ล้อแห่งธรรมะที่หมุนไปข้างหน้าโดยสาวกในพระ พุทธศาสนา งานชุดนี้ต้องการสื่อถึงสาวกกลุ่มหนึ่งที่หลงเดินทางผิดมัวเมาไปกับอวิชชา กิเลสและตัณหา บางองค์ก็แหลกเหลวไปกับอบายมุข บางองค์ก็หลงในกาม ความต้องการที่เร็วและแรงเพื่อความต้องการในบางสิ่งบางอย่างดุจดังเปลวเทียนเคลื่อนที่ไปด้วยความแรงไม่สามารถต้านทานแรงลมได้



















ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














นิทรรศการไทยโทนเชียงราย



นิทรรศการไทยโทนเชียงราย ผลงานโดย ๕๙ ศิลปินเชียงราย จัดแสดงระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น. ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ : ArtBridgeChiangRai (ABCR)

นิทรรศการไทยโทนเชียงราย
การแสดงผลงานจากการปฎิบัติการใช้สีไทยโทนโดย ศิลปินเชียงราย ๕๙ ท่าน
พิธีเปิดงาน วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น.
ประธานในพิธีโดย ศ. ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
ณ ขัวศิลปะ เชียงราย

นิทรรศการจัดแสดง วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙
ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ เชียงราย
เปิดให้เข้าชมวันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. ไม่มีค่าเข้าชม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑
https://www.facebook.com/events/991409734233855/

ขัวศิลปะ เชียงราย ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม จัดแสดงผลงานนิทรรศการไทยโทนเชียงราย จากการปฎิบัติการใช้สีไทยโทนโดย ๕๙ ศิลปินเชียงราย โดยมีพิธีเปิดงาน วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น. ประธานในพิธีโดย ศ. ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ณ ขัวศิลปะ เชียงราย

โดยสีไทยโทน มีจุดเริ่มต้นจากการค้นคว้าวิจัยของ อาจารย์โพโรจน์ พิทยเมธี อาจารย์พิเศษคณะมัณฑนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร ศึกษาความเป็นมาของสีไทยที่มีรากเหง้ามานาน ปรุงด้วยวัสดุจากธรรมชาติ มีชื่อเรียกไพเราะ มีความหมาย และมีหลักฐานสืบค้นย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในการวิจัยใช้อุปกรณ์ระบบดิจิตอลเพื่อเทียบสีงานจิตรกรรมไทยโบราณกับค่าสีปัจจุบันที่กำหนดด้วยคอมพิวเตอร์ ชุดความรู้ดังกล่าวทำให้เกิด ‘เทรนด์ไทยโทน’ ในรูปเฉดสีไทยมากกว่า ๒oo สี พร้อมชื่อสี และการกำหนดค่าสีที่สามารถนำไปใช้งานจริง โดยสามารถนำไปต่อยอดการในงานศิลปะและการออกแบบร่วมสมัย ธุรกิจบริการได้ สำหรับกิจกรรมภาคปฎิบัติการไทยโทนกับศิลปินเชียงราย และเยาวชน ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙-๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ ขัวศิลปะ เชียงราย



























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ไทยแลนด์ เดอะ คิงดอม ออฟ ไลต์ ฉลองปีที่ ๒



แสงแห่งความเป็นไทยจะกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง! ได้เวลาดื่มด่ำกับ เทศกาลแสงสุดยิ่งใหญ่
สัมผัสความมหัศจรรย์แบบไทย ไปกับไฮไลท์การแสดงแสงสีทั่วย่านราชประสงค์
ในงาน ไทยแลนด์ เดอะ คิงดอม ออฟ ไลต์ ฉลองปีที่ ๒ (Thailand The Kingdom of Light 2) พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์นับถอยหลังเข้าสู่ปี ๒o๑๖ ด้วยนาฬิกาแสง ‘Thailand Countdown Clock’นาฬิกาแอลอีดีเทคนิคพิเศษติดตั้งกลางสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งถือไฮไลท์หลักของปีนี้

นอกจากนี้ยังมี สวนแสงลอยฟ้าและดวงไฟ ที่ออกแบบด้วยเทคนิคตระการตาระดับโลก
ที่ปีนี้เพิ่มความเจิดจรัส ประดับราตรีแห่งราชประสงค์ อลังการงานแสง ณ ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ
ซึ่งสวนแสงบนทางเดินสกายวอล์ค มาในคอนเซ็ปต์ “ฟ้างามที่ปลายรุ้ง”

แล้วด้วยความร่วมมือและสนับสนุนเพิ่มเติมจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ยังมีการนำผลงานไลต์ติ้งของศิลปินจากนานาชาติ ที่แสดงภายในงานอัมสเตอร์ดัม ไลต์ เฟสติวัล (Amsterdam Light Festival) นำโดยนักออกแบบระดับโลก นายโรจิเอร์ แวน เดอร์ ไฮด์และทีมมาร่วมจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

ในส่วนงานแสดงแสงยังเพิ่มความพิเศษด้วย เว็บแอพพลิเคชั่น เช็คอิน (//thailandkingdomoflights.com) ที่จะฉายผังงานทั่วทั้งบริเวณ จัดแสดงให้ผู้ชมตามไปถ่ายภาพได้ครบทุกจุด ภายใต้แนวคิด “จุดประกาย ส่องแสง สะท้อนหัวใจไทย … Thai’s Enlightening Moment”

ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ และร่วมส่งมอบความสุขให้แก่พี่น้องชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ที่จะเข้ามาเที่ยวชมงานต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ตอกย้ำภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยที่ปลอดภัย
และเต็มไปด้วยน้ำใจไมตรี ของประชาชนชาวไทยที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ได้สัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจในทุกมิติแห่ง “ความเป็นไทย” ที่นี่ที่เดียว

โดยงานจะจัดแสดงตลอดระยะทางจากทางเดินบนสกายวอล์คหน้าศูนย์การค้าเกษร ไปจนถึงเซ็นทรัล เวิลด์ ในระหว่าง ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ – ๕ มกราคม ๒๕๕๙

ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีของเหล่าผู้จัดงานและพันธมิตร อาทิ
บริษัท เดอะ พิกเซลวัน โพรดักชั่น จำกัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สสปน. บริษัท อะโพสโทรฟีเอส เดอะ ซิเธซิส เซิร์ฟเวอร์ จำกัด
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่
(ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ วีซ่า



































ภาพและข้อมูลจาก
spokedark.tv














นัย พื้น ที่ : SPACE WITHIN



นิทรรศการภาพถ่ายขาว-ดำ "นัย พื้น ที่ : SPACE WITHIN" ผลงานโดย อลิซ วิชช์โชติ (Alizz Vichchou) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๑o มกราคม ๒๕๕๙ ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : CMU Art Center

นัย พื้น ที่ โดย อลิซ วิชช์โชติ
นิทรรศการภาพถ่ายขาว-ดำ “นัย พื้น ที่ “ โดย อลิซ วิชช์โชติ
ขอเชิญชมนิทรรศการภาพถ่าย ขาว- ดำ ที่ถ่ายทอดเรื่องราว ของพื้นที่แห่งจินตนาการ
ระหว่างวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ - ๑o มกราคม ๒๕๕๙

นานมาแล้วมีเรื่องราวมากมายถูกบอกเล่าผ่านพื้นที่ ในความหมายที่แตกต่างกันไปแต่หากจะเป็นพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดที่สมควรได้รับการบอกเล่าอีกครั้งด้วยเรื่องราวใหม่นั้น คงจะเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่น้อย หากที่แห่งนั้นคือ “พื้นที่แห่งจินตนาการ”

ขอเชิญชมนิทรรศการภาพถ่าย ขาว- ดำ ที่ถ่ายทอดเรื่องราว ของพื้นที่แห่งจินตนาการ โดยหญิงสาวที่รักในการถ่ายภาพอย่างหลงใหล ได้ทุ่มเท ศึกษา เรียนรู้อย่างมุ่งมั่น สุดท้ายได้นำจินตนาการผสมผสานกับความคิดตกผลึก จนแสดงออกโดยการถ่ายภาพอย่างสร้างสรรค์ และกล้าที่จะแสดงตัวตนก้าวออกไปข้างหน้า แล้วแบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ ๆ ในกับทุกคนที่ชื่นชอบผลงานศิลป์

นัย พื้น ที่ ต้องขอชื่นชมว่ามีมุมมอง มุมกล้องที่สมบูรณ์ดี
ดีอันดับแรกมีเรื่องราวในพื้นที่ ดีอันดับสอง มีการจัดองค์ประกอบที่ลงตัว ดีอันดับสาม มีเทคนิคการถ่ายทำที่ดี ชมแล้วรู้สึกประทับใจ มีคุณค่าทางศิลปะ

ยรรยง โอฬาระชิน
ศิลปินแห่งชาติ (สาขาทัศนศิลป์)



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 30 ธันวาคม 2558
Last Update : 30 ธันวาคม 2558 21:54:57 น. 0 comments
Counter : 4380 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.