happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๓๙





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










สงขลาใต้ร่มพระบารมี



หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ สงขลา ร่วมกับสำนักงานเทศบาลตำบลควนเนียง จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “สงขลาใต้ร่มพระบารมี” เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ ๘๘ พรรษาระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๘

หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลาจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “สงขลาใต้ร่มพระบารมี”มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวสงขลารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อประชาชนชาวสงขลาและชาวไทย โดยนำเสนอภาพเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวสงขลาเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคใต้ครั้งแรก โดยเสด็จพื้นที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๘ มีนาคม ๒๕๐๒ ซึ่งเหตุการณ์และบรรยากาศในครั้งนั้น ยังตราตรึงอยู่ในใจของชาวสงขลาตลอดมา และได้เก็บความประทับใจไว้ผ่านภาพถ่ายที่แสดงให้ถึงพระราชกรณียกิจ ความงดงามของซุ้มรับเสด็จฯ การตกแต่งพลับพลาที่ประทับ และการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ที่ทั้งสองพระองค์เสด็จผ่าน ซึ่งภาพชุดนี้ได้รับมอบมาจากเครือข่ายด้านจดหมายเหตุ จากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลา

ขอเชิญชวนชาวสงขลา และประชาชนผู้สนใจ เข้าชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ได้ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ๗๒ พรรษามหาราชินี เทศบาลตำบลควนเนียง จังหวัดสงขลาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐-๗๔๒๑-๒๕๖๒



ภาพและข้อมูลจาก
finearts.go.th













นิทรรศการ ๗๗ ภาพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิธีนิทรรศการพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ รวบรวม ๗๗ ภาพผลงานศิลปินทั่วประเทศ ๑๔ หมวดหมู่ จัดแสดงหอศิลป์ร่วมสมัย และ ๔ ภูมิภาค

วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน พิธีเปิดนิทรรศการพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงมีพระอัจฉริยภาพ และทรงพระปรีชาสามารถในงานศิลปะหลากหลายสาขา อีกทั้งยังได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณมากมายแก่เหล่าศิลปิน สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงาน ฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย

“กระทรวงวัฒนธรรม จัดโครงการจัดนิทรรศการภาพพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยคัดเลือกศิลปินจากทั่วประเทศ ร่วมกิจกรรมการเขียนภาพพระสาทิสลักษณ์ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่า ในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านภาพพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทยและต่างประเทศ ตลอดจนให้หน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งเยาวชน และประชาชน ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของคุณค่ามรดกวัฒนธรรมของชาติ” รมว.วัฒนธรรม กล่าว

สำหรับการดำเนินงานในโครงการนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ศิลปินแห่งชาติ อาทิ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อ.ปัญญา วิจินธนสาร มาคัดเลือกศิลปินจากทั่วประเทศ ทั้งศิลปินแห่งชาติ ศิลปินอาวุโส ศิลปินอิสระ จำนวน ๗๓ คน กลุ่มศิลปินอีก 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มศิลปินหัวหิน กลุ่มศิลปินพัทยา กลุ่มครูโรงเรียนภาคใต้ และกลุ่มศิลปินวัดศรีสุพรรณ (ล้านนา) เข้าร่วมกิจกรรมเขียนภาพพระสาทิสลักษณ์ทั้งหมด ๗๗ ภาพ

โดยให้ศิลปินเลือกหมวดการเขียนภาพ ทั้งหมด ๑๔ หมวด ได้แก่ หมวดที่ ๑ สยามบรมราชกุมารี แห่งประเทศไทย หมวดที่ ๒ พระราชประวัติ หมวดที่ ๓ ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเยี่ยมราษฎรตั้งทรงพระเยาว์ ทรงได้รับการปลูกฝังด้านหน้าที่ต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนชาวไทย หมวดที่ ๔ ทรงเป็นประธานมูลนิธิสายใจไทย เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๘ หมวดที่ ๕ ทรงดำรงตำแหน่งอุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย

หมวดที่ ๖ ทรงเริ่มงานพัฒนาเด็กและเยาวชนเพื่อเป็นพลังสำคัญของประเทศ หมวดที่ ๗ ส่งเสริมโภชนาการ สุขภาพอนามัยแม่และเด็กในถิ่นทุรกันดาร หมวดที่ ๘ ว่าด้วยการศึกษา หมวดที่ ๙ ว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและมรดกทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมวดที่ ๑o พระอัจฉริยภาพในด้านศิลปะ ดนตรี กวีนิพนธ์และการประพันธ์วรรณกรรม หมวดที่ ๑๑ พระเกียรติคุณในนานาประเทศ หมวดที่ ๑๒ การให้ความช่วยเหลือมนุษยชาติในต่างแดน หมวดที่ ๑๓ พระราชกรณียกิจด้านการพระศาสนา และ หมวดที่ ๑๔ พระราชกรณียกิจด้านสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ

ขณะนี้ศิลปินดำเนินการเขียนภาพเสร็จแล้วทั้งหมด ๗๗ ภาพ อาทิ ผลงาน สมเด็จพระเทพ “ทรงพระเจริญ” ของ อ.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๔o และผลงาน “ทรงพระเจริญ” ของ อ.วิโชค มุกดามณี ศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๕๕ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมจะนำภาพทั้งหมด จัดแสดง ระหว่างวันที่ ๑๖-๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ

หลังจากนั้น จะจัดนิทรรศการสัญจรไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ ๑๕-๓o ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาคกลาง จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ ๑๕-๓o มกราคม ๒๕๕๙ ณ มหาวิทยาลัยบูรพา ภาคใต้ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์-๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ภาคเหนือ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ ๑๕-๓o มีนาคม ๒๕๕๙ ณ ขัวศิลปะ เข้าชมนิทรรศการโดยไม่เสียค่าใช้ใดๆ สอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มส่งเสริมเครือข่ายและประสานราชการภูมิภาค กระทรวงวัฒนธรรม โทร. o-๒๔๒๒-๘๘๘๓-๗















ภาพและข้อมูลจาก
kku.ac.th
komchadluek.net














เปิดตัวหนังสือ ‘ศิลป์สิรินธร์ ศิลปินสยาม’



เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จัดทำหนังสือ “ศิลป์สิรินธร์ ศิลปินสยาม” เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดถึงพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะที่ทรงสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทรงพระเยาว์ตราบจนปัจจุบัน เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนได้ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถทางด้านศิลปกรรมวรรณกรรม และภาพถ่ายฝีพระหัตถ์





ร.ท.ดร.สุวิทย์ ยอดมณี และ ฐาปน สิริวัฒนภักดี



ทั้งนี้ ร.ท.ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รองประธานกรรมการ และเลขาธิการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ พร้อมด้วยนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ และประธานกรรมการ จัดทำหนังสือฯ, ศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร กรรมการจัดทำหนังสือฯ และผู้เขียนบทความที่ใช้ชื่อว่า “ศิลปกรรมรังสรรค์”, ผศ.ดร.ญาดา อรุณเวช อารัมภีร กรรมการจัดทำหนังสือฯ และผู้เขียนบทความที่ใช้ชื่อว่า “วรรณศิลป์สุนทรีย์” และ นิติกร กรัยวิเชียร กรรมการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ และกรรมการ และเลขานุการจัดทำหนังสือฯ รวมทั้งผู้เขียนบทความด้านภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ (แสง สี เงาฉาย) ร่วมงานแถลงข่าว ณ คริสตัล คอร์ทฝั่ง North ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ร.ท.ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รองประธานกรรมการ และเลขาธิการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ กล่าวว่า มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ได้มีการประชุมร่วมกันตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ว่าจะจัดทำหนังสือ“ศิลป์สิรินธร์ ศิลปินสยาม” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๕ รอบ โดยใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าถึง ๒ ปี เต็ม ๆ เพื่อให้หนังสือออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งนี้ บทความในหนังสือได้มีการถ่ายทอดถึงพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะที่ทรงสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง นับแต่ทรงพระเยาว์ตราบจนปัจจุบัน เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนได้ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถทางด้านศิลปกรรม วรรณกรรม และภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะฝึกฝน และสร้างสรรค์งานศิลปะหลากหลายรูปแบบมาโดยตลอด เป็นเวลานานหลายสิบปี ส่วนการถ่ายภาพอย่างจริงจังนั้น เริ่มขึ้นเมื่อทรงเจริญพระชนมายุเป็นผู้ใหญ่แล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ทรงพัฒนาพระปรีชาสามารถอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากบทความ ๓ เรื่องในหนังสือ “ศิลป์สิรินธร์ ศิลปินสยาม”





ศ.เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร, ผศ.ดร.ญาดา อรุณเวช อารัมภีร และ นิติกร กรัยวิเชียร



ด้าน ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ และประธานกรรมการจัดทำหนังสือ เผยถึงความตั้งใจ และการเผยแพร่หนังสือในครั้งนี้ว่า “นับเป็นความพร้อมใจกันจัดทำหนังสือ“ศิลป์สิรินธร์ ศิลปินสยาม” ขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่สำคัญยิ่งนี้ที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษา ๖o พรรษา โดยได้มีการทำหนังสือเพื่อขอพระราชทานพระราชานุญาตจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดทำหนังสือทั้งหมดจำนวน ๕,ooo เล่มเพื่อที่จะแจกจ่ายไปให้กับน้อง ๆ เยาวชนที่อยู่ตามโรงเรียนและสถาบันต่าง ๆ เพื่อได้มีโอกาสได้ชื่นชมและได้ศึกษาพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านเช่นเดียวกันกับบุคคลทั่วไปที่ให้ความสนใจ นอกจากนี้
จะนำหนังสืออันทรงคุณค่าเล่มนี้ไปแจกจ่ายให้กับหน่วยงานทุกภาคส่วนอีกด้วย”

ศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร กรรมการจัดทำหนังสือฯ และผู้ถ่ายทอดถึงพระอัจฉริยภาพผ่านบทความที่ใช้ชื่อว่า “ศิลปกรรมรังสรรค์” เผยว่า “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเริ่มต้นการวาดรูป ขณะมีพระชนมายุ ๓ พรรษาเศษ ต่อมาเมื่อขึ้นชั้นประถมศึกษา ทรงศึกษาวิชาศิลปะกับครูเทรุโอะ โยมูระ ชาวญี่ปุ่น แต่งานวาดรูปที่โปรดมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์มาหยุดชะงักลงเมื่อทรงสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ไม่ได้ทรงวาด และเรียนวาดรูปกับใครอย่างจริงจัง แต่ด้วยพระราชหฤทัยที่ทรงรักงานศิลปะจึงทรงศึกษางานด้วยพระองค์เอง ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย แต่ยังทรงแบ่งเวลาที่จะทรงงานศิลปะ โดยพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถวาดภาพได้ทั้งแบบภาพจิตรกรรม ภาพพิมพ์ ภาพวาดเส้น ภาพงานออกแบบ และภาพล้อที่โปรดมาก ทรงวาดภาพล้อให้กับพระอาจารย์ พระสหายบ่อย ๆ ครั้ง และเมื่อเสด็จฯ ไปต่างประเทศก็ทรงเขียนรูป แม้แต่ประชวร ปิดพระเนตรหนึ่งข้าง ก็ทรงเขียนรูปได้อย่างสบาย เรียกได้ว่าทรงเขียนรูปด้วยความเพลิดเพลิน และทรงเขียนด้วยพระราชหฤทัยรักจริง ๆ”

ผศ.ดร.ญาดา อรุณเวช อารัมภีร กรรมการจัดทำหนังสือฯ และผู้ถ่ายทอดถึงพระอัจฉริยภาพผ่านบทความที่ใช้ชื่อว่า “วรรณศิลป์สุนทรีย์” เผยว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แม้จะทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย ก็ยังทรงมีเวลาสร้างสรรค์งานศิลปะตั้งแต่ทรงพระเยาว์มาจนถึงปัจจุบัน ทรงมีลีลาการประพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยพระอารมณ์ขัน และความเป็นกันเอง ทรงเป็นนักเล่าเรื่องด้วยภาษาเข้าใจง่าย ทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพ และรู้สึกเพลิดเพลินตามไปด้วย หากพิจารณาบทกวีที่พระราชนิพนธ์จะเห็นได้ว่าทรงเป็นกวีที่มีคลังคำหลากหลาย ทรงเลือกใช้ได้เหมาะสมกับลักษณะงาน ไม่เพียงแต่คำประพันธ์ประเภทกลอนและโคลงเท่านั้นที่ทรงพระราชนิพนธ์ได้อย่างงามประณีต คำประพันธ์ประเภทกาพย์และฉันท์ ก็ทรงมีพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง นอกจากกวีนิพนธ์ไทยแล้ว พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทกวีนิพนธ์ฝรั่งเศสไว้จำนวนมาก ระหว่างพ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙ ขณะทรงศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนจิตรลดา และศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาบทกวีเหล่านี้รวมเล่มโดยใช้ชื่อว่า Reflextions หรือ ความคิดคำนึง”





คณะกรรมการจัดทำหนังสือฯ พร้อมด้วยศิลปินแห่งชาติ ให้เกียรติร่วมงานแถลงข่าว



นิติกร กรัยวิเชียร กรรมการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ, กรรมการและเลขานุการจัดทำหนังสือฯ และผู้ถ่ายทอดถึงพระอัจฉริยภาพผ่านบทความด้านภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ (แสง สี เงาฉาย) เผยว่า “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระราชหฤทัยการถ่ายภาพมาแต่ทรงพระเยาว์ เนื่องจากได้ทอดพระเนตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถ่ายภาพสม่ำเสมอมา ตั้งแต่ทรงจำความได้ แต่ไม่ได้จริงจังมากนัก จนเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖o ปี มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อมวลชนจากต่างประเทศมาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก

โดยมีนักข่าว และช่างภาพจากสาธารณรัฐประชาชนจีนท่านหนึ่งทราบว่าพระองค์เสด็จฯ ไปทรงเยือนที่จีนเป็นประจำทุกปี น่าจะมีภาพถ่ายที่ทรงถ่ายไว้ในประเทศจีนเป็นจำนวนมากพอสมควรจึงขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญให้ทรงมีส่วนร่วมในนิทรรศการภาพถ่ายในกรุงปักกิ่งครั้งนั้นด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงมีนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕o เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งภาพแต่ละภาพที่ทรงนำมาจัดนิทรรศการก็สะท้อนถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจคือ เรื่องราวในชีวิตประจำวันของพระองค์ท่าน ตั้งแต่ประทับอยู่ในพระราชสถานจนออกไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ หรือเสด็จฯ ไปนอกสถานที่ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือต่างประเทศ ก็จะมีเรื่องราวมากมายที่อยู่ในนั้น และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง”

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อหนังสือ “ศิลป์สิรินธร์ ศิลปินสยาม” ได้ที่ศูนย์หนังสือเอเชียบุ๊คทุกสาขาทั่วประเทศ และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ในราคา ๕oo บาท สำหรับหนังสือปกอ่อน โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ต่อไป



ภาพและข้อมูลจาก
soclaimon.wordpress.com













พราวรุ้งแห่งพระโพธิญาณ



งานจิตรกรรมเชิงพุทธศิลป์ของ รศ.ดร.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ เป็นจิตรกรรมที่มีพัฒนาการ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งต้องใช้เวลาในการผลิตผลงานสร้างสรรค์ ด้วยรายละเอียดที่ปราณีตและการรวบรวมผลงานในการจัดแสดงจึงต้องใช้เวลาหลายปี ถึงจะเป็นหนึ่งนิทรรศการ ซึ่งนับได้ว่างานศิลปกรรมลักษณะนี้ เป็นงานพุทธศิลป์ร่วมสมัย ที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ในยุคสมัยนี้ ไม่ค่อยจะพบผู้ที่ทำงานสร้างสรรค์และมีการอนุรักษ์ขนบจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ไปพร้อม ๆ กันได้อย่างสมบูรณ์ลงตัว

นิทรรศการ “พราวรุ้งแห่งพระโพธิญาณ” ผลงานจิตรกรรมพุทธศิลป์ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธาแห่งพุทธศาสนา ของ รศ.ดร. สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ สะท้อนให้เห็นถึงลายเส้นที่อ่อนช้อย พลิ้วไหว เต็มไปด้วยความละเมียด ที่มีเทคนิคเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฝีมือที่ผ่านการเคี่ยวกรำกว่า ๒ ทศวรรษ ใช้ความรู้ ความรัก และความคิด ผลิตจินตนาการ พัฒนางานจิตรกรรมไทยร่วมสมัยให้เกิดความหลากหลาย ด้วยหวังให้ภาษาภาพช่วยเปิดมิติศาสตร์แห่งศิลป์ ตั้งใจให้ผลงาน นิทรรศการ “พราวรุ้งแห่งพระโพธิญาณ” เป็นนิทรรศการที่เสนอสาระที่กล่าวถึงการตรัสรู้ และหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสดาองค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า เป็นการเผยแพร่พุทธธรรมอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะศิลปะก็เป็นภาษาที่เป็นสากลรูป รูปหนึ่ง สามารถอธิบายได้มากกว่าคำ พันคำ ช่วยหนุนนำจิตใจผู้ชมให้เข้าถึงหลักธรรมคำสอนขององค์สัมมา สัมพุทธเจ้าง่ายขึ้น โดยเตรียมจัดนิทรรศการครั้งใหญ่ที่เกิดจากการสร้างสรรค์งานอย่างต่อเนื่อง สะสมผลงาน มาเป็นระยะเวลา ๔ ปี จะจัดแสดงครั้งหนึ่ง ด้วยผลงานชุดใหม่ที่นำมาจัดแสดงประมาณ ๖o ชิ้นงาน ประกอบด้วย งานจิตรกรรม ๔o ชิ้น ประติมากรรม ๑o ชิ้น และผลงานยืมแสดง ๑o ชิ้น (จากนิทรรศการที่ผ่านมา) ถือว่าเป็นอีกก้าวบนเส้นทางศิลปะ ที่ศิลปินจะได้พิสูจน์ความรักในการสร้างสรรค์ ที่ทำขึ้นด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ทั้งทุ่มเทแรงความคิด สติปัญญา ถ่ายทอดมาสู่งานจิตรกรรม ประติมากรรม และงานสลักไม้สื่อผสมที่สร้างสรรค์ขึ้น ในระยะเวลาหลายปีที่รวบรวมผลงาน

รศ.ดร.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ ได้รับรางวัลทางด้านศิลปกรรม คือ เหรียญทองจิตรกรรมบัวหลวง ซึ่งเป็นเครื่องรางวัลยืนยันความสำเร็จอีกทั้งจัดแสดงงานทุกครั้งมีผู้เข้าชมมากมาย ทั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นศิลปิน หากแต่เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาที่ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี คลองหก ซึ่งเป็นโอกาสให้ได้เผยแพร่ความรู้และผลงานให้สาธารณชนได้เสพงานศิลป์ ซึ่งศิลปินเป็นหน่วย หรือ กลุ่มหนึ่ง ในสังคมศิลปะที่จะผลักดันพัฒนาการ ทางด้านศิลปะวัฒนธรรมแบบไทย มีความเคลื่อนไหว และมีพัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคตทัดเทียมกับศิลปะของอารยะประเทศ



ภาพและข้อมูลจาก
queengallery.org













ยลวังหน้ายามเย็น เยือนพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ



กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมจัดกิจกรรม “ยลวังหน้ายามเย็น เยือนพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ”หรือไนท์มิวเซียม เปิดให้ประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๓๐ น. ทุกวันศุกร์และวันเสาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๘– มีนาคม ๒๕๕๙

มิวเซียมสยาม เตรียมเปิดให้เที่ยวพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืนฟรีส่งท้ายปี มุ่งหวังให้ทุกคนได้รู้จัก สัมผัสประสบการณ์ และสร้างความคุ้นเคยกับการเข้าพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนเรียนรู้เรื่องราวทางสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ผ่านนิทรรศการต่าง ๆ อาทิ นิทรรศการถาวรชุด “เรียงความประเทศไทย” นิทรรศการหมุนเวียนชุด “ประสบการณ์หู สู่อาเซียน” พร้อมเตรียมจัดงาน “ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม” ครั้งที่ ๖ ในเดือนธันวาคม

นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) หรือ มิวเซียมสยาม กล่าวว่า ในเดือนธันวาคมที่กำลังจะถึงนี้ มิวเซียมสยามกำหนดเปิดพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืนให้ประชาชนได้เข้าชมฟรี เป็นระยะเวลา ๓ วัน โดยมุ่งหวังให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้รู้จัก สัมผัสประสบการณ์ และสร้างความคุ้นเคยกับการเข้าพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนเรียนรู้เรื่องราวทางสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ผ่านการชมนิทรรศการ และกิจกรรมที่หลากหลาย อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันนิทรรศการที่จัดแสดง ณ มิวเซียมสยาม (ท่าเตียน) มีอยู่ ๒ ชุดด้วยกันคือ นิทรรศการ “เรียงความประเทศไทย” กับ นิทรรศการ “ประสบการณ์หู สู่อาเซียน”

สำหรับนิทรรศการ “เรียงความประเทศไทย” เป็นนิทรรศการถาวรของมิวเซียมสยาม ซึ่งจัดแสดงมาแล้วกว่า ๗ ปี โดยเป็นการบอกเล่าถึงพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของภูมิภาคอุษาคเนย์ นับตั้งแต่สมัยแผ่นดิน “สุวรรณภูมิ” (๓,ooo ปีก่อน) อันประกอบด้วยอารยธรรมต่าง ๆ ก่อนการรับวัฒนธรรมจากอินเดียและจีน เรื่อยมาจนถึงกำเนิดสยามประเทศและก้าวสู่ประเทศไทยในปัจจุบัน นำเสนอผ่านห้องนิทรรศการจำนวน ๑๗ ห้อง โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๓ ช่วงหลัก ได้แก่ ช่วงที่ ๑ “สุวรรณภูมิ” นำเสนอเรื่องราวของดินแดนสุวรรณภูมิและประเทศไทยในปัจจุบัน ย้อนกลับไปราว ๓,ooo ปีก่อน การรับพุทธศาสนาและศาสนาฮินดูเข้ามา จนกระทั่งกลายเป็นศาสนาหลักจนถึงปัจจุบัน ช่วงที่ ๒ “สยามประเทศ” นำเสนอเรื่องราวการสถาปนากรุงศรีอยุธยาซึ่งถือเป็นอาณาจักรใหญ่ที่ครอบคลุมดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันเกือบทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญในการกำเนิดขึ้นของ “สยามประเทศไทย” ช่วงที่ ๓ “ประเทศไทย” นำเสนอพัฒนาการของดินแดน ผู้คน และสังคมจากแบบจารีตมาสู่สังคมสมัยใหม่ในปัจจุบัน

นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการที่กรมศิลปากรได้จัดกิจกรรม “ยลวังหน้ายามเย็น เยือนพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ” หรือ ไนท์มิวเซียม โดยมีการเปิดตัวกิจกรรมไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีกระแสตอบรับที่ดี สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงได้เตรียมจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นอีกครั้ง ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสมนต์เสน่ห์สถาปัตยกรรมวังหน้า และความเป็นมาแห่งอารยธรรมไทยในช่วงเวลาค่ำ ประกอบด้วย การนมัสการพระพุทธสิหิงค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พร้อมชมจิตรกรรมฝาผนังแห่งยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ชมนิทรรศการพิเศษ“ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน สัมผัสความรุ่งโรจน์แห่งอารยธรรมอันยาวนานบนผืนแผ่นดินไทยในอดีต ชมพระตำหนักแดงที่ประทับของเจ้านายฝ่ายในสำคัญหลายพระองค์ ชมนิทรรศการพิเศษ “วิจิตรภูษาพัสตราภรณ์” ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย สัมผัสความงดงามของอิสริยพัสตราภูษาภัณฑ์ ผ้าเขียนทองโบราณราคาสิบล้านบาทและผ้าหายากจากหลากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ ชมความอลังการในงานประณีตศิลป์ของราชรถราชยาน และเครื่องประกอบพระอิสริยยศในงานพระเมรุ ณ โรงราชรถ ทั้งนี้ ได้จัดเตรียมวิทยากรนำชม วันละ ๒ รอบ รอบแรกเวลา ๑๗.๓๐ – ๒๐.๐๐ น. และรอบสองเวลา ๑๘.๐๐ – ๒๐.๓๐ น.

ส่วนนิทรรศการ “ประสบการณ์หู สู่อาเซียน” เป็นนิทรรศการหมุนเวียนที่จัดแสดงขึ้นเป็นระยะเวลา ๔ เดือน หรือจนถึงวันที่ ๒o ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยเป็นนิทรรศการที่รวบรวมเสียงในหลายมิติจากทั่วอาเซียน อาทิ ดนตรี วิถีชีวิต ธรรมชาติ ศาสนา ฯลฯ มาร้อยเรียงไว้เป็นนิทรรศการ ที่มุ่งนำเสนอให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสิบชาติอาเซียนผ่านการฟัง ด้วยหวังว่าจะนำผู้ฟังไปสู่การเปิดใจยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมของภูมิภาค และเรียนรู้ความเชื่อมโยงระหว่างตนเองกับผู้อื่นได้อย่างเข้าใจมากขึ้น โดยนิทรรศการแบ่งออกเป็น ๒ โซน ได้แก่ โซนแรก “นิทรรศการเสียง” นำเสนอประสบการณ์ทางเสียงผ่านจอวีดิทัศน์ พร้อมหูฟังคุณภาพสูง ให้ผู้ฟังได้เรียนรู้อาเซียนผ่านเสียงต่าง ๆ อาทิ เสียงดนตรีเขมรในยุค ๖o ที่เหลือรอดจากการกวาดล้างของเขมรแดง เสียงนกเงือกและชีวิตของผืนป่าแห่งซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว ฯลฯ โซนที่สอง “นิทรรศการสื่อผสม ๓๖o องศา” ใช้เทคโนโลยีทัชสกรีน ประกอบสื่อมัลติมีเดียมาแสดงภาพพร้อมเสียงรอบทิศให้ผู้ชมสามารถหมุนได้รอบตัวเพื่อชมนิทรรศการอันน่าตื่นตาตื่นใจ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมในลักษณะของกาล่าดินเนอร์ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้อิ่มเอมกับอาหารชาววังมื้อค่ำ พร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์และการบรรเลงเครื่องสายจากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ณ ศาลาสำราญมุขมาตย์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นพิเศษเพียง ๕ รอบ รอบแรก วันศุกร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รอบสอง วันศุกร์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ รอบสาม วันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๙ รอบสี่ วันศุกร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙และรอบสุดท้ายวันศุกร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสำรองบัตร และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร โทรศัพท์ ๐-๒๒๒๔-๑๓๗๐, ๐-๒๒๒๔-๑๔๐๔ หรือ //www.facebook.com/nationalmuseumbangkok















ภาพและข้อมูลจาก
finearts.go.th
manager.co.th













สมเด็จพระเทพฯ ดวงแก้วในดวงใจ



กลุ่มบริษัท นานมี ร่วมเทิดพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา ขอเชิญน้องๆเยาวชนร่วมถ่ายทอดความรู้สึก และแสดงความจงรักภักดีให้คนไทยได้ร่วมชื่นชมผ่าน การประกวดวาดภาพเยาวชน "ฮอร์สอะวอร์ด ครั้งที่ ๑o" ในหัวข้อ "สมเด็จพระเทพฯ ดวงแก้วในดวงใจ" ด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปรียบประดุจ "ดวงแก้ว" ที่ประทับตราตรึงอยู่ใน "ดวงใจ" ของพสกนิกรชาวไทยทุกคนด้วยพระอัจฉริยภาพ พระราชจริยวัตรอันงดงาม ที่ทรงพระเมตตาต่อพสกนิกรตลอดมา และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็ก เยาวชน คนไทยทั้งประเทศ สามารถนำมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต

โดยเป็นการประกวดเป็น ๓ ระดับ คือ กลุ่ม ๑ ระดับอนุบาลและประถมศึกษาตอนต้น(อ.๑-ป.๓) กลุ่ม ๒ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย(ป.๔-ป.๖) และ กลุ่ม ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑- ม.๓) สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ - ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ สอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.nanmee.com โทร. o๒-๖๔๘-๘ooo ภาพผลงานจะนำมาจัดแสดงให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชมพระบารมีอันแผ่ไพศาลของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในนิทรรศการ "หนึ่งทศวรรษ ฮอร์ส อะวอร์ด นานมีไฟน์ อาร์ต อะวอร์ด" โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ​ เป็นองค์ประธานเปิดงาน ในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ อาคารนานมี สาทรเหนือ















ภาพและข้อมูลจาก
sanook.com













อยากให้ทุกคนโฟกัสเรื่องให้กำลังใจ มากกว่าการรักษาของแพทย์
“อาทิตย์ กรรณิการ์” เจ้าของภาพวาด “ปอ- ทฤษฎี และน้องมะลิ"



“ผมว่า เราไม่น่าไปโฟกัสเรื่องที่แพทย์ตัดสินใจทำอะไรลงไป เพราะนั่นผมเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่จรรยาบรรณแพทย์จะรักษาชีวิตของผู้ป่วยเอาไว้ให้ได้ แต่ตอนนี้ เราน่าจะโฟกัสการให้กำลังใจปอและญาติพี่น้องของเขา สิ่งที่พวกเขาต้องเจอมันก็เจ็บช้ำมากพอสมควรแล้ว ยังต้องออกมาแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์อีก เราน่าจะเว้นระยะให้พวกเขามีความเป็นส่วนตัวหน่อยมั้ยครับ และให้กำลังใจอยู่ห่างหน่อย”

คือความเห็นของ อาทิตย์ กรรณิการ์ ศิลปินเจ้าของภาพวาด ปอ- ทฤษฎี สหวงษ์ และ น้องมะลิ หนึ่งในผู้ที่ต้องการส่งกำลังใจให้กับปอและครอบครัว หลังจากที่ติดต่ามข่าวการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกของนักแสดงหนุ่ม มาโดยตลอด และหลังจากที่ล่าสุด(๒๒ พ.ย. ๒๕๕๘) โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้มีประกาศแจ้งให้ทุกคนที่ติดตามข่าวได้ทราบถึงเหตุจำเป็นที่ต้องตัดขาซ้ายเหนือข้อเท้าของนักแสดงหนุ่ม เพื่อรักษาชีวิต

เนื่องจากอาทิตย์เห็นว่า สิ่งที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ สำหรับคนที่รักและชื่นชมในตัวนักแสดงหนุ่ม คือการให้กำลังใจนักแสดงหนุ่มและครอบครัว มากกว่ามุ่งให้ความสนใจไปที่การตัดสินใจและขั้นตอนการรักษาของแพทย์ ซึ่งอาจกระทบกระเทือนความรู้สึกของครอบครัวนักแสดงหนุ่ม

และยินดีหากทุกคนจะนำภาพวาดของตนเองไปใช้งานและเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงออกเพื่อให้กำลังใจนักแสดงหนุ่มและครอบครัว เพราะตนมีความตั้งใจวาดขึ้นเพื่อให้กำลังใจ ไม่ใช่เพื่อการค้าใด ๆ

“ผมเองเป็นครีเอทีฟ และเป็นศิลปินวาดภาพ ทำได้ดีสุดในฐานะผู้ชมก็คือสร้างผลงานขึ้นมา เพื่อให้สังคมรับรู้ว่า เราคือหนึ่งในคนที่ให้กำลังใจ แต่ผ่านทางการวาดภาพ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับทุกคนที่โพสต์ข้อความให้กำลังใจ และหวังว่า ปอจะฟื้นคืนมาในเร็ววันในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ผลงานของผม ใครจะแชร์ จะเซฟ เอาไปทำวอลเปเปอร์ โปรไฟล์ เอาไปอัดใส่กรอบ สกรีนลงเสื้อ พวงกุญแจ ฯลฯ ก็ตามสบายนะครับ ผมขอบอกอนุญาตมา ณ ที่นี้้เลย เพราะโดยส่วนตัวผมจะไม่นำผลงานพวกนี้มาผลิตเพื่อการค้าใด ๆ ครับ

ส่วนการให้เครดิตกับงานผม ผมขอแค่เป็นมารยาท เพราะถ้าผมแชร์งานศิลปินท่านใด ผมก็จะให้เครดิตกับเขาเช่นกัน อันนี้ไม่ได้คิดว่าต้องได้อะไร แต่อยากให้เป็นความเคยชินกับการให้เกียรติผลงานศิลปินทุก ๆ คน ทุก ๆ สายอาชีพที่ผลิตงานขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ขอบุญรักษาปอ และครอบครัวครับ”

นอกจากนี้ แจ้งให้ทราบสำหรับผู้ที่ต้องการ พระบรมสาทิสลักษณ์(ภาพวาด) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วาดโดย อาทิตย์ กรรณิการ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพื่อนำไปใช้งานหรือปริ๊นใส่กรอบรูปติดผนังบ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามลิงค์ข้างล่างนี้

dropbox.com

"ผมไม่กล้าวาดภาพในหลวง แม้จะมีคนบอกให้วาดนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าตอนนั้นฝีมือยังดีไม่พอ การที่จะวาดพระบรมสาทิสลักษณ์สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก จนวันนี้ ผมคิดว่า ผมไม่ได้อยากวาดแค่รูปในหลวง แต่ผมอยากสะท้อนภาพความจงรักภักดีลงไปในภาพวาดของผม

ดังนั้น รูปวาดรูปนี้ ผมขอแจกไฟล์ HIRES ให้ทุกคนนะครับ โดยมีข้อแม้นิดเดียวเองครับ ดาวน์โหลดไฟล์ไปแล้ว เอาไปใช้ทำอะไร ส่งภาพกลับมาให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ บางคนอาจเอาไปพิมพ์ใส่กรอบติดบ้าน บางคนเอาไปพิมพ์ลงเสื้อ หรือเอาไปทำบิลบอร์ดหน่วยงาน สถานศึกษา อย่างไรก็ขอให้ส่งรูปกลับมาให้ศิลปินหน่อยนะครับ

ไฟล์นี้มีขนาดไฟล์ 16X20 นิ้วที่ความละเอียด 300dpi ดังนั้น ไฟล์สามารถขยายได้ใหญ่กว่านี้ถึง ๒-๓ เท่า เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ"

ติดตามผลงานของ อาทิตย์ กรรณิการ์ ได้ทาง facebook : Arthit Kannikar







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th













ซึมซับวัฒนธรรมดอกไม้ เทศกาลชมดอกแว้นด้ารับลมหนาว



ก้าวสู่ปีที่ ๔ ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้ และเผยแพร่วัฒนธรรมการจัดดอกไม้ของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมทั้งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ พร้อมต้อนรับเหมันต ฤดูที่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้านานนี้






โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวเทศกาลดังกล่าว นำโดยสกุล อินทกุล นักจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ สุมาลี ตั้งจิตติ์ศีล ผู้แทนจากจิม ทอมป์สัน หนึ่งในผู้สนับสนุน ภัทรียา ณ นคร เซเลบริตี้สาว พร้อมด้วยเน็ต ไอดอลคนดัง กาลเวลา เสาเรือน โดยมีผู้แทนจากอีก ๕ องค์กรสนับสนุน ได้แก่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ JIM THOMPSON เข้าร่วมเป็นเกียรติ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงตัวอย่างงาน Installation จัดแสดงดอกแวนด้ากับงานหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่อีสาน เวิร์คช้อปจัดดอกแวนด้าแบบร่วมสมัย และตัวอย่างงานออกร้านผลิตภัณฑ์จาก “ฟลอร่า มาก๊ะ มาร์เก็ต” ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ซอยองครักษ์ ๑๓ ถนนสามเสน ๒๘






สกุล อินทกุล ศิลปินนักจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้กล่าววัตถุประสงค์ในการจัดเทศกาลดอกไม้ ครั้งที่ ๒ ว่า “ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ ๔ ของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ซึ่งตรงกับปีมหามงคล เนื่องในโอกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามมกุฎราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวาระมงคลนี้ จึงตั้งใจเลือกดอกไม้ที่มีสีม่วงซึ่งเป็นสีวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน คือแวนด้า ซึ่งเป็นกล้วยไม้สกุลหนึ่งที่ออกดอกเต็มที่ในช่วงปลายปี และตรงกับช่วงเวลาจัดงานเทศกาลดอกไม้ในปีนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ถึง ๑๓ ธันวาคม โดยได้รวบรวมแวนด้าหลายสายพันธุ์ทั้งสีม่วง และสีชมพู ประมาณ ๒๐-๓๐ ชนิด รวมทั้งแวนด้าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่หาชมได้ยากนำมาแสดงในงานนี้ด้วยอาทิ ฟ้ามุ่ย ซึ่งเป็นแวนด้าพันธุ์พื้นเมืองของภาคเหนือ เป็นต้น






“ธีมงานนิทรรศการครั้งนี้จะเป็นการจัดวางดอกแวนด้ากับงานหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่อีสาน ในรูปแบบ Installation Art ประดับประดาทั่วบริเวณพิพิธภัณฑ์ฯ เช่น ชิ้นงานอุโมงค์ดอกไม้ขนาดใหญ่ระหว่างทางเชื่อมสู่บริเวณสวน ที่จะสร้างความตื่นตาและมั่นใจว่าจะเป็นแลนด์มาร์คที่ผู้เข้าชมจะได้บันทึกภาพสวย ๆ เป็นที่ระลึกหรือโพสต์ให้เพื่อนฝูงได้ชื่นชมกันแน่นอน นอกจากนี้ยังจะมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย ทั้งการสาธิตจัดดอกไม้ทุกวันเสาร์, เวิร์คช็อปการจัดดอกไม้, การวาดรูปด้วยสีดอกไม้ รวมทั้งได้รับสาระความรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ดอกไม้ต่าง ๆ จากกิจกรรมเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในปีนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านดอกไม้และผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในแวดวงศิลปะ สถาปัตยกรรม และฮวงจุ้ย ร่วมแบ่งปันความรู้ที่น่าสนใจ เช่น ฮวงจุ้ยดอกไม้ไขพลังจักรวาลเสริมพลังปีวอก โดยกชกร พรมไชย,ลวดลายดอกไม้ในงานสถาปัตยกรรมไทย โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์พงศกร ยิ้มสวัสดิ์ และเพื่อเอาใจนักช้อปในสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดเทศกาล จะมีการออกร้านในชื่อ “ฟลอร่า มาก๊ะ มาร์เก็ต” เพื่อจำหน่ายงานฝีมือและงานหัตถกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๒ พ.ย. และ ๑๐ . ๑๓ ธ.ค. ด้วย”






ศิลปินนักจัดดอกไม้ชื่อดัง บอกแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ที่เริ่มต้นจากภาพร่างในความคิด แปรเป็นภาพวาด และทดลองทำเป็นต้นแบบเป็นโครงสร้างจริง ๆ ขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ปัญหาและอุปสรรค นำไปสู่การปรับปรุงให้ชิ้นงานสวยและสมบูรณ์ที่สุด พร้อมกล่าวถึงคอนเซ็ปต์ในการนำงานหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ของภาคอีสานมาออกแบบเพื่อใช้ในการประดับตกแต่งร่วมกับแวนด้า ว่า “ไม้ไผ่ เป็นวัสดุธรรมชาติที่นอกจากแสดงถึงความเป็นเอเชียแล้ว ยังสามารถนำมาประยุกต์เป็นงานโครงสร้างสถาปัตยกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น อุโมงค์ไม้ไผ่ ที่มีความแข็งแรงสามารถคงรูปอยู่ได้เป็นปี หรือการใช้สุ่มจับปลามาเรียงต่อกันเป็นแนวยาว ซึ่งสามารถนำมาแขวนหรือวางราบกับพื้น ก็เป็นการตกแต่งอีกรูปแบบหนึ่งที่สวยแปลกตา หรือนำงานจักสานไม้ไผ่ที่ใช้ในชีวิตประจำวันตามชนบท ไม่ว่าจะเป็น จ่อ (สำหรับเลี้ยงไหม) สุ่มไก่ รังไก่ ไซดักปลา หรือ ลูกหวาย ที่ใช้เล่นกีฬาตะกร้อ ก็สามารถนำมาสร้างสรรค์ร่วมกับดอกแวนด้าได้อย่างลงตัว สำหรับคุณลักษณะพิเศษของแวนด้าคือ เป็นดอกหน้าเดียว ดังนั้นจึงสามารถนำมาออกแบบ Installation ให้ดูโมเดิร์นได้เป็นอย่างดี โดยแยกเป็นดอกเดี่ยว ๆ แล้วจัดประกอบให้เป็นงานศิลปะจัดวางที่จะได้ความแปลกตา ซึ่งผลงาน Installation จะจัดตามจุดต่าง ๆ กระจายทั่วบริเวณงาน”






พร้อมกันนี้ สกุล ได้ให้คำแนะนำในการการดูแลกล้วยไม้แวนด้าให้ผลิดอกสวยงาม ว่า “อากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทยเหมาะสมในการปลูกแวนด้า บางคนมักคิดว่ากล้วยไม้หรือเฟิร์น ไม่ชอบแสง ต้องอยู่แต่ในที่ร่ม ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด แต่ต้องแสงแดดพอดี อุณหภูมิเหมาะสม ให้น้ำและใส่ปุ๋ยบำรุงให้พอดี เมื่อเข้าหน้าหนาวแวนด้าจะออกดอกสวยเต็มที่”

ด้าน ภัทรียา ณ นคร เซเลบริตี้สาวสวย เผยความประทับใจจากที่เคยร่วมกิจกรรมกับพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้เมื่อปีที่ผ่านมา ว่า “พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ เปิดรับสำหรับทุกคน ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านใดเป็นพิเศษ แค่มีความรักในดอกไม้ และผู้หญิงกับดอกไม้เป็นของคู่กัน รวมทั้งทำให้ชีวิตสดใส สดชื่น จึงอยากให้ดอกไม้บานในจิตใจของทุกคน นอกจากมาสัมผัสความงดงามของดอกไม้แล้ว ในงานครั้งนี้ยังมีเวิร์คช็อปมากมาย ทั้งการจัดดอกไม้ ปักผ้า และเสวนาน่าสนใจต่าง ๆ ขอเชิญชวนทุก ๆ คนให้ลองมาเที่ยวชม เพราะนอกจากตื่นตากับความสวยงาม และความเพลิดเพลินใจแล้ว ยังได้ความรู้ อาจได้ทักษะใหม่ ๆ ติดตัวเป็นความสามารถพิเศษส่วนตัวกลับไปด้วย”

เตรียมมาชื่นชมความงดงามของดอกแวนด้าสวยสะพรั่ง หลากสายพันธุ์อย่างเพลิดเพลินใจ ในงาน เทศกาลชมดอกแวนด้ารับลมหนาวซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ถึง ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘



ภาพและข้อมูลจาก
praew.com













นิทรรศการภาพพิมพ์ การเดินทางสาย "ศิลปะ" ของผม



นิทรรศการภาพพิมพ์ การเดินทางสาย "ศิลปะ" ของผม ผลงานโดย พงศ์เดช ไชยคุตร (Pongdej Chaiyakut) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ - ๒ มกราคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ ขัวศิลปะ : ArtBridgeChiangRai (ABCR)

นิทรรศการภาพพิมพ์ การเดินทางสาย "ศิลปะ" ของผม
โดย พงศ์เดช ไชยคุตร

นิทรรศการที่รวมผลงานภาพพิมพ์ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๘-๒๕๕๘ จำนวน ๗o ชิ้น
เปิดนิทรรศการวันเสาร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.
ประธานในพิธีโดย คุณชาย นครชัย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.)
ณ ขัวศิลปะ เชียงราย

นิทรรศการจัดแสดงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘- ๒ มกราคม ๒๕๕๙
ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ เชียงราย
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๑o.oo - ๑๙.oo น. ไม่มีค่าเข้าชม



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com













For the Good



นิทรรศการ "For the Good" ผลงานโดย Lucy Sarneel จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน - ๒๖ ธันวาตม ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันที ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น. ณ ATTA Gallery



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com













๑oo ปี ประยูร จรรยาวงษ์ ชวนเด็กวาดการ์ตูนประกวด



ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้มูลนิธิฯ จะจัดกิจกรรมขึ้นหลาย ๆ กิจกรรมเพื่อรำลึกถึงราชาการ์ตูนไทย ประยูร จรรยาวงษ์ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาลของท่าน

ประยูร จรรยาวงษ์ หรือ “น้ายูร” ของพวกเราในแวดวงหนังสือพิมพ์ หรือ “จรรย์” เจ้าของนามปากกาที่เขียนการ์ตูนล้อการเมืองในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ก่อนจะมาอยู่กับไทยรัฐ เป็นเวลากว่า ๒o ปีและจากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕

ผลงานอันโด่งดังของท่านนอกจากการ์ตูนล้อการเมืองดังกล่าวแล้ว ยังมีการ์ตูนชุด “ขบวนการแก้จน” นำเสนอวิธีขจัดความอดอยากยากจนของคนไทยผ่านยอดชาย “นายศุขเล็ก” ที่ถือเป็นมรดกทางวรรณกรรมอันทรงคุณค่าของประเทศไทยอีกชิ้นหนึ่ง

เรื่องราวเกี่ยวกับผลงานและความยิ่งใหญ่ของราชาการ์ตูนไทยท่านนี้รวมตลอดไปจนถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงท่าน ผมจะทยอยเขียนกราบเรียนท่านผู้อ่านเป็นระยะ ๆ ในโอกาสต่อ ๆ ไป

สำหรับวันนี้ขออนุญาตเน้นเป็นพิเศษเฉพาะโครงการแรกที่ได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ข่าวคราวยังไม่เผยแพร่มากนัก เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบอย่างกว้างขวางเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นเป้าหมายของโครงการแรกโดยตรง

นั่นก็คือโครงการจัดประกวดวาดภาพการ์ตูนชิง “รางวัล ประยูร จรรยาวงษ์” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายกับชั้นมัธยมตอนปลาย รวม ๒ ระดับด้วยกัน

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะเฟ้นหาเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีฝีมือในการวาดการ์ตูนควบคู่ไปกับการส่งเสริมแนวความคิดการพึ่งพาตนเองในแบบวิถีไทย ที่ประยูร จรรยาวงษ์ ได้นำเสนอไว้ในการ์ตูนชุด “ขบวนการแก้จน” ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐติดต่อกันยาวนานไม่น้อยกว่า ๒o ปีดังกล่าว

ผู้ชนะเลิศการประกวดระดับประถมศึกษาตอนปลายจะได้รับทุนการศึกษา ๒๕,ooo บาท รองชนะเลิศ ๑๕,ooo บาท และรองชนะเลิศอันดับสอง ๗,๕oo บาท ส่วนผู้ชนะเลิศในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จะได้รับทุนการศึกษา ๓o,ooo บาท รองชนะเลิศ ๒o,ooo บาท และรองชนะเลิศอันดับสอง ๑o,ooo บาท

ทั้งนี้ คณะกรรมการได้กำหนดหัวข้อการประกวดสำหรับระดับประถมศึกษาตอนปลายไว้ว่า “เล่นสนุกได้ประโยชน์แบบศุขเล็ก” และ “พึ่งพาตนเองแบบศุขเล็ก” สำหรับระดับมัธยมปลาย

น้องๆส่วนใหญ่คงเกิดไม่ทันยุค “ยอดชายนายศุขเล็ก” โด่งดัง โปรดศึกษารายละเอียดได้จากหนังสือการ์ตูนชุด “ขบวนการแก้จน” ซึ่งมีการจัดพิมพ์หลายครั้ง และน่าจะมีตามห้องสมุดต่าง ๆอยู่บ้าง

แต่ถ้าค้นหาไม่เจอ ก็เข้าเว็บไซต์ //www.sooklek.com หรือ “www.facebook.com/ศุขเล็ก โดยประยูร จรรยาวงษ์” ได้เลยจะมีตัวอย่างการ์ตูน ขบวนการแก้จน และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ให้ในกติกาที่กำหนดไว้ ภาพที่จะส่งประกวดจะต้องเป็นการ์ตูนลายเส้นขาวดำ วาดในกระดาษขนาด A4 เท่านั้น

เนื้อหาเป็นการ์ตูนภาพเดี่ยว หรือมีเรื่องราวอ่านจบในหน้าเดียว (one page comic) ไม่จำกัดจำนวนช่อง วาดเสร็จแล้วส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนไปที่ “มูลนิธิประยูร จรรยาวงษ์” เลขที่ ๑๑ ซอยรามคำแหง ๑๑ ถนนรามอินทรา แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ๑o๒๔o ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคม

หรือจะส่งอีเมลไปที่ prayoonfoundation@gmail.com ก็ได้ในกำหนดเวลาเดียวกันนี้

มูลนิธิฯ จะประกาศผลในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ และจะมีพิธีมอบรางวัลด้วยในวันดังกล่าว

ผมขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญชวนนักเรียนทั้งประถมศึกษาตอนปลาย และมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศ ส่งผลงานเข้ามาประกวดให้ทันตามวันและเวลาที่แจ้งไว้ข้างต้นนะครับ

จากนี้ไปอีกเดือนเศษ ๆ เท่านั้นเราจะรู้กันละว่ายอดการ์ตูนเยาวชนวัยรุ่นที่จะคว้า “รางวัลประยูร จรรยาวงษ์” และเติบใหญ่เป็นนักการ์ตูนไทยต่อไปในอนาคตจะมีใครบ้าง?



ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th
manager.co.th














Changing Seasons



นิทรรศการ "Changing Seasons" ผลงานโดยศิลปินชาวเวียดนาม Pham An Hai จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น. ณ Thavibu Gallery











ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com













๑๐๐ ปี มานี สุมนนัฏ ดาราดวงแรกแห่งโลกภาพยนตร์ไทย



หออภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ร่วมรำลึกถึง มานี สุมนนัฏ นักแสดงระดับ "ดารา" คนแรกของไทยในรายการพิเศษ ๑oo ปี มานี สุมนนัฏ ดาราดวงแรกแห่งโลกภาพยนตร์ไทย ผ่านคำบอกเล่าของทายาทและผู้ที่เกี่ยวข้องกับ มนต์วดี (สามโกเศศ) ประเสริฐพิพัฒ (ทายาท), อัญชลี จงคดีกิจ, โดม สุขวงศ์ และนายแพทย์พูนพิศ อมาตย กุล จิบชากาแฟยามบ่ายพร้อมรับฟังบทเพลงของมานี สุมนนัฏ และโรงถ่ายภาพยนต์เสียงศรีกรุงในรายการ "เพลงในสวนศรีกรุง" โดยวงดนตรี OAD AND HIS BAND และนักร้องรับเชิญ อรณัส ยืนยงหัตถภรณ์ (จิ้ง The Voice) ดำเนินรายการโดย นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล รวมทั้งในงานดังกล่าวหอภาพยนตร์ได้เชิญอัญชลี จงคดีกิจ หลานสาวของมานี สุมนนัฏ และตำนานบทหนึ่งในวงการหนังไทยมาประทับรอยมือ-รอยเท้าบนลานดารา เป็นดาวดวงที่ ๑๖๒ บนลานดาราอีกด้วย กิจกรรมจัดขึ้นวันเสาร์ที่ ๒๘ พ.ย. ตั้งแต่เวลา ๑๔.oo น. เป็นต้นไป ณ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)

เสาร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายนนี้ ไฮไลท์สำคัญอย่างหนึ่งในงาน "๑๐๐ ปี มานี สุมนนัฏ ดาราดวงแรกแห่งโลกภาพยนตร์ไทย" คือ รายการ "เพลงในสวนศรีกรุง" โดยวงดนตรี OAD AND HIS BAND และนักร้องรับเชิญ อรณัส ยืนยงหัตถภรณ์ (จิ้ง The Voice) ซึ่งจะพาท่านย้อนอดีตไปรื่นรมย์กับบทเพลงที่มานี สุมนนัฏ เคยร้องประกอบภาพยนตร์ของโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง อาทิ พญาน้อยชมตลาด, เมืองแม่หม้าย, กลัวเมีย และเพลงดังหนังศรีกรุงเพลงอื่น ๆ เช่น กุหลาบในมือเธอ, ตะวันยอแสง รวมทั้งชุดเพลงจากภาพยนตร์เรื่อง "เพลงหวานใจ" (ใครปั้นเธอ, เธอใกล้หรือไกล, พบเธอแล้ว, เมื่อเธอจากฉัน ฯลฯ ) ซึ่งเป็นหนังเพลงเรื่องยิ่งใหญ่ของไทยเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐

ดำเนินรายการโดย นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล เริ่มรายการตั้งแต่เวลา ๑๖.๑๕ น. เป็นต้นไป แฟนหนังเเฟนเพลงทุกท่านไม่ควรพลาด อ่านรายละเอียดงาน "๑๐๐ ปี มานี สุมนนัฏ ดาราดวงแรกแห่งโลกภาพยนตร์ไทยเพิ่มเติม ได้ที่ us5.campaign-archive2.com



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
FB ThaiFilmArchive













Art, Meet and Sale PSG Party 2015



ขอเชิญร่วมงาน “Art, Meet and Sale PSG Party 2015”

จัดโดยสมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์
วันที่ ๒๙ พ.ย. ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.oo -๒๓.oo น.
ณ Hof Art Residency, สุขุมวิท ๖๙-๗๑ (BTS พระโขนง) กรุงเทพฯ

#‎พบกับกิจกรรมทางศิลปะที่น่าสนใจมากมาย อาทิ กิจกรรมการจำหน่ายภาพเขียนของศิลปินชื่อดังระดับยอดเยี่ยมของเมืองไทยในราคาที่สัมผัสได้, Street Art โดยศิลปิน ชลิต นาคพะวัน ตลาดนัดศิลปะโดยศิลปิน และนักศึกษาคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ในราคาพิเศษ อาทิ เถ้าฮงไถ่, Ardel Gallery Art Shop, Digiart จำหน่ายสินค้าหลากหลายสไตล์ ของที่ระลึกต่าง ๆ อุปกรณ์-ผลงานศิลปะสำหรับตกแต่งบ้าน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้มีการจำหน่ายสีอุปกรณ์เขียนภาพในราคาพิเศษโดยบริษัทชั้นนำของเมืองไทย และร่วมรับประทานอาหารรสเลิศจาก White Café โดยน้องหนู เบญญา นันทขว้าง รวมถึงกิจกรรมบันเทิง การแสดงดนตรี จากวง Sixty DNA โดยพี่อ๊อฏ กำพล พงษ์พิพัฒน์ และพี่ปู ภูวนาท โชติกุล
.
และ #‎กิจกรรมสุดพิเศษ!!! สมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรมฯ ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาจิตรกรรม ปี ๒๕๕๒ แสดงการเขียนภาพจิตรกรรมให้ชมกันสด ๆ และการจำหน่ายโปสเตอร์พระบรมสาทิสลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมลายเซ็น โดย ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี ! ดำเนินรายการตลอดงานโดยดารา-พิธีกรชื่อดัง ติ๊ก กลิ่นสี
.
#‎พิเศษสุดสำหรับผู้ที่สมัครสมาชิก ส.น.จ.ป.ภ. วันเดียวเท่านั้น! รับเสื้อยืด Soda มูลค่า ๙oo บาท ฟรี! (ค่าสมัครสมาชิกสามัญตลอดชีพ และค่าธรรมเนียม ๑,๑oo บาท)

มาร่วมชื่นชม จับจองเป็นเจ้าของงานศิลปะจากศิลปิน ร่วมกิจกรรม Street Art ช็อปปิ้งสินค้าที่น่าสนใจ ชิมอาหารรสเลิศ และฟังดนตรีผ่อนคลายในบรรยากาศที่แสนเป็นกันเอง วันอาทิตย์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ นี้ ณ Hof Art Residency รายได้ทั้งหมดจะเป็นเงินกองทุนของสมาคมฯ ตลอดจนเป็นทุนการศึกษาให้แก่น้อง ๆ นักศึกษาปัจจุบันที่กำลังศึกษาอยู่ต่อไปด้วย
** อย่าลืม ๒๙ พ.ย. นี้ พบกันที่ Hof Art Residency พระโขนง**



ภาพและข้อมูลจาก
silpakorn-u.com













Art in HeART แค่เห็นก็เข้าใจ



งานใหญ่ประจำปี ดาษดา แกลเลอรี่ เทศกาลดอกไม้ ภายใต้คอนเซปต์ “Art in HeART แค่เห็นก็เข้าใจ” ที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจะเริ่มขึ้นแล้วที่ดาษดา เดอะ ฟลาวเวอร์ เอสเซ้นส์ รีสอร์ท (Dasada The Flower Es’Senses Resort) รีสอร์ทสุดหรูท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติและพันธุ์ไม้ดอกนานาชนิด สถานที่ท่องเที่ยวเทรนดี้แห่งใหม่แบบครบวงจรบนพื้นที่กว่า ๘oo ไร่ บริเวณเชิงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ฝั่งจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึง ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ นี้

เชิญนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ใหม่แบบใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริงกับห้องพักที่ได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด ห้องอาหารและร้านไอศกรีมที่นำดอกไม้มาผสมผสานกันอย่างกลมกลืน พร้อมโชว์เทศกาลดอกไม้ ภายใต้คอนเซปต์ “Art in Heart แค่เห็นก็เข้าใจ” ที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

อีกหนึ่งไฮไลท์เด่นของรีสอร์ทที่ให้แขกทุกท่านไม่ควรพลาด คือ ดาษดา แกลเลอรี่ การแสดงดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์นับแสนดอกทั้งในร่มและกลางแจ้งที่สร้างสรรค์ผลงานโดยนักจัดดอกไม้มืออาชีพ นิทรรศการศิลปะแห่งพันธุ์ไม้ดอกสุดยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยในปี ๒๕๕๘ นี้จัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์ “Art in Heart แค่เห็นก็เข้าใจ”

เชิญทุกท่านร่วมค้นหาคุณค่าของศิลปะที่อยู่ในจิตใจพร้อมกับความสวยงามของธรรมชาติ พบกับสุดยอดกล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิส พันธุ์ไม้เมืองหนาวสายพันธุ์ใหม่ที่หาชมได้ยาก และครั้งแรกของเทคโนโลยีผสานการจัดแสดงกล้วยไม้ในห้องมืด Secret Garden นำเสนอเรื่องราวฤดูกาลกับดอกไม้ในรูปแบบ 3D Mapping และ Interactive Show พร้อมชมการแสดงน้ำพุเต้นระบำ (Dancing Fountain) จากผู้สร้างน้ำพุเต้นระบำที่โรงแรม Bellagio สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ * ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึง ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ นี้

อีกทั้งยังสามารถเข้าชม Tiny Park สวนสัตว์เพื่อนตัวน้อยขนาดเล็ก อาทิ นกหลากสายพันธุ์ นกยูงไทย-อินเดีย กวาง แพะ เป็ด รวมถึงอุโมงค์หัวใจเรืองแสง พายเรือชมลำน้ำทุ่งดาษดา ศาลาเทวดา และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมเติมเต็มความสุขในทุกไลฟ์สไตล์แบบใกล้ชิดธรรมชาติ

ดาษดา แกลเลอรี่ เทศกาลดอกไม้ ภายใต้คอนเซปต์ “Art in HeART แค่เห็นก็เข้าใจ” ขอบอกว่าปีนี้ต้องอลังการแน่ ๆ ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมงานให้พร้อมชมอย่างเต็มที่ คาดว่าวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทุกอย่างจะเสร็จก่อนกำหนด แค่ไปเห็นการเตรียมงานก็ยังอยากไปซ้ำเลยค่ะ งานจัดถึง ๓ เดือน maamjourney ไม่พลาดค่ะ และบล็อกหน้าจะพาไปชมรีวิวที่พักในดาษดา เดอะ ฟลาวเวอร์ เอสเซ้นส์ รีสอร์ท ด้วยค่ะ เผื่อใครไปเที่ยวแล้วอยากพักสักคืนสองคืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ โทร. o๓๗-๒๓๙-๘oo
คุณเสาวรินทร์ โทร. o๘๗-๗๑o-๓๓๕o, คุณพลอยไพลิน โทร. o๘๙-๒๑๖-oo๕๑















































ภาพและข้อมูลจาก
maamjourney.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2558
0 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2558 9:55:28 น.
Counter : 4130 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.