happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๓๘





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










นิทรรศการพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



ขอเชิญผู้สนใจร่วมงานแถลงข่าว และพิธีเปิดนิทรรศการพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดนิทรรศการฯ และศาสตราจารย์อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวรายงานความเป็นมา พร้อมด้วยนายธงชัย รักปทุม และนายปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ กล่าวถึงรายละเอียดการจัดนิทรรศการฯ

ทั้งนี้ นิทรรศการฯ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๖ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ ชั้น ๑ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน











ภาพและข้อมูลจาก
FB หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน














วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร



จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงานแถลงข่าวงาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” เมื่อวันอังคารที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ ห้อง ๑๑๑ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ โดยมี น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวถึงความสำคัญและวัตถุประสงค์ของงาน“วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดี จุฬาฯ กล่าวถึงความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และความพร้อมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการจัดงาน รศ.ดร.ธนิต ธงทอง รองอธิการบดี จุฬาฯ กล่าวถึงภาพรวมของงาน“วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” พร้อมกล่าวขอบคุณและแนะนำหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดงาน จำนวน ๘ ราย

ในงานมีการแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” จำนวน ๔ ชุด ประกอบด้วย การแสดงดนตรีไทย เพลงชื่นชุมนุมกลุ่มดนตรี การแสดงชุดไผ่รวกกับทานตะวันผู้ยโส การแสดงระบำชมพูภูคา และการขับร้องเพลง “สดุดีพระวิศิษฏศิลปิน” ซึ่งเป็นเพลงที่ นิสิต นักศึกษา คณาจารย์ ผู้บริหารของทุกสถาบัน และคณะกรรมการจัดงานจะร่วมร้องเพลงถวายพระพรชัยมงคล โดยพร้อมเพรียงกัน ในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ จัดงาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ซึ่งเป็นการรวมงานดนตรีไทยอุดมศึกษา ครั้งที่ ๔๒ และงานศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ ๑๖ เข้าด้วยกัน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ใต้ร่มพระบารมี : ๗๐๐ ปี สังคีต - ศิลป์แห่งสยามประเทศ” เพื่อแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของดนตรีและศิลปวัฒนธรรมไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นทั้งพระบรมราชูปถัมภก และศิลปิน

และแสดงความสำนึกใน พระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็น ”วิศิษฏศิลปิน” ผู้เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ และทรงมีคุณูปการอย่างอเนกอนันต์ในการฟื้นฟู สืบสาน และพัฒนางานด้านดนตรีและนาฏศิลป์ไทย ซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า ดนตรีไทยและศิลปวัฒนธรรมไทยนอกจากจะเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของชาติที่พวกเราทุกคนได้ภาคภูมิใจแล้ว ยังเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ได้รับการสืบทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สมควรที่คนรุ่นหลังจะได้สืบสานสิ่งที่ดีงามเช่นนี้ให้คงอยู่สืบไป

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้แก่สถาบันอุดมศึกษา ในการจัดและเข้าร่วมงานมหกรรมดนตรีไทยอุดมศึกษาและงานศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษาเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษาที่มีใจรักด้านนาฏศิลป์และการแสดงดนตรีไทยได้มาแสดงทักษะความสามารถ พร้อมทั้งได้พบปะและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน สำหรับงาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” ผู้เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ และทรงมีคุณูปการต่อศาสตร์สาขาศิลปวัฒนธรรมและการดนตรีไทย เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ด้วยความร่วมมือร่วมใจของนิสิตนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาจำนวน ๑๐๒ แห่ง รวมกว่า ๕,๐๐๐ คน จากทั่วประเทศที่เข้าร่วมในงานครั้งนี้

ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ เปิดเผยว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยทุ่มเทสรรพกำลังในทุกๆด้าน ผสานความร่วมมือจากคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้งาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” เป็นมหกรรมการแสดงดนตรีไทย และศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษาที่ยิ่งใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมจะเปิดบ้านต้อนรับนิสิตนักศึกษาและผู้ที่สนใจได้เข้าชมการแสดงต่าง ๆ ทั้งดนตรีไทยและศิลปวัฒนธรรม ณ เวทีการแสดงทั้ง ๗ แห่งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.ธนิต ธงทอง รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯทรงเปิดงาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” เฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา ในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. ณ หอประชุมจุฬาฯ และพระราชทานพระราชวโรกาสให้นิสิต นักศึกษา คณาจารย์ ผู้บริหารของทุกสถาบัน และคณะกรรมการจัดงานร่วมร้องเพลงถวายพระพรชัยมงคล ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า

การแสดงและกิจกรรมต่าง ๆ ในงาน “วิศิษฏศิลปินสรรพศิลป์สโมสร” ประกอบด้วย การแสดงดนตรีไทยและศิลปวัฒนธรรมของนิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ จัดแสดง ณ เวทีการแสดงทั้ง ๗ เวที ภายใต้แนวคิดหลักคือ หลักรวมใจภักดิ์ สง่าศักดิ์แห่งสยาม สรรสิ่งงามถวายพระพร นาฏกรร่วมสมัย สราญใจศิลป์พื้นบ้าน เริงสราญวิถีไทย อุดมศึกษาถวายชัยมงคล

สถานที่จัดการแสดงแต่ละเวที มีดังนี้
  
๑. หลักรวมใจภักดิ์
หอประชุมจุฬาฯ มีพิธีเปิดงาน การแสดงดนตรีไทยกลุ่มสถาบัน การแสดงนาฏศิลป์   

๒. สง่าศักดิ์แห่งสยาม
หอแสดงดนตรี อาคารศิลปวัฒนธรรม มีการแสดงดนตรีไทยเดี่ยวสถาบัน และการเสวนาวิชาการ  

๓. สรรสิ่งงามถวายพระพร
เวทีกลางแจ้ง สนามหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า มีพิธีปิดงาน การขับร้องเพลงสดุดีพระวิศิษฏศิลปิน
การแสดงดนตรี นาฏศิลป์และศิลปวัฒนธรรม  

๔. นาฏกรร่วมสมัย
หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีกิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์ และศิลปวัฒนธรรมแบบร่วมสมัย
  
๕. สราญใจศิลป์พื้นบ้าน
ศาลาพระเกี้ยว มีกิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์และศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
  
๖. เริงสราญวิถีไทย
ลานจักรพงษ์ มีกิจกรรมการออกร้าน สินค้า ร้านอาหาร ๔ ภาค กิจกรรมรื่นเริง  

๗. อุดมศึกษาถวายชัยมงคล



ภาพและข้อมูลจาก
wisitcu.chula.ac.th














ฝีมือช่างไทย งานฉากโขนฯ ชุดศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ



แม้เคยสร้างความประทับใจไปเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕o และ พ.ศ. ๒๕๕๒ การกลับมาของการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ ปีนี้ มาพร้อมกับการปรับปรุงการแสดงพร้อมกับเพิ่มเนื้อหาให้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น






การแสดงโขนชุดศึกอินทรชิต ตอนพรหมาศ เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว จัดแสดงไม่เกิน ๕ รอบ ยังมีผู้ชมอีกมากมายที่ยังไม่ได้ชม และเมื่อนำการแสดงที่บันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวไว้มาดูใหม่ พบว่าไม่ตื่นตา ยังมีอะไรที่ฝ่ายการแสดงและฝ่ายฉากทำได้อีกมากมาย อาจารย์อนุชา ทีรคานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการผลิตการแสดงโขนฯ กล่าวและว่า การแสดงโขนฯ ชุด ‘ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ’ ในปีนี้จึงไม่ใช่ ‘การทำซ้ำ’ แต่เป็น ‘การทำขึ้นใหม่’ ในลักษณะ new production






ดังนั้น ฉากโขน ชุด ‘ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ’ พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงมีการสร้างและจัดเตรียมฉากใหม่ด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ ฉากที่ ๑ ขัดตาทัพ ซึ่งเป็นฉากท้องพระโรงกรุงโรมคัล ของตัวละครเอก มังกรกัณฐ์ ที่ทศกัณฐ์ไหว้วานให้ออกรบขัดตาทัพพระราม





อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก



"ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจกับฉากใหม่ คือ ฉากท้องพระโรงกรุงโรมคัล ที่งดงามมาก โดยมีการใช้ศิลปะทางช่างศิลป์ในแบบไทย และผสมผสานในแบบกระบวนจีนเข้าไปด้วย มิติของโทนสีที่ใช้จะมีความลึกลับดูน่าเกรงขาม เนื่องด้วยบุคลิกลักษณะของมังกรกัณฐ์มีโลกส่วนตัวสูง ก็จะเป็นท้องพระโรงที่มีความลึกลับน่าค้นหา ซึ่งแน่นอนว่าฉากแรกที่เปิดมา ผู้ชมต้องเกิดความประทับใจมากที่สุด” อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก การแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในทุกปีที่ผ่านมา กล่าว





อาจารย์วิชัย รักชาติ และอาจารย์อนุชา ทีรคานนท์



ฉากที่ใช้ในการแสดงมีทั้งหมด ๖ ฉาก ได้แก่ ฉากที่ ๑ ขัดตาทัพ (ท้องพระโรงกรุงโรมคัล), ฉากที่ ๒ พลับพลาพระราม, ฉากที่ ๓ สนามรบ, ฉากที่ ๔ ข่าวศึก (ท้องพระโรงกรุงลงกา), ฉากที่ ๕ เสียพิธี และ ฉากที่ ๖ ศรพรหมาศ





ช้างเอราวัณตัวต้นแบบ



ฉากที่ ๓ สนามรบ หรือฉากศึกมังกรกัณฐ์ เป็นอีกหนึ่งฉากสร้างใหม่ที่มีความงดงามวิจิตรบรรจง หลังจาก มังกรกัณฐ์ สู้พระรามไม่ได้ จึงเหาะหนีไปซ่อนตัวอยู่ในก้อนเมฆ พร้อมกับเนรมิตรูปมายาตัวเองมากมายเพื่อไม่ให้พระรามจับตัวได้ อาจารย์วิชัย รักชาติ ผู้ช่วยผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก เล่าว่า ฉากนี้อาจารย์สุดสาครร่างภาพต้นแบบเป็นมังกรกัณฐ์กว่า ๔o ภาพ ซ่อนตัวอยู่ในหมูเมฆ และสร้างประติมากรรมมังกรกัณฐ์ ขนาดสูง ๔ เมตร จำนวน ๕ ตัว ปะปนอยู่ท่ามกลางภาพวาด

ลักษณะของ ‘มังกรกัณฐ์’ คือ เป็นยักษ์ ตาจระเข้ ปากหุบ มีหนึ่งพักตร์ สองกร กายสีเขียว ทรงมงกุฎยอดนาค มีศรเป็นอาวุธ





ภานุวัฒน์ รอดสวัสดิ์



อาจารย์สุดสาคร กล่าวถึง ฉากศรพรหมาศ ที่เป็นไฮไลท์ของการแสดงว่า "เพราะมีผู้ที่ติดตามและไถ่ถามกันมามากจากการได้ชมการแสดงในครั้งก่อน ๆ ว่าในปีนี้ ช้างเอราวัณ มีความงดงามอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องบอกว่า ถึงแม้เราจะมีการแสดงในตอนนี้มาแล้วถึงสองครั้ง แต่เราก็ได้มีการพัฒนาให้ทุก ๆ อย่างดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปมาก เราสามารถทำสิ่งที่อยากจะทำให้เป็นจริงและดีขึ้นได้ โดยในปีนี้ใน ฉากศรพรหมาศ จะได้เห็นประติมากรรมช้างเอราวัณขนาดใหญ่ ที่เป็นจุดเด่นในการแสดงครั้งนี้ มีขนาดใหญ่โต ความสูงกว่า ๓.๕ เมตร ใส่เอ็ฟเฟ็กต์ให้มีความสมจริง โดยช้างเอราวัณจะสามารถขยับในอิริยาบทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชูงวง การขยับคอได้ทั้งสามเศียร การทรุดตัวหมอบ เรียกว่าผู้ชมจะได้เห็นความสมจริง ได้อรรถรสในการชมไม่แพ้การแสดงที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”





ปกรณ์ ปรีชาวนา



ขณะที่อาจารย์อนุชากล่าวเสริมว่า ถึงแม้เราจะใช้เทคโนโลยีกลไกเข้ามาช่วย แต่ทีมสร้างฉากก็ไม่ได้ละเลยจารีต เราไม่ได้สร้างหุ่นยนต์ แต่เราสร้างประติมากรรม เราใช้เทคโนโลยีเพื่อความสมจริงแบบไม่ทำลายศิลปกรรมไทย ภาพวาดต้นแบบทุกอย่างเราวาดด้วยมือ ไม่ใช้ความช่วยเหลือจากคอมพิวเตอร์ เพื่อคงงานฝีมือช่างไทย และผลิตช่างฝีมือด้วย

หนึ่งในผู้สร้างประติมากรรมมังกรกัณฐ์ต้นแบบ ภานุวัฒน์ รอดสวัสดิ์ (ไทด์) อายุ ๒๘ ปี จบจากโรงเรียนเพาะช่าง และมีโอกาสได้ช่วยการจัดทำฉากโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตั้งแต่ครั้งแรก กล่าวว่า “มีโอกาสได้ร่วมจัดทำฉากโขนฯ ตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ที่เพาะช่าง เรียกว่าได้มีโอกาสร่วมทำตั้งแต่การแสดงตอนพรหมาศครั้งแรกเลยครับ สำหรับตัวเองแล้วรู้สึกเป็นเกียรติ ภูมิใจ และดีใจอย่างที่สุดที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำฉากในทุก ๆ ครั้ง หน้าที่หลักของผมคือช่วยในการจัดทำต้นแบบ"





พฤฒิพงศ์ เปลี่ยนแก้ว



เยาวชนที่มีส่วนร่วมทำฉากในส่วนของลายไทย ปกรณ์ ปรีชาวนา (เกมส์) อายุ ๒๒ ปี ศึกษาอยู่โรงเรียนเพาะช่าง สาขาจิตรกรรมไทย ชั้นปีที่ ๔ กล่าวว่า “ผมชอบการวาดในแนวนี้ คือการวาดลายไทย จิตรกรรมไทยมาตั้งแต่เด็ก พอเริ่มโตมาจึงเลือกเรียนในสายนี้ การได้มาทำในจุดนี้มีความสุขมาก และคิดว่าลายไทยมีเสน่ห์ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ดีใจและปลาบปลื้มในที่สุดครับ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานวัฒนธรรม รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งในการถวายงานในทุก ๆ ครั้งครับ”





ส่วนหนึ่งของเยาวชนที่มาร่วมจัดทำฉาก



“มีโอกาสได้ช่วยในเรื่องของการวาดลายบนผืนผ้าฉากต่างๆ นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสไปดูลายและแกะลวดลายจากวัดต่าง ๆ เช่น วัดนางนอง ที่มีศิลปกรรมแบบกระบวนจีน ซึ่งได้นำมาใช้ในฉากท้องพระโรงกรุงโรมคัลของมังกรกัณฐ์ รู้สึกว่าการมาทำตรงนี้ร่วมกับรุ่นพี่ นอกจากได้ประสบการณ์ที่ดีแล้ว ยังได้เป็นการพัฒนาฝีมือของตนเองควบคู่กันไปด้วย และรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สมบัติชาติครับ” พฤฒิพงศ์ เปลี่ยนแก้ว(ก้อง) อายุ ๒๕ ปี ศึกษาอยู่โรงเรียนเพาะช่าง สาขาจิตรกรรมไทย คณะศิลปประจำชาติ ชั้นปีที่ ๔ กล่าว





ฉากพลับพลาพระราม



นอกจากนี้ในฉาก ‘ท้องพระโรงกรุงลงกา’ ของทศกัณฐ์ ผู้ชมจะได้พบกับ ซุ้มเรือนแก้ว ที่มีความวิจิตรมากยิ่งขึ้น โดยในปีก่อน ๆ ซุ้มเรือนแก้วจะมีลักษณะโทนสีเป็นสำริด แต่ในปีนี้ทางทีมสร้างฉากได้ทำทองติดกระจกลงยาใหม่ เพิ่มเติมจากของเดิม เพื่อเพิ่มเติมให้ฉากดูมีความงดงาม ทำให้ตัวละครทศกัณฐ์ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้นเมื่อประทับ ณ ซุ้มเรือนแก้ว

ในฉากจบ ผู้ชมจะได้เห็น งานประติมากรรมนูนต่ำพระจันทร์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓.๕ เมตร ที่มีแสงทองนวลปลั่ง ส่องแสงกระทบกับ ‘เขาสรรพยา’





อุปกรณ์ประกอบฉากท้องพระโรงกรุงลงกา



"เรียกได้ว่าเต็มอิ่ม อิ่มเอม และเพลิดเพลินกันในทุกฉาก สมดังความตั้งใจของคณะกรรมการ ด้วยความที่เราผ่านการจัดทำฉากมาแล้วกว่า ๘ ปี ทำให้ประสบการณ์ของทั้งผมเองและทีมงานมีความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมที่ทำมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปี ความมุ่งหวังของคนทำงาน คือต้องมีการพัฒนาทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ให้สมการรอคอยของผู้ชมที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้ง และเพื่อความสุขของคนดูที่จะได้อิ่มเอม เต็มอารมณ์ทั้งบท ฉาก และองค์ประกอบทุกส่วนการแสดงครับ” อาจารย์สุดสาคร กล่าว


การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ กำหนดจัดการแสดงรอบประชาชน จำนวน ๒๔ รอบ และรอบนักเรียน จำนวน ๒o รอบ รวมทั้งสิ้น ๔๔ รอบ ระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา ๖๒o, ๘๒o, ๑,o๒o และ ๑,๕๒o บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา ๑๒o บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์) ซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร. o -๒๒๖๒-๓๔๕๖ หรือ //www.thaiticketmajor.com

เพิ่มรอบการแสดงในวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม 2558 รอบเวลา 19.30 น



ภาพและข้อมูลจาก
FB กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์














ชวนชมเทศกาลชมดอกแวนดารับลมหนาวเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพฯ



เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖o พรรษา ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ เตรียมจัดงานเทศกาลดอกไม้ประจำปี ครั้งที่ ๒ ขึ้น ระหว่างวันที่ ๒o พฤศจิกายน ถึง ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในธีม “เทศกาลชมดอกแวนดารับลมหนาว” เพื่อให้ผู้สนใจได้ชื่นชมความงดงามของดอกแวนดาสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีสีสันหลัก คือ สีม่วง ซึ่งเป็นสีวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมี สกุล อินทกุล นักจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้เล่าถึงรายละเอียดของการจัดงานเทศกาล พร้อมชวนเซเลบริตี้สาวสวย ภัทรียา ณ นคร มาร่วมเวิร์กช็อปจัดดอกแวนดาแบบร่วมสมัย ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ซอยองครักษ์ ๑๓ ถนนสามเสน ๒๘






สกุล อินทกุล ศิลปินนักจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ กล่าวว่า “ในโอกาสครบรอบปีที่ ๓ ของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ซึ่งตรงกับปีมหามงคล เนื่องในโอกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖o พรรษา ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวาระมงคลนี้ จึงตั้งใจเลือกดอกไม้ที่มีสีม่วงซึ่งเป็นสีวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน คือ แวนดา ซึ่งเป็นกล้วยไม้สกุลหนึ่งที่ออกดอกเต็มที่ในช่วงปลายปี และตรงกับช่วงเวลาจัดงานเทศกาลดอกไม้ในปีนี้ โดยได้รวบรวมแวนดาหลายสายพันธุ์ทั้งสีม่วง และสีชมพู ประมาณ ๒o-๓o ชนิดรวมทั้งแวนดาสายพันธุ์อื่น ๆ ที่หาชมได้ยาก อาทิ ฟ้ามุ่ยซึ่งเป็นแวนดาพันธุ์พื้นเมืองของภาคเหนือ เป็นต้น นำมาแสดงในงานครั้งนี้ด้วย






สำหรับธีมงานนิทรรศการครั้งนี้จะเป็นการจัดวางดอกแวนดากับงานหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ของภาคอีสาน ซึ่ง “ไม้ไผ่” เป็นวัสดุธรรมชาติที่นอกจากแสดงถึงความเป็นเอเชียแล้ว ยังสามารถนำมาประยุกต์เป็นงานโครงสร้างสถาปัตยกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่นอุโมงค์ไม้ไผ่ ที่มีความแข็งแรงสามารถคงรูปอยู่ได้เป็นปีหรือการใช้สุ่มจับปลามาเรียงต่อกันเป็นแนวยาว ซึ่งสามารถนำมาแขวนหรือวางราบกับพื้น ก็เป็นการตกแต่งอีกรูปแบบหนึ่งที่สวยแปลกตา หรือนำงานจักสานไม้ไผ่ที่ใช้ในชีวิตประจำวันตามชนบท ไม่ว่าจะเป็น จ่อ (สำหรับเลี้ยงไหม) สุ่มไก่ รังไก่ ไซดักปลา หรือ ลูกหวายที่ใช้เล่นกีฬาตะกร้อ ก็สามารถนำมาสร้างสรรค์ร่วมกับดอกแวนดาได้อย่างลงตัว สำหรับคุณลักษณะพิเศษของแวนดาคือ เป็นดอกหน้าเดียว ดังนั้นจึงสามารถนำมาออกแบบ Installation ให้ดูโมเดิร์นได้เป็นอย่างดีโดยแยกเป็นดอกเดี่ยว ๆ แล้วจัดประกอบให้เป็นงานศิลปะจัดวางที่จะได้ความแปลกตา ซึ่งผลงาน Installationจะจัดตามจุดต่าง ๆ กระจายทั่วบริเวณงาน






นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมายทั้งการสาธิตจัดดอกไม้ทุกวันเสาร์, เวิร์กช็อปการจัดดอกไม้, การวาดรูปด้วยสีดอกไม้ รวมทั้งได้รับสาระความรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ดอกไม้ต่าง ๆ จากกิจกรรมเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในปีนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านดอกไม้ และผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในแวดวงศิลปะ สถาปัตยกรรม และฮวงจุ้ย ร่วมแบ่งปันความรู้ที่น่าสนใจ เช่น ฮวงจุ้ยดอกไม้ไขพลังจักรวาลเสริมพลังปีวอก โดย กชกร พรมไชย, ลวดลายดอกไม้ในงานสถาปัตยกรรมไทย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์พงศกร ยิ้มสวัสดิ์ และเพื่อเอาใจนักช็อปในสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดเทศกาล จะมีการออกร้านในชื่อ “ฟลอร่า มาก๊ะ มาร์เก็ต” เพื่อจำหน่ายงานฝีมือและงานหัตถกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และ ๑o-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ นี้ด้วย






ทั้งนี้ เทศกาลชมดอกแวนดารับลมหนาว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒o พฤศจิกายน ถึง ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๑๘.oo น. ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ โดยค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่คนละ ๑๕o บาท เด็กและผู้สูงอายุคนละ ๗๕ บาท สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งในการเข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ 02-6693633-34หรือคลิกที่ //www.floralmuseum.comและเฟซบุ๊ค //www.facebook.com/TheMuseumofFloralCulture











ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
megazy.com














สถาปนิกรุ่นใหม่วาด'สีน้ำอาเซียน' สืบทอดสถาปัตยกรรมมรดกโลก



ภาพวาดสีน้ำสถาปัตยกรรมของชาติในกลุ่มอาเซียน เพื่อนบ้านของประเทศไทย ทั้งเมืองปีนัง เมืองมะละกา และเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย รังสรรค์โดยศิลปินอาจารย์จากสถาบันการศึกษา ๒๗ แห่งทั่วฟ้าเมืองไทย และศิลปินอิสระ โชว์ให้ทุกคนได้ชมแบบเต็มอิ่มในนิทรรศการ "สีน้ำอาเซียน" ที่สภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดขึ้น ณ ชั้น ๓ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

นิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ "วัฒนธรรมศึกษาสถาปัตยกรรม สีน้ำอาเซียน" นอกเหนือจากเผยแพร่ภาพสีน้ำงานสถาปัตยกรรมแล้ว สิ่งหนึ่งที่โครงการให้ความสำคัญคือ การฝึกเขียนภาพของสถาบันการศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ และจัดหาทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาสถาปัตย์ ๒๗ สถาบัน ซึ่งวันนี้ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง ฝีมือแต่ละคนสุดยอด

ผศ.ดร.ชาญณรงค์ ศรีสุวรรณ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานโครงการ กล่าวว่า สภาคณบดีคณะสถา ปัตยกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทยผลักดันโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ปีนี้คณะทำงานได้ขยายพื้นที่ในการศึกษาจากเดิมให้กว้างขวางขึ้นไปเป็นการศึกษาในระดับภูมิภาคอาเซียน คัดเลือกเมืองมรดกโลก มาเลเซีย เป็นกรณีศึกษา ครั้งต่อไปจะจัดกิจกรรมในพื้นที่ สปป.ลาว เวียดนาม ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกในกลุ่มประเทศอาเซียน งานศิลปะที่เกิดขึ้นจะบันทึกประวัติศาสตร์สถาปัตย กรรมอีกหน้าหนึ่งของ โลก มีประโยชน์ต่องานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมในอนาคต

ประธานโครงการกล่าวอีกว่า กิจกรรมนี้เป็นประโยชน์โดยตรงด้านการศึกษาเชิงวัฒนธรรมและการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม รวมถึงมีการฝึกฝนทักษะในการวาดสีน้ำสถาปัตย กรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญด้านศิลปะของนัก ศึกษาและสถาปนิก โดยมี

อาจารย์ธนากร ไชยจินดา หัวหน้ากลุ่มศิลปินอิสระสีน้ำสถาปัตยกรรม ช่วยกันสร้างคนที่จะก้าวเป็นสถาปนิกระดับสากล อีกประการ เรามีเป้าหมายสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ร่วมมือกันทำงานผ่านเครือข่ายความร่วมมือในกลุ่มสถาบันการศึกษาภายใต้สภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ รวมถึงเชื่อมโยงถึงสถาบันการศึกษาในต่างประเทศและชุมชนอีกมากมายที่ร่วมกิจกรรม

"หัวใจสำคัญคือการรื้อฟื้นทักษะวาดสีน้ำของสถาปนิกรุ่นใหม่ เพราะทุกวันนี้ความรู้ความสามารถด้านวาดภาพกำลังจะหายไป เพราะทำงานด้วยเทคโนโลยี แต่คอมพิวเตอร์ช่วยคิดไม่ได้ สมองต้องผ่านมือที่มีรสนิยมทางศิลปะ กิจกรรมเปิดโอกาสให้จับพู่กันวาดสีน้ำ จับปากกาวาดลายเส้นกันอีกครั้ง ปีแรกเราไปพื้นที่มรดกวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่และเมืองเชียงตุง ปีนี้ขยายในอาเซียนสอดรับการเข้าสู่เออีซี มีศิลปินอาจารย์ นิสิต และศิลปิน สถาปนิกร่วม ๖o ชีวิต พัฒนาทักษะต้องใช้เวลาหลายปี แต่พวกเขาได้แรงบันดาลใจ สถาปนิกรุ่นใหญ่ รุ่นใหม่หันกลับมาวาดสีน้ำ ถ่ายทอดสิ่งที่เห็นผ่านงานศิลปะของตนเอง" ผศ.ดร.ชาญณรงค์ เผย

ด้านอาจารย์รัฐพงษ์ อังกสิทธิ์ กรรมการโครงการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า นิทรรศการสีน้ำอาเซียนแสดงความหลากหลายของสถาปัตยกรรมอาเซียน ที่มีจุดเด่นทั้งด้านรูปแบบ ลักษณะภายนอก นักศึกษาและอาจารย์ได้มาเรียนรู้สถาปัตยกรรมในย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง มัสยิดปุตรา ที่ปุตราจายา เดินทางไปจัตุรัสดัตช์ เมืองมะละกา รัฐมะละกา ก็เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับรายวิชาพื้นฐานทางด้านสถาปัตยกรรม โครงการยังมีการฝึกอบรม สร้างจิตรกรสีน้ำชาวบ้าน สัมมนาให้ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมเชิงวัฒนธรรม หวังให้เกิดการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

"สถาปนิกบันทึกภาพกันสดๆ ผ่านงานสีน้ำ ศิลปะลายเส้น รวมถึงการถ่ายภาพ นี่เป็นการเปิดมุมมองวัฒนธรรมอาเซียน นอกเหนือจากรู้จักประเทศของตนเอง เพราะเราจะต้องรวมตัวกันทางวัฒนธรรมในอนาคต ใครเคยไปเที่ยวชมย่านเมืองเก่าจะรำลึกความทรงจำเมื่อได้เห็นภาพสีน้ำ คนไม่เคยไปก็ตื่นเต้นได้ใกล้ชิดสถาปัตยกรรมผ่านงานศิลปะ ที่สำคัญเกิดจิตสำนึกบำรุง รักษา หวงแหน และอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า โดยผลงานที่โชว์จะรวบรวมเป็นหนังสือเผยแพร่สู่สายตาชาวโลกอีกด้วย" อาจารย์รัฐพงษ์กล่าว พร้อมเชิญชวนชมนิทรรศการระหว่างวันที่ ๓-๒๙ พฤศจิกา ยนนี้ ที่ชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ มหานคร.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
bacc.or.th














นิทรรศการภาพสีน้ำ "Blooming"



ขอเชิญชมนิทรรศการภาพระบายสีน้ำ"Blooming" ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
ณ ห้องแกลอรี่ ชั้น ๓ K Village สุขุมวิท ๒๖ กรุงเทพฯ โดยกลุ่มสีน้ำสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่เป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจของบุคคลากรทางการแพทย์และบุคคลทั่วไปที่สนใจในกิจกรรมการระบายสีน้ำ นำภาพมาแสดง และจำหน่ายเพื่อหารายได้สมทบกองทุนเพื่อเด็กป่วยระยะสุดท้าย มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก และร่วมปฎิบัติการการระบายสีน้ำเนื้อหาดอกไม้ สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการระบายสีน้ำโดย อาจารย์อดิศร พรศิริกาญจน์

วันศุกร์ ที่ ๑๓ Lotus
วันเสาร์ ที่ ๑๔ Roses 1
วันอาทิตย์ ที่ ๑๕ Roses 2
วันพฤหัสบดี ที่ ๑๙ Bouquet
วันศุกร์ ที่ ๒o Peony
วันเสาร์ ที่ ๒๑ Hydrangea

ในระหว่างเวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น.ของทุก ๆ วัน
#‎รับสมัครเต็มหมดแล้ว
(มีสมุดบันทึกจำหน่ายในงาน ซึ่งได้รวบรวมผลงานสวยๆของสมาชิกและศิลปินรับเชิญไว้ทุกภาพ)



ภาพและข้อมูลจาก
FB K-Village














ลายเส้นบวกสี...นี่แหละฉัน



เพราะศิลปะไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมาตีกรอบให้ต้องเป็นไปในทิศทางไหน เสรีภาพที่จะลงมือทำอย่างที่ใจอยาก สุดแต่จินตานาการจะพาไปจึงมีอิทธิพลอยู่เหนือความคิดใด ๆ “แจง” อรอนงค์ แก้วสมบูรณ์ ศิลปินสาววัย ๓o ต้น ๆ พากายและใจล่องลอยไปในห้วงของความรู้สึกแล้วขีดเขียนเส้นสายก่อนจะแต้มสีเสกสรรเป็นผลงานศิลปะแบบฉบับตัวเอง จัดแสดงให้คนทั่วไปได้สัมผัสวิถีดังกล่าวในนิทรรศการภาพวาดชื่อ “ไลฟ์ อิส อาร์ต”






วันตัดริบบิ้นเปิดนิทรรศการ สิทธิรัฐ วัชราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ลิกซิล วอเตอร์ เทคโนโลยี ประเทศไทย โต้โผคนสำคัญที่ทำให้เกิดงานนี้มาเป็นประธาน โดย“แจง” อรอนงค์ บอกเล่าที่มาของการตะวัดพู่กันรังสรรค์ภาพสวย ๆ ว่า มาจากมุมมองในการเชื่อมโยงศิลปะและสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเข้าไว้ด้วยกัน โดยมองว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตในแบบที่แตกต่างกัน ศิลปะเป็นสิ่งที่กลมกลืนในชีวิตประจำวันของมนุษย์อยู่แล้ว งานศิลปะคือช่วงของชีวิตในแต่ละช่วงที่สร้างสรรค์ขึ้นมา รูปภาพที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเกิิดขึ้นจากความสุขง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันและความชอบส่วนตัวในสิ่งต่างๆ รอบตัว อาทิ สรีระที่สวยงามของผู้หญิง ดอกไม้และจินตนาการในวัยเด็กที่สวยงาม เป็นต้น






งานศิลปฺ์ของเธออาจไม่ได้เล่าปัญหาใหญ่โตในสังคม เพียงแต่เป็นช่วงหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำสิ่งที่ตัวเองรักแล้วมีความสุข ก่อนหน้านี้เน้นวาดภาพสีน้ำมัน สีน้ำ บนผืนผ้าใบ แล้วลองเปลี่ยนมาทำงานแนวป๊อป อาร์ต ที่สะท้อนความอิสระในการขีดเขียนและแต่งแต้มสีสัน จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นหลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ แล้วทำงานด้านกราฟฟิกดีไซน์อยู่ ๗ ปี ก่อนจะออกมาทำงานศิลปะส่วนตัวจนลงตัวเป็นอีกหนึ่งรูปแบบเทคนิคการสร้างสรรค์ ซึ่งผลงานชุดนี้ส่วนหนึ่งมาจากนิทรรศการภาพวาดที่เคยจัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครชื่อ “อิมเพอร์เฟคชั่น” และที่เคยจัดแสดงที่หัวหินชื่อ “มิสหัวหิน”


“ผลงาน ๒๒ ชิ้นส่วนใหญ่วาดขึ้นใหม่ แต่ละชิ้นออกมาจากหัวขณะนั้นเลย มีน้อยมากที่จะร่างแบบมาก่อน บางชิ้นมาจากสมุดสเก็ตที่ตัวเองวาดไว้ ไม่ถือเป็นการค้นพบอะไรใหม่ในตัวเอง แต่เหมือนเป็นการฝึกทักษะด้านงานศิลปะที่เพิ่มขึ้นมากกว่า แนวนี้เป็นแนวป๊อป อาร์ต หรือคาแรกเตอร์ มีการใช้สีดำตัดเส้นดูเป็นป๊อป ใช้สีดำและสีอะคริลิกบนแคนวาสต่อยอดจากงานขาวดำที่ตัวเองทำมาก่อนหน้านี้” เจ้าของผลงานเผย






น่าสนใจว่าแต่ละภาพดูแล้วสบายตา และแม้บางชิ้นศิลปินจะบอกว่าเป็นงานนู้ดทว่ากลับไม่ได้สื่อออกมาแนวกระตุ้นอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใด เป็นไปในลักษณะน่ารัก น่าเอ็นดู และสวยงามด้วยเส้นสายที่ปรากฏ อย่างภาพ “ไลฟ์ ชาเวอร์” ที่เป็นหญิงสาวยืนเปลือยที่ฝักบัวโดยมีสายน้ำดอกไม้นานาชนิดชโลมไปทั่วร่าง เกิดจากไม่ได้คิดอะไรมากตอนวาดอยากขีดเขียนก็ทำไปตามความรู้สึกตอนนั้น และเมื่อชื่นชอบดอกไม้จึงนำมาแต่งแต้มอย่างที่เห็น หรืออย่างภาพนู้ด ๔ ภาพต่อกันชื่อ “บิวตี้ฟูล ออฟ ไลฟ์ ๑-๔” ก็มาจากความชอบสรีระผู้หญิงเปลือยแต่ไม่สื่อออกมาด้านกามารมณ์ ดูเป็นธรรมชาติที่สร้างให้ออกมาสวยงาม สีที่ใช้แล้วแต่ความรู้สึกส่วนตัว และไม่ยึดติดว่าต้องออกมาแบบนี้ตลอด ถ้าวาดอีกอาจไม่เหมือนเดิมก็ได้ ขณะที่ภาพน่ารัก ๆ อย่าง “มาริลีน” เป็นผลงานเดิมจากนิทรรศการก่อนหน้านี้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมาริลีนหญิงสาวทรงอิทธิพลยุค ๖o มาริลีน มอนโรในแบบของเธอสวมใส่รองเท้าคนละข้างบวกกับใบหน้าอวบอิ่มทำให้น่ารักน่าเอ็นดูผิดแผกจากที่คุ้นเคย ใช้เทคนิคหมึกอินเดีย อิงค์ และสีอะคริลิกเผยให้เห็นถึงความอิสระ

หนึ่งภาพที่สะดุดตาจากผู้พบเห็นไม่น้อยชื่อ “ไอ แอม ซี” ต้องบอกว่าสะท้อนถึงตัวตนศิลปินได้มากที่สุด ด้วยเป็นภาพใบหน้าหญิงสาวภายใต้บล็อกสี่เหลี่ยม ส่วนลำตัววาดเป็นทิวทัศน์ทะเลใต้ขอบฟ้าใส ศิลปินเป็นชาวหัวหิน เป็นลูกน้ำเค็ม ภาพนี้จึงย้ำเตือนให้อย่าลืมว่าตัวเองนั้นมาจากไหน และไม่ว่าจะย้ายถิ่นฐานไปที่ใดก็ยังเป็นลูกน้ำเค็มอยู่ดี คุ้นชินกับอะไรก็วาดไปแบบนั้น และชิ้นที่เจ้าตัวภูมิใจนำเสนอสุด ๆ คืองานที่เลือกมาทำโปสเตอร์แผ่นพับที่ชื่อ “ฟลาเวอร์ ปริ้นซ์” หรือเจ้าหญิงดอกไม้ในจินตนาการส่วนตัว โดยเธอบอกว่าชอบจังหวะสีที่ลงตัวสื่อถึงธรรมชาติที่ดอกไม้อาจจะมีเหี่ยวเฉาไปบ้างก็เหมือนกับชีวิตคนเราที่มีสดใส เศร้าหมอง สุดแต่สถานการณ์มาปะทะ






“ไม่ได้ตั้งใจวาดใคร พอดีชอบสีและเชฟของดอกไม้ เป็นผู้หญิงในจินตนาการหัวฟู ๆ สิ่งที่แสดงออกบ่งบอกได้เลยว่าเราคิดอะไรตอนนั้น เราซึมซับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เล็กจนโต รู้สึกว่าธรรมชาติสร้างมาสวยงามจังเลย เป็นความสนใจในธรรมชาติเท่านั้น เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบปลูกต้นไม้หรือชอบทำสวน เป็นมุมมองเรื่องความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เห็นมากกว่า” หญิงสาวผู้รักธรรมชาติและดอกไม้ เผยทัศนคติส่วนตัว

นิทรรศการชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพื่อสังคม “ทำดีด้วยใจ คืนกำไรสู่สังคม” ของแบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ด ขณะนี้ยังคงจัดแสดงอยู่บริเวณโถง ชั้น ๑ ภายในลิกซิล โชว์รูม อาคารดี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพจะมอบสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้สนใจสามารถเข้าชมฟรีไปจนถึง ๓๑ ธันวาคมนี้ สอบถามข้อมูล o-๒๑o๒-๒๒๒๒



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














Friend forever



ขอเชิญชมนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย “Friend forever” โดยศิลปิน ๑๘ ท่าน กลุ่มจปภ.๓๖ (ครั้งที่ ๔) ระหว่างวันที่ ๔ พฤศจิกายน - ๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo – ๑๙.oo น. ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ชั้น ๒

นิทรรศการเปิดแสดงทุกวัน (หยุดทุกวันจันทร์) เชิญร่วมกิจกรรมเสวนาศิลปะ หัวข้อ “The art collection” โดย คุณแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ในวันเสาร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.oo - ๑๖.oo น.

การอบรม
- ดินหิน รักพงษ์อโศก สอนวาดภาพ ทุกอังคาร-เสาร์ เวลา ๑๓.oo-๑๘.oo น.
-รศ. ธานินท์ ตันตระกูล สอนทำโมโนปริ้น วันอาทิตย์ที่ ๘, ๑๕ และ ๒๒ พ.ย.เวลา ๑๓.oo น.- ๑๘.oo น.

หากสนใจกิจกรรม ...สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่คุณจารุพงษ์ จันทรเพชร o๙๓-๙๙๖-๙๒๕๒, o๘๙-๑๕๑-๔๕๗






























ภาพและข้อมูลจาก
FB หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน














เทศกาลศิลปะแสงผสานเทศโนโลยี
“ดิ เอ็ม ดิสทริค พรีเซ็นท์ส แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น 2015”



เทศกาลฯ แบ่งเป็นพื้นที่การจัดแสดงงานเป็น ๑๔ พื้นที่ ประกอบไปด้วยบริเวณถนนสุขุมวิท (ซอย ๒๔ - ซอย ๓๑), สวนเบญจสิริ, บริเวณสถานนีรถไฟฟ้าพร้อมพงศ์, เอ็มโพเรี่ยม พาร์ค, เอ็มควอเทียร์ พาร์ค, ควอเทียร์ อเวนิว, ควอเทียร์ วอเตอร์ การ์เด้นท์, ควอเทียร์ วอเตอร์ฟอล, อาคาร วอเตอร์ฟอล ควอเทียร์, อาคารฮีลิกซ์ ควอเทียร์, เอ็มโพเรี่ยม แกลอรี่, เอ็มควอเทียร์ บริดจ์ ชั้น M, ผนังอาคารศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม - ดิ เอ็มควอเทียร์ ร่วมด้วยพื้นที่ข้างสวนเบญจสิริที่จะจัดเป็น “เอ็มป็อบพาร์ค” (EM Pop Park)

ตัวอย่างผลงาน ไลท์ติ้ง อาร์ต จากศิลปินและกลุ่มศิลปิน ทั้งของไทยและต่างชาติ อาทิ

Eiji Sumi
DigitalArti
Frameless Collective
Keep_Your_Eyes_On
Duck Unit,ZEITFELD
Jiro Endo
THE EMBASSY OF DESIGN TERRITORY
The Cracking Art Group
ดวงฤทธิ์ บุนนาค
Pomme Chan หรือ ปอม - ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง
รักกิจ ควรหาเวช
ฟ้าวลัย ศิริสมพล
พงษธัช อ่วยกลาง

นอกจากนี้ยังมี กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ด้วยการรังสรรค์ภาพยนตร์ประกอบการแสดง ด้วยเทคนิค ทรีดี แมปปิ้ง (3D Mapping) การฉายภาพบนสถาปัตยกรรมของอาคารศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์

และมีการเปิดโอกาสให้เยาวชนและบุคคลทั่วไปได้แสดงฝีมือโดยการจัดประกวด BANGKOK ILLUMINATION AWARDS โดยการรับสมัคร นิสิต นักศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่จำกัดสาขาวิชาและสถาบัน ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่มีความคิดสร้างสรรค์ ส่งผลงานประกวดภายใต้แนวคิด Harmonic Diversity โดยผู้ที่เข้ารอบคัดเลือกจะได้นำผลงานที่ตนเองออกแบบมาสร้างเป็นผลงานจริง เพื่อนำไปจัดแสดงโชว์ภายในงาน

นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานบริหาร บริษัท ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้กับชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึงนี้ ดิ เอ็ม ดิสทริค จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน จัดงาน ดิ เอ็ม ดิสทริค พรีเซ็นท์ส แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น ๒o๑๕ ซึ่งถือเป็นเทศกาลแสดงเทคโนโลยีแสงสีครั้งยิ่งใหญ่ อย่างยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบครั้งแรกของประเทศไทย ด้วยงบประมาณกว่า ๑oo ล้านบาท

ดิ เอ็ม ดิสทริค พรีเซ็นท์ส แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น ๒o๑๕ จะเปิดให้ชมฟรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙

ร่วมสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้โดย โดย บริษัท ไทยเบฟ เวอเรจ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ,บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จํากัด





















งานแถลงข่าวการจัดงาน ดิ เอ็ม ดิสทริค พรีเซ็นท์ส แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น ๒o๑๕ โดยมี นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานบริหาร บริษัท ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป จำกัด,นายวิษณุ เจริญศิลป์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นางสาวปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว รวมไปถึงศิลปิน ร่วมแถลงข่าว



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














“สร้างนักเขียนการ์ตูนไทยรุ่นใหม่” ศุขเล็ก จรรยาวงษ์ ทายาท “ประยูร”
กล่าวถึงบทบาทหลักของมูลนิธิฯ วาระ ๑oo ปี ชาตกาล ของพ่อ


โครงการประกวดวาดภาพการ์ตูนลายเส้น ของนักเรียนในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา รางวัล “ประยูร จรรยาวงษ์ เพื่อการ์ตูนไทย” ครั้งที่ ๑ หนึ่งในกิจกรรมซึ่งจัดขึ้นวาระครบรอบ ๑oo ปี ชาตกาล ประยูร จรรยาวงษ์ นักเขียนการ์ตูนผู้ล่วงลับ ในปี ๒๕๕๘ นี้ ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมย่อยที่จัดขึ้นเพื่อเติมเต็มให้กิจกรรมโดยรวมสมบูรณ์ขึ้น ทว่าถือเป็นกิจกรรมหลักเลยก็ว่าได้

ดังที่ ศุขเล็ก จรรยาวงศ์ ทายาทและรองประธานกรรมการมูลนิธิประยูร จรรยาวงษ์ กล่าวเมื่อครั้งมาร่วมงานเปิดนิทรรศการ ๑oo ปี ชาตกาล ประยูร จรรยาวงษ์ (ระหว่างวันที่ ๔-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร) ว่านับตั้งแต่ที่ได้มีการก่อตั้งมูลนิธิขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๑ วัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ คือการดูแลเก็บรักษาผลงานของพ่อไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา และนำออกเผยแพร่สู่สังคม

“มูลนิธิฯ จึงได้ริเริ่มได้จัดทำหนังสือรวมเล่มเผยแพร่ผลงานการ์ตูนชุด ขบวนการแก้จน ขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่คุณพ่อเคยจัดพิมพ์เองครั้งแรกในช่วงปี ๒๕๑๙-๒๕๒๑ อีกโครงการหนึ่งที่มูลนิธิฯกำลังดำเนินการ คือ โครงการการ์ตูนแอนิเมชั่น 'นายศุขเล็ก' เพื่อสานต่อความฝันของคุณพ่อที่ความตั้งใจไว้อยากทำการ์ตูนแอนิเมชั่นให้สำเร็จ เนื่องด้วยคุณพ่อเคยได้มี โอกาสไปฝึกงานทำการ์ตูนแอนนิเมชั่น ณ ดิสนีย์สตูดิโอ เมืองเบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา ๖ เดือน หลังจากที่ พ่อได้รับ รางวัลการ์ตูนเพื่อสันติภาพโลก ชื่อภาพ การทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้าย ณ กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ๒๕o๓

และปีนี้เอง มูลนิธิฯ จึงได้สานต่อความฝันของคุณพ่อจนสำเร็จแล้ว ในการผลิตภาพยนตร์แอนนิเมชั่นการ์ตูนมีตัวเอกคือ 'ยอดชายนายศุขเล็ก' และตัวละครอื่น ๆ ทั้งที่พ่อสร้างสรรค์ขึ้นมาเดิม และยังได้เพิ่มตัวละครใหม่ให้เข้า กับยุคสมัย แฝงไว้ด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตแบบไทย ๆ ที่เรียบง่ายและมีความสุขด้วยการพึ่งตนเองและแทรกสาระความรู้ที่มีประโยชน์ ความยาวตอนละ ๑o นาที และยังจะมีการ์ตูนให้ความรู้ ความยาวตอนละ ๒ นาที คาดว่าจะออกอากาศทางโทรทัศน์ในราวต้นปี ๒๕๕๙”

อย่างไรก็ตามนายศุขเล็กกล่าวด้วยว่า บทบาทหลักของมูลนิธิฯ คือการมีแนวคิดที่จะสร้างนักเขียนการ์ตูนไทยรุ่นใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น

“ โดยงานครั้งนี้ได้จัด โครงการประกวดวาดภาพ รางวัลประยูร จรรยาวงษ์ ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อหวังจุดประกายให้เด็กๆ และเยาวชน ได้มีเวทีสร้างสรรค์ผลงาน และร่วมอนุรักษ์สืบสานการ์ตูนไทยไม่ให้หายไป คาดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ ปี”

ประยูร จรรยาวงษ์ เป็นนักเขียนการ์ตูนที่ได้สร้างสรรค์ผลงานไว้ทางสื่อหนังสือพิมพ์ต่าง ๆยาวนานกว่า ๕o ปี (พ.ศ. ๒๔๘๙ - ๒๕๓๕) ทั้งภาพล้อสังคมและการเมือง ผลงานการ์ตูนเรื่องยาววรรณคดีไทย นิทานพื้นบ้าน และผลงานการ์ตูนอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะการถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาเรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตของตน ผ่านการ์ตูนชุด “ขบวนการแก้จน”

“ประสบการณ์ชีวิตบอกกับตัวเองว่า ความขยันหมั่นเพียรอย่างจริงจังเท่านั้น ที่จะเอาชนะความจนได้อย่างเด็ดขาด ฉะนั้นความจนจึงเป็นความจนที่น่ารักสำหรับผม ซึ่งผมเอาชนะมันได้ทุกวัน”

จากบทความและบทสัมภาษณ์ของ สาลินี หาญวารีวงศ์ศิลป์ ตอนหนึ่งให้ข้อมูลเอาไว้ว่า

... ฝีมือการเขียนการ์ตูนเรื่องยาวของเประยูตเริ่มเป็นที่รู้จักจากเรื่อง “จันทโครพ” ที่ได้รับการตีพิมพ์ในหน้า 4 ของหนังสือพิมพ์สุภาพบุรุษ และได้สร้างชื่อเสียงให้กับเขาอย่างรวดเร็ว

ตัวการ์ตูนสำคัญที่เขาได้สร้างขึ้นในช่วงเวลานั้นคือ นายศุข(เล็ก) หรือที่ต่อมาคือ ศุขเล็ก พระเอกลิเกและเจ้าของคณะลิเก ยอดชายนายศุขเล็ก ที่ได้กลายเป็นตัวการ์ตูนที่เป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวของ ประยูร จรรยาวงษ์ เป็นตัวการ์ตูนที่คนไทยผูกพันรักใคร่มาตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงวันนี้...

ชวนวาดการ์ตูน เสริมจินตนาการ สนุกกับศุขเล็ก

วันเสาร์ และวันอาทิตย์ที่ ๗-๘ , ๑๔-๑๕, ๒๑-๒๒, ๒๘-๒๙ พฤศจิกายนนี้ นายศุขเล็กชวนน้อง ๆ อายุ ๘ ปี ขึ้นไป ร่วมกิจกรรม "วาดการ์ตูน เสริมจินตนาการ สนุกกับศุขเล็ก"

เวลา ๑๓.oo-๑๕.oo น. ณ ชั้น ๕ ห้อง ๕o๒ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

วันเสาร์ที่ ๑๔, ๒๑, ๒๘ พ.ย.
สอนโดย ครูกุ่ย- ชัยวัฒน์ สุวัฒนรัตน์
การ์ตูนนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์และ นักวาดการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

วันอาทิตย์ที่ ๑๕, ๒๒, ๒๙ พ.ย.
สอนโดย ครูอ๋า สิทธิพร กุลวโรตตมะ
ผู้เขียนหนังสือชุดศิลปะการ์ตูนเก่งคิดเก่งวาด กรรมการสมาคมการ์ตูนไทย
และสถาบันการ์ตูนไทย มูลนิธิเด็ก

ผู้สนใจสามารถไปลงที่โต๊ะของ มูลนิธิประยูร จรรยาวงษ์ บริเวณหน้าลิฟท์ชั้น ๕ หรือทางหน้าเพจ ‘ศุขเล็ก โดย ประยูร จรรยาวงษ์’ รับวันละ ๒o คนเท่านั้น

มาแต่ตัวและหัวใจรักการ์ตูน อุปกรณ์วาดรูป นายศุขเล็กมีเตรียมไว้ให้





ประยูร จรรยาวงษ์





ศุขเล็ก จรรยาวงษ์





ผลงานของ น.ส.อนันดา พันธุวิเชียร ชนะเลิศระดับมัธยม
โครงการประกวดวาดภาพการ์ตูนลายเส้น
รางวัล “ประยูร จรรยาวงษ์ เพื่อการ์ตูนไทย” ครั้งที่ ๑






ผลงานของ ด.ญ.สรินรัตน์ ชัยดุษฎีกุล ชนะเลิศระดับประถม
โครงการประกวดวาดภาพการ์ตูนลายเส้น
รางวัล “ประยูร จรรยาวงษ์ เพื่อการ์ตูนไทย” ครั้งที่ ๑






บรรยากาศบางส่วนของ นิทรรศการ ๑oo ปี ชาตกาล ประยูร จรรยาวงษ์



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














รูปธรรมแห่งธรรมชาติ ของ Matteo Messervy
ศิลปินผู้จะมีผลงานจัดแสดงในการประชุม COP21 ที่กรุงปารีส



เหตุการณ์กราดยิงทั่วกรุงปารีส ในคืนวันศุกร์ ๑๓ พฤศจิกายน จนทำให้มีผู้บริสุทธิ์ บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลให้ ณ ขณะนี้ ผู้คนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ต่างแสดงออกผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อร่วม pray for paris หนึ่งในจำนวนนั้นคือการหยิบยืมภาพสัญลักษณ์ที่ Jean Julien เป็นผู้ออกแบบมาโพสต์และหรือเปลี่ยนเป็นภาพไปร์ไฟล์ของตัวเอง






ซึ่งภาพนี้ Jean Julien นำสัญลักษณ์ความสงบสุขมาออกแบบร่วมกับหอคอยไอเฟลของกรุงปารีส ขณะที่ช่วงเย็นของวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ สถานเอกอัคราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยจะจัดงานเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์กราดยิงทั่วกรุงปารีส ณ สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ ถนนวิทยุ






และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ (๑o พ.ย. ๒๕๕๘) ณ สถานเอกอัคราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ในงานแถลงข่าว แกลเลอรี่ไนท์(Galleries Night) นอกจากสถานทูตฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน จะแจ้งข่าวให้ทราบว่า ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ แกลเลอรี่ ๓๘ แห่งในกรุงเทพมหานคร จะเปิดให้ผู้ชมงานศิลปะได้เข้าชมในช่วงเวลาพิเศษ เวลา ๑๙.oo - ๒๔.oo น.

ยังแจ้งให้ทราบด้วยว่า ระหว่างวันที่ ๓o พฤศจิกายน - ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ประเทศฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๒๑ ณ กรุงปารีส หรือ COP21

ซึ่งนอกจากการประชุมจะมีผู้เข้าร่วมมากว่า ๒o,ooo คนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันเสนอแนวทางในการป้องกันไม่ให้สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงมากเกินไป ยังจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะที่สื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมจำนวน ๒๔ ชิ้น หนึ่งในจำนวนนั้นคือผลงานของศิลปินนักออกแบบแสง Matteo Messervy

แต่ก่อน ที่ผลงานศิลปินผู้นี้ จะจัดแสดงในการประชุม COP21 ที่ปารีส ทางสถานทูตฯได้เชิญเขามาสร้างสรรค์ผลงานเพื่อนำเสนอในคืนวันเปิดงาน ‘แกลเลอรี่ไนท์’ ณ สถานเอกอัคราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และมี บริษัท ฟิลลิปส์ อิเล็คโทรนิกส์ (ประเทศไทย) ร่วมสนับสนุน หลังจากนั้นยังจะจัดแสดงให้ชมไปจนถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘






ผลงานศิลปะชิ้นนี้มีชื่อว่า Concrete Nature หรือ รูปธรรมแห่งธรรมชาติ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องของ “น้ำ”

...น้ำมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของสิ่งมีชีวิต ทั้งในด้านอุปโภคและบริโภคแต่ในปัจจุบันมนุษย์ใช้น้ำอย่างไม่คำนึงถึงความสำคัญของน้ำ...

Matteo Messervy จะใช้เทคนิคพิเศษ projector mapping เนรมิตให้อาคารใหม่ของสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยติดแม่น้ำเจ้าพระยา ในถนนเจริญกรุง ๔o เต็มไปด้วยแสงสีและแสงสว่าง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ โดยเฉพาะการถ่ายทอดโมเลกุลของน้ำผ่านผลงานชิ้นนี้

ยังไม่ทราบว่า เหตุการณ์การกราดยิงทั่วกรุงปารีส จะส่งผลต่อการจัดประชุม COP21 ณ กรุงปารีสที่กำลังจะมาถึงมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการจัดแสดงผลงานศิลปะสื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมจำนวน ๒๔ ชิ้น ในโอกาสจัดประชุม

ที่แน่ ๆ ผู้ชมน่าจะมีโอกาสได้ชมผลงานของ Matteo Messervy ในงานแกลเลอรี่ไนท์ที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน เพราะขณะศิลปินได้เดินทางมาถึงประเทศไทยและกำลังเตรียมจัดแสดงผลงานอย่างขมักเขม้น







ภาพและข้อมูลจาก
//www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9580000126671














“ปีสากลแห่งแสงฯ” ชวนท่องราตรีแกลเลอรี่ ๓๘ แห่ง
และชมผลงาน “นักออกแบบแสง” เมืองน้ำหอม ในสถานทูต



กิจกรรม แกลเลอรี่ไนท์(Galleries Night) ซึ่งเคยถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งใน เทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส-ไทย หรือ ลาแฟต (La Fete) มาแล้ว ๒ ครั้ง

ปัจจุบัน แม้ว่า สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และ สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ จะประกาศเลิกจัด เทศกาลฯ ซึ่งเคยจัดต่อเนื่องมาถึง ๑๑ ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ

ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม แกลเลอรี่ไนท์ ขึ้นอีกครั้ง และขยายเวลาของการจัด จาก ๑ คืน เป็น ๒ คืน ต่อเนื่องกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อจากนั้นจะมีการจัดขึ้นอีกครั้งที่ จ.เชียงใหม่

แกลเลอรี่ไนท์ เป็นกิจกรรมที่แกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะหลายแห่งในกรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้าชมงานศิลปะในช่วงเวลาพิเศษ หรือ ช่วงกลางคืน(เวลา ๑๙.oo-๒๔.oo น.) ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงเวลาที่แกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะส่วนใหญ่ปิดทำการแล้ว

เป็นกิจกรรมที่เลียนแบบมาจากบางกิจกรรมที่กรุงปารีส ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถเข้าชมพื้นที่ทางวัฒนธรรมทั่วเมืองในเวลากลางคืน

และที่ผ่านมา หลายแกลเลอรี่ในย่าน “สีลมและเจริญกรุง” เคยรวมตัวกันจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันกับ “แกลเลอรี่ไนท์” ของเทศกาลลาแฟต มาแล้วหลายครั้งเช่นกัน ภายใต้ชื่อ “สีลม - เจริญกรุง แกลเลอรี่ ฮอปปิ้ง ไนท์”

ส่วน “แกลเลอรี่ไนท์” ซึ่งกำลังจะมีขึ้น ระหว่างคืนวันที่ ๒๗ - ๒๘ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ มีความน่าสนใจอย่างไร เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายปิแอร์ โกลิโยต์ ที่ปรึกษาฝ่ายวัฒนธรรมและความร่วมมือ,นายเบอนัวต์ เอเตียนน์ ผู้ช่วยทูตด้านวัฒนธรรม และนางสาวแมรี่ ปานสง่า ผู้ประสานงานกิจกรรม ได้มีการแถลงข่าวกิจกรรม ณ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โดยมีตัวแทนของแกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะหลายแห่งเข้าร่วมฟัง

นายเบอนัวต์ เอเตียน ผู้ช่วยทูตฝ่ายวัฒนธรรม กล่าวว่าเนื่องจากปี ๒o๑๕ เป็นปีที่ ยูเนสโก กำหนดให้เป็น “ปีสากลแห่งแสงและเทคโนโลยีแสง” อีกทั้งช่วงเวลาของการจัดกิจกรรม “แกลเลอรี่ไนท์” จัดขึ้นหลังช่วง "เทศกาลลอยกระทง" ของไทยเพียงแค่สองวัน และหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะมี "เทศกาลแสงสว่าง" เกิดที่ เมืองลียง (Lyon) ประเทศฝรั่งเศส

กิจกรรมแกลเลอรี่ไนท์ที่กรุงเทพฯในครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “แสง” และเหตุที่ต้องเพิ่มระยะเวลาของการจัดจาก ๑ คืนเป็น ๒ คืน เนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้มีแกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะเข้าร่วมมากถึง ๓๘ แห่ง และจากประสบการณ์ของการจัดกิจกรรมครั้งที่ผ่านมา ๆ ช่วงเวลาเพียงคืนเดียว เป็นการยากที่ผู้ชมงานศิลปะ จะสามารถเดินทางไปชมแกลเลอรี่ได้อย่างทั่วถึง

๓๘ แกลเลอรี่ ที่เข้าร่วมกิจกรรม ถูกแบ่งเป็น ๒ คืน ๒ เส้นทาง ๆ ละ ๑๙ แกลเลอรี่

คืนวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เส้นถนนสีลม,สาทร และริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ The French Embassy,Alliance Francaise,Atta Gallery,Bangkok Citycity Gallery,Bridge Art Space,Cho Why,Cloud,The Ferry Gallery,H Gallery,Jam Café,The Jam Factory,Kathmandu Gallery,NACC,Pandora Art Gallery,Rotunda Gallery Garden Gallery,Serindia Gallery,Soy Sauce Factory,Speedy Grandma และ Whitespace Gallery

คืนวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เส้นรถไฟฟ้า BTS และถนนสุขุมวิท ได้แก่ 100 Tonson Gallery,Adler Subhashok Gallery,Bangkok Art and Culture Centre(BACC),GOJA Gallery Café,HOF Art Space,Jim Thompson Art Center,Kalwit Studio&Gallery,Koi Art Gallery,La Lanta Fine Art,Numthong Gallery,Pandora Events,Rebel Art Space,RMA Institute,S Gallery,Serindia Gallery ANNEX,Tentacles,Thong Lor Art Space,Training Ground และ WTF Gallery

งานเปิดกิจกรรมแกลเลอรี่ไนท์ จะมีขึ้นในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดที่จะมีการจัดแสดงผลงานของศิลปิน"นักออกแบบแสง" ชาวฝรั่งเศส Matteo Messervy ผู้จะมาทำให้พื้นผิวด้านหน้าตึกที่ทำการหลังใหม่ของสถานทูตเต็มไปด้วยแสงสีและแสงสว่าง และหลังจากคืนวันเปิดงานผลงานศิลปะของเขายังจะจัดแสดงให้ชมไปจนถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

นอกจากจะมาสร้างสรรค์ผลงานให้ชมที่กรุงเทพฯ Matteo Messervy ยังเป็นหนึ่งในจำนวนศิลปินที่มีผลงานจัดแสดงในวาระที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๒๑ ณ กรุงปารีส หรือ COP21 ระหว่างวันที่ ๓o พฤศจิกายน - ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

ซึ่งนอกจากการประชุมจะมีผู้เข้าร่วมมากว่า ๒o,ooo คนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันเสนอแนวทางในการป้องกันไม่ให้สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงมากเกินไป ยังจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะที่สื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมจำนวน ๒๔ ชิ้น และหนึ่งในจำนวนนั้นคือผลงานของ Matteo Messervy

ศิลปินนักออกแบบแสงจากเมืองน้ำหอม กล่าวว่า Concrete Nature ผลงานศิลปะที่เขาจะสร้างสรรค์ให้ชมบนพื้นที่ของสถานฑูต ได้แนวคิดมาจากเรื่อง “น้ำและก๊าซ” เนื่องจากทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทุกสิ่งในโลกนี้ และพื้นผิวโลกยังมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง ๗o เปอร์เซ็นต์ และนอกจากการชมเพียงอย่างเดียว ทุกคนยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) กับผลงานชิ้นนี้ได้ด้วย

ผู้สนใจแวะเวียนไปชมผลงานศิลปะภายในแกลเลอรี่และพื้นที่ศิลปะ ๓๘ แห่ง ที่เข้าร่วมกิจกรรม แกลเลอรี่ไนท์ตลอด ๒ คืน นอกจากจะหยิบแผ่นพับของ BAM (Bangkok Art Map) ฉบับล่าสุด เพื่อเป็นไกด์นำทางไปยังแกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะแต่ละแห่ง ตลอดจนเพื่อค้นหาข้อมูลว่ามีนิทรรศการศิลปะและกิจกรรมอะไรบ้างจัดขึ้นในแต่ละแกลเลอรี่

ยังมีอีกทางเลือกคือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Galleries Night ดาวโหลดฟรี ทั้งสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบ ios และ android

หลังจากนั้นระหว่างวันที่ ๒๙ - ๓o มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยความร่วมมือของ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ หรือ TCDC Chiang Mai และ Chiang Mai Art Conversation หรือ CAC กิจกรรม แกลเลอรี่ไนท์ จะมีขึ้นอีกครั้งที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีแกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะเข้าร่วมมากถึง ๓o แห่ง

โดยวันแรกและเส้นทางแรก แกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะที่เปิดประตูรอผู้ชมงานศิลปะคือ เส้นคูเมืองเชียงใหม่ เริ่มตั้งแต่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ไปจนถึงแม่น้ำปิง ขณะที่วันที่สองและเส้นทางที่ ๒ คือ เส้นถนนนิมมานเหมินทร์ ไปจนถึงวัดอุโมงค์













ผลงานของนักออกแบบแสง Matteo Messervy ที่สถานทูตฝรั่งเศส













ผลงานศิลปะที่ Rebel Art Space





ผลงานศิลปะที่ The Ferry Gallery





ผลงานศิลปะที่ Pandora Event







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














สัญลักษณ์ชีวิตในจินตนาการ



วันที่ : ๔ พฤศจิกายน - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
สถานที่ : People's Gallery P3 ชั้น ๒
ศิลปิน : วิญญากร จันทะศิริ

การยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ความหลากหลายของรูปแบบชีวิตเป็นส่วนนึงของพัฒนาการ ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกตามธรรมชาติ การใช้เทคโนโลยีเพื่อชีววิทยาเจริญเชิงวิวัฒนาการ หรือ กระบวนการที่มนุษย์คิดค้นขึ้น การสื่อสารทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเสริมแต่งปรับปรุงรูปลักษณ์มนุษย์ แบบลูกผสมนำไปสู่รูปลักษณ์ใหม่ของชีวิต ซึ่งเป็นรูปแบบชีวิตที่เกิดขึ้นในอนาคต



ภาพและข้อมูลจาก
bacc.or.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2558
0 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2558 18:58:24 น.
Counter : 3278 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.