ทุกงานมีดี อยู่ที่วิธีคิด
เราทั้งหลายต่างเป็นคนวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรืองานในออฟฟิศ งานสอนหนังสือหรือ ว่างานราชการ และไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับจูเนียร์ ผู้ปฏิบัติงานระดับซีเนียร์ เราต่างก็ต้องทำงาน วันเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตจึงหมดไปกับการทำงาน
ถ้าเช่นนั้นแล้ว จะมัวกอดกองทุกข์ทำงานไม่มีสุขอยู่ทำไมคะ การทำงานอย่างเป็นสุขได้นั้น ไม่ยาก อยู่ที่วิธีคิดและมุมมองของแต่ละคน คิดให้ดีก็มีสุข ทำงานสบายใจไม่เป็นกังวลทุกข์ใจ ส่วนคนคิดร้าย ทำงานไปโรคภัยก็ถามหา เดี๋ยวปวดหัวเดี๋ยวปวดท้อง โดยไม่มีสาเหตุชัด ที่จริงถ้าลองโดดข้ามอีกฝั่งของความคิด ก็จะได้พบว่า โลกนี้มีมุมดีๆ ให้มองอีกตั้งมากมาย งานทุกงานนั้นมีดีค่ะ ตรงที่
ทำให้ได้เงิน อันนี้เป็นการคิดแบบง่ายสุดตื้นสุด แต่ก็ตรงจุดที่สุด และตอบโจทย์การทำมาหากินมากที่สุด แค่รู้ว่าเงินเดือนกำลังจะออกก็เตรียมรู้สึกโล่งใจว่า จะมีเงินไปชำระค่าบัตรเครดิตและค่าเรียนลูก ยิ่งรู้ว่าโบนัสกำลังจะไหลเข้าบัญชีธนาคาร แค่นี้ก็ครึ้มอกครึ้มใจ มีกำลังใจไปดูนาฬิกาข้อมือ เรือนแบนฝังเพชร แวะชมโทรศัพท์มือถือรุ่นมีแป้นพิมพ์ดีด ไปลองแหวนพลอยวาบๆอีกสักวง เฮ้อ โลกนี้มีอะไรให้อยากได้มากมายจัง หรือจะกันไว้เป็นค่าเรียนของลูกซื้อทัวร์ให้คุณยาย ไปทัวร์ไหว้พระเจ็ดวัด เหล่านี้เงินบันดาลได้ไม่ยาก
ทำให้มีสังคม รู้กันอยู่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แม้ว่าบางทีจะนึกเบื่อ จะแย่ แต่คนส่วนมากก็ต้องอิงอาศัยเพื่อน ในสังคม พนักงานออฟฟิศมีสังคมแลกเปลี่ยนกันเรื่องไฮเทคโนโลยี เรื่องกินเรื่องเที่ยว บางทีก็เรื่องของชาวบ้าน ส่วนแม่บ้านก็มีสังคมแม่บ้านด้วยกันไว้คุยกันเรื่องเรียนของลูก หรือหาแนวร่วมรวมกลุ่มกันไปเรียนจัดดอกไม้ เขียนลายกระเบื้อง แม่บ้านยังมีสังคมเลยไปถึง แม่ค้าหมูคนคุ้นกันในตลาดที่มักเก็บกระดูกอ่อนๆไว้ให้ลูกค้าเจ้าประจำ ส่วนคนทำงานออนไลน์ ก็ได้แลกเปลี่ยนเรื่องเครื่องคอมพ์หรือโทรศัพท์รุ่นใหม่ งานไหนๆก็ทำให้คนเรามีสังคมทั้งนั้นค่ะ
ทำให้ได้ใช้หัวคิด เรื่องนี้ได้จากกรรมการผู้จัดการบริษัทรับจัดนิทรรศการแห่งหนึ่ง เมื่อลูกน้องบ่นว่าทุ่มเททำงาน แทบตายเพื่อร่วมประมูล หวังว่าจะได้งานมาให้บริษัทเพราะนั่นหมายถึงจำนวนเงินมหาศาล ค่าคอมมิชชั่น โบนัสปลายปีและเครดิตของบริษัท ด้วยกรรมการผู้จัดการผู้ไม่มีมาดไม่มีฟอร์มใหญ่โต บอกกับลูกน้องว่า “แค่เราได้คิดก็กำไรเท่าไหร่แล้ว” เธอพูดถูกทีเดียวค่ะ แค่ได้คิด...นี่พูดถึงคนที่ไม่ชอบ ปล่อยให้สมองฝ่อจนเกินไปนะคะ การได้คิดเป็นการบริหารสมองอย่างดี การได้คิดมีความหมายว่าเรามีอิสระ การได้คิดคือการสนุกได้ไม่มีขอบเขต อย่างนี้จะไม่เรียกว่ากำไรอีกหรือ
ทำให้ได้พัฒนาตนเอง การทำงานซ้ำๆ บางทีก็มีข้อดีคือทำให้เกิดความชำนาญพิเศษ สามารถทำงานนั้นๆได้เร็วขึ้น ราบรื่นขึ้น ทุกขณะที่ทำงานได้เร็วและดีขึ้น คือการใช้งานพัฒนาตนเอง ส่วนงานที่ไม่ต้องทำซ้ำจำเจ ก็ทำให้ได้คิดแก้ปัญหาตลอดเวลา นักข่าวที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์หลากหลายและผู้คนสารพัดแบบ ทำงานด้วยการเตรียมตัว เตรียมประเด็น เตรียมทำการบ้าน หาข้อมูลไม่ซ้ำ ทำให้เป็นคนตื่นตัวรอบรู้ นานไปก็เกิดความ ชำนาญในการจับประเด็น รู้จักที่จะอ่านผู้คนได้ดีขึ้น ทำให้สามารถตั้งคำถามได้คมคายขึ้น บทสัมภาษณ์ก็สนุกและเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านข่าวมากขึ้น นั่นคือได้พัฒนาตนเองไปพร้อมกับคนอ่านข่าวด้วย
ทำให้สังคมประเทศชาติขับเคลื่อนไป อันนี้ก็เริ่มคิดให้ไกลออกไปจากตัวอีกนิด ในยุคสมัยที่โลกกำลังหมุนในจังหวะใหม่ กลายเป็น ควิกสเตป การทำงานอันขยันขันแข็งของคนในสังคมคือ การสร้างศักยภาพให้กับประเทศชาติ ซึ่งอยู่ในเวทีการแข่งขันกับนานาประเทศ แค่คุณทำงาน ประเทศชาติก็เจริญขึ้นไปอีกหนึ่งก้าว คุณไม่ได้ทำงานเพื่อตนเองและครอบครัวเท่านั้น คุณมีความสำคัญต่อประเทศไทยไม่น้อยเลย
ทำให้ชีวิตมีความหมาย อันนี้คนเคยอยู่ในภาวะไม่มีงานจะเข้าใจแจ่มแจ้ง คนไม่มีงานทำหรือไม่ได้ทำงาน ทั้งสมองและสองมือจะไม่มีโอกาสได้พัฒนา คนที่ไม่สามารถเลี้ยงตนเองได้ ชีวิตจะไปมีความหมายอะไร จริงไหมคะ มุมดีๆ ของงานมีมากมายออกอย่างนี้ ภูมิใจและสุขใจในงานของคุณเถิดค่ะ
วารยา ที่มา kids&family
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2552 12:28:32 น. |
Counter : 933 Pageviews. |
|
|
|