Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. องค์แห่งความเป็นพระเสขะและพระอเสขะ

ภิกษุ ท.!
ในบริกขารแห่งอริยสัมมาสมาธินั้น, สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นองค์นำหน้า

ภิกษุ ท.!
สัมมาทิฏฐิ เป็นองค์นำหน้า อย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท.!
เมื่อมีสัมมาทิฏฐิอยู่, สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาสังกัปปะอยู่, สัมมาวาจา ย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาวาจาอยู่, สัมมากัมมันตะ ย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมากัมมันตะอยู่, สัมมาอาชีวะย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาอาชีวะอยู่, สัมมาวายามะ ย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาวายามะอยู่, สัมมาสติ ย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาสติอยู่, สัมมาสมาธิย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาสมาธิอยู่, สัมมาญาณ ย่อมมีเพียงพอ.
เมื่อมีสัมมาญาณอยู่, สัมมาวิมุตติ ย่อมมีเพียงพอ.

ภิกษุ ท .!
ด้วยเหตุนี้แล , ภิกษุ ผู้ประกอบพร้อมแล้วด้วยองค์ทั้ง ๘ ชื่อว่า เป็น พระเสขะ;
และผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วย องค์ทั้ง ๑๐ (คือเพิ่มสัมมาญาณ และสัมมาวิมุตติ อีก ๒ องค์) ชื่อว่า เป็น พระอรหันต์ (พระอเสขะ) แล.
.
.
.
อุปริ. ม. ๑๔/๑๘๗/๒๗๙.



หมายเหตุ จขบ.


เหตุที่โลกนี้ว่างจากพระอรหันต์ ก็เพราะสัมมาทิฏฐิที่ตั้งไว้ผิดทาง .. เจ้าสำนักต่างๆในเมืองไทยซึ่งเป็นพุทธสายเถรวาท (หมายถึงการถือเอา "คำของพุทธะ" เป็นหลักยึด) จึงมักตีความคำของพุทธะไปตามจริตแห่งตน และส่วนมากมักหลุดลอยไปจากหลักใหญ่ของพุทธะ เป็นต้นว่า "หลักไตรลักษณ์" อันกอปรด้วย ..

ทุกขัง
อนิจจัง
อนัตตา

และบรรดาลูกศิษย์ภายใต้จริตแห่ง ศรัทธา อันขาดเหตุผลสำหรับประคับประคองจิตวิญญาณก็"ท่องกันเจื้อยแจ้ว" เป็นนนกแก้วนกขุนทองแทบทั้งสิ้น

ทุกขัง คือ ความทุกข์ อันนี้มักเข้าใจได้ตรงกัน คือ ผลจากการที่จิตวิญญาณไม่สามารถเข้าใจ โลกที่แวดล้อมอยู่รอบตัวได้อย่างถ่องแท้ .. จึงรับมือไม่ได้ จึงทุกข์ทรมาน

อนิจจัง คือ ความเปลี่ยนแปลง คือการที่สรรพสิ่งไม่สามารถหยุดนิ่งกับที่ได้แม้ขณะเดียว คือกระแสวัฏฏะสงสาร

อนัตตา คือความที่ไม่มีสิ่งใดสามารถยึดถือเป็นตัวตน เป็นของตนได้ .. หลักอันนี้เองที่ส่วนมากของพุทธสายเถรวาทเข้าใจไม่ได้ .. ประเด็นเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ภพ ชาติ จึงหลงเชื่อกันอย่างงมงาย หลุดลอยจากหลักอนัตตา จนผิดเพี้ยนไปหมด

วิญญาณ แบบ พุทธ คือ วิญญาณ 6 .. เกิดขึ้นที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เกิดดับทุกครั้งที่ "สังขาร - อำนาจการปรุงแต่งในจิต" ทำงาน เพราะ"หยุดโลกแวดล้อม" ไม่ทัน .. หรือ ขาดสติควบคุมโลกแวดล้อม

วิญญาณ แบบ พราหมณ์ คือ วิญญาณเที่ยง หลังกายแตกดับ วิญญาณนี้จะล่องลอยไปในกระแสวัฏฏะสงสาร เพื่อเสวยวิบากกรรม เพื่อเวียนกลับมาเกิดในร่างใหม่ .. วิญญาณชนิดนี้จะต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบสั่งสมบุญ กุศล แบบฝากธนาคารไว้ จนเข้าถึงความดีสูงสุด ที่เรียกว่า "บรม-อาตมัน" หรือ "ปรมาตมัน" จึงจบเรื่อง

และ 95% ของเถรวาทไทย เอาวิญญาณแบบ พรามหณ์ นี้แหละกราบไหว้ ยึดถือ !

ดังนั้น ต่อให้นั่งหลับตาเพ่งดวงแก้วที่ฐานในกาย จนตายคาที่นั่ง ก็ไม่สามารถบรรลุอะไรได้ เพราะ ทิฏฐิ ที่ตั้งไว้มันผิด ที่เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ .. ตัวนี้นำลงนรกอย่างเดียว ไม่ว่าจะนุ่งขาว ห่มขาว โกนหัว พูดสาธุ ไม่ขาดปาก มาทั้งชีวิต อย่างไรก็ตาม

ทิฏฐิ เปรียบเหมือน เข็มทิศ
สัมมาทิฏฐิ คือ เข็มทิศที่ถูกต้องสำหรับค้นหาขุมทรัพย์ คือ ภาวะนิพพานในจิต
มิจฉาทิฏฐิ คือ เข็มทิศที่ตั้งไว้ผิดทาง ที่อาจเสียเวลาเปล่าทั้งชีวิตก็ไม่สามารถค้นพบขุมทรัพย์ใดๆทั้งสิ้น

จริตตัวตนที่มักไปในทาง ศรัทธา คือเชื่อตาม เป็นผู้ตามเสมอ ไม่เคยคิดอ่านสงสัยใคร่ครวญอะไรได้ด้วยตนเอง พึงทำใจยอมรับไว้ว่า จริตแบบนี้เหมือนบัวที่ไม่สามารถโผล่พ้นน้ำได้ .. ตลอดกาล

เพราะไม่เช่นนั้น เจ้าชายสิทธัตถะ ที่กำเนิดภายใต้สังคมที่พรามหณ์เป็นใหญ่ ก็ไม่ต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่มีอยู่ จนต้องออกหาทางตอบคำถามของตน .. จนรู้ได้ในที่สุด

จริงไหม ?



Create Date : 05 สิงหาคม 2558
Last Update : 5 สิงหาคม 2558 7:54:50 น. 0 comments
Counter : 851 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.