อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. นิพพานที่เห็นได้เอง
(เมื่อบุคคลนั้นรู้สึกต่อความสิ้นราคะ-โทสะ-โมหะ)
"ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! คำที่พระโคดมกล่าวว่า "นิพพานที่เห็นได้เอง นิพพานที่เห็นได้เอง" ดังนี้.
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! นิพพานที่เห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล, เป็นสิ่งที่กล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ได้เฉพาะตน นั้นมีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า พระเจ้าข้า !"
พราหมณ์ ! บุคคลผู้ .. .. กำหนัดแล้ว .. อันราคะครอบงำแล้ว, .. มีจิตอันราคะรึงรัดแล้ว
-ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง -ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง -ย่อมคิดเพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง, -ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง.
เมื่อละราคะได้แล้ว, เขา- -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง, -และย่อมไม่เสวยเฉพาะ ซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตโดยแท้.
พราหมณ์ ! นิพพานที่เห็นได้เอง - -ไม่ประกอบด้วยกาล -เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด -เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ -เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล.
พราหมณ์ ! บุคคลผู้- -เกิดโทสะแล้ว, -อันโทสะครอบงำแล้ว -มีจิตอันโทสะรึงรัดแล้ว
ย่อม- -คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง -ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง -ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองบ้าง, -ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง.
เมื่อละโทสะได้แล้ว, เขา- -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง, -และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตโดยแท้.
พราหมณ์ ! นิพพานที่เห็นได้เอง - -ไม่ประกอบด้วยกาล -เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด -เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ -เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล.
พราหมณ์ ! บุคคลผู้- -มีโมหะแล้ว, -อันโมหะครอบงำแล้ว -มีจิตอันโมหะรึงรัดแล้ว
ย่อม- -คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง, -ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง, -ย่อมคิดแม้เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นบ้าง, -ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปทางจิตบ้าง.
เมื่อละโมหะได้แล้ว, ย่อม- -ไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเอง -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น -ย่อมไม่คิดแม้เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นทั้งสองอย่าง, -และย่อมไม่เสวยเฉพาะซึ่งทุกขโทมนัสอันเป็นไปในทางจิตโดยแท้.
พราหมณ์! นิพพานที่เห็นได้เอง - -ไม่ประกอบด้วยกาล -เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด -เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ -เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ย่อมมีได้ แม้ด้วยอาการอย่างนี้แล.
พราหมณ์ ! เมื่อไดแล, ผู้นี้ - -ย่อมเสวยเฉพาะ ซึ่งความสิ้นไปแห่งราคะ อันหาเศษเหลือมิได้, -ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งโทสะ อันหาเศษเหลือมิได้, -ย่อมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแห่งโมหะ อันหาเศษเหลือมิได้;
พราหมณ์เอย! เมื่อนั้น, นิพพานที่เห็นได้เอง - -ไม่ประกอบด้วยกาล -เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด -เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ใจ -เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล. . . . ติก. อํ. ๒๐/๒๐๒/๔๙๕.
Create Date : 04 พฤษภาคม 2558 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2558 8:59:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 810 Pageviews. |
|
|
|
|
|