happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๓๕





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










งานเฉลิมฉลองมิตรภาพไทย-เบลเยียม



เจ้าหญิงมารี-เอสเมรัลดา อะเดอเลด ลิเลียงแอนนา เลโอโปลด์ แห่งเบลเยียม จะเสด็จฯ มาร่วมงานเฉลิมฉลองมิตรภาพไทย-เบลเยียม ภายใต้ชื่องาน "Thai-Belgian Friendship: Celebrating an Everlasting Friendship between The Kingdom of Thailand and The Kingdom of Belgium" เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานและแนบแน่นระหว่างราชอาณาจักรและ ราชวงศ์ทั้งสอง งานนี้ มูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๙ พ.ย. ๒๕๕๘

ตลอด ๙ วันมีกิจกรรมมากมาย เติมเต็มความสัมพันธ์ไทย-เบลเยียมที่น่าสนใจ อาทิ The Exhibition of the Royal Visits เป็นการจัดแสดงภาพพระราชกรณียกิจและพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระประมุขและสมเด็จพระราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ของทั้งสองราชวงศ์ ขณะเสด็จพระราชดำเนินเยือนอีกฝ่ายหนึ่ง ระหว่างวันที่ ๑-๘ พ.ย. ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดงาน

อีกกิจกรรมสำคัญ The Thai-Belgian Friendship Commemorative Brooches Charity Gala Dinner เป็นการประมูลเข็มกลัดเพชรที่ระลึกเฉลิมฉลองมิตรภาพไทย-เบลเยียม ในวันที่ ๓ พ.ย. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ โดยมี เจ้าหญิงมารีแห่งแห่งเบลเยียม และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จะเสด็จฯ มาร่วมงาน

มิตรภาพไทย-เบลเยียมด้านการค้าจะดำเนินการผ่านกิจกรรม The Thai Belgian Friendship Economic Forum เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการค้าในวันที่ ๔ พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ซึ่งจะปิดท้ายด้วยงานเลี้ยงน้ำชาและงานเลี้ยงอาหารค่ำ พร้อมพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจชั้นนำ งานนี้มีเจ้าหญิงมารีแห่งเบลเยียมเสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดงาน

เคานต์เจรัลด์ แวน เดอ สตราเทน พอนโธส ประธานกรรมการมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ ผู้สืบเชื้อสายเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ เผยว่า แนวคิดเฉลิมฉลองมิตรภาพไทย-เบลเยียมครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ ๒ ปีก่อน เพื่อแสดงความสัมพันธ์อันยาวนานของสองประเทศ ไม่ได้มีเฉพาะสะพานไทย-เบลเยียม ที่เป็นสัญลักษณ์เชื่อมร้อยประเทศทั้งสองไว้ ยังมีมิตรภาพอีกมากมาย และยังจะเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อหารายได้สมทบทุนโครงการก่อสร้างศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ห่างไกลด้วย ก่อนหน้านี้ มูลนิธิสนับสนุนก่อสร้างที่ รร.ตชด.ฟ้าไทยงาม บ้านฟ้าไทยงาม จ.เชียงราย ยังมี รร.ตชด.อีกแห่งที่ดอยวาวี รอการช่วยเหลือ ทุกกิจกรรมในงานฉลองมิตรภาพไทยเบลเยียม มีบริษัท องค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง รายได้จากการประมูลเข็มกลัดเพชรที่ระลึกและภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ขององค์พระประมุขและสมเด็จพระราชินีของประเทศไทยและเบลเยียม จะทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระเทพฯ เพื่อใช้ในโครงการพระราชดำใน รร.ตชด.ในพื้นที่ห่างไกล

"นิทรรศการจะเสนอเรื่องราวมิตรภาพราชวงศ์ไทย-เบลเยียม เป็นความสัมพันธ์ที่ดีเนิ่นนานกว่า ๑๕o ปี สองประเทศไม่เคยเป็นศัตรูกัน เบลเยียมไม่เคยสร้างปัญหาให้สยามประเทศ มิตรภาพสองประเทศเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นจริง มิตรภาพระหว่างราชวงศ์ไทย-เบลเยียมเป็นมิตรภาพที่แนบแน่น แหล่งที่มาของภาพพระราชกรณียกิจสองราชวงศ์มาจากสำนักพระราชวังไทย หอจดหมายเหตุแห่งเบลเยียม และจากอัลบั้มส่วนตัวของ ม.ร.ว.ปรียานันทนา รังสิต แล้วยังมีภาพที่เจ้าหญิงมารีแห่งเบลเยียมมอบให้ด้วย รวมแล้ว ๓๖ ภาพ มีทั้งภาพกษัตริย์และพระราชินีที่งดงามผสมผสานภาพอย่างไม่เป็นทางการ บางภาพไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน เช่น ภาพพระราชินีเบลเยียมพาสมเด็จพระเทพฯ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ดูเป็นธรรมชาติ แล้วยังมีอีกหลายภาพที่สื่อถึงรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ นิทรรศการนี้จะดึงดูดผู้ชมได้แน่นอน" เคานต์เจรัลด์กล่าว

และหากมาสยามพารากอน วันที่ ๕-๘ เคานต์เจรัลด์ชวนให้มาเดินเที่ยวชมนิทรรศการช็อกโกแลต The Thai-Belgian Bridge Chocolate Exhibition ชมสะพานไทย-เบลเยียมจำลองความยาว ๖ เมตร รังสรรค์จากช็อกโกแลตเบลเยียม ซึ่งได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลก สำหรับวันสุดท้าย ๙ พ.ย. เชิญชม The Royal Portraits นิทรรศการพระบรมสาทิสลักษณ์ขององค์พระประมุขและสมเด็จพระราชินีของไทยและเบลเยียม รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ของทั้งสองราชวงศ์ วาดโดยศิลปินจากกรุงเทพฯ และเชียงราย ที่ Kandhavas Place ชั้น ๔ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ โดยภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงและราชินีไทย วาดโดยอภิชัย การิกาญจน์ ที่งดงาม จะถวายกษัตริย์เบลเยียมต่อไป

สำหรับ ขวัญข้าว เศวตวิมล ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ "ขวัญข้าว" กล่าวว่า ในโอกาสฉลองมิตรภาพไทย-เบลเยียม ได้ออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าไทยโดยเลือกใช้ผ้าไหมพิมพ์ของ จ.นครศรีธรรมราช มาตัดเย็บ เลือกสีที่สื่อถึงประเทศเบลเยียม จะโชว์ความเป็นโมเดิร์นผ่านผ้าไทย รวมถึงเข้ากันกับเครื่องประดับเข็มกลัดที่ระลึกความสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่ง บ.บิวตี้เจมส์ แฟคตอรี่ จำกัด ออกแบบ งานนี้ได้นางแบบมืออาชีพและเซเลบริตี้ชื่อดังมากมายร่วมแสดงแฟชั่น

การเดินทางของมิตรภาพไทย-เบลเยียม ได้ถ่ายทอดผ่านอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งคาวหวาน ในงานเลี้ยงน้ำชาและงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งเจ้าหญิงมารีแห่งเบลเยียมร่วมงานเลี้ยง อาณณฑ์ มะซังหลง หรือ เชฟเคณฑ์ เจ้าของตำแหน่งมาสเตอร์เชฟ ออฟ ไทยแลนด์ และหัวหน้าจัดเลี้ยงราชวงศ์ไทย กล่าวว่า ตนรับหน้าที่รังสรรค์เมนูอาหารขึ้นโต๊ะเสวยฉลองสัมพันธ์ ดีไซน์เมนูไล่เรียงการเดินทางของมิตรภาพตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ อยุธยา รัตนโกสินทร์ เริ่มจากหรุ่ม คู่ช่อม่วง กุ้งแม่น้ำย่างซอสมะขาม ตามด้วยยำส้มโอสองสายพันธุ์ ก่อนจะมาถึงเมนูปลากะพงต้ม ขมิ้น คั่นด้วยไอศกรีมเชอร์เบตมะยม จากนั้นเข้าสู่จานหลักมัสมั่นแกะ ปิดท้ายด้วยทองหยอด ฝอยทอง ข้าวเหนียวมะม่วง กลีบลำดวน คู่พาสชั่น ฟรุต ช็อกโกแลต เป็นการปรุงอาหารไทยแท้ ๆ ใน รูปแบบฝรั่งเศส เพื่อเสิร์ฟบนโต๊ะเสวย หวังว่าจะทรงประทับใจ ช่วยเพิ่มพูนของไมตรีสองประเทศ

สำหรับมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๕ ก.ย. ๒๕๕๑ โดยชื่อของมูลนิธิตั้งขึ้นตามชื่อของเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ หรือชื่อจริงว่า กุสตาฟว์ อ็องรี อ็องฌ์ อีปอลิต รอแล็ง-ฌักแม็ง หรือที่รู้จักกันในนาม โรลังยัคมินส์ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวเบลเยียมที่เข้ามารับราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่นดินทั่วไป สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๕-๒๔๔๔) ด้วยความสามารถและคุณูปการของโรลังยัคมินส์ที่มีต่อประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้เป็นเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ สกลนิติธรรม ศาสตราจารย์ มหิบาลมหาสวาภักดิ์ ปรมัคราชมนตรี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เป็นที่ปรึกษาราชการทั่วไป นับเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งชาวต่างชาติเป็นเจ้าพระยาเทียบชั้นเสนาบดี เป็นตำแหน่งสูงสุดทางราชการสมัยนั้น.























พระบรมฉายาลักษณ์และข้อมูลจาก
ryt9.com
prachachat.net









อลังการงานฉากโขนพรหมาศ



เป็นอีกหนึ่งปีที่เตรียมสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทุกรอบการแสดงอีกครั้ง สำหรับ การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยในปีนี้ ทรงได้เลือกโขน ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ” มาจัดแสดงใหม่ หลังจากที่เคยสร้างความประทับใจไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕o และ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้ได้นำมาปรับปรุงและจัดการแสดงขึ้นใหม่ โดยเตรียมเนรมิตงานฉากของการแสดงโขน ซึ่งนับองค์ประกอบหลักสำคัญที่ช่วยให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ร่วมและสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างงดงามในทุกปี โดยในปีนี้เตรียมพร้อมเปิดการแสดงตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน - ๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

สำหรับปีนี้ อาจารย์สุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก การแสดงโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ในทุกปีที่ผ่านมา ยังได้ใส่ฝีมือและความตั้งใจลงไปดังเช่นทุกครั้ง เพื่อสานต่อเจตนาให้นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยได้อยู่บนเวทีได้อย่างภาคภูมิ สง่างามและทัดเทียมสากล โดยได้กล่าวถึงการจัดเตรียมฉากในครั้งนี้ว่า “สำหรับการเตรียมงานในด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากการแสดงโขนฯ ในปีนี้ เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์ครบ ๑oo% แล้ว โดยครั้งนี้มีฉากที่จะใช้ในการแสดงทั้งหมด ๖ ฉากด้วยกัน ได้แก่ ฉากที่ ๑ ขัดตาทัพ (ท้องพระโรงกรุงโรมคัล), ฉากที่ ๒ พลับพลาพระราม, ฉากที่ ๓ สนามรบ, ฉากที่ ๔ ข่าวศึก (ท้องพระโรงกรุงลงกา), ฉากที่ ๕ เสียพิธี และ ฉากที่ ๖ ศรพรหมาศ สำหรับความพิเศษจะได้เห็นตั้งแต่เปิดมาฉากแรกเลย โดยปกติการแสดงทุก ๆ ครั้ง เราจะเปิดการแสดงด้วยฉากท้องพระโรงกรุงลงกา แต่ในปีนี้ ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจกับฉากใหม่ คือ ฉากท้องพระโรงกรุงโรมคัล ที่งดงามมาก โดยมีการใช้ศิลปะทางช่างศิลป์ในแบบไทย และผสมผสานในแบบกระบวนจีนเข้าไปด้วย มิติของโทนสีที่ใช้จะมีความลึกลับดูน่าเกรงขาม เนื่องด้วยบุคลิกลักษณะของมังกรกัณฑ์มีโลกส่วนตัวสูง ก็จะเป็นท้องพระโรงที่มีความลึกลับน่าค้นหา ซึ่งแน่นอนว่าฉากแรกที่เปิดมา ผู้ชมต้องเกิดความประทับใจมากที่สุด”

“นอกจากนั้น ในฉาก ท้องพระโรงกรุงลงกา ของทศกัณฑ์ ผู้ชมจะได้พบกับ ซุ้มเรือนแก้ว ที่มีความวิจิตรมากยิ่งขึ้น โดยในปีก่อน ๆ ซุ้มเรือนแก้วจะมีลักษณะโทนสีเป็นสำริด แต่ในปีนี้ทางทีมได้มีการทำทอง ติดกระจก ลงยาใหม่เพิ่มเติมจากของเดิมอีกด้วย เพื่อเพิ่มเติมให้ฉากดูมีความงดงาม ทำให้ตัวละครทศกัณฑ์ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เมื่อประทับ ณ ซุ้มเรือนแก้ว”

อาจารย์สุดสาคร ฉายภาพให้เห็นเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับฉากในองค์ที่ ๒ เพิ่มเติมว่า “ส่วนในองค์ที่ ๒ นั้น เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของการแสดงเลยก็ว่าได้ เพราะมีผู้ที่ติดตามและไถ่ถามกันมามากจากการได้ชมการแสดงในครั้งก่อนๆ ว่าในปีนี้ ช้างเอราวัณ มีความงดงามอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าถึงแม้เราจะมีการแสดงในตอนนี้มาแล้วถึง ๒ ครั้ง แต่เราก็ได้มีการพัฒนาให้ทุก ๆ อย่างดีขึ้น ด้วภยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปมาก ทำให้เราสามารถทำสิ่งที่เราอยากจะทำให้เป็นจริงและดีขึ้นได้ โดยในปีนี้ใน ฉากศรพรหมาศ จะได้เห็นประติมากรรม ช้างเอราวัณ ขนาดใหญ่ ที่เป็นจุดเด่นในการแสดงครั้งนี้ มีขนาดใหญ่โต ความสูงกว่า ๓.๕ เมตร โดยมีการใส่เอ็ฟเฟ็กต์ให้มีความสมจริง โดย ช้างเอราวัณ จะสามารถขยับในอิริยาบทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การชูงวง การขยับคอ ได้ทั้ง ๓ เศียร การทรุดตัวหมอบ เรียกว่าผู้ชมจะได้เห็นความสมจริง ได้อรรถรสในการชมไม่แพ้การแสดงที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”

“นอกจากนี้ ในฉากจบผู้ชมจะได้เห็นงานประติมากรรมนูนต่ำ พระจันทร์ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓.๕ เมตร ที่มีแสงทองนวลปรั่ง ส่องแสงกระทบกับเขาสรรพยา ซึ่งเรียกได้ว่าเต็มอิ่ม อิ่มเอม และเพลิดเพลินกันในทุกฉาก สมดังความตั้งใจของคณะกรรมการ ด้วยความที่เราผ่านการจัดทำฉากมาแล้วกว่า ๘ ปี ทำให้ประสบการณ์ของทั้งผมเองและทีมงานมีความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมที่ทำมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปี ความมุ่งหวังของคนทำงาน คือ ต้องมีการพัฒนาทำให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ให้สมการรอคอยของผู้ชมที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้ง และเพื่อความสุขของคนดูที่จะได้อิ่มเอม เต็มอารมณ์ทั้งบท ฉาก และองค์ประกอบทุกส่วนการแสดงครับ” อาจารย์สุดสาคร กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ ยังมี กลุ่มนักศึกษาของโรงเรียนเพาะช่าง ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำฉากการแสดงโขนเรื่องนี้ อาทิ

๑. นายพฤฒิพงศ์ เปลี่ยนแก้ว (ก้อง) อายุ ๒๕ ปี ศึกษาอยู่โรงเรียนเพาะช่าง สาขาจิตรกรรมไทย คณะศิลปประจำชาติ ชั้นปีที่ ๔

“มีโอกาสได้ช่วยในเรื่องของการวาดลายบนผืนผ้าฉากต่าง ๆ นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสไปดูลายและแกะลวดลายจากวัดต่าง ๆ เช่น วัดนางนอง ที่มีศิลปกรรมแบบกระบวนจีน ซึ่งได้นำมาใช้ในฉากท้องพระโรงกรุงโรมคัลของมังกรกัณฑ์ รู้สึกว่าการมาทำตรงนี้ร่วมกับรุ่นพี่ นอกจากได้ประสบการณ์ที่ดีแล้ว ยังได้เป็นการพัฒนาฝีมือของตนเองควบคู่กันไปด้วย และรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สมบัติชาติครับ”

๒. นายปกรณ์ ปรีชาวนา (เกมส์) อายุ ๒๒ ปี ศึกษาอยู่โรงเรียนเพาะช่าง สาขาจิตรกรรมไทย ชั้นปีที่ ๔

“ผมรู้สึกว่าชอบการวาดในแนวนี้ คือการวาดลายไทย จิตรกรรมไทยมาตั้งแต่เด็ก พอเริ่มโตมาจึงเลือกเรียนในสายนี้ ผมรู้สึกว่าการได้มาทำในจุดนี้มีความสุขมาก และคิดว่าลายไทยมีเสน่ห์ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ดีใจและปลาบปลื้มในที่สุดครับ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานวัฒนธรรม รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งในการถวายงานในทุก ๆ ครั้งครับ”

๓. นายภานุวัฒน์ รอดสวัสดิ์ (ไทด์) อายุ ๒๘ ปี จบจากโรงเรียนเพาะช่าง และมีโอกาสได้ช่วยการจัดทำฉากมาทั้งสิ้น ๘ ปี (ตั้งแต่ครั้งแรก)

“มีโอกาสได้ร่วมจัดทำฉากโขนฯ ตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ที่เพาะช่าง เรียกว่าได้มีโอกาสร่วมทำตั้งแต่การแสดงตอน พรหมาศ ครั้งแรกเลยครับ สำหรับตัวเองแล้วรู้สึกเป็นเกียรติ ภูมิใจ และดีใจอย่างที่สุด ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำฉากในทุก ๆ ครั้ง หน้าที่หลักของผมคือ ช่วยในการจัดทำต้นแบบ"

สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ” ได้กำหนดจัดการแสดง รอบประชาชน จำนวน ๒๔ รอบ และรอบนักเรียน จำนวน ๒o รอบ รวมทั้งสิ้น ๔๔ รอบ ในระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน - ๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร. o๒-๒๖๒-๓๔๕๖ หรือทาง //www.thaiticketmajor.com บัตรราคา ๖๒o, ๘๒o, ๑,o๒o, ๑,๕๒o บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา ๑๒o บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.khonperformance.com





















ต้นแบบฉากศึกมังกรกัณฑ์ที่จะอยู่ในฉากที่แรก









ช้างเอราวัณตัวต้นแบบ



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th
komchadluek.net














อวดลายเส้น ราชาการ์ตูนไทย “ประยูร จรรยาวงษ์” ในงานมหกรรมหนังสือ



ตลอด ๑๒ วัน ของงาน มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ ๒o (Book Expo Thailand 2015) ระหว่างวันพุธที่ ๒๑ ตุลาคม - วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)

นอกจากจะถูกจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วาด” (ส่วนหนึ่งที่ช่วยสะกิดสังคมให้คิดถึงอนาคตทั้งในระดับปัจเจกและระดับชาติ ในวันที่เราทุกคนจะต้องมาเริ่มต้นวาดทุกอย่างใหม่ร่วมกัน) และมีไฮไลท์เป็นนิทรรศการสามมิติ “การ์ตูนไทยตายแล้ว?”

ส่วนหนึ่งของนิทรรศการไฮไลท์ยังมีนิทรรศการย่อยที่น่าสนใจคือ “นิทรรศการ ๑oo ปี ประยูร จรรยาวงษ์ ราชาการ์ตูนไทย” ผู้สร้างชื่อเสียงแก่วงการนักเขียนการ์ตูนไทยเมื่อผลงาน การทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้าย ได้รางวัลชนะเลิศ การประกวดการ์ตูนสันติภาพที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ผลงานการเขียนการ์ตูนการเมืองก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับรางวัลของมูลนิธิรามอนแมกไซไซ สาขานักหนังสือพิมพ์ ในปี ๒๕๑๔

นอกจากนี้ประยูร ยังถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาได้มีประสบการณ์เรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตของตน ผ่านการ์ตูนชุดขบวนการแก้จน เริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๑๕ - ๒๕๒๑ ซึ่งการ์ตูนชุดนี้ได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างมากในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานกว่า ๒o ปี และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสือดี ๑oo เล่มที่คนไทยควรจะได้อ่าน และในคำประกาศได้บอกว่าเป็นอัญมณีทางการ์ตูนที่หาได้ยากยิ่ง

ส่วนใครที่พลาดชมผลงานภาพถ่ายสัตว์ป่าและธรรมชาติที่บันทึกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ของ ๒ ช่างภาพ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ และชาญชัย พินทุเสน ในงานครบรอบ ๒๕ ปี สืบ นาคะเสถียร ที่ผ่านมา ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภาพถ่ายจะถูกนำไปจัดแสดงให้ชมอีกครั้งในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งนี้ ผ่านนิทรรศการ สืบไพร ทุ่งใหญ่ตะวันตก (ขณะที่ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ สามารถไปชมได้ที่ โถงด้านหน้าหอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพานิชย์ สำนักงานใหญ่)

และยังมีอีกหลายนิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ “โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” ที่ปีนี้มี “คิ้วต่ำ” นักวาดภาพประกอบชื่อดังมีมาช่วยออกแบบของที่ระลึกคอลเลคชั่นพิเศษ ทั้งเสื้อ สมุดโน้ต ที่คั่นหนังสือ ,นิทรรศการบทกวีจากศิลปินระดับชาติ, นิทรรศการย้อนตำนานสตรีสาร ๑oo ปี คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง ,มิวเซียมสยามมินิ’ คำไทย ใครทำ : หลากหลาย คือไทยแท้ ฯลฯ แม้แต่"โปสเตอร์" ของมหกรรมหนังสือในปีนี้ ที่ออกแบบได้น่าสนใจและตั้งคำถามกับผู้ชมว่า “คุณพบหนังสือเล่มใดบ้าง”

ดังนั้นในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งนี้ แม้คุณไม่ใช่หนอนหนังสือ ที่จะไปเลือกซื้อหาหนังสือจากหลายร้อยสำนักพิมพ์ (๔๒๑ สำนักพิมพ์ ๙๓๓ บูธ) ก็คงอดที่จะแวะเวียนไปชมนิทรรศการต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้



















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














นิทรรศการแสดงศิลปกรรมในวาระเชิดชูเกียรติศิลปิน และอาจารย์ผู้เกษียณอายุราชการ ในปี พ.ศ. 2558



คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ขอเชิญชม “นิทรรศการแสดงศิลปกรรมในวาระเชิดชูเกียรติศิลปิน / อาจารย์ผู้เกษียณอายุราชการ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘” รองศาสตราจารย์ปริญญา ตันติสุข และ อาจารย์อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ’ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.
ณ PSG Art Gallery หอศิลป์คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ

นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม – ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
เปิดให้เข้าชมวันจันทร์ – เสาร์ เวลา ๑o.oo – ๑๘.oo น.
ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ณ PSG Art Gallery หอศิลป์คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














นิทรรศการศิลปะภาพถ่ายขาวดำ



งานนิทรรศการศิลปะภาพถ่ายขาวดำ Black and White Thai*Land*Scape 2015 งานแสดงภาพถ่ายกลุ่ม ของครู Somchai Suriyasathaporn , Jittima Sa-ngeamsunthron และนักเรียนจาก CameraEyes School ผลภาพถ่ายขาวดำแบบไฟน์อาร์ท ปริ๊นท์อย่างประณีตกว่า ๔o ภาพ
Special Guest : Chamni Thipmanee

พิธีเปิดงานแสดงนิทรรศการ Black and White Thai*Land*Scape 2015
ในวันอังคารที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น.
ดร. อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
ณ บริเวณโถงชั้น ๑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร



ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














เสน่ห์หอมหวาน อาหารดอกไม้



อีทไทย (Eathai) ศูนย์รวมสตรีทฟู้ดและครัว ๔ ภาค ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ร่วมกับ “ดาษดา แกลลอรี่” เนรมิตอุทยานดอกไม้หลากสีสันงดงามสุดตื่นตา จัดเทศกาล “เสน่ห์หอมหวาน อาหารดอกไม้” ชวนสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ กับอาหารปรุงแต่งจากดอกไม้ โดย พูลทรัพย์เจตลีลา หรือ “ป้าจาย แม่มดดอกไม้” ที่จะมาสร้างสรรค์เมนู อาทิ ข้าวยำดอกไม้ เมี่ยงดอกไม้ ฯลฯ และยังมีเมนูน้ำพริกชาววังสูตร ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ โดย มาลินี ณ นคร อาทิ น้ำพริกขิง ตามเสด็จ โรยหน้าด้วยโสนทอดพร้อมด้วยแกงรัญจวนรสเข้มข้น อีกทั้งเมนูที่หารับประทานได้ยาก อย่างนกกระจาบแตกรัง โดย “อาจารย์ป้อม อมรรัตน์” อีกหนึ่งกูรูอาหารไทยตำรับชาววัง

พิเศษ ชวนจิบน้ำชายามบ่ายกับขนมหวานไทย เวลา ๑๔.oo-๒๑.๓o น. นอกจากนี้ ยังเปิดเวิร์กช็อปขนมไทยจากโครงการอนุรักษ์ขนมไทย” พร้อมเพลินช็อปฯ ผลิตภัณฑ์คัดสรรและผลไม้ ระหว่างวันที่ ๒๘ ต.ค. ถึง ๑ พ.ย.นี้สอบถามที่ โทร. o๒-๑๖o-๕๙๙๕



















ภาพและข้อมูลจาก
praew.com
thaiza.com
naewna.com














ฟลอร่าคาร์นิวัล


เพ ลา เพลิน อุทยานไม้ดอกแห่งเดียวของบุรีรัมย์และอีสานใต้ ร่วมมือกับสถานทูตเนเธอร์แลนด์ จัดกิจกรรมฟลอร่าคาร์นิวัล The Dazzling Flora Carnival 2015 @ Play La Ploen สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ๒๕๕๘ ทุ่มงบกว่า ๒o ล้านบาทขนทับซูเปอร์สตาร์แสดงโชว์ขบวนพาเหรดรถดอกไม้สุดอลังการ ครั้งแรกของเมืองไทยและเอเชีย

ฯพณฯ H.E.Karel Hartogh เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในการสนับสนุนกิจกรรมว่า สถานทูตเนเธอร์แลนด์มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับเพ ลา เพลิน มาตั้งแต่ต้น นับตั้งแต่เรื่องของการเพาะพันธุ์การนำเข้าหัวทิวลิป องค์ความรู้ต่าง ๆ รวมถึงพันธุ์ไม้เมืองหนาวจากฮอลแลนด์อื่น ๆ เช่น ไฮเดรนเยียน ลิลลี่ และว่านสี่ทิศ ทำให้อุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน กลายเป็นอีกหนึ่งอุทยานดอกไม้ที่โดดเด่นและมีความน่าสนใจของประเทศไทย เนื่องจากมีการแสดงโชว์ดอกทิวลิป ไฮเดรนเยีย และพันธุ์ไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิด

เพ ลา เพลิน จับมือ สถานทูตเนเธอร์แลนด์ จัดงานฟลอร่าคาร์นิวัล ทุ่มงบ ๕o ล้าน ขนทับขบวนพาเหรดรถดอกไม้สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชื่นชมความสวยงามของดอกทิวลิปและดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งในแต่ละปี ณ สวนเคอร์เคนฮอฟอันโด่งดังและเป็นอุทยานไม้ดอกที่ใหญ่ที่สุดของโลกจะมีทิวลิปประมาณ ๗ ล้านหัวเบ่งบานคอยต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลก

เมื่อลองย้อนมองที่เมืองไทย ปกติแล้วการปลูกทิวลิปต้องปลูกบริเวณภาคเหนือ แต่ไม่เคยเลยที่จะปลูกทิวลิปทางภาคอีสาน จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เมื่อสวนเพลาเพลินสามารถประกาศความสำเร็จที่สามารถปลูกทิวลิป ณ จังหวัดบุรีรัมย์ได้เป็นครั้งแรก จึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง

นางพรทิพย์ อัษฎาธร ผู้บริหารอุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน จ.บุรีรัมย์ เผยถึงวัตถุประสงค์การจัดงานคาร์นิวัลในครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมอุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน และเนื่องในโอกาสที่เพ ลา เพลิน เปิดบริการครบ ๒ ปี จึงอยากสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและนักท่องเที่ยว ซึ่งงานคาร์นิวัลจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. เป็นต้นไป



















ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
FB O-livemagazine














อีสานในความทรงจำ สู่งานศิลปะชั้นสูงแห่งแผ่นดินอีสาน



ในยุคที่สังคมมีการเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรมอีสาน ซึ่งปัจจุบันถือได้ว่าเป็นวิถีท้องถิ่นที่ค่อนข้างจะแผ่วและเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ลดลง เพราะการสื่อสารและโลกแห่งสังคมยุคดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของคนมากขึ้น เรื่องเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับพื้นถิ่นพื้นเพอีสานจึงกลายเป็นตำนานที่ถูกสังคมยุคใหม่กลืนไปตามกาลเวลา หากแม้นไม่มีบุคคลหรือกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหยิบยกขึ้นมาเล่าใหม่ ก็คงจะสูญหายอย่างเลี่ยงไม่ได้






ด้วยเหตุนี้...สาขาวิชานาฏยศิลป์ โดยนิสิตวิชาเอกนาฏยศิลป์พื้นเมือง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) จึงได้นำเอาข้อมูลและเรื่องราวเกี่ยวศิลปวัฒนธรรมอีสานในอดีตมาเรียบเรียงและนำเสนอใหม่ ผ่านงานศิลปะการฟ้อนอีสานชั้นสูง ภายใต้ชื่องานว่า “จาร E-san memorandum”

“จาร : E-san memorandum” หมายถึง การจารึกวิถีแห่งอีสานจากความทรงจำในอดีต เป็นการนำเสนอผลงานทางด้านนาฏยศิลป์พื้นเมืองชั้นสูง โดยนิสิตวิชาเอกนาฏยศิลป์พื้นเมืองชั้นปีที่ ๔ ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของการประเมินองค์ความรู้และทักษะการเรียนการสอนผ่านรายวิชา ก่อนจะจบการศึกษา โดยมุ่งเน้นให้นิสิตทุกคนมีการบูรณาการผลงานอย่างเป็นระบบ






ทั้งการหาข้อมูล การเตรียมการนำเสนอผลงานอย่างมีขั้นตอน ภายใต้หัวข้อเกี่ยวกับความเชื่อ ตำนาน วัฒนธรรมและประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิมในสังคมอีสาน ผ่านบริบทเรื่องเล่าที่มีการสืบค้นข้อมูลเชิงลึกถึงที่มาที่ไป และเหตุแห่งความเชื่อต่าง ๆ จนกระทั่งกลั่นกรองออกมาเป็นชุดการแสดงที่สื่อให้เห็นเรื่องราวและตีความให้ผู้ชมรับรู้และเข้าใจ ผ่านท่วงท่าลีลาการฟ้อนในแบบฉบับของ “นาฏยศิลป์อีสาน” อย่างสวยงาม

รศ.ดร.ศุภชัย สิงห์ยะบุศย์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มมส. กล่าวว่า จาร : E-san memoradm จัดว่าเป็น “การแสดง” ซ้อน “วิถีการแสดง” ของคนพื้นบ้าน ซึ่งหมายความว่านิสิตเหล่านี้ได้มีการศึกษานำเอาวิถีชีวิต และลีลาการแสดงพื้นบ้านมายกระดับเป็นการแสดงชุดใหม่ ภายใต้หลักวิชาแห่งศิลปะการแสดง จึงถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สัมพันธ์กับความเป็นพื้นบ้านและพื้นเมืองที่น่าสนใจมาก






นับว่าประสบผลสำเร็จ และบรรลุเป้าหมายแห่งพันธกิจของคณะศิลปกรรมศาสตร์ไปอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งเราจะเน้นการผลิตบัณฑิตทางศิลปกรรมศาสตร์ที่มีความรู้ความสามารถขั้นสูงทั้งภาควิชาการและปฏิบัติการ ตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพศิลปกรรมศาสตร์ระดับชาติ อาเซียน และสากล

อีกทั้งยังเป็นบัณฑิตที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ และนำเสนอศิลปกรรมศาสตร์ของตนเชื่อมโยงกับโลกปัจจุบัน ทั้งสามารถบูรณาการศิลปะเพื่อสร้างสรรค์ชาติพัฒนาสังคมอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และสำนึกรับผิดชอบต่อสาธารณชนทุกระดับ รวมทั้งทำหน้าที่ปกป้องอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ

อันจะเป็นการช่วยสร้างจิตสำนึกของเยาวชน และผู้คนในสังคมปัจจุบันให้ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมดังกล่าวไปพร้อมกัน






ด้านอาจารย์ประจำวิชาเอกนาฏยศิลป์พื้นเมือง ซึ่งประกอบด้วย อ.นฤบดินทร์ สาลีพันธุ์ อ.รัตติยา โกมินทรชาติ อ.กรณ์ภัสสร กาญจนพันธุ์ และ อ.วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านนาฏยศิลป์พื้นเมืองให้แก่นิสิตวิชาเอกนาฏยศิลป์พื้นเมืองทั้ง ๔ ชั้นปี ต่างก็รู้สึกภูมิใจที่บรรดาลูกศิษย์ได้นำเสนอผลงานอย่างงดงาม และบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายของโครงการ

นอกจากได้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการนำเสนอผลงานของนิสิตชั้นปีที่ ๔ แล้ว ยังเห็นถึงความรักความสามัคคีของนิสิตทั้ง ๔ ชั้นปีที่ช่วยงานกันจนเสร็จสมบูรณ์






สำหรับการนำเสนอผลงานในโครงการ “จาร : E-san memoradm” จัดขึ้นเมื่อเวลา ๑๓.oo-๑๘.oo น. วันที่ ๑๖ ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมใหญ่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มมส. นับเป็นการสื่อเรื่องราวอีสานในความทรงจำออกมาได้อย่างงดงาม ผ่านชุดการแสดงทั้ง ๑๒ ชุดการแสดง ซึ่งผู้สร้างสรรค์ผลงานในแต่ละชุดนำเสนอนาฏยลักษณ์เฉพาะของตนเองภายใต้กรอบการฟ้อนในความเป็นอีสานดั้งเดิม จากข้อมูลที่ค้นคว้านำมาเป็นแนวคิดในการประดิษฐ์ท่าฟ้อน

จึงทำให้ผู้ชมได้รับอรรถรสของกลิ่นอายวัฒนธรรมอีสานอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งการเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบการแสดง และชุดเครื่องแต่งกายประกอบการแสดง ล้วนแต่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างหมดจดงดงาม และเหตุนี้ทำให้ จาร : E-san memoradm จะยังคงตราตรึงในห้วงแห่งความทรงจำของผู้ที่ได้ชื่นชมต่อไปอีกยาวนาน



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














คมคิดไทยสู่วิถีอาเซียน



๓๓ ปีมาแล้วกับการประกวดศิลปะ “จิตรกรรมยูโอบี” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งช่วยกระตุ้นให้ศิลปินที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจทำตามความฝันของตัวเอง ถือเป็นการประกวดงานศิลป์ที่ยาวนานที่สุดในสิงคโปร์ และว่ากันว่าทรงเกียรติที่สุดของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขยายผลต่อในอีก ๓ ประเทศคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย มาคราวนี้จิตรกรรมยูโอบีประจำประเทศไทยเดินทางมาถึงครั้งที่ ๖ อ้าแขนรับศิลปินมืออาชีพ และหน้าใหม่ มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานก่อนจะคัดเลือกผู้ชนะเพื่อร่วมเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานศิลป์ร่วมกับศิลปินยูโอบีในภูมิภาคอาเซียนที่เมืองลอดช่องต่อไป

ก่อนการประกาศผลผู้ชนะและมอบรางวัล ปีเตอร์ ฟู มู ตัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาเป็นประธานเปิดงานพร้อมขึ้นกล่าวว่า ศิลปะไม่ได้มีเพียงความสุนทรีย์ทางอารมณ์ หากยังช่วยจรรโลงสังคม และแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของวัฒนธรรม การมีเอกชนมาช่วยต่อยอดเรื่องนี้จึงเป็นการผลักดันศักยภาพของประเทศไทยบนเส้นทางวัฒนธรรม นำไทยไปสู่เวทีอารยะประเทศอย่างภาคภูมิ จิตรกรรมยูโอบีทำให้ผู้คนเกิดการตื่นตัว อยากสืบทอดงานศิลปะ เป็นเวทีให้เกิดการแข่งขัน พัฒนา จะเรียกว่าเป็นการส่งเสริมการตลาดของงานจิตรกรรมก็พอจะได้

จากผลงานที่ผ่านเข้ามารอบสุดท้ายจำนวน ๒o ชิ้นทั้งประเภทศิลปินมืออาชีีพและศิลปินใหม่ ปรากฏว่าประเภทมืออาชีพ รางวัลเหรียญทองแดงผลงานชื่อ “ของเล่นไขลาน” ของ ไพริน ภู่ประดับ เหรียญเงินผลงานชื่อ“ บูชาพระบรมสารีริกธาตุ” ของ ไพศาล พิรัตน์เสาร์ เหรียญทองตกเป็นของ จักรกฤษณ์ มูลอินต๊ะ จากผลงาน “สงบสุขตามวิถีชีวิต วิถีล้านนา” และรางวัลจิตรกรรมยูโอบีแห่งปี ผลงานชื่อ “ญามาอะห์ ๒” ของศิลปินสาววัย ๒๓ ปี ธิดารัตน์ จันทเชื้อ คว้าไป ขณะที่ประเภทมือสมัครเล่น เหรียญทองแดงผลงานชื่อ “สัมพันธภาพชีวิต ๑” ของจักรพงษ์ เทพเกาะ เหรียญเงินผลงานชื่อ “แยกคุณตาขนมจีน กุมภา' ๕๘” ของปิยังกุล จันทรกุล เหรียญทองผลงานชื่อ “เป็ดผู้น่าสงสาร” ของ อนันต์ยศ จันทร์นวล และรางวัลโมสท์ โปรมิสซิ่ง อาร์ทิสต์ ออฟ เดอะ เยียร์ ตกเป็นของผลงาน “กายกับใจ จิตกลับใจ” ของ นภัส กังวาลนรากุล

จักรกฤษณ์ มูลอินต๊ะ เจ้าของภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าสไตล์ล้านนา เทคนิคสีอะคริลิกผสมสารเคมีช่วยกัดกร่อนให้ดูเก่า คุมโทนสี และแสงเงาเล่าว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตจริงที่อยู่ในเชียงใหม่บวกกับจินตนาการส่วนตัว แต่ละวัดในล้านนามีเอกลักษณ์ จึงนำรูปแบบและแรงศรัทธามาบวกจินตนาการสร้างสรรค์เป็นผลงาน แสงเงาที่พาดผ่านสื่อถึงความสงบ อบอุ่น ส่วนตึกรามบ้านช่องที่เปิดหน้าต่างออกไปเห็นเป็นความสัมพันธ์กันทั้งความเก่าและใหม่ ก่อนหน้านี้เคยส่งผลงานร่วมประกวดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ได้เพียงร่วมจัดแสดง ครั้งนี้ได้รางวัลเหรียญทองรู้สึกดีใจมาก จริง ๆ แล้วศิลปกรรมยูโอบีเป็นอะไรที่ยาก ออกแนวร่วมสมัยผิดกับตัวเองที่ถนัดแนวประเพณี จึงกลับไปทำการบ้านแล้วปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้สอดคล้อง

ภาพจิตรกรรมสื่อผสมเกิดจากการตัดกระดาษและแปะเป็นเรื่องราวชื่อ “กายกับใจ จิตกลับใจ” ของศิลปินปริญญาโทหมาดๆ จากรั้วศิลปากร นภัส กังวาลนรากุล แม้ตัวเองจะจัดอยู่ในกลุ่มออทิสติก ทว่าสามารถตีความออกมาได้อย่างน่าสนใจ โดยสื่อสารถึงภาวะจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ที่ผ่านมาได้เห็นสังคมสองด้านทั้งดีและไม่ดีในอยู่คนคนเดียว แต่สุดท้ายสองสิ่งนี้ก็อยู่ด้วยกัน และความดีจะชนะทุกสิ่ง ทำให้สามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมได้ เช่นเดียวกับผลงานชนะเลิศในชื่อ “ญามาอะห์ ๒” ของธิดารัตน์ จันทเชื้อ ที่สร้างสรรค์อย่างละเอียดอ่อนทั้งรูปแบบและความหมาย โดยสเก็ตภาพบนโฟโตช็อปก่อนแล้วจึงใช้เส้นด้ายล้วน ๆ ปักลงบนเฟรมจนเกิดภาพ ใช้เวลา ๒ สัปดาห์เต็มในการเก็บรายละเอียด เป็นลวดลายในสถาปัตยกรรมอิสลามที่ไม่จำเป็นต้องพูดตรง ๆ แต่ใช้ฟอร์มมานำเสนอเชิงนามธรรม

“ค่อนข้างมั่นใจและมุ่งหวังมาก เรียนปริญญาโทอยู่จริง ๆ ตั้งใจทำส่งอาจารย์ แต่คิดไปคิดมาส่งประกวดดีกว่า ญามาอะห์เป็นภาษาอาหรับ อยากนำเสนอว่าการที่คนมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันแล้วจะก่อเกิดสิ่งดีงาม เหมือนในภาพเป็นการละหมาดร่วมกัน ปกติเราทำคนเดียวก็ได้ แต่พอทำร่วมกันแล้วรู้สึกดีเหมือนสังคมทุกวันนี้ที่ต่างคนต่างอยู่ ถ้าเราอยู่ร่วมกันได้ก็จะดีและมีความสุข คิดว่าเมื่อไปร่วมจัดแสดงกับศิลปินอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์น่าจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะเป็นนามธรรมที่สื่อสารเข้าใจง่าย ” เจ้าของสุดยอดงานศิลป์แห่งปีอธิบายความตั้งใจ

อ.อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินให้ความเห็นว่า ผลงานที่ส่งเข้าประกวดปีนี้มีความโดดเด่นมากกว่าปีก่อนๆ และดูเหมือนจะเน้นสีสันมากขึ้น ซึ่งคงเป็นไปตามสภาวะของสังคม ปีที่แล้วสังคมยังอยู่ในสภาวะขุ่นมัว จึงไม่ค่อยแสดงออกมาชัดเจนนัก สำหรับภาพชนะเลิศในแง่ของแนวคิดถือว่าหลุดจากมิติเดิม ๆ หากดูวิธีสร้างสรรค์จะเห็นว่าศิลปินใช้เส้นและความเข้าใจรวมกันแล้วสร้างรูปขึ้นมา มีกระบวนการทางศาสนาอยู่ด้วย ขณะที่ภาพชนะเลิศฝ่ายสมัครเล่นเกิดจากการตัดกระดาษเป็นกระบวนการที่คนอื่นนึกไม่ถึง ตรงนี้มีหลายอย่างให้เห็นไม่ใช่แค่ความชำนาญที่เข้าใจ แต่มีศาสตร์อื่นๆ ผสมอยู่ อย่างศิลปะในการรักษาเป่็นอะไรที่ได้ผลสำหรับตัวศิลปินมาก แรก ๆ ที่สร้างสรรค์อาจดูไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตอนนี้สื่อสารออกมาได้อย่างลึกซึ้งกินใจ

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถร่วมชมผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึง ๓๑ ตุลาคม ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร















ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














“กาลเวลาแห่งความศรัทธา” (TIME AND FAITH)



นิทรรศการ : “กาลเวลาแห่งความศรัทธา” (TIME AND FAITH)
ศิลปิน : จิรศักดิ์ อนุจร (Jirasak Anoujohn)
ลักษณะงาน : จิตรกรรม
ระยะเวลาที่จัดแสดง : วันที่ ๒๓ ตุลาคม – ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
พิธีเปิดนิทรรศการ : วันจันทร์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย พลัส
ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๖-๘๙๗-๑๔๘o

แนวความคิด

ข้าพเจ้ามีแรงบันดาลใจมาจากริ้วรอยบนใบหน้าของคนชราที่บ่งบอกถึงกาลเวลาและประสบการณ์ ที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาอย่างยาวนานทำไห้เกิดริ้วรอย รอยยับ รอยย่นที่เกิดขึ้นอยู่บนใบหน้าของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันออกไปตามอารมณ์ของใบหน้าของแต่ละคน และข้าพเจ้ายังได้สื่อถึงกริยาท่าทางที่บ่งบอกถึงความทุกข์โดยการใช้มือสื่อสาร มันออกมาตามหลักปรัชญาพระพุทธศาสนา ด้วยความศรัทธานี้จึงเกิดแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน

ผลงานในครั้งนี้ ได้มีการใช้เทคนิควาดเส้นทำให้เกิดพื้นผิว ริ้วรอยต่าง ๆ ของใบหน้าโดยการใช้เทคนิคการเขียนด้วยชาโคล โดยการคลุมโทนสีซีเปียทำไห้เกิดความขลังสะเทือนอารมณ์ และยังมีภาพเขียนด้วยสีน้ำมันที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของใบหน้าของแต่ละคนในนิทรรศการครั้งนี้อีกด้วย



ภาพและข้อมูลจาก
dailynews.co.th














งานศิลป์หนุมานอาสา‘อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์’



อดใจรอกันอีกไม่นานแล้วนะครับ ทุกท่านจะได้ยลโฉมผลงานศิลปกรรมไทยร่วมสมัย ในแนวทางพุทธศิลป์ของท่านศิลปินแห่งชาติ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ในฐานะที่เป็นผู้มอบแบบและช่วยกำกับดูแลแก้ไขแบบในการจัดสร้าง เหรียญงานศิลป์หนุมานอาสา หรือหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน และปราสาทแห่งความมั่งคั่ง เพื่อเป็นที่ระลึกแห่งความดีในการร่วมกันสร้างมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล พ.ศ. ๒๕๕๙

งานศิลป์หนุมานอาสาและปราสาทแห่งความมั่งคั่ง อันถือเป็นงานศิลปกรรมไทยร่วมสมัย ในแนวทางพุทธศิลป์ของท่าน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่กำลังจะปรากฏรูปเป็นศิลปะวัตถุล้ำค่าอลังการในอีกไม่นานนี้ คณะผู้จัดสร้างได้ตั้งใจพยายามรวบรวมสรรพวิชาอันเป็นที่สุดทั้งทางด้านพุทธศิลป์ พุทธคุณ พุทธธรรม เพื่อเป้าหมายในการร่วมกันสร้างทำสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติบ้านเมืองของเรา

นั่นคือช่วยกันสร้างทำ "อารยสถาปัตย์ (Friendly Design)" หรือหลักการออกแบบที่เป็นมิตรต่อคนทั้งมวล ด้วยการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อประโยชน์สุขของสังคมทั้งมวล โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ ตำรวจทหารผ่านศึก ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง รวมถึงสตรีมีครรภ์และเด็กเล็ก ให้เขาเหล่านี้สามารถใช้ประโยชน์ได้ เข้าถึงได้ ในตึกอาคาร สถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษา ศาสนสถาน วัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยว แม้แต่ฟุตบาททางเดินเท้า ตลอดจนบริการสาธารณะและระบบขนส่งมวลชนทุกรูปแบบ ต้องมีอารยสถาปัตย์ เพื่อความสะดวก ปลอดภัย ทันสมัย เป็นธรรม ทั่วถึง เท่าเทียม และทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ

ด้วยหลักคิดเพื่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคที่ว่า “คนพิการไม่มี มีแต่สภาพแวดล้อมที่พิการ” เช่น ตึกอาคารที่มีแต่บันได ไม่มีทางลาด ไม่มีห้องสุขาสำหรับมนุษย์ล้อ ไม่มีที่จอดรถสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็น ไม่มีรถเมล์ชานต่ำ (Non-Step Bus) ให้บริการประชาชน แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ไม่มีอักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอด เป็นต้น นี่คือตัวอย่างของปัญหาสภาพแวดล้อมพิการ ดังนั้นการที่ประเทศหนึ่งประเทศใดก็ตามจะแก้ไขปัญหาเรื่องความพิการให้ได้ผลตรงจุด มีประสิทธิภาพและยั่งยืนอย่างแท้จริงนั้น ต้องเริ่มต้นแก้ไขที่ปัญหาสภาพแวดล้อมที่พิการ รวมไปถึงปัญหาการออกแบบที่พิการ

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการก่อตั้ง “มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล (Friendly Design for All Foundation)” ขึ้นมาในครั้งนี้ เพื่อรวมพลังทุกภาคส่วนในสังคมมาร่วมกันรณรงค์ส่งเสริมให้ประเทศไทยมีการสร้างทำอารยสถาปัตย์ให้ทุกพื้นที่ทั่วไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับคนทุกเพศทุกวัย และทุกสภาพร่างกาย และร่วมกันขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทยไปสู่ความเป็น “เมืองศูนย์กลางอารยสถาปัตย์แห่งประชาคมอาเซียน” ให้ได้ในที่สุด

ล่าสุด ณ วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ งานศิลป์หนุมานอาสาร่วมสร้างมูลนิธิอารยสถาปัตย์ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการดูแลแก้ไขแบบเหรียญให้เสร็จสวยสมบูรณ์ทรงคุณค่าสูงโดยท่าน อ.เฉลิมชัย ด้วยจิตวิญญานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ทรงพลัง บวกกับพลังจิตอาสาเพื่อประโยชน์สุขของสังคมและประเทศชาติของท่านที่ต้องการดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยอารยสถาปัตย์นี้ จึงเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเหรียญหนุมานอาสา ผลงานศิลปกรรมไทยร่วมสมัยในแนวทางพุทธศิลป์ของท่าน อ.เฉลิมชัย ในครั้งนี้ จะปรากฏรูปออกมาอย่างสวยงามยิ่งใหญ่ล้ำค่าอลังการ เป็นการรวมพลังคนไทยและผู้ที่มีจิตศรัทธาทุกคนให้เป็นพลังมหากุศลในการร่วมกันสร้างมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวมครั้งยิ่งใหญ่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของพวกเราทุกคน

เนื่องจากงานศิลป์หนุมานอาสามีจำนวนการสร้างที่จำกัด สำหรับท่านที่สนใจ และศรัทธา ทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ท่านสามารถลงชื่อและเบอร์โทรศัพท์เพื่อแสดงความจำนงเอาไว้ก่อนได้เลยที่เว็บไซต์อารยสถาปัตย์ //www.friendlydesignthailand.com แห่งเดียวเท่านั้นนะครับ

เมื่อการตรวจแก้ไขเหรียญศิลปะหนุมานอาสาเสร็จสมบูรณ์และพร้อมจะลงมือแกะสลักสร้างเหรียญให้สวยอลังการสมบูรณ์แบบตามแนวทางพุทธศิลป์ของท่าน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แล้ว คณะกรรมการจัดสร้างจะให้สิทธิ์ในการจองเพื่อบริจาคทรัพย์บูชาวัตถุมงคลล้ำค่านี้ให้แก่ท่านที่ลงชื่อเอาไว้ก่อนในกรอบเวลาที่กำหนดครับ ส่วนเรื่องเนื้อโลหะและขนาดของเหรียญที่จะจัดสร้าง ตลอดจนราคาในการบริจาคบูชาและวันเวลาในการจองและรับของ ผมจะทยอยแจ้งให้ทราบผ่านทางเว็บไซต์และคอลัมน์กฤษนะทัวร์ยกล้อใน นสพ.คม ชัด ลึก แห่งนี้ครับ















ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














งานศิลปหัตถกรรมเยาวชนไทย ปี ๒๕๕๘



สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สมาคมการค้าส่งเสริมหัตถกรรมไทย (THTA)และศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ร่วมสืบสานศิลปหัตถกรรมไทยพร้อมส่งเสริมการศึกษาด้านอาชีพให้กับเยาวชน จัดงาน "Amarin Discovery : Young Entrepreneur Craft Fair 2015 งานศิลปหัตถกรรมเยาวชนไทย ปี ๒๕๕๘" มหกรรมส่งเสริมงานหัตถกรรมฝีมือนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ผู้เข้าร่วมโครงการ 'นักธุรกิจน้อยมีคุณธรรม นำสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์' ของ สพฐ. ทั้ง ๔๔ โรงเรียน ซึ่งช่วยปลูกฝังความรักในคุณค่าของงานหัตถกรรมไทยแก่คนรุ่นใหม่ จนเกิดการสร้างสรรค์และพัฒนางานด้านศิลปหัตถกรรมของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกประสบการณ์ด้านอาชีพอิสระ การเป็นผู้ประกอบการในสถานที่จริง และสามารถมองเห็นแนวทางการประกอบอาชีพได้ในอนาคต

โดยการจัดแสดงผลงานศิลปหัตถกรรมไทยเกิดขึ้นในวันที่ ๒o - ๒๘ ตุลาคมนี้ ณ อีเวนท์ฮอลล์ ชั้น ๑ ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ภายในงาน พบการจัดจำหน่ายสุดยอดไฮไลท์ผลงานหัตถกรรมจากฝีมือเยาวชนไทยระดับประเทศมากมาย อาทิ ผ้าไทย กระจกสลักลายรดน้ำ งานศิลปะบนพื้นไม้ งานเซรามิก เครื่องปั้นดินเผา งานสาน อาหารและขนมไทยมากมาย นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการประดิษฐ์งานหัตถกรรมจากวิทยากรตัวน้อย อาทิ การทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ เครื่องประดับจากกะลา เครื่องประดับลวดลายเวียงกาหลง ดอกไม้จากเกล็ดปลา ดอกไม้จากไม้กระถิน การ์ตูนลายไทย ๓ มิติ การฉลุไม้ รวมถึงการแสดงและการบรรเลงดนตรีพื้นบ้านจากเยาวชนไทยอีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ : o๒-๖๑๒-๕๙oo ต่อ ๕๘๑๑, ๕๘๑๕, ฿๘๑๖ หรือ อีเมล์that.sect@gmail.com และ thta.obec.craftfair@gmail.com



ภาพและข้อมูลจาก
thaipr.net
boxkao.blogspot.com














"ต่าง คล้าย ใช่เลย ในการแสดงพื้นบ้านอาเซียน"



กระทรวงวัฒนธรรม จะจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน "ต่าง คล้าย ใช่เลย ในการแสดงพื้นบ้านอาเซียน" ระหว่างวันที่ ๑๗ ตุลาคม - ๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ชั้น ๓ อาคารหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน



ภาพและข้อมูลจาก
uasean.com














Workshop ดอกไม้กระดาษ



Workshop ดอกไม้กระดาษ พฤศจิกายน
สมัครได้ทางกล่องข้อความแฟนเพจ และ Lind id : paperart
เรียนที่บ้านบางขุนนนท์ ๒๔

Basic 1 เวลา ๑o.oo-๑๗.oo น./ ๕,ooo บาทต่อท่าน (จบคอร์สใน1วัน
แพทเทิร์น ๔-๘-๑๒ กลีบ ให้เป็นดอกไม้ได้หลายชนิด และการจัดช่อ3มิติ
วันจันทร์ ๙ พฤศจิกายน

Basic 2 เวลา ๑o.oo-๑๗.oo น./ ๕,ooo บาทต่อท่าน (จบคอร์สใน1วัน)
แพทเทิร์น ๑-๕ กลีบ ให้เป็นกุหลาบและดอกไม้ได้หลายชนิด และทำ Backdrop ขนาดจำลอง
วันอังคาร ๑o พฤศจิกายน ๒๕๕๘

Basic 3 เวลา ๑o.oo-๑๗.oo น./ ๕,ooo บาทต่อท่าน (จบคอร์สใน1วัน)
การทำสี และจัดช่อ3มิติโดยไม่ต้องใช้โครงสร้างรองรับ
วันพุธ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

Advance เวลา ๑o.oo-๑๗.oo น./๑๒,ooo บาทต่อท่าน (จบคอร์สใน ๒ วัน)
การทำBackdrop ดอกไม้กระดาษสไตล์ ThaiPaperArt
การประยุกต์ใช้งานจริง การประกอบ ติดตั้ง และเรียนรู้รูปแบบองค์ประกอบของ Backdrop
วันพฤหัสบดี-ศุกร์ ๑๒-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
* มีวัสดุ-อุปกรณ์สำหรับการทำ workshop พร้อมใช้
** ลงทีละคอร์สได้ แต่ต้องผ่านตามลำดับคอร์ส ก่อน



ภาพและข้อมูลจาก
FB Thaipaperart














อุบัติอักษรไทยวิจิตร



สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดนิทรรศการเชิดชูเกียรติ รศ.ดร.สันติ คุณประเสริฐ ศิลปินผู้เคยออกแบบอักษรวิจิตรบนทองคำบริสุทธิ์ ๙๙.๙% (24 K) งานหัตถศิลป์ทองคำ “พรีม่า อาร์ต” (Prima Art) ในชื่องาน “อุบัติอักษรไทยวิจิตร” (Evolution of Thai Calligraphy) นำเสนอศิลปะการเขียนตัวอักษรไทยที่ประณีตงดงามที่เรียกว่า “อักษรไทยวิจิตร” ซึ่งมีคุณค่าทางสุนทรียศิลป์ ผ่านความไพเราะของถ้อยคำสำนวนไทย เพื่อการสื่อแสดงความหมายที่ดีสร้างความรู้สึกซาบซึ้งประทับใจแก่ผู้ชม

รศ.ดร.สันติ คุณประเสริฐ ศิลปินผู้สร้างสรรค์นิทรรศการ “อุบัติอักษรไทยวิจิตร” กล่าวว่า ในฐานะอาจารย์ที่สอนด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ สอนออกแบบตัวอักษร มากว่า ๔o ปี และมีความภาคภูมิใจที่ประเทศไทยของเรามีภาษาและอักษรอันแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย แต่รูปลักษณ์การเขียนอักษรไทยที่มีความสวยงามวิจิตรเรามักไม่ค่อยได้ใช้กันในชีวิตประจำวัน ตลอดจนงานศิลปะในแขนงต่าง ๆ

“จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อต้องการปลูกฝังความภูมิใจให้แก่คนไทยซึ่งอักษรไทยเป็นอักษรประจำชาติ และสำนวนโวหารต่าง ๆ เป็นมรดกประจำชาติที่แสดงออกถึงภูมิปัญญาไทยตั้งแต่สมัยอดีต ผลงานในการจัดแสดงครั้งนี้ รูปทรงจะสร้างสุนทรียภาพความงามผ่านการจัดองค์ประกอบศิลป์ของไทย เนื้อหาตัวอักษรจะเสนอถึงความไพเราะถ้อยคำในสำนวนไทยทำให้รู้สึกประทับใจ และเมื่อผู้เข้าชมนิทรรศการได้เห็นสำนวนต่าง ๆ จะเกิดแรงกระตุ้นทางความคิด ตามหลักธรรมและความจริงเพื่อให้ทำในสิ่งที่ดีงาม”

นิทรรศการ “อุบัติอักษรไทยวิจิตร” นำเอกลักษณ์ความงามของรูปทรงอักษรไทย มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ นำเสนอความไพเราะคล้องจองของถ้อยคำสำนวนไทยซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมประจำชาติให้ปรากฏออกมาเป็นศิลปะ ๒ มิติ และ ๓ มิติ อีกทั้งเป็นการแสดงผลงานอักษรไทยวิจิตรเต็มรูปแบบครั้งแรกของไทย การแสดงผลงานชุดพิเศษนี้จะสร้างประโยชน์ต่อวงการศิลปกรรมและวงการประยุกต์ศิลป์ของไทย

นิทรรศการดังกล่าวจะจัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ นิทรรศสถานอาคารศิลปวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดให้ชมจันทร์-ศุกร์ เวลา ๙.oo-๑๗.oo น. ปิดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ























ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 27 ตุลาคม 2558
Last Update : 27 ตุลาคม 2558 23:33:10 น. 0 comments
Counter : 6773 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.