ปั่นตะโกนบอกฟ้า ที่ .... ผาบอกรัก ฉบับม่วนหลาย
อ้าว อ้าว!! เจ้าเครื่องนกมาเกยอยู่ตรงหน้าผาสุดเสียวนี้ได้ยังไงกัน 5555 ภาพเปิดเด็ดสะระตี่เพราะนายน้ำฟ้ายกนกแอร์ทั้งลำจากสนามบินจังหวัดพิษณุโลกมาไว้ตรงปลายทางภารกิจใหม่ " ปั่นตะโกนบอกฟ้า ... ที่ ผาบอกรัก " เรื่องของเรื่องทริปปั่นจักรยานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทางเรียบนครพนม ทางขึ้นๆลงๆเนินที่กระบี่ มันง่ายน่องเกินไป เห็นทีต้องอัพเวลปั่นตะกายภูทางชันวัดพละกำลังกันเลยดีกว่า ปะปะไปกัน
ทายๆ ก่อนไป ขยับมาตรงนี้หน่อย ทายซิว่า A/B/C จักรยานแบบไหนได้ขึ้นเครื่องบินฟรี! ติ๊กต่อกๆๆ หมดเวลา .... ปรากฏว่าทายถูกกันหมดเลย คือแพ๊คเรียบร้อยใส่ hard case แบบ A ได้ขึ้นฉลุย, แพ๊คใส่ถุง soft case แบบ B ก็ได้ขึ้นชัวร์ป้าบ ส่วนแบบ C นั้นเอาไปแพ๊คใส่ถุงให้เรียบร้อยเป็น A/B ก็ขึ้นโลด //ปล่อยลมยางก่อนด้วยนะ มะงั้นเดี๋ยวยางไปปุ๋งๆแฟ๊บบนเครื่องไม่รู้ด้วย
ถูกต้องแล้วครับ งานนี้เรายกพลมาปั่นตะกายภูหินร่องกล้า เลือกเอาเส้นทางขึ้นภูฝั่ง อ. นครไทย ซึ่งชัน.... น้อยกว่าฝั่งหล่มเก่า 5555 เอาเบาๆ ไปก่อน ขืนไปตะกายอีกฝั่งมีหวัง!!
และ ณ จุดรวมพลที่เหมาะสมที่สุดทางฝั่งนี้ก็นี่เลย ที่ราบเชิงภูผืนสุดท้ายก่อนเส้นทางจะยกตัวขึ้นไต่ความสูงเข้าสู่พื้นที่สีเขียวแห่งอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ณ จุดนี้อยู่ห่างจากปลายทาง 14 กิโลเมตร เดี๋ยวนะ!!! เอ่อ ไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย
เรามารวมพลกันห้าโมงกว่า และกว่าจะพร้อมสตาร์ทก็หกโมงเศษโน่น เลทไปเยอะ ปลายเมษาที่ลองกิจูดแอนด์ละติจูดนี้ตะวันจะลาลับฟ้าราวๆ หกโมงครึ่ง งานนี้ทุกคนชักไหวหวั่นเพราะเห็นชัดชัดแล้วว่านอกจากเขาแล้วยัง Night trail อีกครับพี่น้องพอเริ่มปล่อยขบวนเท่านั้นแหละดวงตะวันก็ทิ้งตัวหล่นลับยอดไม้เลย 5555 เอ้อ มัวแต่ขำนักปั่น เหล่าตากล้องก็เกาหัวแกรกๆ เหมือนกัน ลำบากล่ะสิงานนี้ นอกจากต้องจับภาพความเร็วด้วยการเคลื่อนที่ไปพร้อมขบวนปั่นแล้ว ยังต้องถ่ายภาพใต้แสงน้อยอีก บร๊ะ นายน้ำฟ้าบอกเป็นไงเป็นกัน
เริ่มปั่น 4.5 กิโลเมตรแรก น่องอุ่นๆ เหงื่อซึมๆ
ราบแรกก่อนด่านตรวจและเก็บค่าธรรมเนียมอช. ทางดำยังสว่างไสว ความลาดชันยังต่ำๆ ขบวนมาพักเมื่อยนิดๆ กันที่หน้าด่านก่อนเจอของจริง เส้นทางหลังจากนั้นก็เริ่มทำความสูงขึ้นทีละน้อย จากระดับน้ำทะเลที่ 300เมตร ไปสู่ระดับ 1,160 เมตรที่จุด finish บนที่ทำการอช.ด้านบน เทียบบัญญัติไตรยางค์แล้วความลาดชันเฉลี่ยอยู่ที่ 9% ไม่เบานะ
เริ่มมืด 5 กิโลครึ่งชั่วโมง แสงทไวไลท์มาทักทายแล้ว หนทางยังอีกยาวไกล ระยะทางยังอยู่อีก 9 กิโลเขา! ไฟฉาย ไฟจักรยานเริ่มเปิด เตรียมเข้าสู่ม่านรัตติกาลและสรุปรวมความ เหล่านักปั่นไต่ถึงปลายทางบนระยะทางที่เหลือด้วยความเร็วเฉลี่ย 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลายคนใช้วิธีไปปั่นต่อบนหลังรถกระบะด้วยนะครัช แอบเห็น 5555
ครูแนท The Voice
ในขบวนปั่นของเราครั้งนี้มีครูแนท นักร้องเสียงคุณภาพสูง ผู้เข้าแข่งขันจากเวทีเดอะวอยซ์มารวมปั่นด้วย นั่นๆ เข้ากล้องมาพอดีเลย นายน้ำฟ้ากำลังสนุกกับการจับภาพเทคนิคแพนกล้องอยู่ด้วย แช๊ะ รัวๆ ส่วนภาพบนนั่นถือเป็น shot ประทับใจ น้องปั่นผ่านมาในจังหวะถีบบันไดสัมพันธ์กับความเร็วในการสะบัดกล้องพอดีเลย
อรุณสวัสดิ์ภูหินร่องกล้า
สนสองใบ ยืนต้นเดียวดายกลางอดีตป่าสนที่ปัจจุบันแทบไม่เหลือสนสองใบให้ได้เห็นแล้ว เรียกว่าแทบนับต้นได้ แต่ก็มีป่าปลูกสนสามใบขึ้นทดแทนชนิดที่่ว่าหนาแน่นสะใจ แถมทำเป็นลานแคมป์ใต้ดงสน ทำเลแบบนี้ขอบอกเคยนอนมาแล้ว จัดเป็นพื้นกางเต้นท์ที่นุ่มไปด้วยใบสนชนิดที่ว่าเดินเท้าเปล่ายังนุ่มไปทั่วฝ่าเท้า แต่วันธรรมดากลางสัปดาห์แถมเป็นช่วงเวลานอกฤดูกาลท่องภูแบบนี้รางวัลชิ้นงามยามเช้าตอนนี้เลยคือป่าสนสามใบที่ไร้เงาเต้นท์นักท่องเที่ยวและผู้คน ชวนฝันกันไปเลย ชอบมาก
แปดโมงเช้า รวมพลกันอีกครัั้งปั่นเฟสสอง เทรลบนภู ปลายทางผาบอกรัก แต่ก่อนอื่นเข้าห้องโสตชมสไลด์ วีดีทัศน์และฟังบรรยายความเป็นมาและสิ่งน่าสนใจของภูหินร่องกล้ากันก่อน
จากนั้นก็ได้เวลาอบอุ่นร่างกาย ในท่ากายบริหาร วอร์มอัพสลัดความเย็นในยามเช้าทิ้งไป เพื่อให้กล้ามเนื้อทุกหมัดเข้าสู่ความพร้อมอีกครั้ง
เก้าโมงเป๊ง สตาร์ทแรกออกตัวขำขำเลี้ยวไปคนละทางกับผาบอกรัก เปล่าๆ คือจะไปเรียกเหงื่อที่ลานหินแตกก่อน ไหนๆอยู่บนแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ระยะทางจากจุดรวมพลหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปปากทางเข้าลานหินแตกก็เพียง 350 เมตร เท่านั้นครับ ปะ จอดจักรยานแล้วไปเดินเล่นกัน
ลานหินแตก
เดินเทรลกันสั้นๆ
พอหอมปากหอมคอ ไปให้ได้เห็นมหัศจรรย์รอยหินแตก แต่ไม่ได้เดินไกลกันจนไปสุดผา เพราะจะทำให้เวลาสำหรับกิจกรรมที่ยังรออยู่อีกตลอดวันต้องเสียไป
หน้าร้อนยามนี้กุหลาบขาว กำลังเบ่งบานเต็มที่ พบเห็นมากมายตลอดทางเดินเทรลลานหินแตกเลย
เข็น
พอได้เวลาปั่นเฟสสอง มุ่งหน้าสู่ผาบอกรัก มีเนินชันดักอยู่หลายขยัก เหล่านักปั่นหลายคนทยอยปรับแผนมาเดินทอดน่องจูงจักรยานแทน!!
down hill
เข้าสู่ช่วงกิโลสุดท้ายก่อนถึงทางแยกเข้าผาบอกรัก เจอกันทางลงเนินซะทีหลังจากเจอแต่ทางลาดชันมาตลอดสี่ห้ากิโล มันส์ล่ะครับ แต่ละคันทิ้งโค้งลงเนินคนปั่นก็มันส์คนถ่ายก็ปักหลักถ่ายอยากเมามันส์เช่นกัน
มาตะโกนบอกรักกัน
ในที่สุดพวกเราก็มาถึง mission complete แม้จะปั่นๆ หยุดๆ เข็นบ้าง หมดแรงกลางทางไปก็หลายราย แต่ก็ถึงจุดหมายทุกคน พร้อมหัวใจอันเบิกบานที่ได้เอาชนะร่างกายตัวเองมายืนมองฟ้าชมวิวกันที่จุดท่องเที่ยวที่กำลังอินเทรนแห่งใหม่ของอช.ภูหินร่องกล้า
เอ้า ตะโกนกันได้ ช้านร้ากกกเธอ วู้วู้~~~~
หมู่เป็นที่ระลึกกันซะหน่อย ในบรรยากาศม่วนซื่นม่วนหลาย อากาศก็เย็นสบาย มิน่าเล่าหลายคนเลือกหนีร้อนมานอนภูเดือนเมษาเพราะอากาศเย็นแบบนี้นี่เอง
มีสนสามใบปลูกแซมขึ้นทั่วพื้นที่กระจายร่มเงาไปสำหรับคนถนอมผิว วิวทิวทัศน์บริเวณนี้ต้องขอบอกว่าเป็นหน้าผาที่กว้างไกลเนื้อที่ใหญ่โตมาก
มองฟ้า แอบบอกรักใครบางคนเงียบๆ
มีผาสลัดรักด้วย โอ๊ะโอ
ไหนๆ ดูซิมีผาอะไรอีก ผาบอกรัก, ผาพบรัก, ผาสลัดรัก, ผารักยืนยง, ผาคู่รัก แหม่ เลือกที่ตรงกะ status ตัวเองกันได้เลยนะพี่น้อง ให้ทายดูว่าภาพบนนั่นนายน้ำฟ้าเลือกนั่งที่ผาอะไร!!
แผนที่ ก่อนจะเดินทางลงภูมุ่งสู่จุดหมายต่อไป ก็ตามธรรมเนียมบล็อกนายน้ำฟ้านะครับต้องมี saved tracks มาจากบันทึกปูมจีพีเอสจับโปรยลงบนแผนที่โชว์ซะหน่อย สองแผ่นนี้โชว์เส้นทางปั่นในทริปนี้ของพวกเรา แผ่นบนโรยเส้นทางให้ดูในวิว Google Earthแบบ 3D ส่วนแผ่นล่างแสดงแบบ terrain พร้อมเส้นชั้นความสูง
ลงจากภูไปเที่ยวกันต่อ บนถนนทางหลวงหมายเลข 12 Scenic road ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เหล่านักปั่นต่างสลบไสลอยู่ในรถตู้แอร์เย็นฉ่ำ ไปตื่นกันอีกทีโน่นเลยเกือบบ่ายสอง เลยเวลาท้องร้องจ๊อกๆ มานานแล้ว จุดแวะแรกก่อนเพื่อนเลยก็จึงต้องเป็นร้านอาหารครับ และแหม่ ได้ร้านบรรยากาศดี๊ดีซะด้วยนั่นคือ ครัวทะเลภู แห่งเขาค้อทะเลภู N16° 43.643' E101° 01.151'
อิ่มแล้วก็มีแรงเที่ยวกันต่อ และนี่คือจุดแวะอเมซซิ่งที่สุดของทริปนี้ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ธรรมสถานที่สวยงามกลางภูมิทัศน์ทิวเทือกภูหินร่องกล้าเป็นประการฉากหลัง เข้ามาถึงบริเวณวัดก็งงๆนะครับ ทั้งวัดประดับประดาตกแต่งขึ้นจากเศษแก้วทั้งนั้น ไม่เห็นจะซ่อนตรงไหนเลย
แต่พอความเป็นมาถูกไขออกเท่านั้นกระจ่างเลย คือที่ไปที่มาบริเวณแถบนี้มีขุนเขาโอบล้อม และก็มีถ้ำมากมาย วันหนึ่งก็มีชาวบ้านเห็นลูกแก้วลอยๆๆ แล้วไปลับหายวับเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเลยเชื่อกันว่านั่นเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา เป็นมงคลยิ่งนัก กาลต่อมาก็เลยกำเนิดวัดแห่งนี้ขึ้น และมีชื่อตามนี้ว่า วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เล่าอย่างย่อๆ นะครับ ตามนี้แหละ มาถึงแล้วเดินเที่ยวชมความงามกันดีฝ่า
มหาวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
นี่คือสิ่งก่อสร้างที่อัศจรรย์ตายิ่งนัก ดึงดูดผู้คนมากมายให้แวะเวียนมาเพื่อจะได้ชมกันใกล้ๆ ดังตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ จนตอนนี้เสร็จเกือบสมบูรณ์ที่สุดแล้วเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ที่นี่เป็น 1ใน 10 Dream Destination สถานที่ที่กาลครั้งหนึ่งต้องไปที่ทางททท.คัดสรรไว้ มาแล้วอย่าผ่านเลยกันไปนะครับ พลาดชมแล้วจะน่าเสียดาย
story cupN16° 46.656' E101° 00.797'บ่ายคล้อย แสงอ่อนแรง ว่าจะเที่ยวชมความงามของวัดให้ละเอียดๆ แต่เวลาจำกัด ต้องรีบไปต่อ มุ่งหน้าเข้าเมือง แต่พอรถขับออกไปได้ไม่ไกลวัดเท่าไหร่ก็เกิดเหตุการณ์...แวะกินอีกแล้วครับท่านผู้ชมฮะ โอยๆ ที่กินมาจากทะเลภูยังไม่ทันจะย่อย แวะอีกแล้ว ร้านนี้สุดกิ๊บเก๋เท่ดีไซน์ เป็นร้านกาแฟ เอ้า งั้นก็เจี๊ยะกาแฟกะเค้กเน้าะ เหมาะเลย มื้อของหวานตบท้าย เดี๋ยวได้หลับยาวๆ เข้าเมือง
อ่ิมสะเด็ดน้ำก็มุ่งหน้ายาวๆ ลงเขาสู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านกลางเมืองพิษณุโลก เดาว่าพาไปส่งลงที่พักแน่ ที่ไหนได้!!! แวะกินอีกแล้ว โหะ โหะ ไม่บอกกันว่ากินถี่ขนาดนี้จะได้เตรียมกระเพาะมาให้เยอะหน่อย พลบค่ำอีกเพลาหนึ่ง ณ ริมน้ำน่านกลางเมืองพิษฯ ที่นี่ แพภูฟ้าไทย N16° 48.322' E100° 14.801'
อิ่มซะยิ่งกว่าอิ่ม แล้วคืนนั้นก็จบลงด้วยการพักผ่อนนอนผึ่งพุงกันที่โรงแรมเดอะพาร์ค
Good Morning พิษณุโลก
The PARKN16° 48.499' E100° 15.437'อรุณสวัสดิ์ทักทัก เรามาปิดทริปในตัวเมืองพิษณุโลกกัน เช้าวันนี้จัดเมนูไข่กะทะกะโจ๊กหมูใส่ไข่ โอ้ว เบรคไม่ทันล่อไข่ไปสามฟอง แคลพุ่งปรี๊ด >"<
โปรแกรมเที่ยวท่องเมืองเริ่มต้นด้วยรถรางท่องเที่ยวสองขบวนมาจอดคอยท่าแล้ว เป็นรถระบบปรับอากาศตามอุณหภูมิและกระแสลมภายนอก
เอาล่ะครับ เริ่มปล่อยตัวแล้ครับท่่านผู้ชม แข่งกันช้าครับแข่งกันช้า ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ต้นตำหรับหวานเย็นขนานแท้ นี่ล่ะพาหนะชมเมืองขั้นยอด ลมโกรกเข้ารถอย่างทั่วถึง
พระราชวังจันทน์N16° 49.782' E100° 15.728'แล้วรถรางท่องเมืองก็เลี้้ยวเข้ามาที่นี่ จุดแวะแรกหลังเพลินกับสองข้างทางพร้อมคำบรรยายให้ความรู้ แวะมาสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ที่นี่เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์หลายพระองค์ตั้งแต่ยุคสุโขทัยกระทั่งยุคศรีอยุธยา และพระมหากษัตริย์องค์ท้ายสุดที่ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับคือองค์สมเด็จพระนเรศวรฯ ปัจจุบันวังนี้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว เรามีเวลาเพียงสักการะศาลสมเด็จฯ จากนั้นก็ไปกันต่อ
เมืองพิษณูโลกมีของดีอยู่มาก นี่คืออีกหนึ่งที่ที่น่าแวะ ใช้เวลาได้เป็นชั่วโมงๆ หลบแดด ชมสิ่งน่าสนใจ เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของลุงจ่าทวี คุณลุงสะสมของต่างๆ น่าสนใจไว้ให้ได้ชมมากมาย พร้อมความรู้เต็มๆ ตัวพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 4 อาคาร อาคารแรกเป็นร้านขายของที่ระลึกและส่วนจัดแสดงพันธุ์ปลาท้องถ่ินในจังหวัด อาคาร 2 จัดแสดงรูปภาพประวัติศาสตร์พิษณุโลก , อาคาร 3 มีสองชั้น จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน และอาคาร 4 เป็นนิทรรศการความเป็นมาของชาวลาวโซ่ง หรือชาวไทยทรงดำ
พิพิธภัณฑ์นี้เกิดมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ความรักความทุ่มเทของลุงจ่า หรือจ่าสิบเอกทวี บูรณเขตต์ รวบรวมข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ สะสมจนนับได้เป็นหมื่นๆชิ้น ทำไปทั้งที่คนในครอบครับไม่เห็นด้วยกันเลย ลุงก็มุ่งมันตามเสียงหัวใจตัวเอง ทำมากระทั่งปีนี้ขึ้นปีที่ 32 แล้ว
เดินชมเพลินเลย ชอบหลายมุม มีมุมหนึ่งโชว์บ้านจำลอง เป็นพวกบ้านที่เป็นเรือนแพแบบต่างๆ ที่ปลูกอยู่กันริมน้ำน่าน มีกล้องเก่าสมัยผมใช้ตอนเด็กๆ มีของพื้นบ้านที่หลายอย่างที่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็ได้มารู้มาเห็น มีน้องคอยเดินอธิบายให้ความรู้ ถือว่าคุ้มค่ากับการมาเยือน
รถรางหมดรอบเราก็ไปหม่ำเที่ยง มีททท.พิษณุโลกเป็นเจ้าภาพมื้ออาหาร รับประทานกันที่ร้านครัว พิษณุโลก เป็นร้านใหญ่โตโอ่โถง จากนั้นสิ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเมื่อมาเยือนเมืองพิษณุโลกก็คือแวะนมัสการพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่งดงามที่สุดในโลก
ด้านหน้าโบสถ์สวยงามยิ่งนัก แต่ว่าแต่ด้านหลังโบสถ์สวยงามกว่า และผมก็พลาดเพราะไม่รู้ ใครมาแล้วอย่าพลาดเหมือนผม ที่ด้านหลังนั้นมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติสวยเด่นปมีพระปรางค์เป็นฉากหลัง
วัดนางพญาN16° 49.365' E100° 15.710'ติดๆ กันกับวัดใหญ่ (หรือวัดพระศรีมหาธาตุฯ) ยังมีวัดที่สวยงามไม่ควรผ่านเลยอีกวัดหนึ่ง เนื่องด้วยพระประธานก็งดงามมากๆ ไม่แพ้กัน นั่นคือวัดนางพญา และพระองค์ที่ว่าคือสมเด็จพระนางพญาเรือนแก้ว คงเคยได้ยินในวงการพระเครื่องยังจำกันได้มั้ย พระนางพญาคือสุดยอดพระหนึ่งในชุดเบญจภาคี มีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม นี่แหละๆ เรามาอยู่ที่วัดนางพญากันแล้ว
SUNSET at NAN River
ถนนคนเดิน วัดจันทน์ตะวันออก N16° 48.308' E100° 14.728'
เย็นย่ำตะวันรอนก่อนจากเมืองพิดเพื่อบินกลับกอทอมอเรามาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินชมบรรยากาศความคึกคัก สีสันยามเย็น และเตรียมเปิดฟอลล์รำวง 555 ใช่แล้ว คณะนกแอร์เหมาะเวทีรำวงย้อนยุคเนรมิตเป็นงานวัดอย่างคึกคักม่วนหลาย ณ ลาดวัดจันทร์ตะวันออก เสียงโหมโรงผ่านโทรโข่งของโฆษกบนเวที พร้อมเสียงเพลงผ่านลำโพงงานวัด ดังเชิญชวนพร้อมกระตุกเส้นเอ็นขากันแล้วครับ ขยับๆ กันเข้าไปใกล้ๆ ความบันเทิงกำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนาว
รำวงย้อนยุค กับ นกแอร์
เพลงรำวงเร้าใจหลาย เส้นผมงี้กระตุกตามตลอด อุตส่าห์ตีขรึมกันคนเดินมาโค้งแระ แถมทำเนียนเครียดเดินเก็บภาพแต่ก็มิวายลืมตัวเผลอส่ายเอวออกลีลาเต้นสามช่าไปกับเค้าด้วย 5555 เอ่อ มานึกถึงบรรยากาศวันนั้นแล้วยังขำตัวเอง เป็นการเดินถ่ายภาพที่มีลีลามาก อิอิ
ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา โดยเฉพาะงานรำวงย้อนยุคคืนนี้ยิ่งต้องเลิกให้เร็วอย่าช้า ไม่อย่างงั้นตกเครื่องทั้งคณะ 5555 ว่าแล้วเหล่านกหนุ่มนกสวยก็ขอต่ออีกหนึ่งเพลงส่งท้ายสลายกำลัง ก่อนจะบึ่งสู่ท่าอากาศยานพิษณุโลกที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ระหว่างนี้ก็ปล่อยสองคนทางซ้ายเค้าสนุกกะรำวงกันต่อไปนะครัช
ขอบคุณที่ติดตามชมมาถึงบรรทัดสุดท้าย ขอบคุณนกแอร์ ททท.พิษณุโลก และเหล่าพลพรรค Bike finder
ฝากคอมเมนท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา นายน้ำฟ้า นะครับ พบกันใหม่บล็อกหน้า โย่ว
Create Date : 23 พฤษภาคม 2558 |
|
39 comments |
Last Update : 1 มิถุนายน 2558 14:20:19 น. |
Counter : 7873 Pageviews. |
|
|
|
นั่งดูรูปในบล็อกพี่สองรอบเลย
สวยๆๆๆๆครับ
ให้ผมปั่น 14 โล
สงสัยจะไม่ไหวครับพี่ 555
อยากไปถ่ายภาพที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วบ้างจังเลยครับพี่
มุมมองท้าทายดีครับ