เลียบทะเลตะวันออก 5 วัน 5 คืน....ตอนที่ 4
เช้าวันใหม่ ณ แหลมสิงห์ เข้าสู่เช้าวันที่ 4 หลังจากตามหาท้องฟ้าสีฟ้ามา 3 วันเต็ม ๆ จนเก็บไปนอนฝัน เมื่อคืนฝันดี ฝันว่าวันนี้ จะตื่นมาเจอท้องฟ้าสีฟ้าทั้งวัน
และแล้วฝันก็เป็นจริง เราตื่นมาพบกับท้องฟ้าสีฟ้าฟ้า โลกสดใสขึ้นเยอะเลย แต่ฟ้าจะฟ้าอย่างนี้ได้ตลอดวันหรือเปล่า มวลหมู่เมฆจะบดบังสีฟ้าอีกมั๊ย ....
สะพาน แ ห ล ม สิ ง ห์ 12.483666,102.06135 สะพานที่ทอดข้ามปากแม่น้ำจันทบุรี ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้คือสะพานที่ยาวที่สุดในภาคตะวันออก เมื่อลองใช้ไม้บรรทัดวิเศษของกูเกิ้ลเอิร์ทวัดดูแล้ว ด้วยความยาวกว่า 1.30 กิโลเมตร ฟันธงได้เลยว่ายาวสุด ไม่ว่าจะเทียบกับสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง สะพานพังราด สะพานแขมหนู ยกเว้นแต่สะพานบางทราย ถ้าเราสรุปว่ามันคือสะพานไม่ใช่ถนนนะ !!
|
|
|
เริ่มการเดินทางเรื่อยเปื่อยในอีกวันหนึ่ง อากาศแจ่มใสกว่าทุกวัน เราจากลาหุบเขาแหลมสิงห์ ที่เมื่อคืนเราพักนอนอยู่ในเวิ้งอ่าวเสม็ดแดง คราวหน้าถ้ามีโอกาสเราจะย้ายไปนอนยังเวิ้งอ่าวกระทิงดูบ้าง เรามุ่งหน้าสู่แหลมสิงห์ สะพานแหลมสิงห์แห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จมาเมื่อสองปีที่ผ่านมานี้เอง สมัยก่อนโน้นคงมีทางเดียวคือย้อนกลับไปคุ้งกระเบน ไปออกท่าใหม่ เข้าเมืองจันทบุรี แล้ววกลงแหลมสิงห์ หรือไม่ก็นั่งเรือข้ามฟาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเรือข้ามฟากนั้นเป็นแพขนานยนต์หรือโดยสารได้เฉพาะคนนะครับ แต่แหลมสิงห์วันนี้ ได้เชื่อมต่อเข้ากับท่าใหม่แล้วที่ปากแม่น้ำจันทบุรี ด้วยสะพานที่ยาวที่สุดในภาคตะวันออก การเดินทางมุ่งหน้าสุดชายแดนบูรพาของเราจึงได้อรรถรสขึ้น
|
|
ที่ เ ชิ ง ส ะ พ า น
ก่อนข้ามไปฝั่งขะนู้น เราเจอกะสะพานปลา ! สะพานเทียบเรือ ! ผมไม่รู้จะเรียกว่าสะพานอะไรนะ ระหว่างปลากะเรือ เอาเป็นว่า ผมเห็นกองเรือประมงจอดกันอยู่เยอะแยะ และมันก็น่าสนใจสำหรับผม จึงเลี้ยวเข้ามา ได้มองสะพานแหลมสิงห์จากด้านข้างด้วย เดินถ่ายกองเรือประมงน้อยใหญ่ จากนั้นก็ข้ามสะพาน ย๊ า ว ย า ว ไปยังฝั่งแหลมสิงห์ สู่จุดหมายอันต่อไป
|
|
|
ตึกแดง N12 28.881 E102 03.734 มันอยู่ตรงนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2436) บนฝั่งแหลมสิงห์ฝั่งนี้ ผมรู้แค่ว่าครั้งหนึ่งฝรั่งเศสมันเคยรุ่งเรืองอยู่บริเวณนี้ ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกประสานักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มาศึกษาประวัติศาสตร์ลึกลงไปกว่าป้ายที่บอกเล่าเรื่องราวตรงนี้แต่อย่างใด บางทีตัวผมเองคงเป็นแค่นักไปเที่ยวมากกว่านะ วะฮะฮ่า ฮี่ เที่ยวไปเรื่อย ๆ
|
|
|
คุกขี้ไก่N12 28.877 E102 03.944เจ้านี่ก็คือสิ่งที่อยู่คู่กับตึกแดง ไปชมตึกแดงแล้วก็ต้องมามองคุกขี้ไก่ มันกว้าง 4 เมตรประมาณห้องแถว แต่สูง 10 เมตร หลังคาไม่มีแล้ว ใช้ขังเชลยคนไทย ทางเข้าออกมีทางเดียว เลี้ยงไก่ไว้ข้างบนคอยขี้รดหัวนักโทษ ดูเหมือนตัวคุกมันจะเอียง ๆ สังเกตุจากช่องลมระบายอากาศในภาพยิ่งเห็นได้ชัด ผมเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างใน นึกภาพตัวเองเป็นนักโทษ ลองพยายามหาทางหนีดู บรื๋อ ! วังเวง ไปดีก่า |
|
คลองพลิ้ว 12.493476,102.100407 (พิกัดจุดที่ถ่าย ถ่ายอยู่บนสะพานบางสระเก้า)
ลำน้ำสาขาใหญ่ของแม่น้ำจันทบุรี ลำน้ำสายรองแห่งแหลมสิงห์
|
ไหลผ่านกลางใจแหลมสิงห์ แยกตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ออกจากตำบลบางสระเก้า มีสะพานเส้นเดียวพาดข้าม สะพานบางสระเก้า ความยาวสะพานกว่าครึ่งกิโลเมตร ที่เห็นในภาพคือฟาร์มหอยนางรม ส่วนภาพล่างซ้ายคือเทือกเขาสระบาป พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วตั้งตะหง่านอยู่ทางด้านทิศเหนือ ที่นั่นจะเป็นจุดหมายต่อไปของเรา
|
|
เราตัดสินใจเดินทางลึกเข้าไปในฝั่งอีกครั้ง เพราะจากแหลมสิงห์นี้หากยังมุ่งหน้าเลียบทะเลต่อไป จะไปติดแหงกอยู่ ณ ลุ่มแม่น้ำเวฬุ แม่น้ำยักษ์ กว้างใหญ่สุดในมวลหมู่แม่น้ำภาคบูรพา อะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมลืมไปเลย ว่ายังมีหาดแหลมสิงห์อยู่ใกล้ ๆ แถมยังไม่ได้แวะโอเอซีสซีเวิลด์อีก และเพื่อที่จะเลียบทะเลต่อไปได้เราจำต้องมุ่งหน้าขี้นเหนือเพื่ออ้อมแม่น้ำเวฬุไปกลับสู่ทะเลอีกครั้งหนึ่งในพื้นที่ของจังหวัดตราด อำเภอแหลมงอบ จุดหมายถัดไปของเราเย้ายวนกว่าสองสถานที่ที่เอ่ยข้างต้นเสียอีก นั่นคือ น้ำตกพลิ้ววันธรรมดา นั่นเลยครับไม่ใช่น้ำตกพลิ้ววันนักขัตฤกษ์ หรือ น้ำตกพลิ้ววันหยุดสุดสัปดาห์ อย่างแน่นอน หาโอกาสนี้มานานแล้ว
|
อุ ท ย า น แ ห่ ง ช า ติ น้ำตกพลิ้ว 12.528546,102.181113 ในวันธรรมดา ๆ ที่สงบเงียบ ไร้คลื่นคน
|
เห็นมั๊ยหล่ะ ว่ า ง โ ล่ ง โ ป ร่ ง ส บ า ย เคยมาวันหยุด โห ! ตะลึง คนตรึมมาก ๆ คลื่นมนุษย์ไม่รู้หลั่งไหลกันมาจากไหน ฉิ่งฉับทัวร์จอดกันแน่นขนัด ทั้งรถส่วนตัว รถตู้ เก๋ง กระบะ มอซง มอไซ คนเยอะยังกะฝูงมด มันดูแก่งแย่งกันชื่นชมธรรมชาติยังไงไม่รู้ จากนั้นมาก็บอกกับตัวเองว่า จะมาน้ำตกพลิ้วครั้งต่อไป ต้องมาวันธรรมดาเท่านั้น
|
อลงกรณ์เจดีย์ เจดีย์เขียวชอุ่ม ที่แลดูทีไร ได้ความรู้สึก ชุ่มฉ่ำ จนผมอยากเรียกว่า เจดีย์เย็น แห่งเขาสระบาป ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ นะ โว้ว ! เย็น
|
|
|
น้ำตกพลิ้ว สายน้ำมรกต แห่งเทือกเขาสระบาป มันโยนตัวตรงผ่านโตรกผา และบิดเอวเล็กน้อยก่อนจะถึงแอ่งน้ำเบื้องล่าง ทรวดทรงองค์เอวอ่อนช้อยแบบนี้เอง ทำให้ผมรู้สึกว่าพลิ้วสวย พลิ้วเหมือนสาวงามเอวบาง มีเสน่ห์ วันนี้น้ำตกพลิ้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น การจริงจังกับนักท่องเที่ยวมักง่ายของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ของกินทุกชนิดห้ามผ่าน อช.สร้างตู้ล๊อคเกอร์ไว้บริการแล้วที่ด่านทางเดินเข้าน้ำตก กินซะให้พอหรือไม่ก็ฝากเอาไว้ เที่ยวเสร็จค่อยกลับออกมาเอาคืน นับเป็นโชดดีของเรา ต่อไปเราก็จะได้ไม่ต้องเดินเหยียบเศษขวดเหล้า ขวดเบียร์ ที่ไอ้พวกชอบมาปูเสื่อกินริมน้ำตก ดื่มกินเสร็จก็ต้องปาขวดให้แตกกัน ไม่ต้องปวดตาปวดใจกับขยะต่าง ๆ ที่พวกมักง่ายมากินมาทิ้งกัน ต้องขอชื่นชมจนท.ทุกท่านอย่างจริงใจมา ณ ที่นี้ (ยืนขึ้นปรบมือต่อเนื่อง 5 นาทีเลย) การมาแวะน้ำตกพลิ้วคราวนี้ของผมได้รับความประทับใจกลับไปเต็มเปี่ยม ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับหนที่แล้ว ทุกอย่างกลับคืนมาได้จริง ๆ ถ้าจริงจัง
|
ปลาพลวง อยู่รวมเป็นฝูง อาศัยบริเวณน้ำตกและลำธารบนภูเขา ทางเหนือเรียกปลามุง ภาคกลางและใต้เรียก ปลาพลวง หรือ พลวงหิน เป็นปลาวงศ์เดียวกับตะเพียน ตัวใหญ่ ลำตัวยาว ด้านข้างแบน เกล็ดใหญ่ หัวเล็ก มีหนวด 2 คู่ ครีบหางเว้าเป็นแฉกลึก กระโดงหลังค่อนข้างสูง ลำตัวมีสีน้ำตาล ปนเขียว สีของปลาชนิดนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม บางแหล่งอาจจะมีสีน้ำตาลปนดำเข้ม มีแถบสีคล้ำพาดกลางลำตัวตามยาวไปใกล้โคนหาง ด้านท้องสีจาง กินแมลง พืชและผลไม้ เครดิตข้อมูลจาก เวบปัญญาไทยดอทเน็ท
ผมเคลิ้มหลับไป ในศาลาแปดเหลี่ยมใต้ร่มเงาแมกไม้เขียวขจี ระหว่างรอคู่หูที่ยังสาละวนหามุมถ่ายปลาพลวง จนฝันว่าวิ่งไล่จับนางกินรีคนงามที่กำลังจะโผขึ้นจากน้ำตกพลิ้วเพื่อบินหนี คนเดียวกันกับที่โฆษณารีเจนซี่ บรั่นดีไทย ฝันว่าเธอถูกผมคว้าข้อเท้าไว้ได้ ดึงร่างเธอลงมา ชวนเธอคุย หนุนตักเธอ เล่าเรื่องการเดินทางมาที่นี่ให้เธอฟัง และก่อนที่ฝันผมจะเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ไปพี่ ! ตื่น กินอิ่มหน่อยคลื้มเลยนะ มันคงหมายถึงข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง กับเบียร์กระป๋อง ที่เราเพิ่งสวาปามกันไปในร้านที่รับฝากรถเราด้านนอก ผมลืมตาขึ้น มองใบไม้แห้งส้ม ๆ ที่กำลังย้อนแสงอยู่ชายหลังคา ในใจก็คิดว่า มรึงนี่ มาปลุกถูกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ ....
|
คงเพราะนางแบบสุดเซ็กซี่ข้างกระป๋องเบียร์ลีโอที่ผมดื่มกระป๋องนี้กระมัง บวกกับบรรยากาศชวนหลับบริเวณน้ำตก ทำให้ผมฝันไปได้ไกลเพียงนั้น เราอำลาน้ำตกพลิ้ว เดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่ขลุง ดินแดนแห่งป่าชายเลน และลุ่มน้ำเวฬุอันยิ่งใหญ่
|
ที่ขลุง เราขับรถเข้าไปจนสุดติ่งขลุง ผมหมายถึงสุดทาง ตรงนั้นมีศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอยู่แห่งหนึ่ง แต่ผมแลดูแล้วมันไม่ใช่อ่ะ มันดูเล็ก ๆ มันมีรั้ว มันปิดประตู มันดูเป็นส่วนตัว ผมเลยยังไม่คิดจะแวะไปเคาะรั้ว หรือตะโกนเรียก หรือกดกริ่งอะไรซักอย่าง ถัดไปนิดนึงเป็นสวนอาหารพิกุลโภชนา ข้าง ๆ กันเป็นทางเดินลงท่าน้ำ 12.439954,102.219548 (พิกัดจุดที่ยืนถ่ายภาพข้างบน ^) นั่นไง ! แม่น้ำเวฬุ เราเดินไปชมพี่บิ๊กเวฬุกัน ภาพห้วงน้ำเบื้องหน้ายังไม่ใช่พี่บิ๊ก ตรงนี้ยังไม่บิ๊กพอ ผมว่าเวฬุมันต้องกว้างใหญ่ไพศาลกว่านี้ ผมหยิบจีพีเอสข้างเอวขึ้นมามอง อืมส์ ! ที่เรายืนอยู่ตรงนี้เกือบจะเรียกว่าเป็นปลายติ่งด้านในสุดของแม่น้ำเวฬุเชียว ฉะนั้นเมื่อตรงนี้ยังไม่ใช่ห้วงน้ำใหญ่โตของเวฬุที่เราอยากเห็น และป่าชายเลยตรงนี้ยังไม่น่าพิศมัยที่จะลงเดิน เราจึงเดินทางต่อ กลับออกจากขลุง มุ่งหน้าตราด
|
|
|
อยู่บนสุขุมวิทอีกครั้ง ขณะกำลังจะพ้นจันทบุรีในอีกไม่กี่เพลา ที่สุดเราก็ได้เจอกับป้าย ป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ บ้านท่าสอน มีชมหิ่งห้อยด้วย (แต่เราคงไม่รอจนมืด) มีท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วย แล้วจะรออะไรอยู่ละครับ เลี้ยวทันทีเลย ทางเข้าลาดยางแอสฟัลอย่างดี แล้วในที่สุด มันก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว ที่ปลายสะพานนั้น แม่เจ้า! อะไรจะขนาดนั้น จีพีเอสรุ่นoutdoor ของผมบอกว่าที่อีกปลายฝั่งด้านนั้น กับตรงที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น ความกว้างของมัน 3.78 กิโลเมตร ! โว้ว .....
แม่น้ำเวฬุ 12.367371,102.342128 (พิกัดจุดที่ยืนถ่าย) เจ้าช่างกว้างใหญ่อลังการเหลือเกิน รู้สึกตัวเรานี้เล็กลงจนเป็นจุด ๆ เดียวไปเลย ดินแดนฝั่งตรงข้ามนั้นก็คือจังหวัดตราดนั่นเอง
|
|
ที่ป้ายแสดงแผนที่ตรงข้าง ๆ บอกให้รู้ว่า บริเวณที่เรายืนอยู่ จุด ๆ หนึ่งชายฝั่งแม่น้ำเวฬุนี้ เป็นอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลของผืนป่าชายเลน หรือ WetLand มีกิจกรรมล่องเรือชมนกเยี่ยว กลางคืนก็มีชมหิ่งห้อย นอกจากนี้แล้วยังเต็มไปด้วยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกเยอะแยะนับแทบไม่ไหว
|
ชมความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำเวฬุเสร็จเราก็มาเดินชมป่าชายเลน เลือกเอาเส้นริมแม่น้ำนี่แหละ โกงกางสูงใหญ่มาก ลมโกรกเย็นสบาย ป้ายบอกว่ามีปลาตีนด้วย ไหน ๆ อยากเห็น หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่สุดท้ายมาเจอปลาตีนกลายพันธุ์ข้างนี้
|
|
|
เอาหล่ะครับ ลาจันทบุรี มุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไปกัน ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดตราด เพชรเม็ดงาม สุดทางตะวันออก อาคารยุทธนาวี อาคารแมงกะพรุนยักษ์ N12 22.997 E102 22.367 ตระการตาอีกแล้วท่านผู้ชม ก็ไม่เคยมาตราดนานแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะมีแมงกะพรุนยักษ์มาคร่อมอยู่บนถนน 6 เลนขนาดนี้ โว้ว ! สีสันเมืองท่องเที่ยวจริง ๆ ฮะแรกผมว่ามันโดมดอกเห็ดชัด ๆ แต่มานึก ๆ ดูแล้ว ที่นี่มันเมืองชายทะเล ก็เลยจินตนาการให้เป็นแมงกะพรุนยักษ์ละกัน ใครจะมองเป็นเรือเป็นอะไร จขบ.ไม่รู้ ^ ^ เราจะแวะพักตรงนี้สักครู่นะครับ แวะเข้าห้องน้ำห้องท่ากันก่อน ของใครเลี้ยวฝั่งไหน ซ้ายขวาเลือกกันเลยนะครับ
|
อ่าวตาลคู่ N12 12.234 E102 16.789
ทิวมะพร้าวสูงชลูด ล้อลม นี่คือจุดแวะเที่ยวลำดับต่อมาของเราในทันทีที่เราปักหลักลงเลียบทะเลได้อีกครั้ง หลังจากต้องทิ้งทะเลไปหลายชั่วโมงเพื่ออ้อมเวิ้งน้ำสาขาอันกว้างใหญ่ของเวฬุ พักชมวิวสักประเดี๋ยวก่อนมุ่งหน้าสู่ แ ห ล ม ง อ บ ต่อไป
|
4 โมงเย็นแล้ว แ ด ด ร่ ม ล ม ต ก ผมปล่อยใจ เ รื่ อ ย เ ฉื่ อ ย ไปอีกครั้งกับ เ ก ลี ย ว ค ลื่ น ที่ตีฟองม้วนสาดซัดเม็ดกรวดทราย นั่งมองดู เ ม็ ด ท ร า ย ไหลไปไหลมาตามแรงคลื่น โว้ว ! สุขจัง
|
|
เ ก า ะ ช้ า ง ยืนมองจากท่าเรือเฟอร์รี่เกาะช้างแห่งเก่า N12 11.227 E102 17.775 แลดูเกาะช้างยามนี้ทมึนดำลึกลับใต้เงาฝน ปัจจุบันเรือเฟอร์รี่ไปเกาะช้างมีแข่งขันกันอยู่ 2 เจ้าใหญ่ เจ้าหนึ่งคือ เซ็นเตอร์พอยท์เฟอร์รี่ กับอีกเจ้าหนึ่งคือ เกาะช้างเฟอร์รี่ ที่ตั้งอยู่อ่าวธรรมชาติ เด๋วเราไปดูกัน
|
|
เกาะช้างเฟอร์รี่ N12 11.310 E102 18.070 ณ อ่าวธรรมชาติ ท่าเรือขนานยนต์มาตรฐาน 20 นาทีสู่เกาะช้าง คู่รักคู่แค้นกับเซ็นเตอร์พ๊อยท์เฟอร์รี่
|
ณ ท่าเทียบเรือแหลมงอบ N12 10.224 E102 23.544
5 โมงเย็นกว่า ๆ ผู้คนวันนี้เบาบาง เรามายืนชมความงามของเกาะช้างอีกครั้ง ยอดเขาบนเกาะกลืนหายไปอยู่ใต้เมฆหมอกฝน เรือลำแล้วลำเล่าเดินทางไปมาระหว่างเกาะ เมื่อมองจากตรงนี้ เทือกเขาบนเกาะนั้นช่างสูงเสียดฟ้า มีโอกาสวันข้างหน้าผมจะหาโอกาสข้ามไปเที่ยวสักครา
|
แสงทองยามเย็นสาดใส่อาคารพาณิชย์เก่าแก่หน้าลานจอดรถกว้างขวาง ซึ่งตอนนี้มีเพียงพาหนะคู่ใจของเราคันเดียวจอดอยู่ มี ประภาคารสีขาวแดง และท่าเทียบเรือเป็นฉากหลัง ผมกำลังจะดักรอบันทึกภาพดวงอาทิตย์ตก แต่เดินวนอย่างไรก็ยังไม่เจอฉากหน้าที่ถูกใจ ใกล้เวลาอาทิตย์ลับฟ้าเต็มทน แต่ยังพอมีเวลาเปลี่ยนสถานที่ ผมจึงตัดสินใจขับรถตะเวนหามุมถ่ายภาพที่ดีที่สุดที่จะหาได้ในเย็นนี้
|
|
|
ยุทธนาวีเกาะช้าง N12 10.719 E102 23.324
สถานรำลึกวีรกรรมราชนาวีไทย ในการรบที่เกาะช้าง กรณีพิพากระหว่างไทย อินโดจีน ฝรั่งเศส
|
18:00 นาฬิกา จวนเจียนเวลาตะวันลาลับ เราขับจนมาพบที่นี่ ไม่มีเวลาหาฉากหน้าที่ไหนอีกแล้ว เลี้ยวเลย ระหว่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งหามุมตั้งขาตั้งกล้อง พลันท้องฟ้าซีกตรงข้ามก็เกิดสายรุ้งกินน้ำตัวอ้วน เป็นโอกาสที่ดีที่จะหันมาบันทึกภาพ ยุทธนาวีเกาะาช้างใต้แสงสวย ๆ นี้ก่อน
|
อาทิตย์อัสดง ณ แ ห ล ม ง อ บ
18:12 นาฬิกา
นี่คือฉากหน้าดีที่สุดที่เราพยายามหาสุดฤทธิแล้ว ต้นไม้กิ่งเยอะใบน้อยริมทะเลตราด ยึดกล้องขึ้นขาตั้งบันทึกนาทีสุดท้ายของแสง
|
|
ผมยืนเกาตุ่มปึ่งคันอย่างมีความสุข ไม่ใช่สุขที่ได้เกา เกา ๆ ๆ ยิ่งเกายิ่งมันส์ แต่มี ค ว า ม สุ ข ที่ได้ดื่มด่ำกับ บ ร ร ย า ก า ศ อัสดงในยามนี้ เป็นอีกเย็นวันหนึ่งของเราที่งดงาม
|
ฟ้ามืดแล้ว แหลมงอบ เปลี่ยนเป็นแหลมเงียบ เราประสบปัญหาอย่างหนักกับการค้นหาที่พัก โรงแรม รีสอร์ท เกสเฮ๊าส์ โฮมสเตย์ ต่างเงียบเชียบ วังเวง ฝนเริ่มพรำ ๆ อีกครั้ง เราตัดสินเข้าตัวเมืองตราด ห่างจากที่นี่ สิบกว่ากิโลเอง ไปหาที่นอนเอาที่นั่น 2ทุ่ม เราได้ที่หลับที่นอนเป็นโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง โรงแรมเมืองตราดN12 14.650 E102 30.694 เอาน่ะ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ข้างล่างนั่นหน้าโรงแรมเป็นตลาดโต้รุ่งพอดี สิ้นสุดการเดินทางวันที่ 4 ลงแต่เพียงเท่านี้ ขออนุญาติลงไปตลาดหาอาหารกินก่อนนะครับ หิวแย้ว ^ ^
|
|
รวมระยะการเดินทางทั้งสิ้นในวันที่ 4 นี้ 150 กิโลเมตร ระยะเวลาทั้งหมด 10 ชั่วโมง ระยะทางรวมตั้งแต่ออกจากกรุงเทพ 660 กิโลเมตร เอ่อ ! มันขับได้ระยะทางน้อยลง ๆ ทุกวันแฮะ วันแรก 180 กิโล วันที่สอง 170 กิโล วันที่สาม 160 กิโล วันนี้ 150 กิโล วันพรุ่งนี้สงสัยเหลือ 140 กิโล .... ^ ^
|
ขอบคุณอย่างสูงสำหรับทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ ขออภัยที่บล๊อคโหลดช้า เนื่องจากรูปมันเยอะ ทิ้งเม้นท์ไว้เป็นรอยจารึกว่าท่านมาเยือนนะครับ หรือถ้าใจดีเม้นท์พูดคุยกับ จขบ. ก็น่าดีใจมิใช่น้อย ชิมิ ชิม ทุกคอมเม้นท์เป็นกำลังใจสำคัญให้หายเนื่อย ... พักสองสามวันแล้วจะลุยทำตอนสุดท้ายต่อครับ ตอนหน้าสุดชายแดนบูรพาแล้ว เย้ !
|
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2553 20:43:15 น. |
|
174 comments
|
Counter : 8800 Pageviews. |
|
|
ภาพอาทิตย์ตก สวยสมกับที่ขับหาทำเลค่ะ
สะพานแหลมสิงห์ เราไปมาแล้ว เดอืนพฤศจิกา 52
ส่วนพริ้ว กับแม่น้ำเวฬุ ( ข้ามไปทานอาหารที่ขลุง ) แต่ป่าชายเลนไป วันนี้แหละ 3 กุมภา 53 , 20:16 น. จ้า