มาสิมา พี่นี้จิพาน้อง ไปนั่งรถเมล์เที่ยว Aizu One Day Pass
ONE DAY PASS AIZU WAKAMATSU TOWN BUS TOURIST ROUTE
Aizu One Day Pass ถูกและดีมีจริง ควัก 500 เยนแล้วสองเท้าก็ก้าวฉับๆ นั่งรถเมล์เที่ยวได้ทั้งวัน ขึ้นลงกี่ครั้งกี่รอบก็ได้ แถมจุดแวะเที่ยวเต็มไปหมดแบบเวลาวันเดียวแทบไม่พอ เที่ยวถูกๆ แบบนี้กันได้ที่ Aizu Wakamatsu เมืองน่าเที่ยว บันทึกการเดินทาง Day4 วันนี้จะพาไปนั่งรถเมล์เล่นกันครับ ไปทัวร์กันให้ทั่วๆ เมือง Aizu Wakamatsu สำหรับตอนที่แล้ว ตอนที่ 1 ลัดฟ้าสู่ไอสึวาคามัตสึ ตอนที่ 2 ใบไม้เปลี่ยนสีที่หมู่บ้านโบราณ และหน้าผาหินล้านปี ตอนที่ 3 เดินเทรลกลางสายฝน ชมบึง5สี Goshikinuma Nature Trail ไอสึวาคามัตสึ เมืองเล็กๆ กลางโอบกอดของขุนเขา
เช้านี้เราพกร่มลงมากินข้าวด้วย ก็แหงล่ะ เมื่อวานสายฝนเล่นเราซะอ่วม ท้องฟ้าเช้าวันนี้ดูๆ ไปแม้จะสดใสขึ้นเยอะแต่ก็ยังระแวงครับ ไม่กล้าไว้วางใจ นี่เป็นเมนูทุกเช้าของผมที่นี่ Aizu Washington Hotel ปลาๆๆ และก็ปลา ราดบนข้าวก้องต้ม เหยาะซี่อิ๊วลงไปอีกหน่อย หูย อร่อย
ฟ้าใสใสแดดรำไร อย่าได้เชื่อใจ พกร่มไปด้วยดีที่สุด แพลนของเราวันนี้ก็คือนั่งรถเมล์เตร็ดเตร่ในเมือง อันเนื่องมาจากว่าบัตรเบ่ง Aizu Gurutto Card ของเรานั้นเบ่งไม่ออกแล้ว มันหมดอายุเอ็กซะปายไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้เลยหันมาพึ่ง pass แบบใหม่ สดใสไฉไลประหยัดกว่าเดิมอีกโข นั่นคือ Aizu One Day Pass ตามมาครับ
AIZU BUS TERMINAL สถานที่ออกตั๋วก็คือที่นี่ บัสเทอร์มินอล มองหาง่ายๆ หันหลังให้สถานีรถไฟไอสึวาคามัตสึ หันหน้าออกมาเจอถนน มองเยื้องมาทางซ้ายเล็กน้อย ตึกตรงหน้าสีแดงๆ แบบนี้ นี่แหละ ข้ามม้าลายแล้วตรงเข้าไปเลย บอกเค้าไปว่าซื้อ one day pass
แถ่มแท้ม อยู่ในมือล่ะ ใบละ 500 เยน AIZU ONE DAY TICKET พร้อมแผนที่ที่มีตารางเวลาเดินรถอยู่ด้านหลัง ถ้าไม่ใช้ pass นี้ค่าโดยสารปกติก็จะอยู่ที่ 210 เยนต่อครั้ง ใช้เถอะถ้าจะขึ้นเกินสองครั้ง สำหรับใครที่ต้องการดูแผนที่และตารางเวลาฉบับเดียวกับที่ผมถืออยู่ในมือนี่ก็ ตามลิงค์นี้ไปครับ >> https://www.aizubus.com/rosen/pdf/machinaka-shuyu-unkokeiro_201707.pdf ซึ่งก็ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า No English เหอะๆ นั่นเป็นเหตุผลให้ผมมานั่งทำรีวิวอันนี้ เดี๋ยวจะพาไปทำความเข้าใจกัน รับรอง โนอิงลิสก็โนอิงลิสเหอะ เมื่อได้ตั๋วมาแล้วจุดเริ่มต้นก็คือข้ามถนนกลับไปฝั่งสถานีรถไฟ ลานกว้างๆ หน้าสถานีก็จะเป็นที่คอยรถเมล์ มี 6 ล็อค เราก็ตรงเข้าไปล็อค 6 หรือป้ายที่หก ป้ายในสุดหัวแถว จะมีรถออกทุก 15 นาทีเลยล่ะ สลับกันระหว่างสองสายนี้ Haikara-San (สายสีเขียว) และ Akabe (สายสีแดง) ส่วนคันนี้ที่แล่นเข้ามาเทียบท่าทายซิสายอะไร
ผิด อย่าเพิ่งเข้าใจว่าเป็น Akabe ซึ่งผมเพิ่งบอกไปว่าสีแดง คือ akebe หน่ะแดงแน่ๆ สีเดียวกับน้องวัวแดงสัญลักษณ์ของเมืองไอสึ แต่ว่าคันนี้คือ haikara san ครับ สายสีเขียวคาดเหลืองซึ่งไม่เขียวทุกคัน มันจะมีบางคันเป็นแดงคาดเหลืองแบบนี้ ผมเองก็เข้าใจผิดในตอนแรก งงไปเลย เพราะมันวิ่งเข้ามาเทียบท่าด้วยเวลาของ haikarasan แต่พอมันแล่นออกไปถึงได้รู้ เพราะว่า HAIKARA-SAN วิ่งทวนเข็มนาฬิกา
ส่วน AKABE นั้นวิ่งตามเข็ม และนี่คือตารางเดินรถของ Haikara-San ครับ ผมแทนชื่อญี่ปุ่นด้วยชื่ออิงลิสให้สำหรับป้ายสำคัญๆ อย่างป้ายแรก H1 ก็คือป้ายหน้าสถานีaizu Haikara-San Bus เดินรถวันละ 20 เที่ยวๆ แรก 8:00 เที่ยวสุดท้าย 17:30 วิ่ง 39 ป้ายรถเมล์ ออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ตรงกับ x.00 และ x.30 ส่วน Akabe Bus เดินรถวันละ 18 เที่ยวๆ แรก 9:15 เที่ยวสุดท้าย 16:15 วิ่ง 39 ป้ายรถเมล์เช่นกัน ออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ตรงกับ x:15 และ x:45 ทำให้สองสายนี้เมื่อผนวกกันก็กลายเป็นมีรถออกทุกๆ 15 นาทีนั่นเอง ถือว่าขึ้นๆ ลงๆ ได้ทุกป้ายนะครับ ไม่เสียเวลารอรถเที่ยวถัดไปเลย หมายเหตุ รถเที่ยวที่ 7-11 (รอบ 11:00-13:00) ไปสุดแค่หมู่บ้านซามูไร (sumurai residences) (ป้ายAizu Bukeyashiki) แล้วก็จะยูเทิร์นกลับนะครับ จะไม่วิ่งเข้าไปใน Higashiyama Onsen ถ้าต้องการไปจริงๆ ให้รอสายแดง Akabe Bus คันที่ 8 และ 11 (รอบ 11:15 และ 12:15) แทน ดูตาราง akabe ได้ตามลิงค์ pdf ด้านบนครับ สำหรับคันนี้เป็นหน้าตาคันเขียวคาดเหลือง สีออริจินอลของ Haikara-San ยืมรูปเดิมมาจากรีวิวตอนก่อน จะได้เห็นสีกันชัดๆ และนี่คือเส้นทาง Route ของ Haikarasan ส่วน Akabe ก็จะคล้ายๆ กันวิ่งแทบจะทับเส้นเดียวกันนะครับ ต่างกันเพียงเล็กน้อย เพียงแต่หลักๆ อย่างที่บอก คือ Haikarasan วิ่งทวนเข็ม ส่วน Akabe นั้นวิ่งตามเข็มนาฬิกา ยกตัวอย่าง ดูจากแผนที่ ถ้าเรานั่ง Haikarasan จะไปปราสาทนกกระเรียน Tsuruga เราต้องนั่งไปลงป้าย H14 หรือป้ายhaikarasanที่สิบสี่นั่นเอง แต่ถ้าเรานั่ง Akabe มันจะวนตามเข็มไปคนละทางแต่ก็มาถึงป้ายหน้าทางเข้าปราสาทนกกระเรียนป้ายเดียวกันนั่นแหละแต่จะนับเป็น A27 หรือป้าย akabe ที่ยี่สิบเจ็ดนั่นเอง คือต้องนั่งไปยี่สิบเจ็ดป้าย ไกลโฮก ดังนั้นเลือกสายรถเมล์ดีดีครับถ้าจุดหมายเราแน่ชัดว่าจะไปไหน แต่ถ้าต้องการจะวนๆ ไปรอบเมืองแล้วล่ะก็สายไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ อธิบายแผนที่ เส้นเขียนทึบคือ เส้นที่วิ่งจริง! มันต่างกันนิดหน่อยกัน route ในแผนที่ที่แจก (ส่วนที่แตกต่างคือเส้นเขียวจางๆ ) ผมนั่งสองรอบมันก็วิ่งแบบนี้สองรอบเลยต้องหมายเหตุเอาไว้ อย่างเช่นป้าย H2 ในแผนที่คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ Aizu Machikata ใช่มั้ยครับ แต่รถวิ่งจริงๆ ไม่ยักกะผ่าน ผมนั่งเมื่อ 27 กับ 30 ตค. ทั้งสองวันก็ไม่ผ่าน , อีกจุดนึง H21 ป้ายที่จะลงไปเที่ยวสวน Oyakuen garden แต่รถวิ่งจริงๆ ก็ตีโค้งเลี้ยวซ้ายออกไปเลย งงเหมือนกัน เป็นต้น มันไม่ได้น่าสนใจและน่าแวะทุกป้าย แต่ผมจะคัดมาให้พอสังเขป ป้ายที่ 2 H2 ชื่อป้าย Machikata Densyoukan ชื่อสถานที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ Aizu Machikata เปิด 9:00-18:00 ปิดวันจันทร์ ค่าเข้า: Free สิ่งน่าสนใจ ชั้นสองเป็นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไอสึ ชั้นล่างขายของที่ระลึกพวกงานหัตถกรรม คุณสามารถแวะหยิบข้อมูลต่างๆ ติดตัวไว้ เผื่อมีประโยชน์
ป้ายที่ 4 H4 (A35) << ในวงเล็บแบบนี้คือป้ายของ Akabe bus นะครับ ชื่อป้าย Nanokamachi Shirokiya ชื่อสถานที่น่าสนใจ ร้าน Shirokiya Shiryokan เปิด 9:00-17:30 สิ่งน่าสนใจ เป็นร้านขายพวกงานหัตถกรรมเก่าแก่ เปิดร้านมา 300 ปีแล้ว เป็นอาคารแนวตะวันตก
ป้ายที่ 5 H5 (A34) ชื่อป้ายNanokamachi Chuo ชื่อสถานที่น่าสนใจ อนุสรณ์รำลึก กลุ่ม Aizu Shinsengumi เปิด 10:00-17:00 ค่าเข้า: 300 Yen สิ่งน่าสนใจก็คือเป็นสถานที่เก็บประวัติศาสตร์พวกกลุ่มตำรวจพิเศษที่เรียกว่า Shinsengumi รวมถึงเรื่องราวของกองทัพของโชกุน และกองกำลังของรัฐบาลใหม่ มีชุด Haori ให้ใส่ถ่ายรูปด้วยไม่เสียคชจ.
ป้ายที่ 6 H6 (A33) ชื่อป้ายNanukamachi Station ชื่อสถานที่น่าสนใจ สถานีรถไฟ Nanukamachi สิ่งน่าสนใจก็คือ เป็นสถานีที่ดูสวยดี คลาสสิค จะรอดักถ่ายภาพคู่กับรถ Haikarasan หรือ Akabe ก็ดูเข้าที ตรงนี้จะเป็นจุดที่รถทั้งสองสายต้องมากลับรถหน้าสถานี
ป้ายที่ 10 H6 ชื่อป้าย Noguchi Hideyo Seisyunkan ชื่อสถานที่น่าสนใจ ที่พำนักวัยเยาว์ของหมอ ฮิเดะโยะ โนะงุชิ สิ่งน่าสนใจก็คือ ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณหมอฮิเดะโยะ โนะงุชิ เป็นใครมีความสำคัญอย่างไร ลองหยิบธนบัตรใบละ 1000 yen ในมือขึ้นมาดู รูปคุณหมอคนนี้อยู่ในแบงค์นั่นแหละ เป็นบุคคลสำคัญของญี่ปุ่นและของโลกคนหนึ่งในด้านการค้นพบทางการแพทย์ เป็นนักแบคทีเรียวิทยา และที่บ้านหลังนี้อดีตเป็นสถานพยาบาล เป็นที่ที่คุณหมอเคยใช้ชิวิตวัยเยาว์อยู่ที่นี่ แล้วถัดไปอีกป้ายรถเมล์นึง H11 ก็จะมีอนุสรณ์สถานรูปปั้นของคุณหมอท่านนี้ด้วย อันที่จริงลงรถที่ป้าย 10 แวะบ้านคุณหมอแล้วเดินเที่ยวมาเรื่อยมาดูอนุสรณ์สถานของคุณหมอแล้วรอขึ้นรถเมล์ที่ป้าย 11 ก็เข้าทีอยู่ ภาพคุณหมอ ฮิเดะโยะ โนะงุชิ บนธนบัตรชนิด 1,000 yen ซีรีย์ D พิมพ์ใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 ภาพจากเวป wikipedia https://goo.gl/x4fHHG
ป้ายที่ 12 H12 (A29) ชื่อป้าย Aizuwakamatsu City hall ชื่อสถานที่น่าสนใจ Aizu City Hall สิ่งน่าสนใจก็คือ เป็นศาลากลางครับ ถ้าอยากแวะลงไปถ่ายรูปนะ และปีนึงเค้าจะมี light up ด้วย เหมือนที่ปราสาทซึรุกะ วันที่ผมมานี่ก็มี light up เสียดายผมไม่รู้ ไม่งั้นแวะเข้ามาแล้ว
Haikara-san ขณะมุ่งหน้าสู่ปราสาทนกกระเรียน Tsuruga-Jo Castle เห็นมุมตรงแบบนี้ก็แปลว่ารถกำลังแล่นเข้าหาป้ายทางเข้าปราสาทนกกระเรียน H14 Tsurugajo Iriguchi แต่เดี๋ยวก่อน มันจะยังต้องผ่านป้าย 13 สถานที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง
ป้ายที่ 13 H13 (A28) ชื่อป้าย Kitademaru Odouri ชื่อสถานที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์เหล้าสาเก Aizu Miyaizumi Sake Museum สิ่งน่าสนใจก็คือ ชื่อก็สื่ออยู่แล้วนะครับ ใครอยากชมการผลิตสาเก และเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเหล้าสาเกก็แวะกันได้เลย ค่าเข้าชม 300 yen
ป้ายที่ 14 H14 (A27) ชื่อป้าย Tsurugajo Iriguchi ปราสาทนกกระเรียน TSURUGA CASTLE The must visit ครับ ป้ายไหนก็ผ่านได้แต่ป้ายนี้ห้ามผ่านเลย ป้าย 14 ทางเข้าปราสาท Tsuruga ผมก็ลงป้ายนี้แหละ ลงแล้วก็ข้ามถนน ฝั่งตรงข้ามก็จะมีตรอกเล็กๆ นั่นแหละ เดินตรงเข้าไปเลย ตามป้ายที่ติดไว้บนเสาในรูป เพียงแค่ 250 เมตรจากป้ายรถเมล์ เราก็จะไปถึงทางเข้าปราสาท สองภาพนี้หยิบยืมมาจากรีวิวตอนที่ 1 เช่นเคย อะมาดูบรรยากาศจริงใน Day4 กัน
เป็นการมาซ้ำอีกครั้งในทริปเดียวกัน ครั้งแรกมาเยือนค่ำๆ ในวันแรกที่มาถึงวันนั้นมาชม light up สวยๆ ส่วนวันนี้ขอมาชมภาคกลางวันบ้าง ท้องฟ้าสวยเลยวันนี้ แจ่มอลัง ใบไม้เปลี่ยนสีก็เลยยิ่งสวยสดใส กลุ่มนี้ใบไม้แดงบนกำแพง แต่เดี๋ยวก่อน!!! สามวันผ่านไปมันร่อยหรอไปเยอะมาก เปลี่ยนเทียบกับภาพที่สามวันก่อนมา ยังดกรกทึบแดงฟ่อง ปลิดใบกันเร็วจริงๆ ตรงนี้เหลืองก็เหลืองสะใจ ไม่ผิดหวังเลยที่มาเยือนปราสาทนกกระเรียนในวันนี้ เดินบันไดหินขึ้นด้านบนของกำแพงคูเมือง วิวจากบนคูเมืองมองไปเกาะที่ตั้งปราสาท ใบไม้เปลี่ยนสีสวยได้ใจมาก จากนั้นเราก็เดินข้ามสะพานที่ทอดข้ามเข้าสู่เกาะที่ตั้งตัวปราสาท มองเห็นปราสาท Tsuruga ขาวสวยเด่น แต่เดี๋ยวนะ!! นั่นอะไร ท้องฟ้าสีฟ้าหายไปไหนแล้ว!!! เร็วเหมือนโกหก ม่านหมอกปกคลุมทั่วท้องฟ้าอีกครั้ง อิทธิพลไต้ฝุ่นยังไม่หมดไปแค่จางไปชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น โธ่ ก็เลยกินแห้วตามเคย เก็บภาพปราสาท Tsuruga Jo ได้แค่เพียงบนม่านหมอกฝน ย้อนกลับออกมาถ่ายใบไม้แดงแถวคูเมืองอีกครั้ง ในจังหวะที่แดดผลุบมากกว่าโผล่ก็ต้องรีบกดชัตเตอร์กันครับ
จากนั้นเราก็โบกมือลา Tsuruga Jo ไปดักรถเมล์เพื่อขึ้นป้ายต่อไป และเราก็ได้ Haikara-San คันแดงอีก ไหงวันนี้ชวดคันเขียวตลอด ตามเส้นทางปกติก็จะวิ่งผ่าน ป้าย 18 H18 ชื่อป้าย Aizu Fugado สถานที่น่าสนใจ Aizu Fugado มันเหมือนเป็นสถานีที่น่าสนใจแหละ แต่ไม่รู้มีอะไร มีที่จอดกว้างขวาง แต่หาข้อมูลไม่ได้
ป้ายถัดไป ป้าย 21 H21 ชื่อป้าย Oyakuen สถานที่หน้าสนใจ สวน Oyakuen Garden ซึ่งจัดว่าเป็นสวนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่วันนั้นรถเมล์ไม่วิ่งผ่านป้ายครับ อย่างที่แสดงเส้นเขียนทึบให้ดูในแผนที่ข้างบน ก็เลยไม่รู้แล้วก็พลาด มารู้อีกทีตอนนั่งทำรีวิว
และที่พลาดอีกก็คือ (พลาดเยอะจริงตรู) เรานั่ง Haikara-San เที่ยวที่ 7 อย่างที่บอกไว้ตอนต้นอีก ว่าคันที่ 7-10 11:00- 13:00 นั้น จะไม่วิ่งไปหมู่บ้านออนเซ็น HigashiyamaOnsen คือเราตั้งใจมากวันนี้ว่าจะไปหมู่บ้านออนเซ็นนี้ให้ได้ มันแล่นไปถึงหน้าหมู่บ้านซามูไร (Samurai residences) แล้วมันก็เลี้ยวกลับเลย โถๆๆ ตอนนั้นก็เลยตั้งตัวไม่ติด งงๆ กลับรถทำไม และไม่ได้เฉลียวใจว่าเรามาอยู่หน้าหมู่บ้านซามูไรแล้ว บรรยากาศมันเงียบๆ ไม่มีรถจอดไม่มีคนลง ไม่ได้เหมือนในภาพนี้นะครับ ภาพแคปจากกูเกิ้ล ป้าย24/30 H24, H30 (A11, A17) ชื่อป้าย Aizu Bukeyashiki หมู่บ้านซามูไร Sumurai Residences จากนั้นรถก็ย้อนทางเดินมาเรื่อยๆ แล้วก็เลี้ยวขวาขึ้นทิศเหนือ มีภูเขา Iimoriyama ขนาบอยู่กาบขวา แล้วก็มาจอดที่นี่ ป้ายที่ 34 H34 (A7) ชื่อป้าย Wada Bansho Handmade Crafts ใครอยากหาซื้อของที่ระลึก งานฝีมือสวยๆ แวะที่นี่ได้เลย ลงได้สองป้าย H34 (A7) Wada กับ H35 (A8) Iimoriyama Danchi
รถเมล์พาเรามาถึงสามแยกแล้วก็เลี้ยวซ้ายหัวถนนที่จะวิ่งตรงกลับสถานีรถไฟไอสึ ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตต. ราวๆ สองโล หัวถนนตรงนี้ก็จะเป็นจุดแวะสำคัญของเราที่เล็งไว้ก่อนแล้ว ป้ายที่ 36 H36 (A5) ชื่อป้าย Iimoriyama Shita ภูเขา LIMORIYAMA ซึ่งมีสถานที่น่าสนใจมากหลายอย่าง ที่เราตั้งใจอย่างแรกเลยคือมาชม เจดีย์ไม้ Sazaedo เป็นเจดีย์โบราณอายุสองร้อยกว่าปีที่มีความพิศดารในการสร้าง
ทางขึ้นเขา Imoriyama เจดีย์ไม้อยู่บนนั้น รวมทั้งสุสาน 19 ซามูไรที่ฆ่าตัวตายจนเป็นตำนาน aizu แดน Last samurai ด้วย ก็อยู่บนนั้นเช่นกัน ทางขึ้นเป็นบันได 132 ขั้น เดินนับมาแล้วตอนลง ใครไม่อยากเดินขึ้น ข้างๆ จะมี Slope conveyer หรือทางเลื่อนขึ้น จ่ายค่าบริการนิดหน่อย คนละ 250 yen แต่ว่า บัตร one day pass ที่เราซื้อมาสามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดค่าทางเลื่อนได้ วันนั้นผมก็ไม่รู้อีกล่ะครับ 555 ก็จ่ายไป 250 ขาเดียว ส่วนขาลงก็บันได้ครับ เดินลงสบายๆ ขึ้นมาแล้วก็มองย้อนลงไปหน่อย 132 ขั้นสูงลิบ ดีแล้วที่ตัดสินใจขึ้นทางเลื่อนมา
บรรยากาศแรกที่เจอคืออนุสรณ์และสุสาน 19 ซามูไรที่ปลิดชีพตัวเองด้วยการคว้านทอง สมัยสงครามที่สิ้นสุดยุคโชกุนและมีการต่อต้านกองทัพจากรัฐบาลใหม่ ซามูไรวัยเยาว์กลุ่มนี้ ที่เรียกว่ากลุ่มเสือขาว หนีกองทัพรัฐบาลใหม่มาถึงเขาลูกนี้ พอเห็นปราสาทท่านโชกุนนายของตน ก็ปราสาท Tsuruga นั่นแหละ มีควันไฟออกมา ก็นึกว่าเสียท่าแล้ว ก็เลยขอปลิดชีพตัวเองตายตาม ตัวสุสานจริงๆ เหมือนจะต้องเดินไปตามเทรลเดินทางขวามือ เราไม่ได้เดิน ก็ชมแค่บรรยากาศรอบๆ บริเวณด้านหน้านี้
จากนั้นก็มองหาเส้นทางที่จะเดินไปชมเจดีย์ไม้ Sazaedo วิวเมืองไอสึ มองจากบนเขา Limoriyama นั่นๆ มองเห็น Haikara-san คันเขียวละ กำลังเข้าป้ายที่เราเพิ่งลงมาตะกี้ ทางเดินไปเจดีย์ไม้ Sazaedo ตามเด็กนักเรียนไปนั่นครับ อยู่หัวมุมบันได 132 ขั้นนั่นแหละ
แถ่มแท้ม และเราก็มาถึง เจดีย์ไม้โบราณปรากฏแก่สายตาละ เจดีย์ไม้โบราณ SAZAEDO
มีค่าเข้าชมนะครับ และเราก็ว่าคุ้มนะ แหม มาทั้งที่ต้องขอมาเห็นทางเดินบิดเกลียวขึ้นทางลงทางอันเลื่องชื่อ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 400 yen เด็ก 200 yen ทางเดินภายในครับ มาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ แปลกตา อะเมซซิ่ง เค้าสร้างเป็นเกลียว เดินๆ ขึ้นไปถึงยอดเกลียวก็จะสลับเป็นเกลียวทางลง ซึ่งตลอดทางขึ้นและลงนั้นจะไม่มีโอกาสมองเห็นกันเลย และระหว่างที่เราอยู่ในตัวเจดีย์ Sazaedo นั่นเอง มองออกไปนอกเจดีย์ก็ต้องพบกับ ฝน! ฝนตกแล้ววว เซ็ง ดีว่าเตรียมร่มมานะ
ฝนซาเราก็ลงจากเขา รอรถป้ายเดิน H36 กลับไปตั้งหลักที่โรงแรมก่อนครับ ไปหาข้าวกินด้วย ไปนั่งขบคิดว่าทำไมรถมันไม่พาไปหมู่บ้านออนเซ็น จากนั้นเมื่ออิ่มท้องแล้วสมองก็แล่น และรู้ว่าเราขึ้นไม่ตรงรอบนั่นเอง สองเท้าก็ก้าวออกจากที่พักตั้งหลักกันใหม่ ตรงไปป้ายหน้าสถานีรถไฟ H1 ล็อก 6 รอขึ้นรถเมล์กันอีกรอบ 5555 One Day Pass นี่ใช้คุ้มมาก คราวนี้ได้เที่ยวรถคันที่ 16 คันเขียว Haikara-San เช่นเคย ไม่ได้ขึ้น Akabe สักที รถออก 15:30 จะถึงหมู่บ้านออนเซ็น 16:07 ใช้เวลาวิ่ง 37 นาที แล่นออกไปตามเส้นทางเดิมๆ ที่เราผ่านมาแล้วรอบเช้า ได้นั่งชมวิวเมืองกันอีกรอบ ก่อนจะมาถึงหน้าป้ายหมู่บ้านซามูไรอีกครั้ง ลุ้นอยู่ว่ามันจะกลับรถอีกมั้ย ทีนี้ไม่แล้ว รถแล่นฉิวหลังส่งคนลง ตรงต่อไปเขาสู่หลืบเขา สู่ หมู่บ้านออนเซ็น Higashiyama สวยมาก นี่วิวแรกหลังลงจากรถเมล์ ตรงนี้คือสุดสายละ รถเมล์จอดให้ลงแล้วก็ยูเทิร์นกลับออกไป
ป้ายที่ 27 H27 (A14) ชื่อป้าย Higashiyama Onsen นี่ครับ รถเมล์ยูเทิร์นใต้ตึกนั่นเลย เค้าทำที่พิเศษไว้ให้กลับรถโดยเฉพาะพอดีเป๊ะ ^ ลงรถแล้วเราก็ถ่ายป้ายรถเมล์ไว้ มันมีตารางเวลาว่ารถจะมากี่โมงบ้าง เรามาถึง 16:07 ดูแถบเขียวใต้ภาพด้านบนไว้นะครับ เวลาที่เหลือก็คือ 16:37 17:07 17:37 และเที่ยวสุดท้าย 18:07 เลยจากเที่ยวนี้ไปก็ตกรถ เท่ากับว่าเรามีเวลาเพียงสองชั่วโมงเต็มที่สำหรับเดินเล่นที่นี่
ตรงป้ายรถเมล์ยังมีแผนผังบริเวณโดยรอบของ Higashima Onsen ด้วย ใหญ่เท่าข้างฝา เลยถ่ายมาอีก ส่วนเส้นแดงๆ ในแผนผังนั่นคือผมมาเติมทีหลัง เป็นเส้นทางที่เราเดินกันวันนั้น น้ำตกนี้คือยังไม่ทันเดินครับ หลังป้ายรถเมล์เลยแหละ มีวิวเรียวกังเป็นฉากหลัง สวยอ่า ชอบๆ
ขวามือนี่เป็นเรียวกังชื่อดัง Mukaitaki ryokan ช่วงพีคๆ คืนนึงน่าจะเป็นหมื่น บริเวณโดยทั่วไปของที่นี่ก็คืออยู่ในหลืบเขาแคบๆ ขนาบสองด้าน ขวามือเป็นลำธารน้ำที่ไหลแรงมาและตกเป็นน้ำตกเป็นจุดๆ แยกที่เห็นในภาพเนี่ยเดินทางไหนก็ได้ เดี๋ยวมันวกไปเจอกันเอง เราก็เลือกเดินทางขวาครับ ขอเลาะลำธารก่อน มุมมองย้อนกลับ Mukaitaki ryokan น่าจะเป็นไฮไลท์สุดของที่นี่เลย
ที่นี่เต็มไปด้วยที่พักสไตล์ออนเซ็นทุกหลังล่ะครับ และออกแบบหลากสไตล์ ทั้งเรียวกัง ทั้งโฮเท็ลสไตล์โมเดิ้ลบ้าง เรโทรบ้าง ผสมๆ กันไป ทำให้ดูมีสีสันสวยมาก ดูๆ ไปก็แฝดกับแม่กำปองเหมือนกันนะ เพียงแต่แฝดคนละฝา คือแม่กำปองบ้านเราก็แบบนี้แหละอยู่ในหลืบเขาแคบและมีสายน้ำอยู่ตรงกลางแบบนี้เลย
เดินมาจนทางตัน อ้าวไหงตะกี้บอกว่าทางจะมาบรรจบกัน นี่ครับ ต้องเดินขึ้นมาตรงนี้ ออนเซ็นสาธารณะนี่ ทางจะเลี้ยวไปบรรจบกันเอง นี่ยังนึกเสียดายวันนั้นทำไมไม่นั่งแช่เท้าเล่นตรงนี้ดูหน่อย
ก็เดินถ่ายวิวไปเรื่อยนะครับ Sightseeing อย่างเดียว ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้
ตรงมุมนี้มีความปรักหักพัง แสดงว่ามันก็จะมีทั้งที่รุ่งและเจ๊งนะ เหมือนกันทุกที่ คงเป็นเรียวกังร้างๆ
และก็สุดท้ายนะครับ เราเดินกันไปได้แค่ครึ่งกิโลดูนาฬิกาแล้วก็จำเป็นต้องกลับละ สี่โมงกว่า แปลว่าดวงตะวันใกล้ลับฟ้าแล้ว ท้องฟ้าก็ทำท่าจะฝนตกเอามากๆ อากาศไม่ดีแต่เย็นดีชอบ ห้าโมงเย็นก็เก็บแสงทไวไลค์ที่หน้า Mukaitaki Ryokan นี่เองที ถ่ายไปมองนาฬิกาไป รถเมล์จะมาในอีกสองสามนาทีข้างหน้า ยังอุ่นใจว่าป้ายรถเมล์อยู่ด้านหลังเรานี่แหละ ไม่พลาดแน่ ถ่ายเสร็จเก็บขาตั้งก็เห็นรถเมล์มาพอดี แล้วก็ไม่ตกรถครับ จบ Day 4 ไปแบบฝนปราณีเรามากๆ อีกวันหนึ่ง รอติดตามตอนหน้า จะพาไปขับรถขึ้น UraBandai และเที่ยวน้ำตกสวยๆ กันครับ
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2560 |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2560 16:05:00 น. |
|
6 comments
|
Counter : 5146 Pageviews. |
|
|
มาตามชมภาพสวยๆค่ะ
ใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก น้ำตกยิ่งสวยค่ะ
ญี่ปุ่นแบบว่ามีหลายอารมณ์ในประเทศเดียวเลย
อิจฉาอะ น่าไปค่ะ อิอิ
มีทำแผนที่ด้วยครบเลย
แบบนี้ตามรอยได้ง่ายเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่า