ภูสอยดาว ( ความในใจจากเท้าซ้ายเท้าขวา )

จับใจใส่เท้า แล้วไป ภูสอยดาว
ปีนี้ผมอายุ 44 ไม่ได้ออกกำลังกายมา 15 ปี 2 เดือนที่ผ่านมา ผมกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง ออกวันเว้นวัน รู้สึกแข็งแรงสดชื่นอย่างไม่เคยมาก่อน
ในเช้าวันหนึ่งผมนั่งอ่านนิยายป่าของ อัยย์ นักล่าน้ำตก อ่านไปเจอกับคำว่า
"เขาก็มีดินเป็นเพื่อนตายและมีฟ้าเป็นเพื่อนใจ"
พลันกลิ่นไอภูสูงก็กระทบโสตประสาททั่วร่าง ผมห่างการย่ำดินขึ้นมองฟ้าบนยอดภูยอดดอยมานานเกินไปแล้ว ฝนกำลังตกชุก มันคือเดือนที่ฝนตกหนักสุดของภูสอยดาว หนุ่มสาวผู้รักธรรมชาติพิสุทธิ์ทั้งหลายกำลังพากันเดินเท้าขึ้นสู่ลานสนเหนือภู ทุ่งดอกหงอนนาคกำลังบานสะพรั่ง ม่านหมอกกำลังปกคลุมยอดภู สวยราวสวรรค์ ฝันที่เก็บไว้ในลิ้นชักมา 20 ปี ถูกปัดฝุ่น ร่างกายพร้อมอีกครั้ง และใจก็พร้อมแล้วเช่นกัน ถึงเวลาซะที สู้โว้ย !!


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะได้พิชิตภูสอยดาวนะ อยากขึ้นไปเห็นสวรรค์บนดิน เห็นป่าสนในม่านหมอก กลางสายฝนแห่งวสันตฤดู หรือกลางฤดูหนาวอะไรก็แล้วแต่ ขอเพียงเท้าคุณมีใจ ใจคุณมีไฟ ภูสอยดาวก็อยู่ใต้อุ้งเท้าคุณได้ เชื่อพ๊ม
รวดเร็วดั่งวัยรุ่น ผมจัดการความสะดวกทุกอย่างด้วยการซื้อทัวร์ป่า TrekkingThai แล้วก็รวดเร็วเกินใจอยาก ถ้าไม่อยากพลาด ต้องออกเดินทางทันทีไม่มีเวลาเตรียมตัวใด ๆ ทั้งสิ้น แง ลุยเป็นลุย !!!
และเรื่องราวต่อไปนี้คือ ความในใจจากเท้าซ้ายขวาของผม บันทึกกันแบบกิโลต่อกิโล !! ตลอดระยะทาง 17 กิโลเมตร ( ขึ้นภูลงภู 13 กิโล + ลุยลงน้ำตก 1 กิโล และ + เดินชมลานสน 3 กิโล ) ด้วยอัตราการเดิน 3 ก้าว 2 เมตร 17 กิโลเมตรก็เท่ากับ 25,500 ก้าว! ( ขึ้นภูลงภู 9750 ก้าวX2 + ลุยลงน้ำตก 1500 ก้าว + เดินชมลานสน 4500 ก้าว )


สองเท้าเขย่งก้าว ฉับ ฉับ กระโดดย่างย่ำวางเท้าอย่างแม่นยำไปตามพื้นที่เป้าหมายทุกกายภาพ ไม่ว่าจะขอนไม้ล้ม นูนดินเหลี่ยมหินรากไม้ ไต่ความสูงขึ้นตามสันภู แซงแถวตอนเรียงเดี่่ยวของเพื่อนร่วมเดินทางขึ้นนำขบวน ก้าวแซงลูกหาบผู้แข็งแกร่ง เบียดแทรกร่างผ่านทีมสต๊าฟคนนำทางผู้ชำนาญไพรไปอย่างหน้าตาเฉย แต่ละคนได้แต่มองตาปริบ ๆ พากันครางฮือคนอะไรทำไมแข็งแกร่งอย่างนี้ ทิ้งช่วงห่างกันออกไปทุกที ๆ เพียงชั่วอึดใจ ผมก็มายืนสูดอากาศเย็นสบายอยู่ริมขอบผาเหนือลานสนบนภูสอยดาว ว้าววว ! หมูจริง ๆ นายน้ำฟ้า นายนี่มันสุดยอด
น้ำตกภูสอยดาว น้ำตกริมทาง ตีนภู รอทักทายผู้มาเยือนทุกคน ไม่ว่าจะแค่ขับรถผ่านมา หรือตั้งใจมาแวะ รวมถึงนักท่องเที่ยวทุกผู้คนที่มาเดินเท้าขึ้นไขว่คว้าภูสอยดาว

ฮี่ ถูกของนายก้อนหินมันว่าล่ะครับ ย่อหน้าข้างบนทั้งหมดเป็นเพียงนายน้ำฟ้าในฝันเท่านั้น แค่ก้าวแรกนายน้ำฟ้าก็ปิดท้ายขบวนแล้ว เพราะด่านแรกของเส้นทางเจอทักทายด้วยบันไดเลย เห็นบันไดเดินง่าย ๆ อย่างในภาพอย่าคิดว่าเจอหมูนะครับ ลองเจอหมูแบบนี้สักหลาย ๆ ตัว ชันเข่าขึ้นไปร้อยขั้นแรกก็เพลียแระ ผมเจอไปไม่กี่ขั้นข้าวเช้าในกระเพาะที่เพิ่งตุนมาก็หมดไปอย่างเฉียบพลัน

บันไดเหล็กแบบมีราวจับ ทาสีเขียวข้างหนึ่งแบบนี้ จะอยู่คู่กับคุณไปเกือบตลอดเส้นทางขึ้นภู

สายธารใส เกลียวคลื่นขาว มองแล้วแช่มชื่นหัวใจแบบนี้มีให้เห็นไปตลอดระยะทาง 600 เมตรแรก
ผมออกเดินด้วยความกระฉับกระเฉงเต็มที่ ค่อย ๆ ไปไม่รีบเร่ง ชั้นน้ำตกชื่อเดียวกับภูสอยดาวแต่ละชั้นและลำธารใสสวยข้างทางนั้น ชวนให้ต้องหยุดเดินเป็นพัก ๆ เพื่อหามุมกางขาตั้งกล้องถ่ายภาพเป็นระยะ ๆ ผมจอดถ่ายไม่กี่มุมพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ปรากฏว่าได้ทำชิบหล่นหาไม่เจอซะแล้ว เหลียวซ้ายแลขวาไร้เงาคน นี่ตรูอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวในป่าแล้วเหรอเนี่ย ไม่มีใครพิศวาสน้ำตกสวย ๆ กันบ้างเลยหรือไง งงว่ะ!
แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ จอดทุกมุมที่คิดว่าสวยต่อไป เส้นทางเดียวกันกลัวอะไร ตามรอยเท้าได้ไม่ยากหรอก ป่าสมัยนี้เสือเสอมีที่ไหนแต่อย่าโผล่มาละกันพ่อฟาดด้วยขาตั้งกล้องแมนฟร๊อตโต้แน่

น้ำตกภูสอยดาว และภาพข้างบนนี้ก็คือชั้นที่สวยที่สุดในความรู้สึกของผม เห็นด้วยมั้ยครับเพื่อน ๆ สายน้ำตกทิ้งตัวลงมาตามผากว้างสูงพองาม ไหลตกมาในลีลาพอสวยแล้วแผ่เป็นผืนน้ำบางกว้างแหวกแทรกมวลก้อนหินน้อยใหญ่ตรงมาข้างหน้า บีบตัวรวมกันอีกครั้งลดระดับเล็กน้อยแล้วมุดลอดขอนไม้ที่พาดเฉียง ๆ มีไม้ใบเลื้อยเขียวขจีเกาะเกี่ยว ก่อนเลี้ยวโค้งทำมุมอีกนิดพองามลดระดับอีกครั้งพร้อมแตกฟองซ่าสีขาวผ่านแนวกางขาตั้งกล้องของผมไป
ความงามแบบนี้แหละทำให้ผมหยุดเดินบ่อยขึ้น และแทนที่จะรั้งท้ายขบวนอย่างเดียวก็กลายเป็นเดินเดี่ยวอยู่ในป่าข้างน้ำตก เก็บขาตั้งแล้วเดินต่อไป ทันใดนั้น ! อะไรไหว ๆ อยู่ข้างหน้า เฮ้ย ! หรือว่าสัตว์ป่า อ่า ก้นสาว ดุกดิก ๆ อยู่ตรงหน้า เป็นสต๊าฟสาวฝึกหัดของทีมงานTKT ที่รอปิดท้ายขบวนนั่นเอง น้องเธอยืนสังเกตการณ์ผมอยู่

บันได บันได แล้วก็บันได ลองจินตนาการว่าคุณต้องเดินขึ้นบันไดหนีไฟตึกใบหยกสกาย จากชั้นใต้ดินถึงชั้นบนสุด 88 ชั้นดูสิครับ อ้อเดินแบกขาตั้งกล้องมีกระเป๋าสะพายไหล่ แล้วคาดกระเป๋ากล้องที่เอวอีกสามใบด้วยนะ อิอิ เดินขึ้นตึกใบหยกสบายกว่าเยอะ

เส้นทางขนาบข้างด้วยสายธารน้ำตกมาได้สัก 600 เมตรก็มาถึงปลายล่างสุดของสันภู สันที่จะใช้เป็นเส้นทางไต่ขึ้นสู่ลานสนภูสอยดาว บริเวณที่เราจะแค้มป์กัน บันไดสามชุดภาพบนเป็นชุดที่ส่งให้เราพ้นจากแนวสายน้ำ ตัดเส้นทางจากหุบเขา ถีบตัวขึ้นไปจนยืนอยู่เชิงเนินส่งญาติ เนินแรกสุดของเนินทั้งห้าที่เรียงตัวไปตามสันภูเป็นอุปสรรค์ให้เราต้องตะเกียกตะกายข้ามผ่านไปให้ได้
ขึ้น
ขึ้น
แล้วก็ ขึ้น
และในที่สุดเราก็มายืนขาสั่นอยู่บนเนินส่งญาติ จุดเริ่มต้นทางเดินบนสันภูได้สำเร็จ
 เพิงพักบนเนินส่งญาติ
 พักรบบนเนินปราบเซียน
 นายน้ำฟ้ายังหน้าตาแช่มชื่น ถึงแม้แบตเตอรี่ที่ขากำลังจะหมด
มาถึงเนินแรกนี้เท่ากับเราทำระยะทางมาได้ราว 1.5 กิโลเมตรแล้วล่ะ หรือเกือบหนึ่งในสี่ของระยะทางทั้งหมดแล้ว ระดับความสูงจากจีพีเอสและแผนที่เส้นชั้นความสูงบอกให้รู้ว่าเรายืนอยู่ที่ 850 เมตร จากระดับน้ำทะเล คลาดเคลื่อนจากป้ายเป็นอันมากและจากประสบการณ์ผมเลือกไม่เชื่อป้าย อย่างป้ายเนินส่งญาติ ( ภาพข้างบน ) เค้าสลักความสูงไว้ที่ 650 เมตร! แต่ความสูงนี้มันเป็นระดับถนนด้านล่างก่อนทางขึ้นด้วยซ้ำ เราเร่ิมออกเดินมาจาก 650 เมตรจากระดับน้ำทะเลมาถึงตอนนี้ทำความสูงมาได้ราว 200 เมตรแล้ว
หายเหนื่อยแระ เอ้าแหงนหน้าตั้งเดินต่อ เนินส่งญาตินี่แท้จริงก็คือเชิงเนินปราบเซียน เลยนะเนี่ย เนินซ้อนเนินเลย แต่เนินปราบเซียนโหดกว่า ระยะทางเพียง 700 เมตร แต่ไต่ระดับความสูงจาก 850 ขึ้นไปสู่หลังเนินที่ 1040 เมตร ! กันเลยทีเดียว เฮ้อ ขายังไม่หายสั่นเลยท่านผู้ชม


ดูจิท่านผู้ชม สองภาพซ้ายหลักฐานมันฟ้อง มองผ่านแว่นขยายจะเห็นว่าข้อมูลจากป้ายบอกระยะทางบ่งบอกให้เรารู้ว่า เนินเสือโคร่งนั้นอยู่ห่างจากเนินป่าก่อ 1กิโลเมตรครึ่ง แต่ป้ายระหว่างทางจากภาพซ้ายบน กลับให้ข้อมูลอีกชุดนึง ว่าเนินเสือโคร่งกะเนืินป่าก่อห่างกันเพียง ครึ่งกิโลกะอีกหนึ่งร้อยเมตร แม่เจ้า
อย่างเสื้อยืดที่ระลึกที่ผมซื้อที่อช.นี้ สกรีนผู้พิชิตภูสอยดาวความสูง 1633 เมตรไว้ด้านหลัง แต่ด้านหน้าเสื้อสกรีน 1655 เมตร โอ ช่างสับสน


พอฝนมาหมอกก็คลุมไปทั่วราวป่า สร้างความตื่นตาได้ไม่น้อย


ลุยเดินต่อขึ้นเนินป่าก่อที่ระดับ 1240เมตรครึ่งทางพอดีระหว่างตีนภูและลานสน ใช้เวลาไปมากกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง กล้ามเนื้อขาเริ่มใกล้จะตะคริวกินแระ บางจังหวะต้องหยุดก้าวเอาดื้อ ๆ เพราะฝืนไปต่อเส้นเอ็นยึดแน่แน่และฝนก็เริ่มโปรยปรายลงจากฟ้าที่เนินป่าก่อนี่เอง เสื้อกันฝนตัวบาง ๆ ที่ทีมงานแจกให้ถูกหยิบออกมาโดยด่วน กล้องใหญ่ถูกเก็บลงกระเป๋ากันน้ำ กล้องคอมแพ๊ครับหน้าที่ต่ออย่างไม่ย่อท้อ


 วิวสันภูระหว่างทางไปเนินป่าก่อเริ่มมองเห็นวิวกว้างไกลบ้างแล้ว


ภูสอยดาวเค้าสวยหน้าฝน ความจริงหน้าอื่นก็สวย แต่หน้าฝนเค้ามีเสน่ห์มากเพราะม่านหมอกฝน ฉะนั้นผู้คนที่จะมาชมความงามจึงต้องยอมรับกับสายฝน ต้องปรับใจกลมกลืนไปกันมัน อย่าได้นึกรังเกียจ เราออกเดินแบบไม่เจอฝนเลยในช่วงแรกถือว่าเป็นโชคดี และเมื่อมาเจอฝนกลางทางที่เนินป่าก่อก็ต้องถือว่าเข้าสู่ ภาวะปกติ เข้าสู่การต้อนรับผู้มาเยือนจากเทือกภูสอยดาวอย่างเป็นทางการ ฝนตก ๆ หยุด ๆ หนักบ้างเบาบ้าง เพียงพรำ ๆ บ้างพอให้ได้ยกกล้องตัวเล็กขึ้นเก็บภาพเป็นระยะ ๆ นึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่ทิ้งกล้องกันน้ำไว้ที่บ้าน แนะนำนะครับใครมีให้ติดตัวมาเลย ที่นี่ฝนยิ่งหนักธรรมชาติก็ยิ่งตระการตา หรืออีกคำแนะนำหนึ่งคือ เตรียมกล้องตัวเก่งของคุณให้เข้าสู่ภาวะพร้อมสู้ฝน วิธีการก็ตามแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนนะครับ



 จากเนินป่าก่อ เรารุดต่อยังเนินเสือโคร่ง ผ่านเนินป่าก่อไปได้อย่างไม่ยากเย็นแม้กำลังขาจะแทบไขก๊อกแล้ว แต่สภาพเส้นทางถือว่าไม่โหดร้ายเหมือนเนินส่งญาติและเนินปราบเซียน ซ้ำฝนที่โปรยปรายทำให้บรรยากาศสวยงามชวนฝันช่วยคลายเหนื่อยไปได้เยอะ
และแม้จะอยู่ในเสื้อกันฝนก็ไม่รู้สึกร้อนอบอ้าวแต่อย่างใด ที่สำคัญไม่มีบันไดเหล็กมาบั่นทอนกำลังวังชาแล้วทำให้พอพยุงขาก้าวต่อก้าวไปข้างหน้าได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องทนทรมานกับการยกขาสูง พอพ้นเนินป่าก่อเราก็ไปต่อยังเนินเสือโคร่งทันที เนื่องจากบัดนี้ขามันตายด้านไปหมดแล้ว ฮา เมื่อมาถึงเนินเสือโคร่งก็หมายความว่าเราขึ้นมาได้ค่อนทางแล้วอีกเพียงหนึ่งกิโลเท่านั้นเราก็จะแตะขอบผาภูสอยดาวแล้ว แต่เนินมหาโหดรอเราอยู่ข้างหน้าซ่อนตัวอยู่ในเงาฝนเบื้องหน้านี่เอง นั่นคือเนินมรณะ !

กินมื้อเที่ยงกลางสายฝนกันที่เนินเสือโคร่ง สต๊าฟบอกกับพวกเราว่าอย่าหิ้วท้องไปเนินมรณะ ตุนพลังกันตรงนี้ดีกว่า อีกอย่างนี่เป็นจุดสุดท้ายที่กว้างขวางพอจะให้นั่งพักด้วย

( ภาพซ้าย )ลูกหาบ ลูกจริง ๆ เลยนะ เด็กคนนี้เก่งมาก เป็นลูกหาบตัวน้อยวัยประถม น้ำหนักของที่หาบนั่น 17 กิโล !เดินเท้าเปล่าด้วย สุดยอดเลย คุณแม่เดินตามเป็นกำลังใจตลอดทาง ส่วนคุณพ่อหาบนำขึ้นไปไกลแล้ว ( ภาพล่างซ้าย )คนนี้ลูกหาบผู้ใหญ่ น้ำหนักที่หาบแต่ละคนร่วม 40 กิโล หนักขนาดนี้ก็ยังเดินแซงนายน้ำฟ้าไปคนแล้วคนเล่า ๆ เฮ้อ ดอกไม้ม่วง ๆ สวย ๆ ที่เห็นคือดอกเอนอ้า บานอยู่แถวเนินมรณะ ( ภาพล่างขวา )บันไดไม้จากเนินเสือโคร่งสู่เนินมรณะทางนั้นชันมาก จนต้องปรับสภาพให้เป็นบันไดไม้อย่างดี มิฉะนั้นคงขึ้นยากเต็มทีคงต้องใส่สี่ขาเดินขึ้นกันเลยล่ะ





ลิลลี่ดอย ดอกไม้งามแห่ง เนินมรณะ
ในที่สุดเราก็ผ่านขึ้นมาถึงเนินมรณะได้สำเร็จ แต่ไม่พบป้ายเนิน อาจจะเป็นเพราะชื่อหรือเปล่าที่ทำให้มันฟังดูน่ากลัวจนตัดสินใจไม่ทำป้าย ฝนยังคงตกตลอดเวลาหนักบ้างเบาบ้าง ลักษณะป่าเปลี่ยนไปเป็นป่าหญ้า ต้นไม้ใหญ่ ๆ เริ่มบางตา พื้นดินเปลี่ยนเป็นดินปนทราย พบดอกไม้หลายชนิดมากบนนี้ อย่างดอกลิลลี่ดอยสวย ๆ คู่นี้ ยังมีดงดอกเอนอ้าอีกหลายดง และเริ่มพบดอกหงอนนาค ราชินีแห่งดอกไม้หน้าฝนบนภูสอยดาว นอกจากนี้ยังพบกูดดอยม้วนหางเรียงรายสองข้างทางเดินเต็มไปหมด เสียดายที่ฝนยังคงตกหนักหยิบกล้องออกมาถ่ายไม่ได้ แต่โชคยังดีที่ตอนเดินผ่านลิลลี่ดอยสองดอกนี้ฝนขาดเม็ดชั่วครึ่งนาทีจึงได้รูปนี้มา บรรยากาศหมอก ๆ ฝน ๆ ทำให้บริเวณนี้ดูราวสวนดอกไม้บนสรวงสวรรค์

ในที่สุดเราก็ถึงแล้ว ขอบผาลานสนบนภูสอยดาว เห็นรั้วเหล็กเป็นแนวยาวก็ใช่เลย เย้ ระยะทางที่เหลืออีก 800 เมตร ก็ชิวชิวแล้วเพราะเป็นทางลาดลงสู่จุดหมายปลายทางบริเวณกางเต้นท์กลางลานสนที่ ใกล้ลำห้วยที่ทางอช.จัดโซนไว้ให้ซึ่งอยู่ต่ำกว่าขอบผาลานสนที่ผมยืนขาสั่นอยู่ตรงนี้ ป่าสนสองใบปรากฏเป็นเงาดำกลืนเข้าไปในม่านหมอกนั่นคือทิศทางที่เราต้องมุ่งหน้าต่อไป ยืนพักเมื่อยชื่นชมความงามตรงหน้าพักหนึ่ง จากนั้นก็เดินเดี่ยวไปตามลำพังต่อไป !




ทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว รวมทั้งทีมงานที่ล่วงหน้าขึ้นมาก่อนเพื่อเตรียมเพิงหลบฝนและกางที่นอนให้พวกเรา ผมเดินหมดแรงไปยังเพิงที่ขึงเสร็จแล้ว โว้ว ข้างในยังกะศูนย์อพยพ ลูกทัวร์ยี่สิบกว่าชีวิตนั่งกันหน้าสลอน อาการแต่ละคนหมดสภาพไม่ต่างกัน เสียงปรบมือต้อนรับเราผู้พิชิตตำแหน่งบ๊วย อิอิ เมื่อยมาก ผมทิ้งตัวลงนั่ง จะนอนมันไม่ได้ เบียดเสียดกันอยู่ ถอดรองเท้าถุงเท้าอันเปียกโชกออกจากตีนที่อ่อนล้า นั่งเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก รอสัมภาระที่ยังอยู่ระหว่างทางบนหลังลูกหาบ รอรองเท้าแตะด้วย และรอฝนหยุด
นั่งดูทีมงานกางผ้าใบ ยากน่าดู ! คือต้องเหนี่ยวเชือกรั้งผ้าใบสามผืนยักษ์ ๆ ให้ตั้งขึ้นมา ให้เป็นเพิง แล้วจึงกางเต้นใต้เพิงราวสิบกว่าหลังอีกทีนึง 555 ยังกะชุมชนแออัด
ที่สุดสัมภาระของผมก็ขึ้นมาถึง จัดแจงใส่แตะหยิบเป๋าแล้วก้าวไปยังเต้นท์ของตัวเองทันที นอนตัวเหม็นสลบเหมือดอยู่อย่างนั้น หลับเป็นตายไปกว่าสามชั่วโมง โอ อยากให้บนนี้มีนวดแผนโบราณเหลือเกิน 

ชุมชนTKT ฮ่า ฮ่า กลุ่มใหญ่สุดนะเนี่ย แล้วก็จองที่ไว้ใกล้ห้องน้ำที่สุดด้วย เทียบกับกลุ่มอื่นอย่างภาพเต้นท์ด้านบนแล้วของเราคลุมกันฝนกันลมได้อย่างมิดชิดสนิทใจ ทีมงานบอกว่าปีที่แล้วลมแรงมาก หอบเอาเต้นท์ล่มระเนระนาดต้องนั่งตากฝนกันทั้งคืน !
และเพราะว่านอนหลับนานเกินไป จึงพลาดโอกาสทอง ! นั่นคือการปรากฏตัวของ ยอดภูสอยดาวทะมึนดำอันยิ่งใหญ่กลางสายหมอกไหล ตื่นมาเมื่อสายเกินไป ท้องฟ้ามันเปิดมาชั่วไม่นานระหว่างที่ผมหลับแล้วก็ปิดสนิทลงอีกครั้ง ตลอดทั้งทริปบนนี้มันเผยโฉมมาแค่สองครั้ง ครั้งแรกผมหลับ และอีกครั้งผมอยู่ในห้องน้ำ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ฝันสลาย
นี่คือภาพหยิบยืมมาจาก เพื่อนร่วมทริปผู้โชคดีได้บรรจงบันทึกความงามของมันไว้ ผลงานของเธอ FONPJ fonpj@hotmail.com


อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวพิกัดนำทางN17.7053 E100.9519 ต.ห้วยมุ่น อ. น้ำปาด จ. อุตรดิตถ์ 53110 โทรศัพท์ 0 5543 6001-2 Email: phusoidao07@hotmail.com
เส้นทางเดินขึ้นเป็นเส้นแบ่งเขตจังหวัดซ้ายอุตรดิตถ์ ขวาพิษณุโลก บนลานสนข้างบนจรดประเทศลาวตลอดแนวทิศตะวันออก ข้อมูลบนจีพีเอสของผมบอกว่าบอกว่าสันภูที่เราใช้เป็นเส้นเดินเท้านั้นเป็นเส้นแบ่งจังหวัด แต่บนGoogle Maps และ Earth บอกว่าเส้นแบ่งจังหวัดอยู่หุบเขาด้านขวามือ เอาเป็นว่านำเสนอไว้สองทั้งสองละกัน

เดือนที่ทุ่งหงอนนาคบานสะพรั่งกลางหมอกฝนสวยราวสรวงสวรรค์คือสามเดือนนี้


6.5 กิโลเมตร 9750 ก้าว 6ชั่วโมงเศษ กับตำแหน่งบ๊วยสุดตลอดเส้นทาง ความในใจจากเท้าซ้ายขวาในวันแรก เหนื่อย หมดแรง คิดถึงสปาและหมอนวดมาก
หลังตื่นจากความเพลียและพลาดโอกาสชมความอลังการของยอดภู ผมพาตัวเหม็น ๆ ของตัวเองไปอาบน้ำ ใกล้เวลาตะวันลาลับฟ้า ผมมองไปยังทิศตะวันตกตรงจุดชมวิวริมขอบผา เห็นท้องฟ้ายังพอมีหวังจึงแบกขากล้องเดินดุ่มไปทันที ก้าวแข่งกับเวลาแต่ก็ไปไม่ทันอีก ไม่ได้พกไฟฉายติดตัวมาด้วย ก็เลยถ่ายภาพแสงสุดท้ายที่กลางทาง ก่อนเดินย้วย ! กลับไปรอกินดินเน่อร์มื้อค่ำ จากนั้นก็เม๊าส์กันอย่างเมามัน ................ โปรแกรมเที่ยวท่องย่องลานสนและเดินดงลงชมน้ำตกสายทิพย์รอเราอยู่วันพรุ่งนี้ พบกันใหม่ตอนต่อไปคร้าบ ^ ^
ขอขอบคุณที่ติดตามชมมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ .... ฝากคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยื่ยมเยือนเรา น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา นะจ๊าาาา
Create Date : 23 กันยายน 2553 |
Last Update : 28 ตุลาคม 2553 3:40:15 น. |
|
166 comments
|
Counter : 9226 Pageviews. |
 |
|