ตามมากันเลยครับ ทางนี้เลยมาเร่ิมต้นกันที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ไปตามทางมุ่งหน้าหล่มเก่า ขับไปโลสอง เจอทางแยกก็เลี้ยวขวาไปโลสี่ ตามป้ายบอกทาง สุดทางเป็นลานจอดรถ จอดได้เยอะ แต่วันไหนวันหยุดคนแยะอย่างวันที่ผมไปนี้ จะเจอหางแถวยาวเหยียดออกมาไกลโข หากตั้งใจว่าต้องเข้าไปให้ได้แล้วหล่ะก็แอบรถไว้ริมทางแล้วลุยเลยครับ 
 |
ที่ลานจอดรถมีศาลาเพิงพัก เพิงร้านค้าขายของและห้องน้ำ เข้ากันให้เรียบร้อยก่อนออกเดิน เพราะกลางทางไม่มีแล้ว อ้อ เตรียมน้ำดื่มไปด้วยสักคนละขวด รักษาความสะอาดกันด้วยน๊าอย่าทิ้งขวดเปล่า ถุงขนม กระป๋องต่าง ๆ ไว้กลางทางนา ช่วย ๆ กัน ^ ^
|
ระยะทางเดินเท้าทั้งสิ้นประมาณ 3 กิโลเมตร เดิน 3 ชั่วโมง แบบไม่เร่งรีบ ทางเดินดีสะดวกสบาย เด็กเดินได้ผู้ใหญ่เดินดี เส้นทางวงกลม เดินวนซ้ายก็ได้ ขวาก็โอ ถึงที่หมายแล้วไม่ต้องย้อนทางเก่า ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะวนซ้ายหรือขวาดี เลือกตามนี้
ต้องการไปยืนชูธงบนผาก่อน แล้วไปนั่งพักผ่อนบนลานหินปุ่ม เลือกเดินวนขวาครับ ตามเข็มนาฬิกา
หากต้องการนั่งเล่นชิว ๆ บนลานหินปุ่มก่อน แล้วค่อยไปตะกายผาชูธง เลือกเดินวนซ้าย ทวนเข็มนาฬิกา
สำหรับทริบนี้จขบ.ขอพาวนซ้ายนะเอิงเอย
|
 |
 |
เริ่มด้วย ทางเดินระแนงไม้ ที่ 100เมตรแรก
ทางเดินระแนงไม้ปูลอยขึ้นเหนือพื้น ตรงบริเวณที่ชื้นแฉะ ที่ที่เต็มไปด้วยมวลหมู่พรรณไม้ที่เปราะบาง เพื่อไม่ให้เกิดรอยเหยียบย่ำอันเป็นการทำลายธรรมชาติ เอื้องที่เห็นนี่จขบ.ก็ไม่แน่ใจว่าเอื้องอะไร จะเป็นเอนอ้า หรือม้าวิ่งก็ไม่รู้ ใครทราบช่วยบอกทีนะครับ
|
สิ่งที่น่าสนใจบริเวณนี้น่าจะเป็นลักษณะพื้นผิว ร่องรอยการกัดเซาะของสายน้ำ ที่กระทำต่อลานหินผ่านกาลเวลา บางทีคุณอาจเห็นสายน้ำเล็ก ๆ ไหลเอื่อยไปตามรอยเลี้ยวผิวหิน กะมอส ตะไคร่ ไลเคนขึ้นประดับพรมตามพื้นที่เปียกชื้นเป็นแผ่นกว้าง ถ้ามายามหน้าฝนรับรองไม่ผิดหวัง
 |
 |
 |
อนุสรณ์แห่งความแตกต่าง ทางอุดมการณ์ ที่ 500เมตร
เลี้ยวออกไปนอกทางสักนิดจะเป็นทางเข้าไปดูสุสานนักรบ เป็นหลุมศพลักษณะเป็นนูนดิน มีป้ายชื่อ เป็นสหายนักรบที่ต่อสู้กับศัตรูต่างอุดมการณ์ จนพลีชีพอยู่บนเทือกภูแห่งนี้
|
ระหว่าง 500-800 เมตร ทางเดินยังโปร่งโล่งสบายไปตามลานหินสลับทางดิน ช่วงนี้มองไปทางซ้ายจะแลเห็นผาชูธงอยู่ไกล ๆ เดินตัดตรงไปไม่ได้ มีหุบเขาขวางทางอยู่หนึ่งหุบ หลายคนเห็นแล้วใจฮึกเหิมอยากเดินให้ถึงไวไว แต่หลายคนก็เห็นแล้วท้อ ทำไมมันไกลเหลือเกิน
|

 |

 |
 |
หินช่องประตู ที่ 880เมตร คุณจะพบกับ หินใหญ่สองก้อน มันวางตัวอยู่สองฝั่งทางเดิน แลไปก็เหมือนเป็นช่องประตู จขบ.ก็เลยเรียกตรงนี้ว่าหินช่องประตู คนนิยมแวะถ่ายรูปกันตรงนี้เยอะพอสมควร
|
พ้นหินช่องประตู ทางจะเปลี่ยนเป็นแนวป่า เป็นเนินเล็ก ๆ เดินไปสักพักพอพ้นแนวออกมาจะพบกับ พลาญหินรูปทรงสวยงามแปลกตาอยู่เนินชันด้านขวามือ สวยราวประติมากรรม
ประติมากรรมธรรมชาติ ที่ประมาณ 930 เมตร
|
 |

 |
ใต้ประติมากรรมหินแห่งนี้ มันคือ กำแพงเฟิร์น ที่ยามหน้าฝนจะหนาแน่นไปด้วยดงเฟิร์นเขียวสวยงามเป็นแพกว้างยาวเหยียด ทริบหน้าหนาวอากาศแห้งแบบนี้ เราได้แต่ชมเฟิร์นแห้งหงิกหงอย สีส้มแดงกันไป แต่ก็สวยงามมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ชิมิ
|


 |
200 เมตรก่อนถึงลานหินปุ่ม ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นป่าแคระที่ขึ้นแซมอยู่บนลานหินลักษณะเป็นลานหินที่มีร่องแตกลึก แบบเดียวกับที่พบบนลานหินแตก มีสะพานทอดข้ามร่องลึกของหินแตกเป็นระยะ ทางเดินเริ่มเข้าใกล้ขอบผาแล้วครับ
 |
ช่วงขณะหนึ่งที่หยุดพัก |
 |
แอบเห็นใบไม้อิงแอบกัน
|
 |
แอบเห็นความงามบนความเสื่อมสลาย
|
ลานหินปุ่ม
ที่ 1500 เมตร
โอ้ ตาย ๆ คนมาจากไหนเต็มไปหมด
แล้วจะหามุมถ่ายยังไงกันดีหล่ะเนี่ย งือ
|
 |
จากลานหินปุ่ม สู่ ผาชูธง
เส้นทางเลาะเลียบริมขอบผา
ขออนุญาตสลับคนนำทางนะครับ ให้ลูกสาวตัวน้อยฝึกนำทางมั่ง
ส่วนผมจะคอยเดินตาม อธิบายอยู่ข้างหลัง

 |
ทางเดินจากลานหินปุ่ม สู่ ผาชูธง จะเลาะไปตามขอบภูที่ระดับความสูงประมาณ 1280เมตรจากระดับน้ำทะเล ตลอดเส้นทางเป็นแนวราบ มุ่งหน้าลงทิศใต้ ฉะนั้นวิวเปิดทางด้านขวามือของเราตอนนี้ก็จะเป็นทิศตะวันตก
|
เหล่านักท่องเที่ยวหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส บ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับจากบรรยากาศที่สวยงาม และอากาศที่แสนเย็นสบาย จขบ.เห็นกีต้าคลาสสิคสวนทางไปหลายตัว หนุ่มสาวร้องเพลง ตีคอร์ดกันไปเบา ๆ ฟังแล้วก็เพลิดเพลินตามไปด้วย
|

 |

กำแพงหิน
ที่ 2.0กิโลเมตร
ขอบผาช่วงนี้ยกตัวสูงดั่งกำแพง สมัยมาครั้งแรกเพื่อนเคยโดนผีผกค.หลอกมาแล้วที่ตรงนี้
ตอนนั้นเป็นปี 2528 หลังเปิดอุทยานแห่งนี้มาได้เพียง 3ปี เรียกว่ากลิ่นไอสงครามยังกรุ่น ๆ ขณะเดินแถวตอนเรียงเดี่ยวกัน ผมนำทางอยู่หน้าสุด ตอนนั้นใกล้ค่ำ เพื่อนคนท้ายสุดแซงพรวดเดียวขึ้นมาถึงหัวแถวเลย ตอนนั้นเดินกัน 20 คน เพื่อนแหกปากร้องห่มร้องไห้ บอกว่าเลือบขึ้นไปบนกำแพงนั่นเห็นคนนั่งถอดเสื้อ เลือดเต็มตัวนั่งอยู่บนนั้นแล้วหันมายิ้มให้ เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั้งหมู่คณะ เดินตัวลีบสงบเสงี่ยมกันโดยพร้อมเพรียง
 |
ดงเฟิร์นใหญ่ ที่ 2.1กิโลเมตร ดงนี้มาหน้าไหนก็เขียวชอุ่ม แม้กระทั่งหน้าหนาวแบบนี้ และก็อดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูปไว้ทุกที ความจริงตลอดสองข้างทางบริเวณนี้ก็เรียงรายไปด้วยเฟิร์นหล่ะครับ แต่ตรงจุดนี้มีลาดหินให้คุณก้าวฉับ ๆ ขึ้นไปยืนชมเฟิร์นมุมสูงได้
|
ที่ 2.3 กิโลเมตร
ผาชูธง
ในที่สุดเราก็มาถึง ผาชูธง
ตรงบริเวณนี้แหละครับ เป็นที่ที่สมัยนั้นผกค.จะมายืนโบกธงค้อนเคียวกันทุกครั้งที่ได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายทหาร คนก็เยอะแยะมากมายอีกแล้วนะครับ
ทำไงได้ ก็ตรงนี้เป็นอีกไฮไลท์นึงของเส้นทางนี่นานะ

 |
จุดแวะจุดสุดท้าย บนเส้นทางริมขอบผา
หลังจากลงจากผาชูธง จะเป็นหน้าผาอีกแห่ง ตรงนี้เองเมื่อมองย้อนกลับไปเราจะได้เห็นผาชูธงกับลักษณะทำเลที่ตั้งของผา ก็ถือเป็นจุดชมวิวผาชูธงที่ดีมากจุดหนึ่ง
|
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าทิศตะวันออก กลับสู่ลานจอดรถ ระหว่างทางจะมีจุดแยกไปเส้นทางชมที่หลบภัยทางอากาศ และสำนักอำนาจรัฐ และปรากฎการณ์ซันแครก เดินต่อมาอีกหน่อยเราก็มาผ่าน ลานอเนกประสงค์ ลานตรงนี้เป็นลานกว้างใหญ่จนเป็นที่ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ สารพัด ตั้งแต่ชุมนุม ประชุม สันทนาการ นันทนาการ (สองคำนี้ไม่รู้ต่างกันยังไง) ที่ลานแห่งนี้เมื่อก่อนมีปืนต่อสู้อากาศยานตั้งอยู่ด้วย เดี่๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว ขาดปืนไปก็เหมือนขาดสัญลักษณ์ (เข้ามาแก้ไข ข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณชาลี ในคห.8 และ 13 ปืนต่อสู้อากาศยานยังอยู่ที่เดิม อิอิ แต่ไม่ใช่ที่ลานอเนกประสงค์ จขบ.ความจำเลอะเลือน ) เริ่มเดินเหนื่อยแล้วด้วยเนื่องจากต้องอุ้มเจ้าตัวเล็ก จึงผ่านเลยลานอเนกประสงค์ไปแบบไม่ได้สนใจถ่ายรูป
|

 |
 |
3 กิโลเมตรกว่า กับ 3 ชั่วโมงเศษเราก็กลับมาถึงลานจอดรถ
ข้อมูลระยะทางทั้งหมดอ้างอิงตามปูมบันทึกรอยทางจากอุปกรณ์บ่งชี้โลกาภิวัฒน์ หรือ Global Position System ยี่ห้อGarmin รุ่นGPS Map60CSx จีพีเอสรุ่นOutdoorเต็มพิกัดคู่กายจขบ. ตัวเลขระยะทางไม่ตรงตามป้ายบอกแต่เป็นระยะจริงจากการเดินครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ชมจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ ขออภัยเป็นอย่างสูงที่อาจต้องโหลดนาน เนื่องจากภาพเยอะ บล๊อคต่อไปของข้าพเจ้าคงไม่ยาวเฟื้อยอย่างงี้แล้ว ^ ^ ทิ้งคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจ หรือบันทึกไว้เป็นรอยทางว่าท่านเข้ามาเที่ยวมาเยือนนะครับ ก่อบกุนก๊าาาบ
|
Create Date : 20 มีนาคม 2553 |
Last Update : 20 มีนาคม 2553 20:17:20 น. |
|
103 comments
|
Counter : 7651 Pageviews. |
 |